ความคิดเห็นที่ 1 คนที่ขายวันนั้น จากคุณ : Dreadnought เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 07:09:13

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบอาจไม่ตรงคำถามแต่ขอระบาย การดำเนินงานตามปรกติไม่มีปัญหาอะไร ที่มีปัญหาคือการซื้อขายที่ผิดปรกติ และราคาไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น (ซึ่งเป็นจุดขายของกองทุนที่บอกว่า ราคาจะไปในแนวทางเดียวกับราคาตลาดทองคำโลก และกองทุนฯที่เข้าไปใช้ราคามาเป็นค่าNAVนั้นน่าเชื่อถือ) ดังนั้นการที่ราคาผิดปรกติแบบนั้น ทำให้ค่าNAVวันนั้นไม่น่าเชื่อถือ อันน่าจะมาจากการซื้อขายที่น่าสงสัย หรือการดูแลตลาดของทางที่อยู่สิงคโปร์ไม่มีมาตรการที่ดีพอ ที่จะควบคุมคนหรือใครก็ตามที่มีเจตนาแอบแฝงไม่ดี (ดังจะเห็นจากกรณีของเทรดเดอร์ลวงโลกคราวนั้นนิค ลีสัน ที่ทำงานในสิงคโปร์ทำเอาธนาคารแบริ่งส์เจ๊งไป ซึ่งตอนนี้ออกมาจากคุกแล้ว) ถ้าจะเอาจากนิยามที่ทางธนาคารเขียนไว้ กองทุนรวม คือ เครื่องมือในการลงทุน (investment vehicle) สำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ประสงค์จะนำเงินมาลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน แต่ติดขัดด้วยอุปสรรคหลายประการ ที่ทำให้การลงทุนด้วยตนเองไม่สามารถได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ต้องการ เช่น มีทุนทรัพย์จำนวนจำกัด ไม่สามารถกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเภทได้มากพอ เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน หรือ ไม่มีประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญในการลงทุน หรือ ไม่มีเวลาจะศึกษา ค้นหา และติดตามข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจการลงทุน            กองทุนรวม จึงเป็นเครื่องมือในการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ มีการจัดการลงทุนอย่างเป็นระบบ โดยมีจุดมุ่งหมายให้การลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีสุด ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้ ผมก็ถือว่าผมรับความเสี่ยงในราคาที่ปรับผิดปรกติแบบนี้ไม่ได้ แถมยังเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 18 มีนาคม 2554 และเกิดเหตุการคล้ายกันขึ้นอีก แต่คราวนี้ทางกองทุนก็ยังไม่ได้มีวิธีที่จะจำกัดความเสี่ยงตรงจุดนี้ได้ ผมจึงมองความเสี่ยงนี้ว่าอาจเกิดขึ้นต่อไปได้อีกในอนาคต ผมจึงมีความคิดและตัดสินใจเลิกเล่นกองทุนฯต่างๆ ที่อิงราคาสิงคโปร์นี้แล้วครับ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 08:08:32

