ความคิดเห็นที่ 1 สมมติว่า หารจำนวนเท่าๆกันของคนที่จ่ายตังค์ ก็เท่ากับ $21 หารด้วย 6 คน เท่ากับ ลดไปคนละ $3.5 แต่วิธีนี้ คนที่ 5 กับคนที่ 6 ก็ไม่ต้องจ่ายตังค์อีกต่อไป คนกินฟรีก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 6 คน และปล่อยให้อีก 4 คนที่เหลือแบกค่าเบียร์ไปแทน อีก 4 คนก็บ่นสิครับ เจ้าของบาร์ก็เลยบอกกับทุกคนว่า คิดเป็น % ของจำนวนเงินที่แต่ละคนจ่ายแล้วกัน เอาแบบนี้ๆ คนที่ 5 กินฟรีเช่นเดียวกับ 4 คนแรก คนที่ 6 จ่ายเงินลดลง 33% เหลือ $2 จากเดิม $3 คนที่ 7 จ่ายเงินลดลง 28% เหลือ $5 จากเดิม $7 คนที่ 8 จ่ายเงินลดลง 25% เหลือ $9 จากเดิม $12 คนที่ 9 จ่ายเงินลดลง 22% เหลือ $14 จากเดิม $18 คนที่ 10 จ่ายเงินลดลง 16% เหลือ $49 จากเดิม $59 ทุกคนก็เหมือนจะตกลงกันตามนี้ เพราะดูยุติธรรมดี แต่พอบาร์ปิด จ่ายเงินเสร็จ เดินออกมาจากร้านปั๊บ คนที่ 6  ก็พูดขึ้นมาว่า “เจ้าของร้านเขาลดให้เรา $20 แต่ฉันได้ส่วนลดแค่เหรียญเดียวเอง น้อยกว่าไอ้หมอนั้น (คนที่ 10) ตั้ง 10 เท่า!!” คนที่ 7 ก็พูดแทรกขึ้นมาอีกว่า “เออ จริงด้วย ฉันได้ลดไปแค่ $2 เอง” เหตุการ์เริ่มไม่ค่อยดี ทันใดนั้น ไอ้ 4 คนแรกก็กอดคอกันเดินมาแล้วบอกว่า “เจ้าของบาร์เขาลดให้ตั้ง $20 แต่พวกกรู ไม่ได้อะไรเลยนะเฟร้ยยย จนยังไงก็จนอย่างนั้น ให้อะไรพวกกรูบ้างเซ่!!!”... คนที่ 8 และคนที่ 9 ก็กลัวจะถูกรวมเป็นพวกของเจ้าคนที่ 10 เลยรุมกดดันและต่อว่าต่างๆนานา ไอ้คนที่ 10 (รวยที่สุด) บ้างก็ว่า แล้งน้ำใจ เห็นแก่ตัว บ้างก็ทวงเงิน บ้างก็คิดประท้วงกันเลยทีเดียว จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 19:59:46

ความคิดเห็นที่ 2 คืนต่อมา ทุกคนเข้ามาที่ร้านนั่งดื่มเบียร์กันตามปกติ ขาดก็แต่คนที่ 10 ไม่โผล่หัวมาให้เห็น อะไรจะเกิดขึ้นตอนคิดเงินครับ? .......... เงินไม่พอจ่าย ขาดไปอีกตั้ง $49 เมื่อจ่ายหนี้ที่ติดค้างเจ้าของร้านไม่ได้ คืนต่อไปก็อดกินสิครับ ถึงตอนนั้น อีก 9 คน ถึงคิดได้ว่า ไม่น่าไปด่ามันเลย ก็สายไปแล้ว T____T นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมมาตรการลดหย่อนภาษี คนรวยถึงได้รับผลประโยชน์ในรูปของจำนวนเงินมากกว่าคนจน นั้นเพราะ ถ้าเขาจ่ายมากเกินไป หรือเห็นว่าไม่ยุติธรรม เขาก็แค่หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หยุดลงทุน หรือไม่ก็ออกไปหาร้านอื่น ซึ่งเป็นที่ๆเขาจ่ายค่าเบียร์น้อยกว่าร้านเดิมแทน (ลงทุนในต่างประเทศ) โลกมันก็ไม่ยุติธรรมแบบนี้ล่ะครับ ระบบภาษีของประเทศไทยก็คล้ายๆกับอเมริกาเขานะ แต่ขั้นภาษีเราน้อยกว่า และคนรวยเราจ่ายภาษีมากสุด ไม่เกิน 37% ไม่ใช่ครึ่งต่อครึ่งเหมือนอย่างอเมริกาโน้น แต่สุดท้ายแล้ว ผมเชื่อว่า ทุกๆอย่างมีเหตุผลเสมอ ที่เราต้องทำก็คือ เราต้องหัดมองในมุมอื่นดูบ้าง นอกจากมองจากมุมของเราเองแค่มุมเดียว เมื่อเราเข้าใจโลกมากขึ้น เราก็จะอยู่กับมันแบบทุกข์น้อยลง ถึงแม้ ดูเหมือนคนรวยจะดูได้เปรียบในระบบทุนนิยม แต่เรื่องจริงก็คือ ถ้าไม่มีพวกเขา ชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา หรือลูกจ้างรายวัน จะยิ่งลำบากมากกว่านี้นะครับ เวลาจะด่า ขอให้อย่าด่าคนรวยแบบเหมาหมด แต่พวกที่รวยเพราะโกงมา เราไม่ยอมแน่นอน!! ปล. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นการทำลายสุขภาพ และผิดศีล 5 นะจ๊ะ ^^ ----------------------------------------------- โชคดีที่ยังมีชีวิต ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจนก็เถอะ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 20:01:13

