ความคิดเห็นที่ 1 ม่ายถูกๆๆๆๆๆ กำไรตั้ง4เท่าของทุน เจอแบบนี่บอกด้วยนะ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 55 06:07:49 จากคุณ : SkyMuxEZI เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 05:59:12

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ากิจการเป็นบริษัท รวยอย่างปล้น จำกัด (มหาชน) ก็พอได้ แถมกำไร 400 บาท จากเงินลงทุน 100 บาท กำไรคุ้มทุน 4 เท่า ในปีเดียว ราคาพาร์ 5 บาท ทำกำไร 20 บาทต่อหุ้นใน 1 ปี พอเปิด ipo เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะมีคนแห่มาซื้อ โน้นลากไป pe = 8 ราคาหุ้นจะวิ่งไป 160 บาท ในทันใด         กำไรโคตร ..... รอ 5 บาท คงไม่ได้คร๊าบ ถูกแพง ต้อง เทียบกับตัวอื่น เที่ยบกับความมั่นคงกิจการด้วย จากคุณ : BigMooHuHu เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 06:03:02

ความคิดเห็นที่ 3 5้าซื้อที่ราคาหุ้นละ 8 บาท สมมุติ 20 หุ้น*8 บาท=160 ฿ คือราคาทั้งบริษัท แต่กำไรตั้ง400  PE ไม่ถึง 1 เลย ต้องราคาหุ้นละ 20 ฿  PE = 1 แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 55 06:10:08 จากคุณ : SkyMuxEZI เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 06:06:05

ความคิดเห็นที่ 4 ผมไม่เก่งนะครับ วิเคราะห์แบบเม่ามือใหม่ ตามที่ยกตัวอย่างมา ผมมองว่า ถ้าคิดคร่าวๆ ก็น่าจะได้ครับ แต่ในความเป็นจริง มันอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปครับ เช่น หุ้นตัวหนึ่ง ทำกิจการเกี่ยวกับ ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ต้นทุนที่ดินที่ซื้อมา และมีการบันทึกในบัญชี อาจจะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เมื่อกาลเวลาผ่านไป ตัวเลขอาจจะบันทึกเหมือนเดิมอยู่ แต่มูลค่าที่แท้จริง อาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ นอกจากนั้น ตัวเลขทางบัญชี จะต้องมีการตรวจสอบก็จริง แต่อาจจะมีการตบแต่งตัวเลขต่างๆ ให้ดูสวย ดูดีก็ได้ มันสามารถทำกันได้ระดับนึง และเวลาเราซื้อหุ้น เราซื้ออนาคต และร่วมเป็นเจ้าของครับ ดังนั้น ต้องดูด้วยว่า กิจการมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ไม่เช่นนั้น ผลกำไรที่สวยหรู อาจจะเป็นเรื่องแค่ชั่วคราว แล้วดับไป หรือสุดท้ายขาดทุนได้ การเข้าซื้อได้ที่ราคาต้นทุน หรือราคาเหมาะสม ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่า มันจะไม่ขาดทุน หรือเราจะไม่เจ๊งครับ อีกอย่าง ราคาหุ้นโดยส่วนใหญ่ จะสะท้อนกำไรลงไปแล้วด้วย ถ้าคิดที่จะซื้อราคา "ต้นทุน" คงไม่น่าจะเป็นไปได้ครับ เรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค ปริมาณ volume และจิตวิทยามวลชนในด้านการลงทุนก็สำคัญครับ เพราะหุ้น จะขึ้น หรือลง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน หรือตัวเลขทางบัญชีอย่างเดียวครับ การเข้าซื้อ และขายในจังหวะที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ จากคุณ : mrtech เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 06:32:26

