ความคิดเห็นที่ 1 ลำพัง 7-11 ของอาจารย์ก็ทะลักล้นไปแล้วครับ จากคุณ : Daimon in the rough เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 15:41:07

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วอีกตัวคืออะไรคะ จากคุณ : tan~ เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 15:41:43

ความคิดเห็นที่ 3 CPALL CPF  3ปีที่แล้ว อยู่ที่6-7บาท กับ2-3 เอง ใครถืออยู่จนถึงตอนนี้น่าอิจฉาจริงๆ เพิ่มขึ้น 10 เท่า จากคุณ : nomadzii เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 16:16:22

ความคิดเห็นที่ 4 แสดงว่า อ.  ต้องการถือหุ้นบริษัท   ที่ไม่ประกอบการจากการตัดชีวิต  ทำผิดศีล  ข้อ 1   ท่านเลือกได้ถูกแล้ว  เพราะทรัพย์ที่ได้มา  ก็จะติดบาปมาด้วย   สู้สะสมอริยะทรัพย์ดีกว่า จากคุณ : maruman เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 16:19:39

ความคิดเห็นที่ 5 อาจารย์ไม่มี CPALL นะคะ เพราะถือว่าขายเหล้าขายบุหรี่ค่ะ อีกตัวก็ CPF ที่เคยซื้อและขายไปแล้วตอน 8 บาท ^^ ท่านเลือกธุรกิจโดยคำนึงถึงความเชื่อส่วนตนนั่นคือ พยายามเลือกที่ไม่ผิดศีล (มากนัก) เราก็พยายามดำเนินตามรอยท่านอยู่ค่ะ แม้ว่าจะมีความโลภอยู่มากกว่ามากก็ตาม ^_^ จากคุณ : ดอกเหมยทนหิมะ เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 16:27:46

ความคิดเห็นที่ 6 ความดีทำยากเพราะสวนทางกับความรู้สึกตามสัญชาติญาน จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 16:29:53

ความคิดเห็นที่ 7 CPF ครับ แต่รู้สึกว่า คุณดังตฤณ จะมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้ให้อาจารย์ได้บ้างแล้วนะครับ แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 17:12:43 จากคุณ : Ezlo เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 16:38:39

ความคิดเห็นที่ 8 ที่ อ. ว่าความดีทำยาก เพราะยังมีกิเลส ที่คอยยั่วยุอยู่น่ะครับ จากคุณ : punfreedom เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 16:40:26

ความคิดเห็นที่ 10 อ้าว แย่ๆ เลย CPF ฆ่าสัตว์ หรือ อังคารหน้าต้องขายทิ้งแล้ว ไม่เอาๆ จากคุณ : nuclearmedicine เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 16:47:17

ความคิดเห็นที่ 11 เพื่อนผมคนหนึ่ง ก็หลีกเลี่ยงธุรกิจ ประเภทนี้ เขามีความเชื่อคล้ายๆ อ.ไพบูลย์ครับ จากคุณ : นกแก้วเสียงใส เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 16:48:59

ความคิดเห็นที่ 12 อนุโมทนา  ทุกท่านที่เจริญด้วย ปัญญา จากคุณ : maruman เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 17:13:30

ความคิดเห็นที่ 13 ผมล่ะงงกลุ่มคนที่บอกว่า CPF เป็นบริษัทบาป  ไม่รู้คนกลุ่มนี้ในชีวิตจริงกินมังสวิรัติ ไม่ตบยุง ฆ่าสัตว์ด้วยป่าว มันดูลักลั่นครับ ตรรกะมันดูแปลกๆ  เพราะถ้าไม่มีคนฆ่าสัตว์ให้เรา แล้วเราจะกินเนื้อสัตว์จากไหน  หรือชีวิตนี้จะไม่กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร   ที่จริงคนฆ่าสัตว์ให้เราคือผู้เสียสละด้วยซ้ำ  ลองคิดดูอาชีพนี้คนธรรมดาอย่างเราอยากทำมั้ย แต่ถ้าในชีวิตจริงคนกลุ่มที่มีความเชื่อแบบนี้  ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ใดๆเลย  ไม่ตบยุง ไม่ฆ่าสัตว์ทั้งเล็กใหญ่ ผมก็อนุโมทนาด้วย จากคุณ : vacuum_car เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 18:00:48

