ใครที่คิดจะนำเงินไปฝากกับ ธ.ไทยพาณิชย์ โปรดอ่านตรงนี้ !! ก่อนที่เงินของท่านจะสูญไป
|
|
เมื่อประมาณปลายเดือนกันยายน 2553 ข้าพเจ้าได้ไปติดต่อกับ ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาหัวหิน เพื่อขอเปิดบัญชีออมทรัพย์ และจะนำเช็คเงินสดจำนวน 60,000 บาทฝากเข้าไป แต่ข้าพเจ้าได้รับการแจ้งจากเจ้าหน้าของทางธนาคาร คือ น.ส.ภัสสร เศรษฐสุข ว่าไม่สามารถเปิดบัญชีออมทรัพย์ได้ เพราะข้าพเจ้าไม่มีบัตรประชาชน แต่ข้าพเจ้านำ passport ไปด้วย ( ข้าพเจ้าไม่ได้นำบัตรประชาชน ติดตัวมาด้วยจากประเทศอเมริกา ข้าพเจ้าพำนักและทำงานอยู่ประเทศอเมริกา และเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย อ.หัวหิน บ้านของข้าพเจ้าปีละครั้ง ) และ น.ส.ภัสสร เศรษฐสุข เจ้าหน้าที่ของแบงค์ ได้แนะนำให้ข้าพเจ้าเปิดบัญชีแบบสะสมเงิน โดยจะมีผู้ได้รับผลประโยชน์ และจะทำการถอนเงินออกมาเมื่อใดก็ได้ แต่จะเสียค่าธรรมเนียมบ้างเล็กน้อย ซึ่งไม่ต้องใช้บัตรประชาชน ก็สามารถเปิดบัญชีชนิดนี้ได้ และด้วยที่ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ประเทศไทยมามากกว่า 30 ปี ข้าพเจ้าจึงไม่ค่อยจะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเงินฝากของทางธนาคารมากเท่าใดนัก ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเปิดบัญชีแบบสะสมเงิน กับทางธนาคาร และก่อนที่จะเซ็นต์เอกสารทั้งหมด ข้าพเจ้าได้ย้ำถามกับ น.ส.ภัสสร เศรษฐสุขอีกครั้งว่า จะทำการถอนออกมาเมื่อใดก็ได้ใช่หรือไม่ และก็ยังได้คำตอบเช่นเดิม คือใช่ เพราะข้าพเจ้าตั้งใจไว้ว่า จะกลับมาถอนเงินจำนวนนี้ออกมาใช้จ่ายเมื่อเดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้งในเดือนกันยายน 2554 หลังจากที่ข้าพเจ้าได้เซ็นต์เอกสารการเปิดบัญชีสะสมเงิน แบบมีผู้ได้รับผลประโยชน์เรียบร้อยแล้วทั้งหมด น.ส.ภัสสร เศรษฐสุข ได้แนะนำให้ข้าพเจ้าไปที่เทศบาล อ.หัวหินเพื่อขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านของข้าพเจ้ามาให้กับเธอ และได้ให้ข้าพเจ้าทำการเซ็นต์เอกสารไว้ก่อนทั้งหมด ส่วนเรื่องที่จะรับเอกสารต่างๆที่ทางแบงค์จะจัดส่งให้ ข้าพเจ้าได้มอบหมายให้น้องสาวของข้าพเจ้าเป็นคนทำการแทน หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็เดินทางกลับไปทำงานที่อเมริกา.. เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2554 ข้าพเจ้าเดินทางไป ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาหัวหินอีกครั้ง เพื่อจะทำการเบิกเงินจำนวน 60,000 บาทของข้าพเจ้าออกมาใช้จ่าย แต่กลับได้รับคำตอบจากทางธนาคารว่า ข้าพเจ้าไม่สามารถถอนเงินจำนวนนี้ออกมาได้ เพราะเป็นการทำประกันแบบสะสมเงิน ข้าพเจ้าจะสามารถถอนเงินออกมาได้เพียง 5,000 บาทเท่านั้น เพราะยังไม่ครบอายุสัญญาที่ทำไว้ ทำให้ข้าพเจ้างงมาก เพราะความตั้งใจของข้าพเจ้าในตอนแรกคือเปิดบัญชีออมทรัพย์ไม่ใช่การซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์ และขณะนั้น น.ส.