ความคิดเห็นที่ 3 ตอบตามข้อ ดังนี้นะคะ 1. คำสั่งซื้อขายในแต่ละวันนั้นทาง บลจ มีอำนาจตัดสินใจเองมั้ยครับว่าจะส่งคำสั่งไปสิงคโปร์หรือไม่ และเท่าไหร่ หรือต้องส่งไปตามที่ลูกค้าส่งคำสั่งมา ตอบ ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาความเหมาะสมของการส่งคำสั่งในแต่ละวัน โดยดูจากยอดซื้อและยอดขายในแต่ละวัน  รวมถึงเงินสดคงเหลือ  และจะพิจารณาส่งคำสั่งซื้อหรือขายตามความเหมาะสม โดยจะพยายามให้ผลตอบแทนของกองทุนใกล้เคียงกับกองทุนหลักมากที่สุด สำหรับค่าธรรมเนียมซื้อขายกองทุนที่เรียกก็บจากผู้ลงทุน 0.1% ทั้งขาเข้าและขาออก  จะเก็บเข้ากองทุนบริษัทจัดการไม่ได้รับไว้   การเก็บค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนเพื่อให้กองทุนนำไปจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมการซื้อขายกับกองทุนหลักหรือ SPDR GOLD  อีกทีนึงค่ะ 2. รายการจากประเทศเรามีความสามารถในการร่วมทำราคา หรือมีผลกระทบใน SPDR แค่ไหน ตอบ ไม่สามารถระบุได้ค่ะ   เนื่องจากทาง บลจ. ไม่มีข้อมูลว่ายอดสั่งซื้อจากทุกกองทุนในประเทศไทยไปยัง SPDR GOLD ในแต่ละวันเป็นเท่าใด  ทั้งนี้ ปริมาณซื้อขายโดยเฉลี่ยแต่ละวันของ SPDR GOLD ในปี 2554 อยู่ที่ประมาณ 9.9 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯต่อวัน  ดังนั้น รายการซื้อหรือขายจากประเทศไทยจึงอาจจะมีส่วนบ้างค่ะ อย่างไรก็ตาม  เนื่องจากกองทุน SPDR GOLD เป็นกองทุน ETF ซึ่งจะมีผู้ดูแลสภาพคล่องอยู่ในตลาดสิงคโปร์ที่จะช่วยทำให้ราคาซื้อขายระหว่างวันในตลาดไม่แตกต่างจากราคาที่ควรจะเป็น (iNAV) มากนัก 3. ลักษณะการลงทุนแบบอ้างอิงราคาต่างประเทศแบบนี้ ทางผู้บริหารกองทุนมีสิทธิทำอะไรได้บ้างในการซื้อขายแต่ละวัน ตอบ  ผู้จัดการกองทุน K-GOLD จะพิจารณาส่งคำสั่งซื้อขายแต่ละวันตามราคาที่เหมาะสม  โดยจะไม่มีการไล่ราคาขึ้นไป  โดยฝ่ายซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นคนละฝ่ายกับผู้จัดการกองทุน จะเป็นผู้ที่พิจารณาราคาที่เหมาะสมในการส่งคำสั่งแต่ละครั้งตามที่ผู้จัดการกองทุนต้องการอีกครั้งหนึ่งค่ะ 4. บลจ จำเป็นต้องชดเชยใดๆให้ผู้ซื้อหรือไม่ หาก SPDR ที่สิงคโปร์ปิดโดดแบบนี้อีก ตอบ  เนื่องจากการนำราคาปิดของหลักทรัพย์สิ้นวันมาคำนวณมูลค่า NAV ของกองทุน  เป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมบริษัทจัดการ  ซึ่งทุกกองทุนถือปฏิบัติอยู่ค่ะ     จากนี้จะมีการประชุมสมาคมบริษัทจัดการ  เพื่อให้กองทุนทองคำทุกกองทุนในประเทศไทยมีการใช้ราคาคำนวณ NAV ที่เหมาะสมต่อไปค่ะ จากคุณ : K8888 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 09:15:58

ความคิดเห็นที่ 4 ใครคิดจะเล่นในอนาคต K-Gold หรือ ถือต่อ จงตระหนักไว้เลยนะครับ ว่ากสิกร KBank มี 2 มาตรฐาน และ โฆษณาชวนเชื่อ ไม่เป็นไปตามที่แจ้งไว้ในหนังสือชี้ชวน เกิดปัญหาแล้วไม่รับผิดชอบ โฆษณาทำไมว่า ราคาจะอิงและใกล้เคียงราคาตลาดทองคำโลก แต่ทำไม่ได้ และ เคส 18 มีนาคม 2554 บลจ KBank กสิกร มาแก้ไขให้, คราวนี้ 30 ธันวาคม ***เคสเดียวกันทุกกรณี*** แต่ ไม่ยอมชดเชยให้แบบเดิม แปลว่า???? ความน่าเชื่อถืออยู่ที่ไหน????? ตอนนี้ K-Gold กสิกร มี 2 มาตรฐานแล้วเหรอ แก้ปัญหาให้คนรอบแรก แต่รอบสองไม่แก้ไข ไม่ดำเนินการใดๆให้ นี่ครั้งนี้ที่ราคาผิดปรกติ วันที่ 30 ธค. บอกได้เลยว่าราคาปิดไม่ใกล้เคียงตลาดโลกแม้แต่น้อยเลย เกือบ 10% ที่ลูกค้าที่ซื้อวันนั้นโดนไป แต่?????? เงียบ....... นี่บริษัทใหญ่นะ ไม่ใช่ร้านค้า no name ที่ไม่มีชื่อที่ไหน ความน่าเชื่อถือ และ มาตรฐานการแก้ไขปัญหาอยู่ที่ไหน ทำไม ไม่แก้ไขหรือดำเนินการให้เหมือนรอบแรก จากคุณ : Mr Thai Find เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 09:51:21

ความคิดเห็นที่ 5 Kbank คงคิดว่า ตอนนั้นไม่น่าชดเชยให้เลย จากคุณ : xxaha เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 10:56:36

ความคิดเห็นที่ 6 จริงๆถ้าวันนั้นทางกองทุน ฝ่ายบริหารยอมประชุมพิเศษและไม่ไปเที่ยวปีใหม่ หาวิธีฟรีซคนที่ซื้อและขายในวันนั้นก่อน ก็น่าจะมีวิธีทำให้เรียบร้อยได้ เพราะราคาNAVที่ผิดปรกติ โดยอาจจะโมฆะคนที่ซื้อและขายในวันนั้นทุกคน และให้มาซื้อขายในวันที่4แทน ผมว่าหลายคนยอมรับได้นะครับ แต่ทุกอย่างก็ช้าไปแล้ว ทำอะไรก็ลำบากแล้วนะตอนนี้ จริงๆทุกกองทุนน่าจะคอมเม้นท์ไปทางสิงคโปร์เลยนะครับ ให้จัดการปัญหานี้ เพราะทำให้เสื่อมเสียและดูเหมือนกองทุนในไทยที่อิงราคาสิงคโปร์ เป็นพวกเจ็บไม่จำ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 10:56:53

