ความคิดเห็นที่ 1 ผมอยากให้หลายๆท่านที่ยังไม่เคยมีบัตรเครดิตทราบไว้ก่อนว่า ไม่ว่าท่านอยากจะเอาบัตรเครดิตไปทำอะไร เช่น เติมน้ำมัน ซื้อของ กินข้าว ดูหนัง ช้อปปิ้ง จองโรงแรม หรืออะไรก็ตามที่สามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ เพราะจริงๆแล้วประเด็นมันอยู่ที่ว่า ไม่ว่าจะซื้ออะไรก็แล้วแต่ การใช้บัตรเครดิต คือ “การนำเงินอนาคตมาใช้” หมายความว่า สถาบันการเงินนั้นๆ “เชื่อ” และให้ “เครดิต” กับเราว่า ถ้าเรานำเงินของเขามาใช้ก่อน เราจะสามารถเอามาคืนได้ (ไม่ว่าจะเต็มจำนวนหรือขั้นต่ำ) ให้เราระลึกไว้ทุกครั้งที่จะใช้ว่า เราสามารถนำเงินกลับมาคืน “เจ้าของเงิน” ที่เราหยิบยืมมาใช้ชั่วคราวได้ “จริงๆ” จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:13:05

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนที่ 1 ก่อนสมัครบัตรเครดิต   1. คำถามที่ถูกถามมากที่สุด “สมัครบัตรเครดิตของที่ไหนดี” - หลายๆท่านคงจะคุ้นตากับกระทู้ที่ว่า จะสมัครบัตรเครดิตที่ไหนดี คำตอบคือ ให้เลือกที่ที่เราสะดวกและคุ้มค่าที่สุดครับ โดยคำว่าสะดวกในที่นี้หมายถึง สะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น มีเงินเดือนหรือเงินหมุนเวียนเข้าบัญชีธนาคาร A อยู่ ก็ควรจะสมัครกับธนาคาร A ไปเลยครับ เวลาเราจะชำระค่าบัตรเครดิต เราก็สามารถให้หักจากบัญชีของเราไปเลย เพราะยังไงๆเงินเราก็ต้องเข้าบัญชีนี้อยู่แล้ว หมดกังวลกับการชำระล่าช้า เสี่ยงต่อดอกเบี้ยและค่าปรับครับ อีกทั้งการอนุมัติอาจจะง่ายขึ้นด้วยครับ   หรือท่านมีบัญชีกับธนาคาร A แต่ธนาคาร B อยู่ปากซอยหน้าบ้าน อย่างนี้ก็ดีเลยครับ ถึงแม้จะไม่หักจากบัญชีเราโดยตรงแต่ก็ยังสะดวกในการไปชำระอยู่ครับ อย่างที่บอกครับ เอาเงินเขามาใช้ก่อน ก็ต้องคิดถึงเวลาเอาไปคืนด้วยครับ   อีกปัจจัยคือเรื่องของความคุ้มค่าในการใช้บัตร ติดตามรายละเอียดได้ในข้อ 13 ครับ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:40:19 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 13:39:19 จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:16:06

ความคิดเห็นที่ 3 2. “มีบัญชีธนาคาร A แต่ไม่ชอบโปรโมชั่นบัตรของธนาคารนี้เลย จะสมัครที่อื่นได้หรือไม่” - คำตอบคือ ได้ครับ เตรียมเอกสารให้พร้อมก็ไปสมัครได้เลยครับ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:17:07

ความคิดเห็นที่ 4 3. “บัตรไหนอนุมัติง่ายสุด” - ผมบอกได้เลยครับว่า คำว่า “ง่าย” ของแต่ละท่าน ไม่เหมือนกันแน่นอนครับ บางท่านบอกว่าธนาคารนั้น ธนาคารนี้สมัครง่าย แต่พอลองไปสมัครดูไม่ผ่านกันมาก็ตั้งหลายรายแล้วครับ โดยธรรมชาติแล้วธนาคารชอบมนุษย์เงินเดือนครับ เนื่องจากว่า เป็นผู้ที่มีรายได้ที่แน่นอน จะสมัครได้ง่ายกว่าเจ้าของกิจการเพราะ เจ้าของกิจการนั้น ธนาคารอาจมองว่า รายได้ไม่คงที่ ก็คงต้องอาศัยเงินหมุนเวียนเยอะหน่อย ถ้าคุณสมบัติผ่านเกณฑ์โอกาสอนุมัติก็มีเท่าๆกันทุกธนาคารครับ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:18:06