ความคิดเห็นที่ 14 ช่วยตอบ #13 เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ การที่อาจารย์บอกว่าไม่อยากลงทุนในธุรกิจบาป ก็ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์จะต้องถือศีลกินเจ เพียงแต่ว่าถ้าลงทุนแล้วไม่สบายใจก็เลือกลงทุนกับบริษัทอื่นๆดีกว่า ถ้าเราชีวิตทุกวันนี้โดยทำผิดศีลซัก 10 ครั้ง จะปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างให้เหลือซัก 8 ครั้งจะเป็นไรไป ไม่ต้องถึงกับเหลือ 0 หรอกครับ ปล. ลองตีความเจตนาของอาจารย์ดู ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวครับ จากคุณ : จิงนะ เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 18:14:49

ความคิดเห็นที่ 15 คิดดีทำดี ผมยกย่องครับ ดีกว่าพวกนั่งแขวะว่าเป็นสัจธรรม จากคุณ : PromZero เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 18:40:47

ความคิดเห็นที่ 16 #14 ครับ ลอง discuss กันนะครับ   ที่บอกว่า CPF เป็นบริษัทบาป นี่เพราะอะไร  เพราะ CPF ฆ่าสัตว์เพื่อนำมาทำอาหาร  เราก็ต้องมาพิจารณาว่าการฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารน่ะบาปไหม  มันไม่ใช่การลดทำบาปจาก 10 ข้อ ลงมา 8 ข้อ เพราะข้อฆ่าสัตว์มันก็ยังอยู่ ถ้าบอกว่าฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารบาป  แล้วกินเนื้อสัตว์เป็นอาหารไม่บาปเหรอ  จะบอกว่าเป็นคนกิน ไม่ได้เป็นคนฆ่าไม่บาปหรอก  แต่ตราบใดที่มีคนกิน มันก็ต้องมีคนฆ่าเพื่อมาให้คนกิน ผมก็ยังคิดว่า มันไม่ได้เป็นการลดทำบาปจาก 10 เหลือ 8  เพราะยังไงการฆ่าสัตว์ก็ยังต้องเกิดขึ้น ถ้าเรายังบริโภคเนื้อสัตว์อยู่   สรุปสุดท้าย ถ้าบอกว่ามันเป็นความเชื่อ  ก็ตัดหลักตรรกะของเหตุผลไปแล้ว  ก็แล้วแต่คนแหล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 19:22:50 แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 19:19:11 จากคุณ : vacuum_car เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 19:05:33

ความคิดเห็นที่ 17 มีหุ้นดีๆอีกตั้งมากมายที่ อาจารย์ถือแล้วสบายใจ ทำไมจะต้องมาไม่สบายใจเพราะถือหุ้นที่ตัวเองไม่สบายใจด้วยล่ะครับ ปล.ผมคิดแบบนี้ ... หุ้นปั่นหุ้นแรงๆ ผมถือแล้วไม่สบายใจ ผมก็ไม่ถือเหมือนกัน... ตกรถมาเยอะ แต่สบายใจ จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 19:20:03

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วแต่จะเชื่อกันครับ ผมเชื่อว่าการฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารไม่บาปครับ บางคนจะเชื่อว่าบาปก็เรื่องของคุณ แต่การที่มาตราหน้าว่าบริษัท CPF เป็นบริษัทบาป ก็ไม่ควร เพราะเป็นแค่ความเชื่อส่วนตัวของคนบางกลุ่มเท่านั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ผมไม่ได้มีหุ้น CPF นะ และผมก็ไม่ได้เป็นพุทธ โลกมีความเชื่อหลากหลาย ถ้าคิดต่างก็คิดแค่ในใจตัวเอง ไม่ต้องตัดสินคนอืน จากคุณ : flyasyou'refree เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 19:29:36