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่า จขกท. พอเหอะครับ เรื่องนี้มันโดนกันทั้งหมดที่เกี่ยวกับ SPDR สิงคโปร์ มันคืออาชญากรรมทางการเงินดีๆนี่เองเหมือนกรณีปั่นหุ้นหรือ กบข. นั่นแหละ ซึ่งคนทำไม่เคยมีโอกาสได้ติดคุกครับ สรุปว่า มันจบแล้วครับผม มาอยู่เป็นดอยกับพวกผมล่ะกัน ดอยผมอยู่ 1680 ดอยพวกคุณอยู่ 1700 รอสามสิบปีมารับแน่นอนครับ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 55 10:59:07 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 10:58:31

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องนี้ก็เหมือนกับการที่คนทิ้งหุ้นก่อน Y2K นั่นแหละ เขาทิ้งเพราะกลัวคอมพิวเตอร์เกิดผิดพลาดซึ่งเป็น'ความเสี่ยง'ประเภทหนึ่ง มองดลกในแง่ดีก็เหมือนคุณเปิดกิจการวันแรกแล้วเกิดแผ่นดินไหวนั่นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 55 11:01:29 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 11:01:17

ความคิดเห็นที่ 9 1. คำสั่งซื้อขายในแต่ละวันนั้นทาง บลจ มีอำนาจตัดสินใจเองมั้ยครับว่าจะส่งคำสั่งไปสิงคโปร์หรือไม่ และเท่าไหร่ หรือต้องส่งไปตามที่ลูกค้าส่งคำสั่งมา ตอบ ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาความเหมาะสมของการส่งคำสั่งในแต่ละวัน โดยดูจากยอดซื้อและยอดขายในแต่ละวัน  รวมถึงเงินสดคงเหลือ  และจะพิจารณาส่งคำสั่งซื้อหรือขายตามความเหมาะสม สรุปได้ว่าไม่ได้ซื้อที่ราคาปิด 2. รายการจากประเทศเรามีความสามารถในการร่วมทำราคา หรือมีผลกระทบใน SPDR แค่ไหน ตอบ ไม่สามารถระบุได้ค่ะ   เนื่องจากทาง บลจ. ไม่มีข้อมูลว่ายอดสั่งซื้อจากทุกกองทุนในประเทศไทยไปยัง SPDR GOLD ในแต่ละวันเป็นเท่าใด  ทั้งนี้ ปริมาณซื้อขายโดยเฉลี่ยแต่ละวันของ SPDR GOLD ในปี 2554 อยู่ที่ประมาณ 9.9 ล้านดอลล่าร์ -แต่kgold เองก็ต้องรู้ของตัวเอง เปิดเผยได้มั๊ย 3. ลักษณะการลงทุนแบบอ้างอิงราคาต่างประเทศแบบนี้ ทางผู้บริหารกองทุนมีสิทธิทำอะไรได้บ้างในการซื้อขายแต่ละวัน ตอบ  ผู้จัดการกองทุน K-GOLD จะพิจารณาส่งคำสั่งซื้อขายแต่ละวันตามราคาที่เหมาะสม  โดยจะไม่มีการไล่ราคาขึ้นไป สรุปได้เหมือนข้อ1 ไม่ซื้อที่ราคาสูงๆๆ 4. บลจ จำเป็นต้องชดเชยใดๆให้ผู้ซื้อหรือไม่ หาก SPDR ที่สิงคโปร์ปิดโดดแบบนี้อีก ตอบ  เนื่องจากการนำราคาปิดของหลักทรัพย์สิ้นวันมาคำนวณมูลค่า NAV ของกองทุน  เป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมบริษัทจัดการ  ซึ่งทุกกองทุนถือปฏิบัติอยู่ค่ะ สรุป: ตอบเหมือนเดิม จากคุณ : ซำเม่า เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 12:43:31

ความคิดเห็นที่ 10 แม้ราคาทองจะเริ่มขึ้นมากว่าวันที่30/12/2554 แต่ไม่สามารถมาบอกว่า เดี๋ยวราคาทองขึ้น ค่า NAVก็ขึ้น เดี๋ยวก็ไม่ขาดทุนแล้ว ขอถามเถอะว่าทดแทนกันได้มั๊ยกับความเสียหายในวันนั้น ทุกกองทุน นิ่งเงียบเฉย ราวกับจะให้พวกเราหมดแรงกันไปเอง "ถ้าโปร่งใสต้องอธิบายได้ แล้วพวกเราจะยอมรับ" จากคุณ : ซำเม่า เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 12:46:39

