ดอกเบี้ยบัตรเครดิต กับ สิ่งที่คนใช้บัตรเครดิตไม่ค่อยอ่าน
|
|
ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้บัตรเครดิตครับ และเป็นผู้ที่อยู่ในวงการบัตรเครดิต สิ่งที่ผมพบคือ คนทั่วไปมักไม่อ่านสัญญาการใช้บัตรเครดิต รวมทั้งไม่อ่านวิธีการคำนวณค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน หรือ ดอกเบี้ย แล้วเมื่อต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกจากยอดเงินที่ตนเองใช้แล้ว จะบอกว่า สถาบันการเงินโกง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ครับ ขออธิบายดังนี้
บัตรเครดิตทุกใบในโลก (เท่าที่ผมเคยใช้มา) กรณีใช้ซื้อสินค้าและบริการ มักจะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย กล่าวคือ บัตรเครดิตทุกใบจะมีวันตัดรอบบัญชีและวันครบกำหนดการจ่าย ระยะเวลาที่ปลอดดอกเบี้ย คือ ช่วงที่ท่านใช้จ่าย นับ ไปจนถึงวันครบกำหนดการจ่าย ดังนั้นหากท่านทราบว่า บัตรเครดิตที่ท่านใช้อยู่ตัดรอบวันไหน ท่านก็ใช้อีกวันหนึ่ง ท่านจะได้ ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยที่ยาวที่สุดของรอบนั้นๆ ครับ แต่ข้อควรระวังคือ เมื่อครบกำหนดชำระเงิน ท่านจะต้องชำระเต็มจำนวน ขอย้ำว่า "ชำระเต็มจำนวน" มิฉะนั้น ท่านจะต้องเสียดอกเบี้ยครับ ส่วนใหญ่ผู้ใช้บัตรมักคิดว่า "ใช้บัตรซื้อของ 10,000 บาท ถึงกำหนดชำระก็ชำระไป 9,000 บาท เหลือ 1,000 บาท แล้ว สถาบันการเงินจะคิดดอกเบี้ยเงิน 1,000 บาทที่เหลือ แล้วรวมเป็นยอดเรียกเก็บในเดือนถัดไป เท่ากับ 1000 + ดอกเบี้ย ซึ่งไม่ใช่ครับ ถ้าท่านใช้ 10,000 บาท ถึงกำหนดแล้วท่านจ่ายไม่ครบ ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันใช้ จนถึงวันครบกำหนดของยอด 10,000 บาทก่อน ส่วนที่เหลือก็เอาไปคิดเป็นดอกเบี้ยอีกครับ ไม่มีใครโกงใครรับ แต่กติกาเป็นอย่างนี้ หากท่านมีปัญหาเรื่องการชำระ เช่น ไม่ได้รับใบแจ้งการชำระเงิน, ไม่สะดวกไปชำระเงินในวันที่ครบกำหนดจะไปชำระในวันอื่น ท่านต้องโทรแจ้ง สถาบันการเงินก่อนครับ เพื่อขอ waive ดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น ปกติแล้ว สถาบันการเงินมักจะ waive ให้ครับ บางสถาบันการเงินจะมีระยะเวลาผ่อนผัน (Grace Period) จากวันที่ครบกำหนด + T ซึ่ง T นั้นอาจจะเป็น 1 หรือ 2 หรือ 3 แล้วแต่นโยบายของแต่ละที่ครับ ถ้าชำระอยู่ในเวลา +T ก็จะเปรียบเสมือนท่านชำระตรงตามกำหนดไม่เสียอะไรเพิ่ม
สุดท้าย อยากจะบอกว่า ทุกอย่างมีประโยชน์และโทษเสมอ บัตรเครดิตก็เช่นเดียวกันครับ บางครั้งมันก็เป็นอุปกรณ์สร้างหนี้ บางครั้งมันก็เป็นเครื่องมือในการบริหารเงิน แล้วแต่ท่านจะเลือกใช้ครับ
ซึ่งต้องพิสูจน์
จากคุณ |
:
mahnoitammada
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ธ.ค. 54 23:28:50
|
|
|
|