ขอบคุณนะคะสำหรับความเห็น และก็มีส่วนหนึ่งที่มามองในส่วนของความเห็นมาเห็นใจธุรกิจทางบัตรเครดิต หลังจากได้มาสงบสติอารมณ์ ก็มานึุกได้ว่าเออออ ไอ้บัตร Citi (ที่ไม่ใช่ของไทย) ที่เคยใช้มันก็คิดอย่างงี้เหมือนกัน และก็เข้าใจว่าที่ Call Center เค้าก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ของเค้า บริษัทเครดิต
แต่ที่มันอืออึงตรงที่ช่วงนี้มันช่วงน้ำืท่วม ไอ้ใบแจ้งนะ มันธรรมดามาประมาณวันที่สิบกว่าๆก่อนยี่สิบ แต่งวดที่มีปัญหามาก็ยี่สิบกว่าๆ ด้วยพฤติกรรมตัวเอง เอามาก็จะเคลียร์ให้เร็วที่สุด เพราะกลัวลืม แล้วก็เจ้ากรรม ดันลืมจริงๆ เพราะช่วงนั้นจำยอดหักของการไฟฟ้าไม่ได้ เลยไม่กล้าโอนครบยอด เพราะรายนั้นหักผ่านบัญชี เดี๋ยวเกิดเอาเงินเข้าไม่ทัน จะโดนตัดไฟ (งานจะเข้ามากกว่านี้) บ้านก็พึ่งเริ่มเข้าไปทำความสะอาด ไอ้ว่างๆ ก็ไม่ได้ทำ แทบโรงงาน ก็ประเสริฐพอกัน เรียกกลับไปทำงาน (ต้องออกตัวก่อนว่า ไอ้ยอดเดือนตุลาไม่มีปัญหา เพราะช่วงนั้น ถึงแม้ลี้ภัย แต่ก็ยังพอว่างใช้ internet) แต่ช่วงที่ผ่านมา มันเลยจัดสรรเวลาได้ไม่ดีนัก มันเป็นบทเรียนที่ต้องจำไว้ และมันเป็นช่องทางในการหาเงินของเค้า เพราะถามว่าถ้าองค์กรนี้เค้ามีคนใช้ ส่งตามตรงเวลาตลอด เค้าก็คงเป็นได้แค่องค์การกุศล เค้าเปิดธุรกิจก็เผื่อหาเงิน
มันใช้ระบบกันทั้งนั้น.. มันปวดหัวตรงที่ ถึงโอนเงินจ่ายก่อน หรือจ่ายตรงวัน ก็มองว่าเป็นลูกค้ามาตราฐานเดียวกัน.. ส่งช้าหรือขาดแต่นิด ก็อยู่บนสัญญา.. เข้าใจ แต่มันก็นะ อดไม่ได้ แค่ไม่ถึงสี่พัน กับสิบวัน โดนไป 450+ เป็นคุณก็คงอดไม่ได้หรอก ถามว่าเงิน 500 มันเยอะไหม มันไม่ได้มากนักหรอก แต่มันสร้างความหงุดหงิดมากกว่า เสียอารมณ์ ไปนั่งคุยก่ะเพื่อน เพื่อนบอก ฉันก็เลยโดน มียอดค้างหลัีกสิบ เนื่องจากดอกก่ะยอดมัน where ยังโดนค่าดอกเบี้ยไป 8 บาท ยังต้องไป clear .. มันค่าคำว่าเสียความรู้สึกมากกว่า
นี่ยังไม่รวมการจ่ายค่าบริการจานแดง ที่ไม่ได้ดู..และจ่ายฟรีไปอีกหนึ่งเดือน ค่า internet กับบ้านที่ปิดไว้ ฟรีไปอีกหนึ่งเดือน.. มันสอนให้เค้ารู้ว่า เค้ามาทำธุรกิจ.. เค้าไม่ใช่ Charity ถึงแม้จะมี message มาบอก..แต่ถ้าคุณไม่แจ้ง ไม่โวยวาย(ซึ่งแค่เอาชีวิตครอบครัว ออกไปจากวิกฤตก็หมดเวลาแล้ว) ไม่ยื่นเรื่อง.. ก็คงไม่ได้สิทธิใดๆ ทั้งสิ้น..