ความคิดเห็นที่ 11 เขาก็อธิบายแล้วนี่ครับ จากคุณ : คิดมากเกิ้น เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 16:28:55

ความคิดเห็นที่ 12 อธิบายคลุมเคลือ ไม่ตรงประเด็น มาตรฐานการแก้ปัญหาไม่มีในอนาคต สามารถเกิดขึ้นได้อีก ผู้ลงทุนจะมั่นใจได้อย่างไร ไม่มีการป้องกัน, deadline รู้ผลเมื่อไหร่ (ประมาณวันไหนก็ได้) ข้อสรุป ที่บอกจะไปคุยกัน ชดเชยให้คราว 18 มีนา คราวนี้ 30 ธค อีกแล้ว ไม่เป็นตามหนังสือชี้ชวนว่าราคาอิงหรือใกล้เคียงตลาดโลก ทำไมไม่ดำเนินการชดเชยใดๆให้เหมือนคราว 18 มีนาคม มาตรฐานการทำงานอยู่ที่ไหน เคสเดียวกันเป๊ะ บริษัทใหญ่นะครับ ไม่ใช่ No name แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 55 17:31:23 จากคุณ : Mr Thai Find เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 17:25:04

ความคิดเห็นที่ 13 อาจจะตอบไม่ตรงประเด็นนะครับ เป็นว่าเล่าให้ฟังแล้วกัน  1.kgold ที่ผมมีอยู่ในมือ รอจังหวะขายอย่างเดียวครับ ไม่คิดซื้อเพิ่ม  2.ltf rmf ทั้หมดที่ผมมี ภายในปีนี้คาดว่าจะพยายามย้ายไป บลจ.อื่นที่     เค้ามีประสิทธิภาพมากกว่าครับ ปีก่อนๆคิดว่าเค้าดีจริง หลังๆห่วยลงชัดเจนครับ    3.ต่อไปผมคงต้องมองโลกให้กว้างครับ โดยรวมๆ kbank ถอยหลังลงคลองครับ หาจุดเด่นให้ตัวเองไม่ใด้ซักอย่าง จากคุณ : shin anjo เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 20:20:32

ความคิดเห็นที่ 14 ผมไม่อยากจะพูด ผมเริ่มซื้อ k-gold วันนั้นเป็นวันแรก 5555 จากคุณ : เกล้าBU เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 20:24:16

ความคิดเห็นที่ 15 เอาข้อสุดท้ายละกัน 4. ไม่จำเป็นต้องชดเชย ใด ๆ  แต่ ๆ ๆ เมื่อวันที่ 18 มีค.  ที่โดดไป 4%  ดันมี Kbank เจ้าเดียวเท่านั้น ที่แอ่นอก เยียวยา จำไม่ได้ว่าเพิ่มหน่วยให้หรือไงนี่แหละ มันคงไม่ได้เป็นบรรทัดฐานอะไร  แต่ทำให้คนที่ซื้อเจ้าอื่นอยู่ และไม่มีการช่วยเหลือ ใด ๆ หันมาลงทุนที่ K-Gold กัน เพราะมีความเชื่อว่า หากโดดเหมือนวันที่ 18 อีก Kbank ก็คงจะเยียสยาเหมือนเดิม   แต่วันที่ 30 ดันโดดไป 10%  และคงมีคนซื้อเยอะเพราะมันเป็นช่วงที่ทองเพิ่งกลับตัว ความเสียหายมันมากมาย คงจะเกินกำลังที่ Kbank จะแอ่นอกเยียวยาเหมือนคราวก่อน คือถ้ามันจะขาดทุนเพราะทองโลกปั่นกัน ใคร ๆ ก็ทำใจได้ อีกอย่างทองโลกจะลากจะทุบกันอย่างไร ก็ไม่เคยถึง 10% ต่อวัน อย่างโหด ก็ 5-7% แต่โดยรวมแล้วแค่ 1-2% สิงคโปร์ ปั่นสวนทองโลก 10%  มัน ทู่เรศเกินไป และกองทุนทองไทย เคยเจอมาแล้ว แต่ไม่ได้หาวิธีการป้องกัน จึงเกิดซ้ารอยเป็นครั้งที่ 2 และรุนแรงกว่าเดิมเป็น 2 เท่า จากคุณ : totobest เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 21:04:49

