ความคิดเห็นที่ 1 หือ? ผิดห้องหรือป่าวครับเพ่? จากคุณ : รูปหล่อหมาไม่กัด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 00:48:38

ความคิดเห็นที่ 2 เนื้อหาต่อไปนี้ ไม่ได้มีการพาดพิงทางการเมือง และยืนพื้นตามรัฐบาลทั้งอภิสิทธิ์และยิ่งลักษณ์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หนี้สาธารณะไทยรายงานเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 54 มียอดหนี้สาธารณะคงค้างจำนวน 4.27 ล้านล้านบาท คิดเป็น 41% ของ GDP โดยแบ่งเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 3.01 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ (ไม่ใช่สถาบันการเงิน) 1.07 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐค้ำประกัน 1.58 แสนล้านบาท และหนี้กองทุนฟื้นฟูอีก 3.05 หมื่นล้านบาท ถามว่าระดับหนี้สินที่อยู่ประมาณ 41% ของ GDP อันตรายไหม? คำตอบคือพอรับได้ เป็นอัตราส่วนมาตรฐานปานกลาง และไทยยังคงมีอัตราส่วนที่สามารถก่อหนี้ได้เพิ่มขึ้น โดยไม่เกิน 60% ของ GDP ซึ่งก็ยังเหลือสัดส่วนให้ก่อหนี้เพิ่มได้ นอกจากนี้ยังมีเงินคงคลังที่เหลือสะสมอยู่อีกประมาณ 3 แสนล้านบาท (เงินคงคลังเหมือนกำไรสะสมของบริษัทจดทะเบียนนั่นแหละ) จำนวนเงินนี้สามารถเอาออกมาใช้จ่ายได้ตามกฎหมาย แต่ก็ต้องผ่านอะไรอีกเยอะแยะ และส่วนใหญ่ไม่คิดเอาออกมาใช้กัน เป็นเสมือนกระเป๋าเอาไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉินมากกว่า ซึ่งหนี้สินต่อ GDP ของไทย ณ เวลานี้ยังไม่น่าเป็นห่วง แต่ถ้ากู้เยอะมากขึ้นก็ไม่แน่ ทำไมเราต้องก่อหนี้? จริงอยู่การนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องการเงิน มันมีข้อตกลงหลายๆประการ ระหว่างไทยกับรัฐบาลอื่นๆที่สามารถขอกู้ยืมระหว่างประเทศได้ ซึ่งจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าปกติ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร ในแต่ละประเทศเวลานี้ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะสามารถลดภาระดอกเบี้ยจ่ายจากการก่อหนี้ได้ ดังนั้นการกู้เงินในเวลานี้ จึงสามารถทำได้ง่ายโดยที่เรามีภาระน้อยลง เงินทุนสามารถนำมาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้ หรือพัฒนาประเทศส่วนอื่นๆได้ ไม่ได้แปลว่าเราอยากจะก่อหนี้ แต่ในเวลาที่ยังมีโอกาสก่อหนี้โดยมีภาระค่าใช้จ่ายต่ำ ก็ทำให้เราได้ประโยชน์มากขึ้น ประเทศไทยก็ไม่ได้มีเศรษฐกิจที่แย่อะไร GDP เราก็ยังโต แม้ว่าโตน้อยลงจากผลอุทกภัยที่น่าจะกระทบ GDP ช่วงไตรมาส 1-2 นี้ แต่เราก็ยังโต ไม่เหมือนกับประเทศในยุโรปโดยส่วนใหญ่ที่ปัจจุบัน GDP มัน Flat ไม่โตแต่ก็ยังไม่หด การจ้างงาน เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม เกษตรกรรม เรายังไปได้ค่อนข้างดี ยิ่งตัวเลขคนว่างงานเรายังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก แตกต่างจาก ในยุโรปที่มีอัตราว่างงานสูง อังกฤษก็ 8% เข้าไปแล้ว กรีซ อิตาลี 10%+ สเปน 21% เรายังดีกว่าประเทศเหล่านั้นมาก สัดส่วนหนี้ต่างประเทศของไทยในเวลานี้เราดูแล้วดูเหมือนจำนวนเงินมันสูงมาก แต่เมื่อเทียบกับ GDP หรือโอกาสทางการเติบโต ทางเศรษฐกิจของไทยแล้ว ก็เป็นอะไรที่เราจำเป็นต้องก่อหนี้ เพราะการเงินมันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้จากการที่มันเป็นตัวหมุนเวียนเศรษฐกิจ ณ จุดจุดนี้ ไทยเราอาจจะยังกู้ได้ แต่ก็ต้องเริ่มระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อไม่ให้ยอดหนี้เป็นภาระกับเรามากเกินไป เหมือนเราทำงานได้เงินเดือนเดือนละ 1 ล้านบาท จ่ายหนี้เดือนละ 4 แสนบาท เหลือเงินใช้จ่ายประมาณเดือนละ 6 แสนบาท แต่ใน 6 แสนเราก็เป็นภาระในการชำระหนี้เพิ่มได้ เพิ่มอัตราส่วนใช้จ่ายน้อยลง จ่ายหนี้เพิ่มขึ้นก็ได้ เป็นต้น ซึ่งยอดหนี้เหล่านี้ไม่ได้เป็นหนี้ที่มีผลภาระหรือข้อกำหนดที่รุนแรง เป็นภาระผูกพันธ์ ไม่เหมือนการกู้กับ IMF ที่เราจะต้อง เจอกับเงื่อนไขให้ปฏิบัติตาม เช่นการรัดเข็มขัด การเพิ่มภาษี การลดรายจ่าย มาตรการเพิ่มรายได้ ดังนั้นการกู้ดังกล่าว ทำให้เราสามารถดำเนินนโยบายทางการคลังได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ได้เป็นการผูกมัดภาระตัวเองแต่อย่างใด ดังนั้น ณ เวลานี้ รัฐบาลสามารถก่อหนี้ได้ แต่ควรตระหนักถึงภาระที่จะต้องตามมาในอนาคตด้วยในกรณีที่สถานการณ์เริ่มแย่ลง จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 01:12:31