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เล่นถือหุ้นที่เอากำไรจากคนป่วย   แม้จะเป็นธุรกิจที่มีอนาคต รับปันผลที ก้ออดคิดถึงคนป่วยไข้หวัด เสียค่ายาครั้งล่ะเป็นพันไม่ได้ จากคุณ : แสงกรุงศรี เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 20:43:40

ความคิดเห็นที่ 20 discuss #16 ครับ... ผมว่าฆ่าสัตว์ยังไงก็บาปแหละครับ แต่การที่ CPF ฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารก็อาจจะทำให้บาปส่วนนั้นน้อยลง แถมจะมีส่วนที่ได้บุญด้วย ในการทำให้คนอื่นได้รับอาหารเพื่อประทังชีวิต...แน่นอนว่าอาจารย์ยังทานเนื้อสัตว์อยู่ แต่อย่างน้อยอาจารย์ก็ได้ลดความเกี่ยวข้อง(คือการถือหุ้น)กับธุรกิจฆ่าสัตว์ออกไปได้อย่างนึง ที่จริงไม่ได้อยาก discuss เรื่องบาปหรือไม่บาป เพราะผมเองก็ไม่ได้รู้ลึกซึ้งมากมายอะไร ก็แค่คิดแบบง่ายๆพื้นๆอ่ะครับ แค่ต้องการแชร์ความเห็นว่าอาจารย์น่าจะคิดยังไง ถึงได้ตัดสินใจเลิกถือหุ้นบริษัทเหล่านั้น จากคุณ : จิงนะ เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 22:30:52

ความคิดเห็นที่ 21 คนไม่ตบยุงก็มีนะครับ ผมไม่ตบยุง (จริงๆ) จะใช้วิธีคว้าใส่มือ แล้วกำไว้ ไปปล่อยข้างนอก จากคุณ : iteerath0n เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 22:36:59

ความคิดเห็นที่ 22 ต่างคนต่างความคิด    แต่สำหรับผมไม่ถือหุ้นกลุ่มตระกุลพี่ชายนายกครับ จากคุณ : Agent Molder เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 23:03:04

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่ได้ว่า CPF เป็นบริษัทบาปนะคะ(ใช้คำแรงจัง) ก็คือความเชื่อส่วนบุคคลไงคะ อาจารย์แค่ไม่อยากเป็นเจ้าของโรงฆ่าไก่ที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้นเอง คือเป็นความชอบส่วนบุคคลค่ะ จากคุณ : ดอกเหมยทนหิมะ เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 23:52:57

ความคิดเห็นที่ 24 #19 ผมเห็นด้วยกับคุณนะครับ  ผมว่าธุรกิจที่หวังกำไรจากคนป่วยเนี่ยบาปกรรมที่สุดแล้ว  รพ.ที่เน้นคนรวยไปเลยชัดเจนนั่นโอเค  แต่รพ.ที่เน้นคนชั้นกลางแล้วต้องหาผลกำไรมาตอบแทนผู้ถือหุ้นนี่ไม่ไหว จากคุณ : vacuum_car เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 08:22:45