ความคิดเห็นที่ 16 1. คำสั่งซื้อขายในแต่ละวันนั้นทาง บลจ มีอำนาจตัดสินใจเองมั้ยครับว่าจะส่งคำสั่งไปสิงคโปร์หรือไม่ และเท่าไหร่ หรือต้องส่งไปตามที่ลูกค้าส่งคำสั่งมา มีครับ ผู้บริหารกองทุน หรือ Fund Manager จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะยอดเงินสดที่ ได้รับมาในแต่ละวันจะนำไปลงทุนอย่างไร เช่น ซื้อหน่วยลงทุน ถือเป็นเงินสด bond ยังไงก็ตามการตัดสินใจลงทุนต้องเป็นไปตามกรอบตามหน้งสือชี้ชวน และนโยบายการ ลงทุนตามที่ยื่นขอจัดตั้งกองทุนไว้กับ กลต เช่น ต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ เท่าใดก็ว่าไป แต่ยังไงก็ตามจำนวนร้อยละนี้ไม่ใช่เกณฑ์บังคับตายตัว เช่นถ้า Fund Manager เห็นว่าถ้าการลงทุนมีความผันผวนมากผิดปกติ ขัดกับนโยบายการลงทุน FM จะไม่ส่งก็ได้ เพราะ กลด ถ้าจำไม่ผิด ให้ใช้ค่าเฉลี่ย เช่นถ้าหนังสือชี้ชวนกำหนดให้ต้องถือหลักทรัพย์ ไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ไม่ใช่ว่าต้องถือร้อยละ 80 ตลอดเวลา จะ 75 76 77 78 79 บ้างก็ได้แต่เฉลี่ยทั้งปีต้องมากกว่า 80 2. รายการจากประเทศเรามีความสามารถในการร่วมทำราคา หรือมีผลกระทบใน SPDR แค่ไหนครับ ช่วงสิ้นปี Volume มันน้อยมากอยู่แล้ว ส่งคำสั่งไปเยอะๆ ราคามันก็วิ่งได้ทั้งนั้น แต่นักลงทุนมันก็คล้ายกันแหละ คนไทยอยากซื้อตอนราคาถูก เจ๊กสิงคโปร์ก็อยากเหมือนกัน ดังนั้นไม่ใช่จากไทยอย่างเดียวหรอก 3. ลักษณะการลงทุนแบบอ้างอิงราคาต่างประเทศแบบนี้ ทางผู้บริหารกองทุนมีสิทธิทำอะไรได้บ้างในการซื้อขายแต่ละวัน ผู้บริหารกองทุนไม่เกี่ยวกับการลงทุน Investment Committee: กำหนดนโยบาย กลั่นกรองหลักทรัพย์ที่จะเข้าไปลงทุน Fund Manager: บริหารจัดการการลงทุนตามนโยบายการลงทุน ดูว่า สั่งซื้อขายอะไร เมื่อไหร่ ควรถือหลักทรัพย์อะไรเมื่อไหร่ตามนโยบาย ป้องกันความเสี่ยงอย่างไรแค่ไหน Trader: ส่งคำสั่งตาม Fund Manager รวม Order จากหลายๆกองทุน Matching/Allocate Matched order/Key Matched price อะไรเทือกๆนั้น แต่ถ้าพูดถึงผู้บริหารกองทุนที่ดูแลฝ่าย investment ก็อาจจะสั่ง FM ได้ 4. บลจ จำเป็นต้องชดเชยใดๆให้ผู้ซื้อหรือไม่ หาก SPDR ที่สิงคโปร์ปิดโดดแบบนี้อีก ไม่จำเป็น การลงทุนมีความเสี่ยง กรณี K-Gold ผลลัพธ์ไม่ได้ต่างจาก บลจ อื่นๆ ดังนั้นจะบอกว่า KAsset บริหารพลาด คงไม่ใช่คำพูดที่ถูกต้องดังนั้น แต่ถ้าบลจอื่นราคาโดดไป 3% มีแต่ KAsset วิ่งไป 10% แบบนั้นอ่ะใช่ ดังนั้น KAsset คงไม่มีหน้าที่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้นในกรณีนี้ แต่จะเป็นเรื่องที่สวยมาก หาก KAsset มี Action ออกมา ขณะที่บลจอื่นปล่อยไปตามกรรม จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 22:58:22

