Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
### บทความเรื่อง : มองหุ้น Turnaround เป็นการลงทุนอย่างแท้จริง (By pak) ### ติดต่อทีมงาน

การลงทุนในหุ้น Turnaround สำหรับผม
มันไม่ใช่ "การเล่นหุ้น" หรือ "การซื้อมาขายไปอย่างรวดเร็ว"
แต่ผมทำมันเป็น "โครงการ" หรือ "Project" กันเลยทีเดียว

มันหมายถึง...
ผมมองหุ้น Turnaround เป็นการลงทุนอย่างแท้จริง
หากเราเปรียบเทียบการลงทุนในหุ้น Turnaround ของเรา เป็นเสมือน "Project การเปิดร้านอาหาร" สักแห่งหนึ่ง
ผมจะสมมุติตัวเองเป็น ผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่ง ที่จะเข้ามานั่งประชุมเพื่อตัดสินใจว่า "ธนาคารของเราจะปล่อยสินเชื่อหรือเข้าร่วมทุนกับโครงการดังกล่าวหรือไม่???"

สิ่งที่เราต้องดูนอกจาก ตัวเลข และ Ratio ต่างๆ ที่ถือว่าเป็น "ข้อมูลพื้นฐาน" แล้ว
แต่แค่นั้นไม่เพียงพอครับ
ผมต้องขอฟัง "Business Plan, Strategy และ Marketing" ของบริษัทฯนั้นๆด้วย

ถ้าจะเทียบไปแล้ว
"CEO" น่าจะเปรียบเทียบได้กับ "ผู้จัดการร้านอาหาร"
"ผู้บริหารและบอร์ดของบริษัทฯ" ก็น่าจะเปรียบเทียบได้กับ "พ่อครัว"
"หมวดอุตสาหกรรม"ก็น่าจะเปรียบเทียบได้กับ "ชนิดของอาหารที่เราจะทำขาย"
และ "Business Plan, Strategy และ Marketing" ก็น่าจะเปรียบเทียบได้กับ "ทำเลที่ตั้งของร้าน, จุดเด่นและจุดด้อยของร้าน และความสามารถในการแข่งขันที่มีเหนือคู่แข่ง"
แล้วเราก็เพียงพิจารณาว่า "ร้านอาหารแห่งนี้...น่าจะขายดีในอนาคตหรือไม่?"

จึงไม่น่าแปลกใจครับ ที่การตัดสินใจดังกล่าว มันคือ การลงทุนระยะยาวอย่างแท้จริง
จึงไม่ค่อยมีการซื้อๆขายๆหุ้นออกไป
และสิ่งที่เราควรทำมากกว่า คือ เฝ้ามองว่า "ร้านอาหารนั้นขายดีไหม? ลูกค้าเข้าร้านเยอะไหม? แล้วลูกค้าพึงพอใจกับสินค้าและบริการของร้านเราหรือไม่?"
และที่สำคัญ "ผลประกอบการของร้านนั้น เป็นไปตามที่เราคาดหมายหรือไม่?"
ร้านอาหารในช่วงแรกๆ ไม่จำเป็นต้องขายดีมากมายอะไร
แต่เราเพียงพอ "Trend ของผลการดำเนินงาน" เทียบกับสิ่งที่เราคาดหมาย...ก็เพียงพอแล้วครับ

ที่ขาดไม่ได้คือ "ความซื่อสัตย์ของกิจการ" นั้นๆ
เพราะต่อให้กิจการดีเพียงใด แต่ถ้ามีการโกงกัน หรือบริหารจัดการภายในไม่ดี
สุดท้ายกิจการนั้นก็ไปไม่รอดครับ
ดังนั้น "ความไว้ใจ" และ "ธรรมมาภิบาล" จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งครับ
ถ้าไม่ไว้ใจกัน ก็อย่าลงทุน

ความจริงข้อหนึ่ง คือ ผลประกอบการของร้านอาหารนั้นๆ จะแจ้งให้เราทราบเพียงไตรมาสละ 1 ครั้ง
ดังนั้น แท้จริงแล้ว การซื้อขายหุ้น เราทำเพียง "ปีละ 4 ครั้ง" นั่นคือมากที่สุดแล้วครับ!!!
แต่นี่ เราอยู่ในตลาดหุ้น ที่เปิดทำการทุกวันในวันจันทร์ถึงศุกร์ มันจึงมากเหลือเกิน มากเกินพอดี
มากจนทำให้ Speculator หรือนักเก็งกำไร เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในกิจการของเรา
โดยอาศัย ข่าวปล่อยต่างๆ และอารมณ์ของตลาดโลกต่างๆทั้งความโลภและความกลัว

ถามซักคำว่า "ถ้ายุโรปมีปัญหา ร้านอาหารของเรากระทบหรือไม่?"
อืมมม จริงๆแล้ว มันแทบไม่เกี่ยวกันเลยนะครับ
แต่นักเก็งกำไร เค้าดึงให้มันมาเกี่ยวกันได้ครับ เพราะมันเป็นเรื่องของ "อารมณ์" ล้วนๆ
เค้าสร้างช่องว่างแห่งผลประโยชน์ เค้าทำให้เงินวิ่งไปวิ่งมาผ่านหน้าเราไป
เค้าเล่นกันสิ่งที่เรียกว่า ความโลภ และ ความกลัว ของเราครับ

ผมจึงมักบอกเสมอๆว่า...
ถ้าตลาดหลักทรัพย์เปิดเพียงปีละ 1 วัน...ผมก็ไม่เดือดร้อน
ถ้าตลาดหลักทรัพย์เปิดปีละ 4 ครั้ง...นั่นก็ถือว่ากำลังดี
แต่โลกแห่งความเป็นจริง มันไม่ใช่ครับ
"ภาพของการลงทุน" ถูกซ้อนอยู่กับ "ภาพของการเก็งกำไร" อย่างแทบจะแยกกันไม่ออก
มันคือ "2 เรื่อง" ที่เดินคู่ขนานกันจนมองเสมือนเป็นภาพเดียวกัน

แต่เราสามารถ "แยกได้" ครับ
เราสามารถแยกภาพทั้งสองออกจากกันได้
เราสามารถแยก "เหตุผล" ออกมาให้เหนือ "อารมณ์" ได้เสมอ
เพราะมันอยู่ที่ "มุมมอง" ของนักลงทุนเท่านั้นครับ

ใช่ครับ...
ผมขอย้ำอีกครั้งครับว่า "ผมคือนักลงทุนระยะยาวที่แท้จริง"
แต่คำว่า Project มันก็มีเวลาจบสิ้นนะครับ
ในฐานะของนักลงทุนหุ้น Turnaround นั้น
เมื่อบริษัทฯนั้นสามารถเริ่มคลาน, เดิน และออกวิ่งได้แล้ว ผมถือว่า "ภาระกิจของผม...ก็จบสิ้นลง" เช่นกัน
ส่วนจะอยู่กับเค้าต่อไป หรือจะไปเปิด Project ใหม่

"เหตุปัจจัย"ในเวลานั้นเท่านั้นครับ...ที่จะเป็นคำตอบ

pak

จากคุณ : Again-With-Love
เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 12:21:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com