ความคิดเห็นที่ 3 กู้ไปเรื่อยๆ ประเทศจะพังเร็วขึ้น จากคุณ : Fast Trader เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 01:27:05

ความคิดเห็นที่ 4 กู้ชาติ!! จากคุณ : yacht7 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 01:42:08

ความคิดเห็นที่ 5 เสื้อแดงมาอ่านแล้วคงบอกว่าสลิ่มมาโพสต์ จากคุณ : Bangkok City Boy เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 02:22:02

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณ คุณ venezier มากที่เขียนวิเคราะห์อย่างละเอียด จากคุณ : clever&son (Clever&son) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 02:45:19

ความคิดเห็นที่ 7 สลิ่มมาอ่านแล้วคงคิดว่า เสื้อแดงจะเข้ามาบอกว่าสลิ่มมาโพสต์ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 02:54:57

ความคิดเห็นที่ 8 สลิ่มกับเสื้อแดงมาอ่านแล้วคงบอกว่าไอ้ปื๊ดโพสต์ จากคุณ : สมดั่งฤทัย เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 05:49:33

ความคิดเห็นที่ 9 . แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 06:55:36 จากคุณ : รูปหล่อหมาไม่กัด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 06:14:23

ความคิดเห็นที่ 10 เบื่อพวกสลิ่มที่จ้องจะล้มรัฐบาล จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 06:49:51

ความคิดเห็นที่ 11 ใครคือสลิ่ม? สลิ่มคือใคร? จากคุณ : พีทีดี เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 06:56:38