ความคิดเห็นที่ 25 ความเชื่อ ทางศาสนา เป็นเรื่องอ่อนไหว และเปราะบาง ถ้า มีความเชื่อทาง ศาสนา ต่างกัน แล้วเอามาใช้ เป็นหลักอ้างอิง ในการลงทุน ก็ถือเป็น ความเชื่อส่วนบุคคล เช่นเดียวกัน การทำบาป หรือ อกุศลกรรม แต่ละศาสนา ก็บัญญัติไม่ตรงกัน หรือ มีความเชื่อต่างกัน สิ่งนี้ เราเรียกว่า ... สมมติบัญญัติ หมายถึง แต่ละศาสนา จะมีสิ่งสมมติเหล่านี้ แตกต่างกันไป ตามหลักคำสอน ตามความเชื่อ ของแต่ละศาสนา เช่น ทำอะไร เป็นบุญ ทำอะไร เป็นบาป ต่างจาก ปรมัตถธรรม หรือ สัจจธรรม ที่แต่ละศาสนา จะมีความเห็นพ้อง หรือ สอดคล้อง กัน เช่น มนุษย์ทุกคน เกิดมาแล้ว ก็ต้องตาย ดังนั้น ปัญหาจะอยู่ที่ การเห็นแย้งกัน  ในเรื่อง...สมมติบัญญัติ ทางศาสนา ซึ่งจะเป็นความขัดแย้ง ที่....ไม่มีวันได้ข้อสรุป รังแต่ จะบาดหมางกัน โดย...เปล่าประโยชน์ เพราะ ความเชื่อเหล่านั้น คือ สิ่งสมมติ นั่นเอง หลายๆ คน อาจบอกว่า .... ไม่ใช่สมมติ อย่างนั้น ขอให้ลองยกตัวอย่าง  มาให้ดูละกันครับ ว่า คนต่างศาสนา เช่น คนในศาสนา B ที่ดำเนินชีวิตตามหลักศาสนา ของเขา แล้วดำเนินกิจกกรมหนึ่ง ที่ถือว่า ...ไม่บาป แต่ ศาสนา A หรือ ศาสนาของท่าน ได้บัญญัติว่า สิ่งนั้น  ให้เป็น... บาป   คำถาม : ศาสดา ของ ศาสนา B            ต้องไปตกนรก หรือ รับโทษ รับกรรม            ตามความเชื่อ ในศาสนา A            ที่ท่าน นับถือ หรือเปล่า           เคยมีคำอธิบาย ในหลักธรรม หรือ คัมภีร์           คำสอน ของศาสนาใด ที่กล่าวถึงเรื่องนี้           อย่างชัดเจนเลย  หรือไม่ เพราะ  เหตุใด v v ฝากไว้ เป็น...ข้อคิด เท่านี้  ละกันครับ แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 54 14:48:28 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 12:04:31

ความคิดเห็นที่ 26 ขอตอบคุณ The Rounder  ตามความรู้ที่มีดังนี้(ไม่ใช่ไม่มีใครอธิบาย แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยศึกษา จึงอธิบายไม่ได้) ชีวิตของสรรพสัตว์ไม่ได้เป็นไปตามความเชื่อความศรัทธา แต่เป็นไปตามกฎธรรมชาติ"อย่างหนึ่ง"(เพียงหนึ่งเดียว) ที่ทุกชาติทุกศาสนาจะต้องตกอยู่ภายใต้กฎนี้ ยกตัวอย่างเช่น มนุษย์ทุกคน ที่กินอาหารแล้วได้พลังงานมากกว่าพลังงานที่ใช้ ร่างกายจะสะสมไขมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนอ้วน หาก นาย ก. มีความเชื่อว่า กินไปเถอะยังไงก็ไม่อ้วน แล้วก็สอนให้ทุกคนที่รู้จัก คิดและทำแบบนั้น นาย ข. มีความเชื่อว่า หากกินอาหารแล้วได้พลังงานมากกว่าพลังงานที่ใช้  จะอ้วนขึ้น  แล้วก็สอนให้ทุกคนที่รู้จัก คิดและทำแบบนั้น สุดท้ายแล้ว นาย ก. และคนรู้จัก ก็จะอ้วนขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่เชื่อในหลักการที่"เป็นจริง" แล้วไม่ทำตาม ส่วนนาย ข. จะไม่อ้วน เพราะเชื่อในหลักการที่"เป็นจริง" แล้วทำตาม (ไม่เกี่ยวกับว่าเชื่อแบบไหน ชีวิตเราจะเป็นตามกฎธรรมชาติบางอย่าง) เช่นเดียวกันกับเรื่องของกฎแห่งกรรม จะมีความจริงที่ถูกต้องและเป็นจริง เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หากคำสั่งสอนของศาสนาไหน สอนได้ถูกต้องกับความจริงนั้น แล้วคนในศาสนานั้นทำตาม เขาก็จะรอดพ้นจากบาปกรรม ส่วนคำสั่งสอนของศาสนาไหน ที่สอนไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง คนในศาสนาก็จะทำในสิ่งที่ได้บาป และไม่ได้บุญอย่างที่คาดหวังว่าจะได้ แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 54 17:15:42 จากคุณ : nipana เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 17:13:56