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณทุกท่านจากใจที่มาให้คำตอบ ความรู้ รวมทั้งอาจระบายบ้างในที่นี้้ครับ ^_^ เจตนาหลักของผมที่ตั้งกระทู้ถามนี้เพื่อต้องการเป็นความรู้จริงๆ และคิดว่าคงมีประโยชน์กับผู้อ่านที่สนใจในการลงทุนทองคำหรือการลงทุนอ้างอิงราคาต่างประเทศด้วยครับ อันว่าเหตุการณ์ในเดือนมีนาคมและสิ้นปีนี้ผมเองถือว่าไม่ได้รับผลอะไรล่ะกันครับเพราะถือไว้นิ่งๆ มีเสียดายบ้างก็ตอนไป 1900 แล้วไม่ได้ปล่อยไปบ้างเท่านั้นเอง(ฮาๆ) โดยขอชี้แจงท่าน ever นะครับว่าผมยังไม่ดอยครับ อิอิอิ เพราะต้นทุนประมาณเกือบๆช่วงราคา 1400 ได้ครับ อีกเหตุผลหนึ่งของกระทู้ก็คือรู้สึกเห็นใจทั้งผู้เสียหายในวันนั้น และทาง บลจ ด้วยเช่นกันเพราะรับผลมาจากราคาของ SPDR เลยพยายามกลั่นกรองคำถามออกมาให้ได้ข้อคำตอบครับว่าการลงทุนนี้ใครดำเนินการอย่างไร ผลกระทบมาจากอะไร เท่าที่ความรู้(ของคนโง่ๆ finance อย่างผม)พอจะมีน่ะครับ ^_^ จากคุณ : เอนหลังนั่งจิบกาแฟ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 00:21:10

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่างานนี้มีผลครับ การที่คนไม่สามารถเชื่อในราคาสุดท้ายได้ว่าจะก้าวกระโดดหรือไม่ เป็นความเสี่ยงเกินระดับคนที่คิดจะลงทุนในกองทุนนะครับ และการไม่รู้ว่าจะแจ๊คพอทวันไหน คนที่จะลงทุนย่อมไม่กล้าเสี่ยงแน่ นอกจากคนที่ไม่รู้เรื่อง (พวกนี้ยิ่งเสี่ยงเพราะลงทุนโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง) ทางกองทุนฯ ผมคิดว่าน่าจะมีการปรึกษาและหาทางจัดการกับปัญหาเรื่องนี้แน่ แต่คงหาข้อสรุปลำบาก เพราะมีด้วยกันหลายกองทุนฯ คงต้องเสนอวิธีกันหลากหลายแน่ และต้องจัดการกับทางสิงคโปร์ด้วย (ตรงนี้ผมว่าหากเปิดเสรีการเงินในกลุ่มอาเซียน  ก็น่าจะมีการตั้งกองSPDRในไทยแต่ให้ทางต่างชาติมาซื้อ  ส่วนไทยก็ซื้อที่สิงคโปร์หรือมาเลย์ต่อจะได้ถ่วงกันและมีการตรวจสอบกันไปในตัวด้วย) จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 07:46:49

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ได้อ่านทุกความคิดเห็น แต่ก็มาสะดุดตรงที่...คำตอบของข้อ 1 และ ข้อ 3 คร่าว ๆ คือ ผจก กองทุนจะไม่ไล่ราคา และ จะไม่ได้ซื้อที่ราคาที่สูงสุดในวัน แต่คุณเอาราคานั้น (NAV ที่สูงสุด) มาคิดกับผู้ซื้อหรือเปล่าครับ? ถ้าใช่ส่วนต่าง ไปไหนล่ะครับ? โดนกองนี้วันนั้นเหมือนกัน แต่ที่ถามนี่เพื่อเป็นความรู้ และ จะได้ใช้พิจารณาความเสี่ยงในการซื้อขายกองทุนต่อไป ขอบคุณครับ. จากคุณ : MrMarker เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 07:59:33

ความคิดเห็นที่ 20 ขอยืมคำพูด ท่านฮะ มาบางส่วนนะครับ ใช่เลย!!!! การที่คนไม่สามารถเชื่อในราคาสุดท้ายได้ว่าจะก้าวกระโดดหรือไม่ เป็นความเสี่ยงเกินระดับคนที่คิดจะลงทุนในกองทุน และ กองทุน บลจ มีคนที่ได้รับค่าตอบแทนสูงๆในการบริหาร ส่วนมากก็เชี่ยวชาญและมักจะมีดีกรีสูงๆ แต่ทำให้เกิดเคสไม่ปรกติแบบนี้ และ เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง และไม่สามารถจัดการอะไรได้ อีกทั้งบริหารงานก็มี 2 มาตรฐาน แก้ไข ชดเชยให้ ครั้ง 18 มีนาคม แต่ พอ 30 ธค. เคสเดียวกันทุกกรณี กลับเงียบ... มาตรฐาน การแก้ปัญหาการดำเนินงานอยู่ที่ไหน ไม่ออกมาชดเชยอะไรให้ ทั้งที่เป็นความผิด ของ บลจ กสิกรไทย KBank K-Gold ที่ไม่สามารถบริหารให้เป็นไปตาม หนังสือ ชี้ชวนและคำโฆษณาที่สวยหรูของคุณ ว่า ราคา อิง หรือ ใกล้เคียงตลาดโลก แล้ว จะเชื่อถือ บลจ กสิกร กองทุน K-Gold อีกต่อไปได้อย่างไร และการไม่รู้ว่าจะแจ๊คพอทวันไหนคนที่จะลงทุนจะยอมกล้าเสี่ยงกันหรือครับ คราวนี้ ทางกองทุนฯต้องหาทางจัดการกับปัญหาเรื่องนี้และออกมาแก้ไข ดำเนินกาให้ผู้ซื้อวันที่ 30 ธค. เพราะมันเป็นช่องโหว่มากๆ กรณีนี้ มันจะมาอีกแน่นอน และ ช่องโหว่ที่ กสิกร หรือ บลจ อื่นๆก็ตามที่ลงทุนใน SPDR ไม่ดูแล นี้ ทำให้ผู้ซื้อ วันที่ 18 มีนาคม และ 30 ธันวาคม เสียหายอย่างใหญ่หลวง จากคุณ : Mr Thai Find เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 09:59:32

