ความคิดเห็นที่ 1 อยู่ที่คนใช้มากกว่านะครับ เรียนรู้ทุกอย่างยิ่งดีครับ  รู้ให้หมดว่าแต่ละอย่างมันทำงานอย่างไร   อย่าปิดกั้น เสร็จแล้วอย่าใช้ตามมัน   จงสร้างโมเดลของตัวเองขึ้นมาใหม่จากสิ่งที่รู้มาทั้งหมด ไม่เช่นนั้น   คุณอาจกลายเป็นเหยื่อในวิชาที่ทุกคนทั้งโลกเค้าเรียนรู้กัน สุดท้าย.....คุณอาจพบว่า ที่เรียนรู้มาทั้งหมดอาจแทบจะไม่ต้องใช้เลยก็ว่าได้ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 55 13:36:40 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 55 13:34:20 จากคุณ : sakvi เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 13:33:29

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่อยากให้เปรียบเทียบกันว่าอันไหนดีกว่ากัน อันไหนด้อยกว่ากัน เพราะผู้ที่สร้างโปรแกรมนั้นย่อมคิดตั้งแต่ตอนออกแบบแล้วว่า จะทำออกมาให้เหมาะสมกับยูสเซอร์ประเภทใด เราควรเลือกใช้งานโปรแกรมให้เหมาะสมกับความต้องการของเราเองจะดีกว่าครับ ส่วนตัวของผมนั้นผมถนัดใช้โปรแกรมเมต้าสต๊อก ( Efinance ผมไม่ได้ใช้นานหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าระยะหลังๆมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง) ฉะนั้นจะขอกล่าวแต่ส่วนของเมต้าสต๊อกเพียงอย่างเดียวว่าโปรแกรมตัวนี้ มีความสามารถทำอะไรได้บ้างแล้วกันนะครับ METASTOCK 1. Data ผู้ใช้งานต้องจัดทำฐานข้อมูลขึ้นมาเอง และต้องอัพเดทฐานข้อมูลถึงวันปัจจุบัน หรือซื้อข้อมูลจากผู้ให้บริการ(EOD,Intraday) และต้องมีความรู้ในการปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้อง เช่นกรณีที่หุ้นมีการปรับพาร์ หรือ XR ในส่วนของเรื่องดาต้านี้หากเราใช้โปรแกรม Efinance เราไม่ต้องทำกิจกรรมดังที่กล่าวมาทั้งหมด เพราะตัวโปรแกรมจะจัดการเรื่องนี้ให้เองอัตโนมัตเมื่อเราเปิดการใช้งานทุกครั้ง 2.เครื่องมือพื้นฐานต่างๆ เช่นพวก MACD RSI MOV มีให้มาให้เกือบจะครบ เช่นเดียวกับ efinance 3.การแสดงรายงาน และคัดกรองหุ้นตามเงื่อนไข ประโยชน์ เพื่อให้แสดงว่าหุ้นตัวใดมีสัญญานตามเงื่อนไขที่เราต้องการ 4.การนำหุ้นสองตัวมาเปรียบเทียบกัน เช่น ต้องการอยากรู้ว่าหุ้นตัวไหน จะแข็งแกร่งกว่า SETINDEX คือเมื่อหุ้นตกจะตกน้อยกว่า แต่เวลาหุ้นขึ้นจะขึ้นแรงกว่าตลาดโดยรวม 5.การแสดงผล ในรูปแบบต่างๆ ได้ตามเงื่อนไขสูตร ที่เราสามารถกำหนดได้เอง ตัวอย่าง ให้แสดงเครื่องหมายลูกศรซื้อ เมื่อราคาปิดมากกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 6.การทดสอบระบบกับข้อมูลในอดีต เพื่อหาระบบเทรด หรือหาค่าตัวแปรในสูตร จากคุณ : musar เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 13:54:11

ความคิดเห็นที่ 3 ก็ดีนะคับ มีสูตร ...... จากคุณ : Anti-Retrovirus เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 13:54:36

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อก่อนใช้efin ทุกวันนี้ใช้metastock เหตุผลง่ายๆเพราะว่า ตัวefinมีข้อจำกัดเยอะมาก แต่ตัวmetastockนั้น ไม่มีข้อจำกัด แม้ว่าจะโบราณมากก็ตาม แต่ด้วยระบบsimulationฉลาดกว่าเลยยอมๆไป จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 14:21:19

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าชอบจะใช้สูตรหรือคิดสร้างสรรค์ ทดลองอะไรใหม่ๆ ก็คงเมต้า แต่ถ้าเน้นดูแท่งเทียนเฉยๆ efin ก็สบายดีครับ ปัจจุบันผมใช้แต่ efin เพราะเมต้ามันยากและดีเกินไปสำหรับผมครับ แบบว่าของเค้าดี แต่ผมใช้ไม่เป็น จากคุณ : ช้างทมิฬ เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 14:53:53

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้า trade แค่หุ้นในตลาดบ้านเรา efinance ก็พอเพียงแล้วครับ แต่ถ้าจะ trade ตราสารพวก Derivatives อย่าง Future ทั้งในบ้านเรา หรือต่างประเทศ Metastock แบบ Realtime จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ (รวมทั้งโปรแกรมอื่นๆ etc.. Amibroker / Tradestation เป็นต้น) ทั้งในเรื่องของ Scale Graph / Indicator / Formula ต่างๆ ข้อด้อยของ efinance คือ ราคาไม่ realtime แบบ tick by tick นะครับ มีช้ากว่าหลายวินาที จนถึงนาที ซึ่งไม่ค่อยจะเหมาะกับการtrade แบบ scraper มากนักครับ แต่คงไม่ค่อยมีผลกับคนที่ trade time frame ใหญ่ๆเท่าไหร่ครับ จากคุณ : winnie_the_kid เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 15:37:42

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนตัวใช้ MS เป็นหลักครับ เพราะสามารถเขียนอินดิเคเตอร์ได้หลากหลายมากๆ แสกนหาหุ้นตามเงื่อนไขที่ซับซ้อนได้ ทำback testของระบบเทรดของตัวเองได้ ถึงแม้จะดูintra dayไม่ได้แต่ส้วนตัวผมดูระดับdayขึ้นไปอยู่แล้วครับจึงไม่มีปัญหาอะไร efinผมเอาไว้ดูvolume analysisครับ กับเอาราคาเปิดปิดสูงต่ำของตัวที่สนใจมาใส่ในMSกรณีที่อยากรู้ความเปลี่ยนแปลงของอินดิเคเตอร์ในช่วงเวลานั้นๆ จากคุณ : พ่อน้องเมลเบอร์น เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 20:21:28

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับ จากคุณ : Nobody knows everything เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:17:15