ความคิดเห็นที่ 27 ฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตเขา  ไม่มี  ไม่บาป  ไม่ว่าจะฆ่าเพื่อมาทำอาหาร  ทำยารักษาโรค ถ้าคิดว่าไม่บาป   ก็เป็นความเชื่อ  ในปัญญาของตนเอง   ใครเชื่อว่าบาป  ก็  เชื่อตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้า   ที่ให้ถือศีล 5 ละเว้นจากการสร้างบาป     คิดง่ายๆ  ถ้ามีใครมาฆ่าคุณ  เพราะต้องการเอาเนื้อคุณไปเลี้ยงชีพ   เอาอวัยวะ ภายในไปเปลี่ยนให้ลูกเขา    คุณไม่คิดแค้นพวกเขารึ   ที่มันเรื่องอะไร  คุณต้องสละชีวิต  ให้พวกเขา   คนที่ยินดีกับการ  ถูกฆ่า  เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น  เห็นจะมี  แต่ พระโสดาบันขึ้นไป จากคุณ : maruman เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 18:50:28

ความคิดเห็นที่ 28 #26  - 27 น่าสนใจครับ เพราะ อธิบายด้วย กฎแห่งกรรม และ คติทางพุทธศาสนา v v กฎแห่งกรรม ก็เป็น กรอบความเชื่อ ของศาสนาพุทธ พุทธศาสนา ไม่สามารถ อธิบายถึง... กรรมแรก ของสรรพสัตว์ได้นะครับ บอกได้แต่เพียงว่า เป็นอจิณไตย หมายถึง เป็นสิ่งที่พ้นการหยั่งรู้ ของ ปุถุชน ดังนั้น กฎแห่งกรรม ให้ท่านเลือกที่ จะ เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ   เท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ ก็ไม่ใช่ วิถีพุทธ แต่ถ้าเชื่อ ก็ไม่เป็นไป ตามหลัก กาลามสูตร เช่นเดียวกัน แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 54 23:44:31 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 23:26:18

ความคิดเห็นที่ 29 การฆ่าสัตว์ เป็น บาป ตามความเชื่อ ในคติทางพุทธ แล้วทำไม การทานเนื้อสัตว์ จึงไม่เป็นข้อห้าม ของพุทธศาสนา ทั้งๆที่ การทานเนื้อสัตว์ เป็นการสนับสนุนการฆ่าสัตว์ ในทางตรง ไม่ใช่ ทางอ้อม ด้วยซ้ำ ทำไม การทานเนื้อสัตว์  ที่แม้ตนเองไม่ได้ฆ่า ไม่ต้องรับกรรม ในท่วงทำนอง เดียวกัน หรือ มีคำอธิบาย ในลักษณะ ที่ว่า v v ต้องรับ วิบากกรรม แบบเดียวกัน คือ ต้องโดนบุคคลที่ 3 ฆ่า เพื่อเอาเนื้อไปให้บุคคลที่ 2 ทาน ไม่ว่า จะอยู่ในสภาพของมนุษย์ ในชาตินี้ หรือ  จะอยู่ในสภาพของสัตว์ ในชาติต่อๆไป ถ้ายืนยัน  ด้วย กฎแห่งกรรม แบบ...ตรงไป ตรงมา จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 23:36:19

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่ต้องสงสัยในพุทธะ ไม่ต้องพินิจ พิเคราะห์  ในคำสอนของพระพุทธเจ้าอีก จากคุณ : maruman เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 10:48:01

