เคล็ด (ไม่) ลับ กับ “วัยเริ่มทำงาน”
|
|
เวลาที่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการวางแผนทางการเงิน และบริหารเงินออมเพื่อการเกษียณให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือเพียงพอต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหลังเกษียณนั้นมักจะมีคำถามที่ถามกันบ่อยจากท่านที่เพิ่งก้าวเข้ามาสู่ช่วงชีวิตของทำงาน เช่น คำถามว่าเร็วเกินไปหรือไม่ที่จะออมเงินเพื่อการเกษียณ หรือคำถามที่ว่าเพิ่งทำงานยังไม่พ้นช่วงทดลองงานเลย ทำไมต้องรีบออมเงินเพื่อใช้หลังเกษียณด้วย
วันนี้ผมจึงขอเล่าประสบการณ์การออมของผมให้ผู้ที่เพิ่งเรียบจบ หรือเริ่มเข้าสู่วัยทำงานให้ฟังครับ ท่านเชื่อหรือไม่ครับว่าช่วงแรกๆ ของการทำงานของผมได้มีความตั้งใจว่าทุกๆ เดือนเมื่อใช้จ่ายแล้วเหลือเท่าไรก็จะออมเพื่ออนาคตที่มั่งคั่ง ตามความฝันของคนที่เพิ่งมีงานทำ ปรากฎว่าความคิดที่จะออมหลังจากใช้จ่ายนั้นได้ทำให้ผมกลายเป็นบุคคลที่มีเงินเดือนเท่าไรก็ไม่ค่อยพอใช้เท่านั้นครับ หรือที่เรียกว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง และผมไม่สามารถเก็บออมเงินได้เลย ต่อมาผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการออมเงินชื่อว่า “ออมก่อน รวยกว่า” ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้จัดพิมพ์ขึ้น แต่งโดย คุณนวพร เรืองสกุล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เนื้อหาของหนังสือมีการนำเสนอแนวคิดด้านการออมและการลงทุนไว้ โดยใช้ภาษาที่ง่าย ๆ ซึ่งต่อมาหนังสือเล่มนี้ได้ทำให้ผมต้องกลับมาคิดว่าหากออมก่อนแล้วจึงค่อยนำไปใช้ น่าจะเป็นวิธีที่จะทำให้ผมมีเงินเหลือเก็บได้ ผมจึงเริ่ม “ออมก่อน ใช้ทีหลัง” และด้วยวิธีนี้ทำให้ทุกวันนี้ผมมีเงินเหลือพอที่จะนำไปลงทุนให้งอกเงยเพื่อที่จะได้มีโอกาสมีเงินใช้อย่างเพียงพอสำหรับชีวิตหลังเกษียณ
หลายท่านที่เพิ่งจบการศึกษาไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นวางแผนเพื่อการเกษียณอย่างไร ผมมีเคล็ด(ไม่)ลับ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มทำงาน มาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้ครับ การมีวินัย โดยหัก 10%ของรายรับเก็บเอาไว้เป็นเงินออมนั่นคือในแต่ละเดือนหรือทุกครั้งที่มีรายได้เข้ามา ต้องหักไว้อย่างน้อย 10% อย่างประจำและสม่ำเสมอที่เหลือจึงนำมาใช้จ่ายได้ หากท่านเริ่มมีวินัยในการออมเงินเป็นเหมือนที่ผมได้บอกไว้ได้เร็วเท่าไร ท่านก็สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วเท่านั้นครับ การทำบัญชีรับจ่ายรายสัปดาห์ หรือรายเดือน วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่าย และทำให้เรารู้ค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด ท่านสามารถประเมินการใช้เงินของตัวเองได้ทุกๆเดือน ทว่าบางท่านอาจจะเลือกทำบัญชีรับจ่ายเป็นรายวันก็ได้ครับ หากท่านมีเวลาพอ แต่สำหรับผมเลือกที่ทำเป็นรายสัปดาห์ครับ เพราะทำเป็นรายวันบางครั้งก็ลืม หรือไม่มีเวลาครับ การมีสติในการใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการใช้จ่ายบัตรเครดิต เช่น หากท่านต้องการซื้อกระเป๋า หรือสิ่งของราคาแพงๆ โดยใช้บัตรเครดิตก็ขอให้ระงับการใช้หรือยับยั้งชั่งใจ และขอให้เก็บเงินจนกระทั้งสามารถซื้อของสิ่งนั้นได้ มิเช่นนั้นหากท่านสร้างนิสัยการซื้อของด้วยบัตรเครดิตอย่างขาดความระมัดระวังจะทำให้ท่านมีโอกาสที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามรอบระยะเวลาการเรียกเก็บ การสำรองเงินเผื่อฉุกเฉิน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาที่ต้องการใช้เงินฉุกเฉิน เงินก้อนนี้เป็นเงินส่วนที่ท่านมีเงินเหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว ทั้งนี้ท่านควรมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อยที่สุดเท่ากับค่าใช้จ่ายต่อเดือนรวมกัน 3-6 เดือน โดยเงินสำรองนี้ท่านควรเก็บไว้ในรูปแบบที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด และมีสภาพคล่องสูงเพื่อสามารถเบิกออกมาใช้ได้ยามที่เราต้องการ เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินที่สามารถไถ่ถอนได้ทุกวันทำการ การป้องกันความเสี่ยงของชีวิต โดยการทำประกันชีวิต เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้กับตัวท่านและครอบครัวของท่าน หากท่านเป็นกำลังหลัก หรือเป็นผู้ที่หารายได้หลักๆ ของครอบครัว การทำประกันชีวิตยิ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งครับ การรู้จักเลือกลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินกับธนาคารและชนะเงินเฟ้อ ภายใต้ความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ ซึ่งท่านควรที่จะสำรวจว่ายอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน นั่นคือ ถ้าในการลงทุนหนึ่งๆ ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากท่านมีโอกาสต้องสูญเสียเงินไปเพื่อแลกกับผลตอบที่จะได้รับกลับมา ท่านจะต้องมีเงินเหลือโดยไม่เดือดร้อน ทั้งนี้ขอให้ท่านระลึกอยู่เสมอว่าการลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง
ทั้งหมดที่กล่าวมาผมหวังว่าท่านผู้อ่านจะนำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไปใช้เพื่อเริ่มต้นจัดการ การลงทุนในเบื้องต้นให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ และข้อสำคัญขอให้ผู้อ่านใช้เวลาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนอย่างเต็มที่ หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยให้ค้นหาคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินการลงทุน เพื่อให้เกิดความเข้าใจโดยละเอียดก่อนการลงทุนครับ
นรวีร์ วงศ์สมมาตร บลจ. บัวหลวง จำกัด
จากคุณ |
:
Wild Rabbit
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ธ.ค. 54 15:34:02
|
|
|
|