ความคิดเห็นที่ 21 ปัญหาของวันที่ 30 ที่สิงคโปร์ มันผิดปกติครับ  ถ้าเป็นศพก็ถือว่า "ตายผิดธรรมชาติ" ซึ่งต้องได้รับการชัณสูตรพลิกศพ และ ชดเชยให้ ญาติ ใช่เลยคำนี้!!!!! จากคุณ : Mr Thai Find เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 10:41:36

ความคิดเห็นที่ 22 จะทำเหมือนคุณความเห็นที่ 13 เหมือนกัน และเห็นด้วยกับความเห็นที่ 19 / คำถามที่ต้องการคำตอบ แต่ไม่มีใครยอมออกมาตอบ จากคุณ : ซำเม่า เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:58:04

ความคิดเห็นที่ 23 ร้องเรียน กลต. เท่านั้นค่ะ ในความผิดพลาดของกองทุนที่ปล่อยให้เกิดซ้ำๆ ร้อง บลจ.เองไปก็เท่านั้นมีแต่ข้ออ้าง ถ้า บลจ.ไม่สามารถหามาตรการป้องกันและชดเชยความเสียหายได้ พวกเราคงต้องหาทางอื่นลงทุน ผิดเองที่ไว้ใจ บลจ. จากคุณ : yoongying เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 09:29:00

ความคิดเห็นที่ 24 บลจ KBank ทำไมทำงาน 2 มาตรฐาน 18 มีนา.ชดเชยให้ กรณี 30 ธค. ทำเงียบกรณีเดียวกันชัดๆ ไม่เป็นไปตามโฆษณาไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ชดเชย แก้ไขให้............... อย่างนี้จะเชื่อใจบลจ กสิกร K-Gold ได้หรือต่อจากนี้ จากคุณ : Mr Thai Find เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 00:21:18

ความคิดเห็นที่ 25 Excerpted some from the link below:- http://www.kasikornasset.com/TH/MarketUpdate/Pages/K-Gold_Conversation.aspx ญาญ่า โอเคๆ เข้าใจหล่ะ ว่าแต่เราจะสามารถป้องกันเหตุการณ์แบบนี้อีกได้ไหม ณเดชน์ ถ้าในแง่ของโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้อีกไหม เราก็คงบอกว่า มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นไปตามกลไกตลาดที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แล้วมันก็เป็นความเสี่ยงโดยทั่วไปของกองทุน ETF ตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนด้วยว่า มันมีโอกาสที่ราคาซื้อขายในตลาดกับราคาหน่วยลงทุน SPDR GOLD TRUST มันจะแตกต่างกัน โดยเฉพาะปริมาณซื้อขายกองทุน SPDR GOLD TRUST ในตลาดสิงคโปร์ มันอาจจะไม่มากนักเมื่อเทียบกับตลาดสหรัฐฯ ก็มีโอกาสที่จะมีผลแตกต่างระหว่างราคา กับ NAV มากกว่าที่ตลาดสหรัฐฯ <----- แล้ว เคยแจ้งเอาไว้ครบถ้วนไหม ------> โฆษณาแล้วทำไม่ได้ ถึงจะมีหมายเหตุไว้ bla bla bla ก็ควรต้องรับผิดชอบ คราวก่อน ดำเนินการชดเชยให้ แล้ว คราวนี้หละ !!!!!!! จากคุณ : Mr Thai Find เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 16:09:01