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อเสียของประชานิยม คือ ทำให้ ระบบต่าง ๆ ที่วางไว้ รวนไปหมด ดูอย่างปริญญาตรี 15000- นั่นเป็นไร ตำรวจ ทหารชั้นผู้น้อย กว่าจะได้  15000- ต้องรับราชการเป็น 10ปี (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็จบ ป.ตรี แต่ไม่ได้บรรจุตามวุฒิ ) จากคุณ : amadillo เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 07:26:09

ความคิดเห็นที่ 13 ใครจะเป็นรัฐบาลก็ขอให้ยกเลิกให้หมดเถอะครับโครงการประชานิยม ทำให้ชาวบ้านเป็นฝ่ายอ้า่ปากรออาหารอย่างเดียว ถ้ามีงบเพิ่มก็ทุ่มไปเลยการศึกษาอัดไปเลย คนมีความรู้เค้าคิดเองได้ หาอาชีพเลี้ยงเองได้ครับ จากคุณ : ปลายธันวา เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 07:47:28

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อเสียคือประชาชนจะขาดการพัฒนาครับ (ผมหมายถึงคนส่วนใหญ่นะ) คือรอแจก เดี๋ยวก็ได้ ไม่ต้องรีบ ขยันไปใย ถึงเวลาก็ได้กันหมด แบบข้าราชการหรือค่าแรงขั้นต่ำ และถึงเวลาเลือกตั้งก็มีโปรโมชั่น จัดใหญ่ หนักกว่าเดิม สังเกตุดูเลือกตั้งทุกครั้ง โปรใหม่แรงกว่าเดิมตลอด ที่เป็นห่วงก็คือการหารายได้มาอุดรายจ่ายพวกนี้แหละครับ ประเทศเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร ถ้ามองจริงๆ ผมว่าน่าจะสะสมทุนไว้ในระดับหนึ่ง นำไปลงทุนในต่างประเทศ แบบสิงคโปร์บ้าง เพื่อให้มันเป็นทุนสำรอง และสร้างความมั่งคั่งของประเทศในอนาคต ไม่ใช่กินกันซะวันนี้ วันข้างหน้าค่อยกู้เงินกัน จากคุณ : LoginM2F เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 07:51:56

ความคิดเห็นที่ 15 สลิมแปลว่าไรอะ จากคุณ : iamdos เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 08:01:48

ความคิดเห็นที่ 16 สงสัยเสียหุ้นเยอะ ไม่รู้จะโพสอะไร 555 จากคุณ : ข้ามคืน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 08:15:26

ความคิดเห็นที่ 17 สลิ่ม น่าจะเป็นของหวาน ประเภท กะทิ จากคุณ : คุณชายเฉิน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 08:25:45

ความคิดเห็นที่ 18 กระทู้ดัด...ค... ไม่อยากให้ห้องสินธร มาทะเลาะเรื่องการเมืองเลยครับ อยากให้ความรู้แก่นักลงทุนมากกว่า ใครสัญญาว่าจะไม่โพสเรื่องการเมืองก็ทำด้วยนะครับ ส่วนใครสัญญา จะลบโพสเรื่องการเมืองก็ทำด้วย จากคุณ : ไก่อลาสก้า เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 08:31:23

ความคิดเห็นที่ 19 ผมสัญญาจะไม่ตั้งกระทู้ ไม่ได้สัญญาว่าจะไม่โพสต์นะจ๊ะ จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 08:43:57

ความคิดเห็นที่ 20 ของแจกไม่เคยฟรี ฉันใดก็ฉันนั้น มันต้องมีค่าตอบแทนเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จากคุณ : Bazophil เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 08:45:42