ความคิดเห็นที่ 5 4. “แล้วต้องทำยังไงถึงจะให้ผ่านง่ายๆ” - ตามกฎของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ผู้ที่จะมีบัตรเครดิตได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ “ไม่น้อยกว่า” 15,000 ต่อเดือน ซึ่งถ้าเป็นพนักงานบริษัทก็สามารถดูได้จากฐานเงินเดือนอยู่แล้ว ถ้าเกิน 15,000 บาทก็ไม่น่าจะมีปัญหาครับ ส่วนเจ้าของกิจการไม่ได้แปลว่ามีเงินเข้าเดือนละ 15,000 นะครับ โดยแต่ละธนาคารจะมีสูตรคำนวณเฉพาะ ซึ่งเมื่อคำนวณออกมาแล้วผ่านเกณฑ์ที่ทางแต่ละธนาคารกำหนดไว้ก็โอเคครับ โดยความเป็นไปได้ เจ้าของกิจการควรจะมีเงินหมุนเวียน 6 หลักขึ้นไปในแต่ละเดือน ซึ่งต้องมากน้อยเท่าไหร่อันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ เพราะเป็นความลับของธนาคาร แต่ที่แน่ๆคือยิ่งเยอะก็ยิ่งดีครับ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:18:51

ความคิดเห็นที่ 6 5. “อายุงานไม่ถึง 6 เดือนสมัครได้มั้ย” - เมื่อฐานเงินเดือนผ่านเกณฑ์แล้ว “ควรจะ” ต้องอายุงาน 6 เดือนขึ้นไปครับเพื่อความแน่นอนในการอนุมัติบัตร ส่วนเจ้าของกิจการ ควรจะจดทะเบียนการค้ามาไม่น้อยกว่า 1 ปีขึ้นไปครับ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:19:32

ความคิดเห็นที่ 7 6. “เงินเดือน 8 พัน แต่รวมโอที รวมค่าคอมมิชชั่นแล้วเกิน 2 หมื่น สมัครได้มั้ย” - ตามกฎของหลายๆธนาคาร ฐานเงินเดือนที่ต่ำกว่า 15,000 ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์นะครับ เพราะค่าโอทีกับค่าคอมมิชชั่นเป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน ทางธนาคารจะไม่เอามาคำนวณด้วยครับ อย่างที่บอกไปข้างต้นครับว่า ธนาคารชอบอะไรที่เป็นรายได้แน่นอน เจ้าของกิจการถึงได้สมัครบัตรเครดิตยากกว่าพนักงานประจำ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:20:04

ความคิดเห็นที่ 8 กระทู้ล่ากีฟ ;-) จากคุณ : เขียนบน iPhone (แบงค์ Sound station) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:20:42

ความคิดเห็นที่ 9 7. “เอกสารครบทุกอย่างทำไมสมัครไม่ผ่าน” - การที่เอกสารครบทุกอย่าง คุณสมบัติผ่านทุกอย่าง แต่ต้องอย่าลืมว่าธนาคารจะเช็คข้อมูลเครดิตของเราด้วย ที่เรารู้จักกันดีว่า “เครดิตบูโร” บางครั้งเราอาจจะไปเซ็นค้ำประกันใครไว้ ได้กู้บ้านไว้ กู้เงินซื้อรถไว้ เหล่านี้มีผลต่อการอนุมัติบัตรเครดิตทั้งหมดครับ หากธนาคารมองว่าเรามีภาระหนี้รวมสูงเกินกว่ารายได้ของเรา ก็อาจจะไม่อนุมัติได้ครับ ในทางตรงกันข้าม เราเป็นลูกค้าซึ่งกู้เงินกับธนาคารนั้นๆ เช่นกู้ซื้อบ้าน บางครั้งก็ได้บัตรเครดิตเป็นของแถมมาด้วยเลยครับ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:20:57