ความคิดเห็นที่ 3 ผมใด้กินเบียร์ฟรีแน่นอน ครับ จากคุณ : ภูเขียว เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 20:18:59

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วพวกที่ประท้วงที่ wall street ก็คือพวก คนที่ 1-5 ที่มาประท้วงโดยบอกว่าทำไมคนรวยจ่ายลงตั้งเยอะฟระ ไรแบบนี้ป่ะคับ จากคุณ : Tadae เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 20:51:02

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณที่แปลมาให้อ่านครับ จากคุณ : NoNameLFC เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 22:10:29

ความคิดเห็นที่ 6 บ้านเราก็ประมาณนี้เหมือนกันล่ะครับ ขนาดแค่เรื่อง LTF ก็ยังมีคนเอาไปบ่นกันว่าช่วยแต่คนรวย คนเสียภาษีอัตราสูง ๆ   ไม่เห็นใจคนรายได้น้อยบ้าง ซึ่งคนที่บ่น ก็อยู่ในกลุ่มกินฟรีนั่นแหละครับ ไม่เสียภาษี แต่ดันบ่นว่าทำไมไม่ได้สิทธิกับเขาบ้าง เฮ้อ จากคุณ : silver seraph เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 23:50:55

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นภาพดีครับ จริงๆ คนจนมีสองประเภท คือจนเพราะขาดโอกาสกับจนเพราะไม่คิดจะทำมาหากินอะไรรอแต่จะให้คนช่วยเหลือ แล้วส่วนมากพวกที่ออกมาโวยวาย ประท้วงมักจะเป็นกลุ่มที่สองซะด้วย จากคุณ : Roby เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 00:49:27

ความคิดเห็นที่ 8 ชัดเจนมาก ขอบคุณมากครับ จากคุณ : EngiN_Duck เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 01:18:54

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ !!!! เขียนดีมากๆครับ ^^ เมาๆแล้วจากปาย เอิ้ก~ จากคุณ : พุงอุ่นๆ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 02:37:44

ความคิดเห็นที่ 10 คห.6 ถูกกกก... ต้องครับ... คนชั้นกลาง คิดหาวิธีลดภาษีหัวแทบระเบิด จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 08:07:43

ความคิดเห็นที่ 11 จากคุณ : THE FINAL 2 เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 08:40:59

ความคิดเห็นที่ 12 ที่พวกเขาต้องการคือ ให้คนที่10เลี้ยงคนที่1-9ให้หมดเลย เหมือนกันทั้งบ้านเขาบ้านเรา เศรษฐกิจแบบ ก-รูนิยม จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 11:06:13

ความคิดเห็นที่ 13  เยี่ยมมากครับสุโค่ยคุณ Mr messenger จากคุณ : Mr Thai Find เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 12:11:48

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณนะคะ เห็นภาพชัดมากเลย จากคุณ : amakin เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 14:07:45

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับผมพวกจนๆ ต้องเจียมตัวไว้ กินน้ำเปล่าไป อย่าริอาจกินเบียร์ จากคุณ : คนรวยที่ไม่เคยจน เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 14:13:39

ความคิดเห็นที่ 17 graph สุดท้ายบอกอะไรเราบ้างหรอครับ จากคุณ : ลิ้มยิ้ม เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 14:56:29