ความคิดเห็นที่ 26 ณเดชน์ เราก็รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนะ เราได้ยินมาว่า บลจ.ต่างๆกำลังจะประชุมร่วมกันกับ กลต. เพื่อพิจารณาว่าในกรณีที่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต จะมีแนวทางอย่างไร เพื่อจะได้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุก บลจ. ญาญ่า แล้วตอนนี้ที่เราซื้อไปน่ะ มันก็แพงไปแล้ว เราควรจะทำอย่างไรดีหล่ะ ณเดชน์ จริงอยู่ที่ระดับราคาที่ญาญ่าซื้อ อาจจะแพงกว่าวันก่อนหน้าไปเยอะ แต่ถ้าดูในแง่ระยะยาวแล้วโดยส่วนตัวคิดว่า ราคาทองคำก็ยังมีแนวโน้มที่จะไปต่อได้นะ เนื่องจากปัจจัยหลักที่สำคัญที่ผลักดันราคาทองคำคือ ความกังวลในปัญหาเศรษฐกิจ เพราะทองคำมักจะจัดเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เวลาที่เกิดเหตุการณ์ความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจ อย่างที่เห็นตอนนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจะเริ่มดูดีขึ้น แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงมากมาย ในขณะที่ทางยุโรปเอง เศรษฐกิจน่าจะยังคงอยู่ในภาวะถดถอยอีกพักใหญ่ๆเลย แล้วตอนนี้ ในกลุ่มของทางตะวันออกกลาง ก็เริ่มมีความกังวลจากการที่อิหร่านทดลองอาวุธนิวเคลียร์ แล้วก็จะตอบโต้ชาติตะวันตกที่จะคว่ำบาตรด้วย นี่ก็เป็นปัจจัยหลักๆที่ทำให้ทองในช่วงต้นปีนี้ปรับตัวดีขึ้นล่ะ เราเชื่อว่า ระยะยาว ปัจจัยเหล่านี้ยังคงสนับสนุนราคาทองคำได้ต่อไปนะ แต่ระยะสั้น ก็คงจะผันผวนไปบ้าง ดังนั้น ถ้าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลงมา เราว่าญาญ่าอาจจะหาโอกาสทยอยลงทุนเพิ่ม เพื่อเฉลี่ยต้นทุนลงไปได้ด้วยนะ <------- จะอธิบายมาทำไม ------->  ว่าราคามันจะดีขึ้นเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆ สิทธ์ของเราควรได้ราคาอิงหรือใกล้เคียงตลาดโลก ณ วันนั้น ตอนนี้มันก็เป็นผลกำไรของเราแล้ว และ ดีขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ ก็ควรจะ ontop จากราคา ณ วันนั้น จากคุณ : Mr Thai Find เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 16:09:45

ความคิดเห็นที่ 27 เข้าใจครับว่าใช้ราคาปิด ...ของราคาซื้อขายในวันนั้น ๆ  มาคำนวณราคา nav เข้าใจด้วยครับว่า คำสั่งซื้อจากในประเทศไทยไม่ได้ซื้อที่ราคาปิด และไม่ได้ไล่ราคา เพราะบริษัทจะทำการ match ราคาซื้อขายระหว่างวัน ของกองทุนในไทยได้   อยากทราบครับว่า  volum การซื้อ กับ การขาย ในระหว่างวัน ณ.วันที่ 30 ธ.ค. 54 เป็นเท่าไหร่  ถ้าขายมากกว่าซื้อแล้วท่านจ่ายตาม nav ผมก็ไม่ว่าท่านเลยครับ เพราะมันกระโดดมาก ถือว่าท่านรับผิดชอบได้สุดยอด และจะขออุดหนุนกองทุนของท่านต่อ ๆ ไปครับ แต่ถ้าซื้อมากกว่าขายมาก ๆ nav ส่วนต่างระหว่างวันที่ซื้อจริง กับราคาปิดวันนั้น หายไปไหนครับ ในเมื่อวันที่ 3 ม.ค.55 มูลค่ากองทุนก็ลดฮวบลงมาตามราคาปิดของวันทำการ ซึ่งเป็นราคาตลาดที่เป็นปกติ   โดยส่วนตัว เชื่อว่าหลายคนคงไม่ได้ทำการขายวันนั้น และคงทำการซื้อกองทุนเพิ่มเติมลงไป เนื่องจากเป็นราคากลับตัว  โดนกันแบบนี้ งามใส้เลยครับ ยิ่งวันศุกร์ไปแบงค์ พนักงานหน้าใสยังมาชวนซื้อกองทุนทองคำเพิ่ม  และบอกด้วยว่าไม่มีปันผลรอบที่ผ่านมา  ก็คงต้องปรับสัดส่วนในการลงทุนลงหล่ะครับ  เพราะอย่างไร ทองคำแท่ง ก็ไม่มีการทำราคาปิดกันแบบนี้  ขึ้นลงเป็นราคาตลาดล้วน ๆ จากคุณ : morst เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 01:13:22

ความคิดเห็นที่ 28 บลจ.กสิกรไทย เปิดตัวแผนปี 2555 ภายใต้การนำทัพของ “อำพล โพธิ์โลหะกุล” ตั้งเป้า 3 ธุรกิจกองทุนโต 22% พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าแบบตรงใจในคอนเซปท์ “กองทุนสำหรับคนคิดบวก” http://www.thaipr.net/finance/382509 จากคุณ : Spetsnaz เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 55 18:10:53