ความคิดเห็นที่ 10 8. “Blacklist คืออะไร” - อยากทำความเข้าใจกับหลายๆท่านว่า คำว่า “Blacklist” ไม่มีระบบนะครับ เพียงแต่ว่า ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 ทางสถาบันการเงินจะต้องส่งข้อมูลเครดิตของเราให้แก่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (Nation Credit Bureau Co.,Ltd.) เป็นผู้เก็บรักษาข้อมูลเหล่านี้ไว้ เมื่อเรายื่นคำขอสมัครบัตรเครดิตกับธนาคารใด ธนาคารนั้นก็มีความจำเป็นต้องขอตรวจสอบเครดิตของเราว่า ที่ผ่านมาเราเคยผิดชำระหนี้หรือเปล่า พูดง่ายๆว่าเราจะชักดาบมั้ย ถ้าเอาเงินของเค้ามาใช้ก่อน อย่างที่เกริ่นไปตอนต้น หากธนาคารเห็นว่าเราเป็นลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้บ่อยๆ เหมือนกับถ้ามีคนมาขอยืมเงินเรา และไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาใช้คืนเราหรือเปล่า หรือใช้คืนบ้างไม่ใช้คืนบ้าง เราก็คงไม่ให้ ฉันใดก็ฉันนั้นครับ อย่างไรก็ดี ธนาคารไม่สามารถไปเอาข้อมูลเครดิตของใครมาดูก็ได้ตามใจชอบนะครับ ธนาคารต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวก่อน ซึ่งในการยื่นสมัครบัตรเครดิต เราจะไม่ยินยอมก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้วถ้าไม่มีอะไรต้องปกปิด ก็ไม่มีเหตุผลจะไม่ให้ตรวจสอบจริงมั้ยครับ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:21:52

ความคิดเห็นที่ 11 9. “ไม่ผ่านเกณฑ์ซักอย่างแต่อยากทำบัตรเครดิตทำไงดี” - มีอีกวิธีสำหรับผู้ที่อาจจะทำงานมานาน แต่เงินเดือนไม่ถึงเกณฑ์ หรือประกอบอาชีพที่ไม่ได้มีรายได้ประจำ ไม่มีใบทะเบียนการค้า ไม่มีสลิปเงินเดือน อาชีพอิสระต่างๆ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้บัญชีเงินฝากค้ำประกัน โดยเงินที่เราฝากไว้ในบัญชีนี้ จะไม่สามารถถอนออกมาได้จนกว่าจะยกเลิกบัตรเครดิต ซึ่งวิธีนี้โอกาสผ่านสูงมากครับ ซึ่งข้อมูลตอนนี้ มีอยู่ 3 ธนาคารที่ทำได้ครับ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารกรุงเทพ อีกวิธีหนึ่งคือสมัครแบบผู้มีเงินออม ไม่มีรายได้ประจำแล้ว แต่เรามีเงินฝากอยู่กับธนาคาร A อย่างน้อย 5 แสนบาทเป็นเวลา 6 เดือนขึ้นไป เราก็สามารถทำได้ครับ โดยที่ธนาคารไม่ได้ห้ามเบิกถอนจากบัญชีนี้ด้วย จะแตกต่างจากการสมัครแบบใช้เงินฝากค้ำประกันที่ห้ามถอนจะกว่าจะเลิกใช้ ซึ่งจะเริ่มต้นฝากค้ำประกันที่ 15,000 บาทก็สามารถทำได้แล้วครับ แต่ถ้ามีเงินฝากอยู่ธนาคาร A แต่อยากทำบัตรเครดิตธนาคาร B โดยทำแบบผู้มีเงินออม ก็ทำได้ครับแต่ อาจจะต้องมียอดเงินออมอย่างน้อย 1 ล้านบาทขึ้นไปเพื่อความแน่นอนในการอนุมัติครับ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:23:01

ความคิดเห็นที่ 12 10. “ทำบัตรเสริมจะเช็คเครดิตบูโรมั้ย” - เช็คแน่นอนครับ เพียงแต่ว่าถ้าไม่มียอดค้างชำระ ถึงแม้จะมีผิดนัดบ้าง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาครับ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:23:22