ความคิดเห็นที่ 21 ประชานิยม มันคือ แค่คำโจมตีทางการเมือง ของ ปชป. เท่านั้นเองครับ ถ้าเราศึกษา และมองไปให้ลึกๆ แล้ว จะพบว่าแต่ละโครงการของไทยรักไทยเดิม (พปช. เพื่อไทยในวันนี้)  มันไม่ใช่ประชานิยมที่เป็นแบบเอาเงินมาให้หรอก โดยถ้าเทียบกันโครงการต่อโครงการแล้ว คุณลองคิดดูสิครับ ว่าทำไม ประชาชน เชื่อน้ำยาเพื่อไทยมากกว่า ปชป. (และพรรคอื่นๆ) ทั้งๆ ที่เสนอนโยบายลดแลกแจกแถม แบบเดียวกันเด้ะ สำหรับผม มองว่า นโยบายของเพื่อไทย คือ การเพิ่มแหล่งการเข้าถึงเงินทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นแนวหลักที่เพื่อไทย(หรือชื่ออื่นๆ) และทักษิณใช้เป็นแนวทางตลอดมา (ไม่ใช่ให้ประชาชนรอรับอย่างที่โจมตีกัน) ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน ก็คือ กองทุนหมู่บ้าน นี่เป็นการปฎิวัติระบบธนาคารและสหกรณ์เลยทีเดียว (แน่นอนครับ มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว แต่ตอนนี้หลายๆ หมู่บ้านก็เติบโตกันอย่างไม่หยุดยั้ง)  ในทางอ้อม นี่คือการยกระดับคุณภาพประชากรของประเทศ เพราะช่วยให้ประชาชนรู้จักบริหารการเงินกันเอง มีความรู้เพิ่มขึ้น ซึ่ง .. ถ้ามอง เปรียบเทียบกับโครงการด้านการเงินของ ปชป. แล้ว ผมมองไม่เห็นโครงการอะไรที่พอสู้ได้เลย ยกเว้น "กู้มาแจก 2000 บาท" พรรคหนึ่งเป็นรัฐบาล เราเห็นว่ามีแต่เรื่องตื่นเต้นๆ  ทำโน่นนี่  มีการถกเถียงกันอย่างหลากหลาย แต่อีกพรรคเป็น มีแต่เรื่องเงียบเชียบ อยู่ไปวันๆ แล้วอย่างนี้ เลือกตั้งกี่ครั้ง จะชนะเพื่อไทยได้อย่างไรครับ จากคุณ : if you know เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 08:55:24

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าคนไทย ยังเห็นแก่ได้อยู่ นโยบายประชานิยม มันก็ต้องมีอยู่อย่างนี้แหละ รณรงค์ ไม่ขายเสียงกันแทบตาย แต่มาตกม้าตายตรงนโยบายประชานิยมนี่แหละที่มันซื้อเสียงทางอ้อม ซื้อแบบไม่ต้องควักทุนตัวเองเลย จากคุณ : peggo เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:00:37

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าจะว่ารัฐบาลก็ต้องว่าตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนก็เหมือนกัน คนในชาติก็เหมือนกัน คนไทยส่วนใหญ่ เดือนชนเดือน ชักหน้าไม่ถึงหลัง เมื่อคนในชาติส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้ รัฐบาลก็ต้องเป็นเช่นเดียวกัน อีกทั้งน้ำท่วมใหญ่ก็ซวยซ้ำสองแล้ว ไม่กู้จะเอาเงินไหนมาล่ะครับ ในเมื่อเงินทั้งหมดไปกองอยู่ที่คนไม่กี่กลุ่ม... จากคุณ : คนรวยที่ไม่เคยจน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:03:35

ความคิดเห็นที่ 24 อย่าตีกัน จากคุณ : Bakedez เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:03:50

ความคิดเห็นที่ 25 ^ ^ อารมณ์ดีเลย~~~~~~~~~~~~~~` จากคุณ : PRUEKPOOm เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:13:57

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วย  กับคุณ if you know นโยบายหมื่นห้า กับ 300 เป็นอะไรที่ต้องรีบทำมาก ผมกับคิดว่า รัฐบาลทำอะไรช้าไปด้วยซ้ำ จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:17:00

ความคิดเห็นที่ 27 21 จากคุณ : oh i see (WTKn) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:20:51