ภัสสร เศรษฐสุข ก็ไม่ได้ปฏิบัติงานที่สาขานี้แล้ว ข้าพเจ้าไม่ยอม และแจ้งแก่ทางทางธนาคารว่า ข้าพเจ้าจะร้องเรียน สคบ. ทางธนาคารก็ยังพยายามไกล่เกลี่ย และชักจูงให้ข้าพเจ้านำเงินอีก 60,000 บาทไปเข้าบัญชี เพื่อที่ทางประกันจะได้หักเงินจำนวนนี้ไปอีกเป็นปีที่สอง ข้าพเจ้าก็ยังยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการซื้อประกัน ต้องการเปิดบัญชีออมทรัพย์เท่านั้น และที่สำคัญคือ ข้าพเจ้าได้เห็นสมุดออมทรัพย์ที่ น.ส.ภัสสร เศรษฐสุข ได้เปิดไว้ให้กับข้าพเจ้า เพื่อนำเงินเข้าบัญชีเป็นค่าประกันสำหรับปีถัดๆไป ข้าพเจ้ากับทางเจ้าหน้าที่ธนาคาร ได้เถียงกันอยู่สักพักใหญ่ เจ้าหน้าที่ธนาคารก็บอกว่าจะติดต่อ น.ส.ภัสสร มาเคลียร์กับข้าพเจ้า และได้ทำการพา น.ส.ภัสสร เศรษฐสุข มาเคลียร์กับข้าพเจ้าที่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ของธนาคารไทยพาณิชย์สาขา หัวหินติดตามมาด้วยอีก 3 ท่าน ซึ่งก็ทำการพูดคุยกันพักใหญ่ ข้าพเจ้าก็ยังยืนยันว่าต้องการเปิดบัญชีออมทรัพย์ ไม่ได้ต้องการซื้อประกัน น.ส.ภัสสร ก็ยืนยันว่าอธิบายให้ข้าพเจ้าฟังดีแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังยืนยันเช่นเดิม และจะทำการร้องเรียน สคบ. ถ้าถอนเงินจำนวนนี้ไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหัวหิน จึงแนะนำให้ข้าพเจ้าเขียนจดหมายเข้าไปที่ธนาคาร เพื่อแสดงเจตนาต้องการยกเลิกประกันและต้องการได้เงินของข้าพเจ้าคืน โดยทางเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 เดือน ข้าพเจ้ายื่นเรื่องเข้าไปตั้งแต่ปลายๆเดือน กันยายน 2554 มาจนถึงวันนี้ ข้าพเจ้าก็ได้รับคำตอบแต่เพียงว่า เรื่องกำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่า ข้าพเจ้าจะได้เงินจำนวน 60,000 บาทของข้าพเจ้าคืนหรือไม่ หรือข้าพเจ้าจะต้องสูญเงินตรงนี้ไป เพียงเพราะ น.ส.ภัสสร เศรษฐสุขหลอกขายประกันให้กับข้าพเจ้า..(ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเป็นประกันเพราะ ตัวข้าพเจ้าเองก็ไม่เคยได้เห็นเล่มประกันที่ทางธนาคารส่งมาให้ และทางธนาคารแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเซ็นต์รับเล่มเอง แต่การเซ็นต์นั้น น.ส.ภัสสร เศรษฐสุข ได้ให้ข้าพเจ้าเซ็นต์ไว้ตั้งแต่แรกที่เริ่มเซ็นต์เอกสารทั้งหมด และการรับเล่มหรือเอกสารใดๆที่ทางแบงค์ส่งมาให้ ข้าพเจ้าก็ได้มอบหมายให้น้องสาวข้าพเจ้ากระทำการแทน ) สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าก็หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ บ้าง โดยต้องระวังการเซ็นต์เอกสารให้กับทางธนาคารโดยที่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดให้ถี่ถ้วน เพราะหลายๆท่านจะคิดว่า เป็นสถาบันการเงินที่มั่นคง คงไม่หลอกให้เราเซ็นต์อะไรที่ไม่ควรเซ็นต์ จนเป็นหลักฐานมัดตัวเราได้ และระวังการพูดจากำกวมจากทางเจ้าหน้าที่ของธนาคารที่ไม่อธิบายให้แน่ชัด จนเกิดเป็นเหตุที่ข้าพเจ้าก็ยังไม่รู้ว่าจะสูญเงินจำนวนนี้ไป หรือจะได้เงินของข้าพเจ้ากลับมาบ้าง
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 54 08:59:00
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 54 08:56:56
จากคุณ |
:
ajung.b
|
เขียนเมื่อ |
:
24 พ.ย. 54 19:48:02
|
|
|
|