ความคิดเห็นที่ 13 11. “บัตรไหนไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีบ้าง” - คำถามนี้เป็นอีกคำถามสุดฮิตอีกคำถามหนึ่ง โดยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตนั้น ต้อง “ชำระก่อนใช้” เพียงแต่ธนาคารส่วนใหญ่จะยกเว้นค่าธรรมเนียมตรงนี้ให้ ทำให้เราไม่ต้องจ่ายในครั้งแรกที่เราได้บัตรเครดิต เหมือนที่เราได้ยินกันบ่อยๆว่า “ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี ปีแรก” หลังจากที่เราถือบัตรครบ 1 ปีแล้ว แต่ละธนาคารก็จะมีเรียกเก็บหรือไม่เก็บค่าธรรมเนียมในแต่ละบัตรซึ่งไม่เท่ากันครับ ข้อมูลที่พอจะมีรวบรวมมาให้ดังนี้ครับ KTC – ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ (มีเงื่อนไขต้องใช้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง) Krungsri - ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ (มีเงื่อนไขต้องใช้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง) BBL – ฟรีค่าธรรมเนียมปีต่อไป ถ้าใช้ครบ 5 พันบาทต่อปี ยกเว้นบัตรผู้นำและบัตรร่วมโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ที่ต้องใช้ปีละ 150,000 บาทถึงจะยกเว้นโดยอัตโนมัติ Kbank - ฟรีตลอดชีพ สำหรับบัตร Platinum ถ้าบัตรระดับต่ำกว่านั้นใช้ปีละ 12 ครั้ง ฟรีค่าธรรมเนียม ถ้าใช้ครบ 5 ปี ฟรีตลอดชีพ (บัตร Premier และ The Wisdom ฟรีค่าธรรมเนียมตราบเท่าที่ยังคงสถานะไว้) Citibank – มีค่าธรรมเนียมทุกบัตร  ขอยกเว้นได้บางบัตร ส่วนบัตร Platinum Select ไม่มียกเว้นค่าธรรมเนียมทุกกรณี TMB – ฟรีตลอดชีพ SCB – มีค่าธรรมเนียมทุกบัตรแต่โทรขอยกเว้นได้  ถ้าใช้ถึงเกณฑ์ (แต่ละบัตรไม่เท่ากัน) ก็ฟรีค่าธรรมเนียมอัตโนมัติโดยไม่ต้องโทรขอ เฉพาะบัตร Beyond ที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมไม่ได้ หรือถ้าไม่จ่ายค่าธรรมเนียมก็ไม่ได้สิทธิ์ 1 point Thanachart -  มีค่าธรรมเนียม  ถ้าบัตรธรรมดาใช้ ปีละ 2 หมื่น ส่วนบัตร Platinum ใช้ปีละ 3 หมื่น ฟรีค่าธรรมเนียม UOB – มีค่าธรรมเนียมทุกบัตร  โทรขอยกเว้นได้   SCBT – มีค่าธรรมเนียมทุกบัตร โทรขอยกเว้นได้ HSBC – มีค่าธรรมเนียมทุกบัตร โทรขอยกเว้นได้ Central Card – มีค่าธรรมเนียมทุกบัตร โทรขอยกเว้นได้ Tesco Lotus – มีค่าธรรมเนียมทุกบัตร  โทรขอยกเว้นได้ เฉพาะบัตร Platinum ไม่มีการยกเว้นทุกกรณี จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:26:49

ความคิดเห็นที่ 14 12. “สมัครบัตรเครดิตใช้เวลานานแค่ไหน” - ขั้นตอน “ปกติ” ของการสมัครบัตรเครดิต อยู่ที่ 2 – 3 สัปดาห์เป็นอย่างน้อยครับ นับตั้งแต่วันสมัครถึงวันได้รับบัตร ที่เร็วกว่านั้นเห็นจะมี โลตัส กับ เซนทรัลที่สามารถรอผลได้ภายใน 1 ชั่วโมง นั่นเป็นบริการพิเศษที่ทางห้างอยากให้เรารีบไปใช้เงินซื้อของน่ะครับ อนุมัติแล้วมีบัตรชั่วคราวให้ซื้อของได้เลย สำหรับบางท่านอาจจะเคยเจอว่ารู้ผลเร็วกว่า 2 – 3 สัปดาห์ หรือบางท่านอาจจะรอเป็นเดือนๆ นั่นคือขั้นตอนที่ “ไม่ปกติ” ครับ ที่เร็วอาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นใบสมัครน้อย เอกสารประกอบการพิจารณาครบถ้วนสมบูรณ์ หรือที่ช้าเป็นเพราะใบสมัครเยอะ หรือเอกสารไม่ครบครับ ดังนั้นเวลาสมัครไปแล้วก็อดใจรอนิดนึงครับ โดย “ปกติ” ไม่เกิน 2 – 3 สัปดาห์รู้ผลครับ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:28:01