ความคิดเห็นที่ 28 เอาจุดอ่อนมาหากิน     ใช้ความโลภ  ความอยากได้ งวดหน้า คงมีนโยบายเกทับ ขั้นต่ำ 500  ปริญญาตรี  20000 จากคุณ : papa-chai เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:25:11

ความคิดเห็นที่ 29 อย่าทะเลาะกันเลยครับ ดู 24 ดีกว่า ^^ จากคุณ : Sammy-Bryant เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:27:37

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าประเทศชาติกำลังป่วยติดเชื้อ เช็คช่วยชาติ2000 บาท เปรียบเป็นยา ก็คงได้แค่ ยาพารา  แต่ 15000 กับ 300 เปรียบได้กับยาฆ่าเชื้อ  ถ้าเพิ่มแค่ค่าครองชีพ  ก็คงเป็นได้แค่ยาฆ่าเชื้อที่ดื้อยาแล้ว ถ้าเพิ่มเป็นเงินเดือน เพิ่มทั้งระบบ  จะดีกว่า  ตอนนี้ประเทศไทย ต้องการยาแรงๆครับ จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:36:50

ความคิดเห็นที่ 31 สลิ่มหมายถึงพวก เสื้อหลากสีครับพ้องเสียงกับคำว่าซาหริ่มเป็นขนมซึ่งมีหลายสีเหมือนกัน พวกที่บอกว่าไม่ได้อยู่ฝ่ายไหน(แต่ต่อต้านเสื้อแดงตลอด) อยากรู้เพิ่มเติม http://www.youtube.com/watch?v=_09ojfDI1S8 จากคุณ : Love to live เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:45:58

ความคิดเห็นที่ 32 เย่ๆ ราชดำเนินกลับมาแล้ว จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 09:48:11

ความคิดเห็นที่ 33 นึกว่าหมายถึง พวกเด็กเที่ยวร้านสลิม จากคุณ : changtale เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:02:49

ความคิดเห็นที่ 34 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 10:09:18 จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:06:39

ความคิดเห็นที่ 35 ประชานิยม เป็นการช่วยเหลือปชช.ขั้นพื้นฐาน ให้มีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น ให้การศึกษา ยารักษาโรค ให้ทุนทำมาหากิน ฯลฯ ซึ่งชนชั้นกลางขึ้นไป อาจไม่เข้าใจว่า  คนที่ขาดโอกาส ไม่มีเงินทุน  ไม่มีที่ทำกิน ไม่มีการศึกษา ชีวิตพวกเขามืดมนขนาดไหน แม้แต่ในหลวงเอง ก็มีมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้น เพื่อช่วยเหลือ แจกจ่ายสิ่งของ และต้นทุนในการทำมาหากินแก่ปชช. สิ่งที่รัฐบาล ทำควบคู่กันไปคือ การฝึกอาชีพ การหาตลาด และการพัฒนาฝีมือแรงงาน ฯลฯ และ คำว่าประชานิยม ถูก ทำให้กลายเป็นภาพลบ เพื่อเอาชนะกันทางการเมือง เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว นโยบายนี้ถูกนำมาใช้ในชื่อว่า รัฐสวัสดิการ ซึ่ง อาจเหมือนหรือ แตกต่างบ้าง  แต่ยังคง คอนเซปเดียวกัน http://www.chaoprayanews.com/2011/12/31/%E2%80%9C%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%A2-2/ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:09:02

ความคิดเห็นที่ 36 สุเทพมาอ่านต้องบอกว่า "ชายชุดดำ" โพส!!!^^ จากคุณ : satan@เต้ย เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:46:22

ความคิดเห็นที่ 37 หมอ สลิ่ม เปลี่ยน ข้างแล้ว หรือ ? งง จัง ไม่น่าเชื่อ จากคุณ : ก้ามปูจอมพลัง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 10:48:42