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากนะคร้าบบ สำหรับความรู้ จากคุณ : เขียนบน iPhone (lolita*lOve) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 19:23:09

ความคิดเห็นที่ 19 เหตุการณ์นี้จะเห็นด้วยเต็ม ร้อย ถ้าไม่มี  VAT พอมี VAT ไม่มีคนจนคนใด ที่ต้องจ่ายเงิน ไม่เสียภาษี มีแต่คนจน ที่ไม่ต้องจ่ายเงิน จึงไม่เสียภาษี แต่คนรวยหลายๆคนในไทย โกง VAT พร้อมกับเศษเสี้ยวของเงินที่โกง โยนเป็นกระดูก ให้เจ้าหน้าที่กรม revenue จากคุณ : กุ้ยเหลียง เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 19:40:23

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบความคิดเห็นที่ 4 "แล้วพวกที่ประท้วงที่ wall street ก็คือพวก คนที่ 1-5 ที่มาประท้วงโดยบอกว่าทำไมคนรวยจ่ายลงตั้งเยอะฟระ ไรแบบนี้ป่ะคับ" ผมว่า เขามาประท้วงเพราะคนที่ 10 ไปหลอกเอาเงินเก็บและเงินเดือนเขามากินเบียร์โดยไม่รู้ตัว ตอนนี้รู้ว่าถูกหลอกมาโดยตลอดว่า ไอ้คนที่สิบมันกินเบียร์ฟรีด้วยเงินคนอื่นแล้วยังมีเงินกลับบ้านอีก เลยมาประท้วงน่ะครับ จากคุณ : Holy_Pop (Holy_Pop) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 19:45:40

ความคิดเห็นที่ 21 แจ่ม จากคุณ : Tiger Ton เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 22:40:02

ความคิดเห็นที่ 22 ระเทศเราอยุ่ในขั้นที่ 11 คนครับ คนที่ 11 รวยมาก แต่ไม่จ่ายภาษี ไม่มีกฏกหมายมาทำอะไรได้ ฟ้องไปก็หลุด ภาษีก็เลี่ยง โอนหุ้นก็ไม่ต้องจ่ายภาษี จากคุณ : natz เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 08:13:46

ความคิดเห็นที่ 23 ประเทศไทยชนชั้นกลางเสียเปรียบครับ เสียภาษีแต่ได้คืนไม่คุ้ม จากคุณ : ระวีรุ่งสว่าง เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 08:33:50

ความคิดเห็นที่ 24 คห 4 ผมมองว่าคนที่ประท้วง ไม่ได้มุ่งไปที่ภาษีนะ หรือถ้าจะมุ่งก็เป็นแบบ พวกที่ออกกฏหมายแบบเข้าข้างตัวเองได้ จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 10:32:56

ความคิดเห็นที่ 25 สาระเป๊ะมากครับ ... ขอบคุณที่เอามาแปล+เผยแพร่ครับ จากคุณ : miar เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 10:34:29

ความคิดเห็นที่ 26 ฐานภาษีบ้านเราก็มาจากฐานการบริโภค ไม่ได้มาจากฐานรายได้อย่างที่หลายท่านเข้าใจ แถมบ้านเราพอมาคิดดูดีๆ คนรวยมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ (ย้ำว่าคนรวยนะครับ ชั้นกลางไม่เกี่ยว) เสียภาษีvat 7% เท่ากัน ทั้งรวยทั้งจน แ่ต่มามองอีกแง่นึง คนจนหรือว่ารวยสุดท้ายก็ยังต้องมีbasic consumptionอยู่ดีครับ ในขณะที่รายได้คนรวยนั้นเพิ่มขึ้นแต่บริโภคเท่าเดิม (ฐานรายได้ขยายขึ้นมากกว่าการเติบโตของการบริโภค) และคนจนที่ฐานรายได้แคบแต่บริโภคเท่าเดิม สิ่งเหล่านี้กระมังที่ทำให้คนจนรู้สึกว่าเสียเปรียบ แต่ก็ตามที่คุณmsgerบอกละครับ สุดท้ายมันก็เป็นแรงจูงใจให้คนรวยใช้เงินลงทุน เพื่อให้เกิดการจ้างงาน ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ความเ้ป็นธรรมในการกระจายรายได้มักจะแปรผกผันกับฐานภาษีอยู่แล้วครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 11:56:46