ความคิดเห็นที่ 15 13. “สรุปแล้วบัตรเครดิตของที่ไหนดีที่สุด” - คำถามนี้ตอบได้ยากมากครับ เพราะคำว่า “ดีที่สุด” ของแต่ละคนไม่เหมือนกันแน่นอน แต่อย่างที่ผมได้บอกไว้ตอนต้นว่า ควรเลือกบัตรที่เราใช้แล้วรู้สึกว่า “สะดวกและคุ้มค่าที่สุด” มากกว่าครับ บางคนชอบท่องเที่ยวก็อยากได้บัตรที่สะสมไมล์ได้เร็วๆ บัตรไหนที่สะสมไมล์ไม่ได้ก็ว่าไม่ดี บางคนไม่ชอบเดินทางแต่ชอบเงินคืน บัตรไหนให้เงินคืนเยอะๆก็ว่าดีที่สุด บางคนชอบเติมน้ำมันเป็นหลัก บัตรไหนให้ส่วนลดที่ปั๊มเยอะๆก็ว่าดีที่สุด ถามร้อยคนก็อาจจะได้คำตอบร้อยแบบครับ บัตรที่ดีที่สุดควรเป็นบัตรที่เราใช้แล้วสะดวกในการชำระคืนและคุ้มค่าสำหรับเราที่สุดที่จะได้สิ่งตอบแทนกลับมาจากการใช้ จะบัตรเงิน บัตรทอง บัตรแพลทินัม บัตรแพลทินัมกว่า หรือบัตรอะไรก็แล้วแต่ มันคือการเอาเงินคนอื่นมาใช้ก่อน อย่าลืมคิดถึงตอนเอาไปคืนด้วยนะครับ แล้วยังไงที่เรียกว่า “คุ้มค่าที่สุด” ก็อีกนั่นแหละครับ ถามร้อยคนก็ตอบร้อยแบบ บางคนชอบเงินคืน บางคนชอบไมล์สะสม บางคนชอบคะแนนคูณหลายเท่าไว้แลกของรางวัล บางคนชอบส่วนลดปั๊มน้ำมัน ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้มันเป็นผลพลอยได้หรือสิทธิ์ที่เราพึงได้จากการใช้จ่ายผ่านบัตร ดังนั้นก่อนที่จะสมัครบัตรเครดิต เราก็ควรหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ บัตรที่เราสนใจ หรือรู้สึกว่าถ้าใช้บัตรนี้ก็คงสะดวกดี ตลอดจนผลตอบแทนที่เราได้กลับมา เราพึงพอใจแล้วหรือไม่ ถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างสะดวกหรือคุ้มค่า บางทีก็ต้องตัดใจเลือกเหมือนกันครับ บางคนอาจคิดว่า ไม่เป็นไร จ่ายที่ไหนก็ได้ เสียค่าธรรมเนียมเอา มีเงินจ่าย แค่ไม่กี่สิบบาท แต่ผลที่ได้กลับมาคุ้มค่ามากกว่า อันนี้ต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัวแล้วครับ ส่วนค่าธรรมเนียมรายปีนั้น ส่วนใหญ่จะขอยกเว้นได้อยู่แล้วครับ จะมีบางบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์สูงมากๆ จะยกเว้นค่าธรรมเนียมไม่ได้ครับ ถ้าคิดว่าจ่ายแล้ว “คุ้มค่า” ก็อย่าไปเสียดายครับ บางคนคิดว่า เจ้าอื่นเค้าให้ถือฟรีๆเยอะแยะไป ทำไมต้องมาเสียเงินจ่ายค่าธรรมเนียม ก็อย่างที่บอกแหละครับว่า “ความคุ้มค่า” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าบัตรไหนใช้แล้วสะดวกด้วย คุ้มค่าอีกด้วย ก็คงถูกใจเราอย่างจังเลยจริงมั้ยครับ ที่สำคัญอย่าลืมนะครับว่า “การใช้บัตรเครดิตคือการยืมเงินคนอื่นมาใช้ ต้องเอาไปคืน” จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:34:46

ความคิดเห็นที่ 16 โปรดติดตามต่อตอนที่ 2 เมื่อได้บัตรเครดิตมาแล้ว ยังมีคำถามข้อสงสัยอีกมากมายครับ ^_^ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 13:35:10

ความคิดเห็นที่ 17 กระทู้ดีมั่กๆ มีกิ๊ฟติดประปราย พอปลายเดือนก็ออกมาแลกกิ๊ฟกันให้รึ่ม จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 15:49:37