ความคิดเห็นที่ 38 ผม ไม่เคยเปลี่ยนข้างครับ  ผมอยู่ข้างเดียวกับความถูกต้องมานานแล้ว แดงผิด ผมด่า เหลืองผิด ผมประนาม สีของผมคือ สีกากี สีของข้าราชการ ข้าของแผ่นดิน ครับผม แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 11:05:23 จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 11:02:55

ความคิดเห็นที่ 39 ผมว่าถ้าคุยกันด้วยเหตุด้วยผล แล้วลองรับฟังความเห็นคนอื่นบ้าง โลกนี้ประเทศนี้จะน่าอยู่อีกแยะครับ ความเห็นแตกต่างกันได้ ไม่ได้แปลว่าทะเลาะกันครับ พยายามเอาใจเขาใจมาใส่ใจเรา ถ้าผู้มีอำนาจคิดถึงประโยชน์ของประชาชนก่อนประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ความขัดแย้งจะน้อยลง ได้แต่หวังว่าเราจะมีผู้นำแบบนี้ซะทีครับ จากคุณ : K'DUS เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 11:17:43

ความคิดเห็นที่ 40 เบื่อจัง ทำไงให้ประเทศนี้มีแต่คนฉลาดและดีนะ จากคุณ : พัดใบใหม่ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 12:38:28

ความคิดเห็นที่ 41 คนฉลาดคงรู้ว่า ไม่มีที่ใดในโลก ที่มีแต่คนฉลาดและดี แม้แต่บนสวรรค์ ยังมีเทวดามิจฉาทิฏฐิ คนที่เรียกร้องหาเช่นนี้  ก็ใช่ว่าจะเป็น จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 12:51:21

ความคิดเห็นที่ 42 ผมอยู่ข้างความถูกต้อง .. พูดได้ดีจริงๆ  แต่คนฟังต้องใช้สติปัญญากันนิดหน่อย ความถูกต้องมันมีจริงเหรอ ครั้งหนึ่ง เราเชื่อว่าโลกแบน นี่คือความถูกต้อง พอเวลาเปลี่ยน พิสูจน์ได้ว่า โลกกลม  .. แล้วเราจะด่าว่าคนที่เชื่อว่าโลกแบนผิด ไม่ถูกต้องได้เหรอ การเมืองในทุกวันนี้ของเราก็เช่นเดียวกัน มันไม่มีหรอก ความถูกต้อง มีแต่ความเชื่อ ว่า น่าจะ..ถูกต้อง แค่นั้นเอง นะ .. คุณพนักงานของรัฐ ผู้ให้บริการประชาชน กินเงินเดือนภาษีของประชาชน (แก้ไขคำผิดครับ) แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:34:52 จากคุณ : if you know เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:27:56

ความคิดเห็นที่ 43 ยาสเตียรอยด์ในช่วงเวลาหนึ่งถือว่าเป็นยาเทวดาเลย ใช้มาประมาณ 50 ปี ก็โดนถอดออกห้ามใช้เพราะว่าเป็นยาอันตราย.และอีก50ปีต่อมาก็นำกลับมาใช้อีก เมื่อมีหลักฐานไหม่ๆเพิ่มขึ้นมาอีก จะเห็นว่า ถูกผิด กลับไปกลับมาตั้ง 3 รอบ ความถูกต้องในช่วงเวลาหนึ่งก็คือความถูกต้องครับ แม้นอีกช่วงเวลาหนึ่งจะมีหลักฐานมาหักล้างก็ตามแต่ผมก็ได้ปฏิบัติใ่นช่วงเวลานั้นๆ. และเมื่อช่วงเวลาเปลี่ยน ผมก็เปลี่ยนตาม. ไม่จีรัง อย่างวันนี้ผมเห็นว่ากี้ผิด ผมก็ยังเห็นว่าผิดต่อไป. จนกว่าจะมีหลักฐานมาหักล้าง.  ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง กี้อาจได้นั่งตำแหน่ง รมต. นั่นเพราะผมเลือกอยู่ข้างความถูกต้อง ไม่เหลืองไม่แดงแต่เป็นสีกากีนั่นเอง ทำอะไรยึดมั่นใน evident base ไม่ใช้อารมณ์ร่วมนั่นเอง ผมดีใจนะครับที่ทุกท่านเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าจะ 300หรือหมื่นห้าก็ตาม เพราะนั่นคือยาแรงที่จะทำให้เงินเกิดการหมุนเวียนในตลาดเพิ่มขึ้นมาอีก แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 14:07:41 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:55:22 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:53:29 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:49:57 จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:44:21