ความคิดเห็นที่ 27 ขอปรับข้อความออกนะครับ กลัวความเห็นไม่อยู่ในเนื้อหาที่มีประโยชน์ และขอบคุณ จขกท. มากสำหรับสิ่งที่มีประโยชน์มากๆครับ แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 54 21:12:13 จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 12:13:46

ความคิดเห็นที่ 28 คุณนักสืบจิ๋วคิดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ สมมติคนเงินเดือน1แสน(หลังหักภาษีเงินได้) ใช้จ่าย70%ของรายได้(รวมผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ท่องเที่ยว) ตกเดือนละ7หมื่น จ่ายVAT 4900 ตกปีละ58800 เลยนะครับ นี่ยังไม่รวมภาษีเงินได้เลยนะครับ %เท่ากัน แต่ตัวเลขต่างกันลิบลับเลยนะครับ จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 13:08:08

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นภาพเลย จากคุณ : ใสซื่อดื้อตาใส เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 14:37:01

ความคิดเห็นที่ 30 ชัดเจนครับ   จากคุณ : หนุ่มกันย์ เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 16:10:50

ความคิดเห็นที่ 31 ประเทศไทยบ้านเรา เจ้าของร้านเบียร์ และคนที่ 10 เป็นคนคนเดียวกันอ่ะ ทำไง??  อำนาจการบริหาร การจัดการทั้ง...การเมือง...เศรษฐกิจ อยู่ในมือกลุ่มทุนทั้งงงงหมด และตระกูลขุนนางเก่า ระบบการเมือง ที่เป็นตัวการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจมันจึงไม่เหมือนอเมริกา ที่ัมันมีคนชั้นกลางรวบอยู่เพื่อคานอำนาจมากมาย และเขาก็เคารพความคิดความเห็นกัน ไม่ใช่บูชาาา เงินนนน   เมื่อ......งเจ้าของร้านเบียร์ = คนที่ 10 ผลประโยชน์มันจึงทับซ้อนกัน คนที่ไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่ได้ยังอยู่นั่นแหละ.... ส่วนคนที่แย่ที่สุุดคือ คนชั้นกลางทั้งชั้นสูง ชั้นต่ำ.....ไม่ใช่คนจนสี่คนแรกเพราะกลุ่มนี้หลอกกินฟรีจากคนที่สิบประจำ และพร้อมจะโหวตให้คนที่สิบเป็นเจ้าของร้านต่อไป เพื่อพวกเราจาได้กินเหล้าฟรี ฟรี!! เอือกกกก เมาาาาาาาา จากคุณ : emptysoul เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 20:24:18

ความคิดเห็นที่ 32 ถูกต้องตามทฤษฏีครับ แต่ในทางปฏิบัติเป็นอีกเรื่องนึง โดยเฉพาะเมืองไทย ที่กฏหมายไม่เข้มแข็ง ทุกระบบมีข้อดีข้อเสีย ทุนนิยม สังคมนิยม ขึ้นอยู่กับผู้ปกครอง หรือ ผู้นำไปใช้มากกว่า จากคุณ : a&t (a&t) เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 22:01:49

ความคิดเห็นที่ 33 ประเทศไทยมีคนที่ 12 ด้วยนะครับ หุหุ จากคุณ : BravoIndiaGolf เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 22:06:20

ความคิดเห็นที่ 34 คนจนในเมืองไทยเสียงดังซ่ะด้วย เพราะเป็นฐานเสียงสำคัญ จากคุณ : Godgate เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 10:18:37

ความคิดเห็นที่ 35 ที่โพสตอบมานี่ มีคนที่ 1-9 อยู่หลายคนเลยแฮะ จากคุณ : mana9 เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 10:19:45

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้ามีกฎหมายมรดกก็ดีสิครับ คนจะได้ไม่สะสม คืนสังคมมากขึ้น ตายไปลูกหลานก็ได้นิดเดียว ประมาณนั้นนะ ลูกหลานก็จะได้ทำมาหากินมั่ง ไม่ใช่ ผลาญเงินเท่าไรก็ไม่หมด ไม่สร้างประโยชน์อะไร จากคุณ : ทิดชา เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 19:43:55

ความคิดเห็นที่ 37 สยาม สาโท http://www.youtube.com/watch?v=Y4Rqz38r0sA . จากคุณ : ศรัทธาดาวน์_7 เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 23:02:51