ความคิดเห็นที่ 18 ขอหนึ่งคำถามเลยครับบบบ บัตรเครดิตกดเงินสดได้ไหมแล้วคิดค่าจะเสียค่าอะไรบ้างครับ จากคุณ : ninjathai เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 01:32:45

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ ninjathai ครับ คำถามนี้เก็บไว้ตอบตอน 2 นะครับ ^_^ จากคุณ : ซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 10:09:50

ความคิดเห็นที่ 20 มาช่วยตอบแทนนิดหน่อยค่ะ ตอบคห.18นะคะ เราทราบในส่วนของธนาคาร HSBC แต่ไม่ทราบว่าธนาคารอื่นเป็นแบบนี้หรือเปล่่านะคะ จะเสีย 3% ของยอดเงินที่กดเงินสด บวก vat อีก 7% ซึ่งจะต้องเสียดอกเบี้ยอีก 20%ต่อปี ดอกเบี้ย 20% คำนวนเป็นรายวันนะคะ จะคิดนับตั้งแต่วันที่กดเงินจนกระทั่งชำระหนี้เข้ามาครบค่ะ ปล.บัตรเครดิต Platinum ของ HSBC ถ้าใช้จ่ายผ่านบัตรครบ 1 แสนบาทต่อปี จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีโดยอัตโนมัติค่ะ จากคุณ : ผ้าม่านกันแดด เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 20:52:00

ความคิดเห็นที่ 21 ข้อ 4 ก็ถูกครึ่งหนึ่งครับ...        ในประกาศของ ธนาคารแห่งประเทศไทย เขียนว่า ผู้สมัครบัตรเครดิตจะต้องมีรายได้ เน้นคำว่ารายได้นะครับ  เพราะ รายได้นั้นไม่ใช่เงินเดือนอย่างเดียว......ตั้งแต่ 15000 ขึ้นไป ข้อ 8 ถูกครึ่งหนึ่ง...... ผู้สมัครบัตรเครดิต หรือ ผู้ขอสินเชื่อ จะต้อง กรอก Consent form หรือ แบบฟอร์มยินยอมให้ตรวจสอบสอบข้อมูลกับ NCB ครับ  มิฉะนั้น จะไม่มีการอนุมัติทุกกรณีเพราะผิด พรบ. ข้อมูลเครดิตครับ ผู้ให้เครดิตจะต้องตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนให้เครดิตครับ   ดังนั้นถ้าตรวจสอบไม่ได้ก็อนุมัติไม่ได้ Consent form หรือ แบบฟอร์มยินยอมให้ตรวจสอบสอบข้อมูลกับ NCB จะเป็นส่วนหนึ่งของใบสมัครขอสินเชื่อครับ  ท่านอาจจะเซ็นต์ไปโดยไม่รู้ตัว  แต่สถาบันการเงินจะต้องนำส่ง Consent form ให้ NCB ให้ครบตามข้อมูลที่ขอสืบค้น มิฉะนั้น ....ผิดพรบ. ข้อมูลเครดิตอีกเช่นเดียวกันครับ มีโทษทั้งจำทั้งปรับ จากคุณ : เขียนบน PC (mahnoitammada) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 12:48:07

ความคิดเห็นที่ 22 พอดีเลยครับ ผมรบกวนสอบถามเรื่องความปลอดภัยหน่อยครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I11551191/I11551191.html จากคุณ : ska sky เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 14:18:11

ความคิดเห็นที่ 23 กำลังหาข้อมูลก็พอดีเสิร์ชเจอกระทู้นี้ กรี๊ดดด ทุกคำถามในใจมีคำตอบในกระทู้เดียว >_< ขอบคุณมากๆนะคะ จากคุณ : Milkmoon เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 08:07:18

ความคิดเห็นที่ 24 ตอนนี้มีปัญหาอยากยกเลิกค่ะ ช่วยแนะนำวิธียกเลิกที่ง่าย ๆ และได้ผลให้หน่อยค่ะ จากคุณ : mayu001 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 10:40:59

ความคิดเห็นที่ 25 ^ ^ ^ มันยกเลิกยากด้วยเหรอครับ ผมเข้าใจว่าก็แค่ไปแจ้งไม่ใช่เหรอครับ? จากคุณ : ska sky เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 21:03:51

ความคิดเห็นที่ 26 กระทู้อ่านดีมีประโยชน์มากๆค่ะ ^^ จากคุณ : joyleeko เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 00:43:34