Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เอเชียอาจจะรอดในพายุเศรษฐกิจทั่วโลกลูกใหม่ จากไฟแนนซ์เอเชีย ติดต่อทีมงาน

http://www.financeasia.com/News/280857,asia-can-weather-the-global-storm.aspx

เอเชียอาจจะรอดในพายุเศรษฐกิจทั่วโลก

โดย รูเพิร์ต วอล์กเกอร์ | พฤศจิกายน 23, 2011


เอเชียกำลังเตรียมรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่กำลังแย่ลง ตามรายงานจากสถาบันจัดอันดับฟิทช์ ที่ออกมาเตือนในสัปดาห์นี้ 

โดยทั่วไปแล้ว การค้าที่ดี ยอดเงินคงคลัง นโยบายทางเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น  และความยืดหยุ่นของแต่ละประเทศในปี 2009 เป็นปัจจัยชี้วัดว่า ประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ป้องกันเศรษฐกิจในประเทศของตัวเองได้เป็นอย่างดี จากวิกฤติเศรษฐกิจจากยุโรปและอเมริกาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

รายงาน -- "ประเทศธุรกิจใหม่ในเอเชีย จุดกดดันอธิปไตย"(
“Emerging Asian sovereign pressure points”) -- ตั้งข้อสังเกตถึงแต่ละประเทศว่า
 
ประเทศไทย มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว และยังมีข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่มาก
 
อินโดนีเซีย  ได้บันทึกติดตามผลความเคลื่อนไหว ความยืดหยุ่นต่อแรงกระแทกของเศรษฐกิจโลก และมี
การตอบสนองนโยบายที่มีประสิทธิภาพที่สุด

จีนและอินเดีย มีผลกระทบน้อยสุดต่อวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจมาแบบช็อค แต่นโยบายและแผนเพื่อรับมือ
วิกฤติเศรษฐกิจแบบกะทันหันยังมีอยู่น้อย

ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อาจที่เลวร้ายลงฉับพลันในสภาพคล่องในตลาดทั่วโลก มีแนวโน้มที่จะทำร้าย อินโดนีเซีย, เกาหลี และมาเลเซียมากที่สุด แต่จะมีผลกระทบจำกัด ในจีน, ไต้หวันและฟิลิปปินส์

แต่วิกฤติที่จะเกิดขึ้น จะทำให้ประเทศในเอเชียหยุดหาเงินทุนจากภายนอก
อย่างฉับพลัน

 

มีเพียงศรีลังกาและอินเดีย ที่ทำงบประมาณขาดดุล ด้วยยอดคงเหลือขั้นพื้นฐาน ของพวกเขาเอง  (ยอดคงเหลือในบัญชีปัจจุบัน บวกสุทธิจากต่างประเทศที่เงินลงทุน
ไหลเข้าโดยตรง)"


การพิจารณา
รายงาน  ได้มองที่ปัจจัยชี้วัดหลายตัว เพื่อประเมินความเป็นไปได้ ความเสี่ยง ศักยภาพของประเทศเอเชีย เครดิตความน่าเชื่อถือของผู้นำ ผู้ปกครองประเทศที่จะเสื่อมสภาพในอนาคต ผู้ปกครองประเทศที่จะที่เกิดขึ้นใหม่ เครดิตความคุ้มค่าของพวกเขา การเสื่อมสภาพเศรษฐกิจโลก และการแข่งขันในระบบการเงิน

อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่ประเมินเน้นว่า ภาระผูกพันเหล่านี้ไม่มีผลในกรณีที่ปัจจัยพื้นฐานยังเป็นปกติ



ฟิทช์ ชี้ให้เห็นว่า ภัยคุกคามที่กำลังทำร้ายสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่แท้จริง สามารถตรวจสอบได้จากการเปิดกว้างทางการค้า และขนาดของการเบี่ยงเบนการขยายตัวของ GDP
ปี 2009 ที่เบี่ยงเบนไปจากสถานการณ์ปกติ


เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยการเติบโต 5 ปี  3 ประเทศที่เติบโตสูงสุดอย่างรวดเร็ว คือ มาเลเซีย มองโกเลียและไทย เปิดเสรีทางการค้าสูงสุด และ
จีดีพีได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ในปี 2008 และ 2009


ความสามารถของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงจากเศรษฐกิจตกต่ำ ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา

อัตราดอกเบี้ยแท้จริงในปัจจุบันและระดับที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้ง อัตราหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของประเทศไทย เป็น 2 คีย์ ที่จะพิจารณา
มาตราการทางการเงินและความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย


ส่วนอินโดนีเซีย มีหนี้สาธารณะต่อ GDP ต่ำ จึงยังสามารถวางนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ง่ายกว่า รวมทั้ง สถานการณ์ปัจจุบัน การคาดการณ์แนวโน้มเชิงบวกในอนาคต รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ทำให้อินโดนีเซียยังเป็นแหล่งพักเงินได้
 

ส่วนไต้หวันก็ให้อัตราดอกเบี้ยจริงเป็นบวกด้วยเช่นกัน แต่
ในประเทศไทยและเกาหลีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเป็นเชิงลบ แสดงให้เห็นว่าการกระตุ้นทางการเงิน ในทั้งสองประเทศอาจมีข้อจำกัด

ในขณะที่อินเดียและศรีลังกา อาจมีข้อจำกัดสูงสุดในนโยบายการกระตุ้นทางการเงิน เนื่องจากทั้งสองประเทศ มีหนี้สาธารณะต่อ GDP สูง และมีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ



 แม้ตัวบ่งชี้วัดทางการเงินของจีนจะมีข้อจำกัดน้อย 
ทำให้งบดุลรัฐบาลจีนดูเหมือนแข็งแกร่ง แต่
ความสามารถในการกระตุ้นทางเศรษฐกิจของจีนในอนาคตก็อาจมีข้อจำกัด เพราะต่างชาติกังวลในคุณภาพสินทรัพย์ของระบบธนาคารจีน ที่เป็นผลมาจากความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2009-2010 ด้วยเครดิต


อย่างไรก็ดี "การเปิดกว้างทางการค้า" ไม่ได้อธิบายถึงผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งที่แล้วในปี 2009 ไว้อย่างชัดเจนนัก



โภคภัณฑ์

 ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ยังเป็นเรื่องสำคัญ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์  รวมถึงมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออก จากภูมิภาคนี้ด้วย

ประเทศใน
เอเชียต่อไปนี้ ส่งออก
สินค้าโภคภัณฑ์ ดังนี้
อินโดนีเซีย (น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ, ถ่านหินและน้ำมันปาล์ม),
มองโกเลีย (ถ่านหิน
, ทองแดงและทอง),
เวียดนาม (ข้าวและน้ำมัน) และ
มาเลเซีย (น้ำมันและน้ำมันปาล์ม)


ใน ขณะที่ เกาหลี, อินเดีย, จีนและไต้หวัน จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดถ้าสินค้าโภคภัณฑ์ราคาตกลง เพราะประเทศเหล่านี้เป็นผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ที่สำคัญ

สุด ท้าย -- และอย่างมองโลกในแง่ดีที่สุด -- ฟิทช์ตั้งข้อสังเกตว่า ยอดคงเหลือ
ในบัญชีของแต่ละประเทศในปัจจุบัน เป็นตัวบ่งชี้ทั้งหมดว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่าง 3ปีที่แล้วขึ้นอีก แต่ละประเทศจะสามารถรับมือกับสถานการณ์วิกฤติการเงินได้เป็นอย่างดี

ยกเว้น
ศรีลังกาและอินเดียที่
มีความเสี่ยงมากที่สุด ส่วนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่เหลือของเอเชียก็นั่งสบายๆ

http://www.financeasia.com/News/280857,asia-can-weather-the-global-storm.aspx

 
 

จากคุณ : lovelypriest
เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 12:18:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com