ความคิดเห็นที่ 38 เออนะ  คิดแต่ว่าคนที่ 10 ได้รับส่วนลดมากกว่ากี่เท่า  แต่ทำไมไม่คิดบ้างว่าคนที่ 10 ยังต้องจ่ายมากกว่าคนอื่นๆ กี่เท่า.. จากคุณ : S.S. เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 54 09:20:16

ความคิดเห็นที่ 39 คุณBonapart คห.28 ผมขอโทษด้วยครับ พอดีตาลายเลยไม่ได้มาตอบ ตามหลักเศรษฐศาสตร์มหภาคครับ การบริโภคนั้นคิดจากสมการนี้ครับ C=Ca+cYd C=การบริโภคมวลรวม Ca = Basic consumption cYd= การบริโภคตามรายได้ครับ Yd= รายได้เฉลี่ยครับ อย่างที่ผมบอกไว้ว่า ตัวCaนั้นถ้าเราแยกสมการจริงๆจะได้เป็น Ca+vat   ซึ่งหมายความว่าไม่ว่ายากดีมีจน หรือค่าYdเป็น0 (ไม่มีตังนั่นล่ะ) C=Ca+0 คุณก็ยังต้องเสียภาษีครับ ผมถึงมองว่าคนจนเสียในอัตราที่เทียบกับรายได้แล้วถือว่าเสียเยอะครับ ในขณะที่สิ่งที่คุณBonapartพูดถึงรถบ้านหรือท่องเที่ยวนั้น เป็นการบริโภคตามรายได้ครับ คำว่าBasic consumptionก็คือ การกินอยู่คือ อาจจะมีคนบอกว่ากินกล้วยแขกไม่เสียVat ผมบอกเลยว่าไม่จริงครับ เสียแน่นอนไม่ว่าทางใดก็ทางนึง อาจจะเสียจากแม่ค้าซื้อน้ำมันในซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วมาชาร์ทราคาค่ากล้วยแขกคุณอีกทอดก็ได้ครับ อิอิ ขอบคุณครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 54 09:42:30

ความคิดเห็นที่ 40 นิสัยเอาแต่ได้ ทำให้โลกวุ่นวาย .. จากคุณ : สังขยาใบเตย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 54 14:01:35

ความคิดเห็นที่ 41 คห.39 คุณนักสืบจิ๋วครับ ผมทราบดีว่า ไม่ว่าใครก็ต้องเสียภาษีทั้งนั้น เพราะมีการบริโภคขั้นพื้นฐาน แต่ "ผมถึงมองว่าคนจนเสียในอัตราที่เทียบกับรายได้แล้วถือว่าเสียเยอะครับ" ประโยคนี้ไม่น่าจะถูกต้องนะครับ เพราะ คนจน เสียภาษี 7% ของอัตราการบริโภค ส่วนคนชั้นกลาง เสียภาษี 7% ของอัตรการบริโภค + ภาษีบุคคลธรรมดา ดูตามตัวเลขแล้ว อัตราส่วนที่เสียต่อรายได้ของคนชั้นกลางสูงกว่า7%นะครับ จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 54 14:35:13

ความคิดเห็นที่ 42 แต่คนรวยชอบแจ้งรายได้เป็นเท็จนี่สิ เช่นได้เดือนละ 5 แสน แต่แจ้งว่าได้เดือนละ 5 หมื่น ไรแบบนี้ ถ้าตรงไปตรงมาแล้วหลบภาษีอย่างถูกต้อง มันก็น่าเห็นใจอยู่หรอกครับ จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 54 02:21:50

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านจบแล้วคิดได้ว่า ถ้าคนรวยย้ายไปอยู่ประเทศอื่นๆเหลือแต่คนจนจะทำยังไงดีล่ะ อเมริกาก็จะเหลือแต่คนรายได้น้อย แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 54 17:35:31 จากคุณ : xemmy เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 54 17:34:39

ความคิดเห็นที่ 44 @นักสืบจิ๋ว  ภาษีที่มาจากฐานการบริโภค จึงถูกเรียกว่า Regression tax ส่วน กินกล้วยแขก น่าจะเสีย VAT เฉพาะที่โดนผลักภาระต้นทุนน้ำมันพืช แต่มูลค่าเพิ่ม ที่เกิดจากราคาขายกล้วยแขก (ทอดแล้ว) กับต้นทุน อาจไม่เสีย อย่างหนังสือ ไม่เสีย VAT แต่กระดาษมี VAT http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U11416909/U11416909.html http://topicstock.pantip.com/social/topicstock/2011/04/U10421955/U10421955.html จากคุณ : Spetsnaz เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 54 13:43:23