ความคิดเห็นที่ 31 http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/10/Y11150994/Y11150994.html จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 11:20:29

ความคิดเห็นที่ 32 . จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 11:24:26

ความคิดเห็นที่ 33 ยกตัวอย่าง กระทู้และภาพประกอบ ข้างต้น มาให้ดู ก็เพียงเพื่อ ให้เห็นว่า ศาสนา เป็นเรื่องของ ความเชื่อ และ ความศรัทธา การหาข้อสรุป ด้านความเชื่อ ของคนต่างศาสนา ไม่มีวันที่ จะได้ข้อสรุป เพราะ แม้แต่ ศาสนาหนึ่งๆ คนในศาสนาเดียวกัน ก็ยังมีความเชื่อ และ ตีความคำสอน ของศาสดา ...แตกต่างกัน อย่างมากมาย... จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 12:55:06

ความคิดเห็นที่ 34 ตอบไม่ได้ หรือคุณ The Rounder  ไม่เคยหาคำตอบ ดูเหมือนขัดแย้งกัน หรือ คุณ The Rounder  เข้าใจผิด อธิบายไม่ได้ หรืออธิบายได้ แต่คุณ The Rounder  ยังไงก็ไม่เชื่อ ฝากไปคิดครับ จากคุณ : nipana เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 13:20:54

ความคิดเห็นที่ 35 การอ้างว่า ความเชื่อ คือ ความจริง ตรงนี้ ต่างหากล่ะครับ เป็น ... กรอบความเชื่อ อย่างหนึ่ง ฝากให้กลับไปคิด ในอีกแง่ด้วย เช่นกันครับ แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 54 13:46:57 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 13:46:03

ความคิดเห็นที่ 36 มีไม่บ่อยนัก ที่จะได้เห็นการถกกันเรื่องศาสนา ศีลธรรม ในห้องสินธร การลงทุนไม่ใช่การมองธุรกิจที่ผลกำไรหรือขาดทุนเท่านั้น ยังมีเหตุผลอื่นๆที่ลึกซึ้งอีกหลายข้อให้นำมาคิดไตร่ตรองร่วมกัน จากคุณ : พัทชน เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 14:11:16

ความคิดเห็นที่ 37 ศาสนาพุทธ     การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต --------> ถือเป็นดาบ ศาสนาคริสต์    การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ---------> ไม่ถือว่าเป็นบาป   ปล. ในทางศาสนาคริสต์  ผมจำไม่่ได้แล้ว  ว่าทำไมจึงไม่เป็นบาป?   แต่ก็พอจะรู้บางส่วนว่า  การไม่บาปนั้น ยังต้องขึ้นอยู่กับ "เหตุผล และ วิธีการ" อีกด้วยครับ จากคุณ : HODEมั๊กๆ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 02:20:29

ความคิดเห็นที่ 38 แม้แต่ พระอรหันต์  ก็ยังผิดได้  ในหลายๆเรื่อง ผู้ที่ไม่เคยผิด  คือ องค์พระพุทธเจ้า จากคุณ : maruman เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 09:22:38

ความคิดเห็นที่ 39 อยากรู้ความจริง จงปฎิบัติ อย่างจริงจัง   เริ่มจาก รักษาศีล ห้า  ไม่ให้ขาด   ก่อนปฏิบัติ     ศีลห้าไม่ครบ   อย่าเพิ่ง ไปลอกเอาข้อโต้แย้งมา  ในโลกนี้มีเยอะแยะ จงลงมือปฎิบัติ  เพื่อให้เกิดปัญญา   ความจริงจะปรากฎ   ซึ่งเป็นเรื่องที่จะรู้ได้โดยตนเองเท่านั้น เหมือนเรื่องมนุษย์  ต่างดาว   มีทั้งเชื่อและไม่เชื่อ   คนเคยเห็น เคยได้สนทนา  ก็จะเชื่อว่ามีจริง    ถ้าอ่าน แต่ต่วยตูน   ก็จะไม่มีทางเชื่อ จากคุณ : maruman เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 09:36:08