ความคิดเห็นที่ 44 ขยัน ประหยัด อดทน อดออม จะเป็นใครเข้ามาบริหารประเทศก็ช่างหัวมัน ยังไงเราก็รอดครับ จากคุณ : 2ndHand_Fanclub เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 19:27:22

ความคิดเห็นที่ 45 คนไข้อาการหนัก ให้ยาแรงจะไม่ตายเหรอครับ แล้ว 15000 กับ 300 นี่ เป็นยาแรงแต่ว่าไม่ใช่ยาดีนะครับ เดิมทีนโยบายพท.ก็ไม่ได้มีเรื่องค่าแรง แต่เห็นคู่แข่งมี ก็เลยเกทับด้วยตัวเลขที่สูงกว่าเท่านั่นแหละครับ ตัวเลขกลมๆ ลอยมาจากไหนไม่รู้ จะบอกว่าเป็นยาดี คงเป็นได้แค่ยาลูกกลอนนะครับ จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 20:36:38

ความคิดเห็นที่ 46 ปัญหามันจะเกิดกับ คนที่ไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายนั่นแหละครับ คิดดู รัฐจ้างได้ 15000 แล้วบอกว่า เอกชนก็ต้องตามเพื่อดึงคนเก่ง ผมถามคำเดียว รัฐจ้างงานได้เท่าไร ตอนนี้มีข้าราชการ 3 แสนได้ แต่ละปีจะรับได้เท่าไรกัน ส่วนใหญ่ก็รับไปทดแทนอัตราเดิม แล้วแรงงานรายเดือนอีกเป็น 10 ล้านหละครับ การเพิ่มของค่าแรง ทำให้เกิดเงินเฟ้อ ถ้ายิ่งตอนนี้มีการเกิดเงินเฟ้อเทียม เพราะคิดว่ารายได้ทั้งระบบจะเพิ่มขึ้น แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น   คราวนี้แหละครับ ปัญหาที่จะเกิดคือ แรงงานรายเดือนส่วนใหญ่มีค่าครองชีพเพิ่ม แต่รายได้คงที่ ซึ่งส่วนนี้อาจจะเป็นแรงงานรายเดือนส่วนใหญ่ที่จะได้รับผลกระทบ และที่เป็นห่วงก็คือถ้าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ รายได้รัฐหดลง แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างตึง คงมีปัญหา คือผมไม่ได้บอกไม่ให้ขึ้นนะครับ ทั้งเงินเดือนราชการ และขั้นต่ำ แต่การปรับขึ้นก็ควรมองภาพโดยรวมด้วย อย่างราชการเล่นปรับกัน 40%-60% ก็ไม่ไหวนะครับ ปรับซัก 20-30% ก็น่าจะเยอะแล้วด้วย แล้วก็การปรับขึ้น ผมก็ไม่เห็นจะมีนโยบายพัฒนาการทำงานเลย ไม่มี productivity เพิ่มเลย จากคุณ : LoginM2F เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 08:10:18

ความคิดเห็นที่ 47 พวกบ้าการเมืองหยุดได้มะ อยากฟังคนที่เค้ามีความรู้แสดงความเห็นกัน ไม่มีความอะไรในหัวรู้จักแต่กีฬาสี โปรดเงียบไปเถิดนะ ถ้าไม่พูดไม่มีใครหาว่าโง่หรอกนะ จากคุณ : Jeja เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 10:32:08