ความคิดเห็นที่ 5 *ถ้ากิจการมีกำไร 400 บาท จากการขายได้ 500 บาท โดยมีต้นทุน 100 บาท -ขายอะไรได้กำไรมากมายขนาดนี้ครับ ยาบ้ารึป่าว ปกติคงไม่น่าจะมี --------------------------------------------------------------------- *โดยการแบ่งหุ้นออกเป็นจำนวน 20 หุ้น ต้นทุนหุ้นที่แท้จริงคือ 5 บาท เพราะกิจการใช้ต้นทุน 100 บาท แบ่งเป็น 20 หุ้น ราคาจึงเป็นหุ้นละ 5 บาท (20x5 = 100) ควรจะซื้อเมื่อราคาหุ้นมีค่าใกล้เคียง 5 บาท - คำว่าทุนจริงๆ มันรวมทั้งหมดครับ ไม่ใช่แค่ทุนในการซื้อของมาขาย สมมุติว่า ต้นทุน 100 บาท จริงๆ มันเอาไปซื้อของมาขาย 100 บาทไม่ได้ มันต้องเอาไปซื้อตึก เช่าตึก อุปกรณ์สำนักงาน ซื้อนั่น นู่น นี่ เงินที่เหลือเอามาซื้อของขาย (สมมุติเป็นกิจการซื้อมาขายไป) ไม่ถึง 100 ครับ แต่ทุน ก็ยัง 100 อยู่ -------------------------------------------------------------------- **โดยการแบ่งหุ้นออกเป็นจำนวน 100 หุ้น ต้นทุนหุ้นที่แท้จริงคือ 1 บาท เพราะกิจการใช้ต้นทุน 100 บาท แบ่งเป็น 100 หุ้น ราคาจึงเป็นหุ้นละ 1 บาท (100x1 = 100) - นั่นคือราคาพาร์ครับ ----------------------------------------- ควรจะซื้อเมื่อราคาหุ้นมีค่าใกล้เคียง 1 บาท - แล้วแต่ครับ ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย บางหุ้น สูงกว่าราคาพาร์ บางตัวต่ำกว่าพาร์ก็มีครับ ลองไปศึกษาความหมายของพวก ราคาพาร์ ค่า PE BV P/BV ฯลฯ ประกอบครับ จากคุณ : ยิ้ม (แก้มปริ) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 09:08:22

ความคิดเห็นที่ 6 ใครถูกเนี่ย จากคุณ : รอคอย ณ ดอยหนาว เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 09:18:02

ความคิดเห็นที่ 7 ราคาหุ้นที่ควรซื้อควรเป็นเท่าไร???? ในความเห็นของหลายท่านก็ถูกต้อง แล้วแต่มุมมองของคนที่จะมอง แต่ผมมองว่า การจะดูว่าราคาหุ้นจะเป็นเท่าไร คงจะดูจากมูลค่าทรัพย์สิน หรือมูลค่าทางบัญชีเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมองหลายๆด้านประกอบกัน - มองทั้งความสามารถในการทำกำไรของบริษัท -อัตราการเติบโตของบริษัท และกำไรเปรียบเทียบกับราคาในปัจจุบัน   -ผู้บริหารมีความสามารถในการเพิ่มยอดขาย เพิ่มผลกำไรได้มากน้อยเพียงใดในอนาคต - เป็นธุรกิจที่มีคู่แ่ข่งมากน้อยแค่ไหน มีความได้เปรียบบริษัทอื่นที่เป็นคู่แข่งอย่างไร ราคาหุ้นที่เป็นแบบเดียวกันสูงต่ำเพียงใด - อนาคตบริษัทจะเติบโตได้อย่างมั่นคง และต่อเนื่องได้ขนาดไหน และอื่นๆ มาประกอบการพิจารณาราคาหุ้นที่เหมาะสม จะเห็นว่าบางบริษัท มูลค่าตามบัญชีสูงมาก แต่มีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีก็มีเยอะ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีอัตราการเจริญเติบโตต่ำ ธุรกิจไม่น่าสนใจ ผู้ลงทุนอยากลงทุน ราคาหุ้นก็ถูกกว่ามูลค่าตามบัญชีของบริษัทมากๆ แต่ธุรกิจที่มีการเจริญเติบโตสูงๆ เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้เร็ว และดี กำไรดี ราคาหุ้นจะสูงกว่่ามูลค่าทางบัญชีมาก ดูได้จากหลายๆบริษัท ที่มีค่า PE 20 - 3 0เท่า แต่ราคาก็เพิ่มสูงขึ้นได้เรื่อยๆ เพราะปีต่อๆไป ยอดขายเิ่พิ่มขึ้นมาก  มีการขยายสาขาเพิ่มมาก กำไรก็เพิ่มตาม ราคาหุ้นที่สูงก็จะค่อยๆถูกลง เพราะเติบโตในอัตราที่สูงได้ กำไรที่เพิ่มขึ้นทำให้ราุชคาที่สูงจะค่อยๆถูกลง  คงแล้วแต่เหตุผล และการมองธุรกิจนั้นๆว่า เป็นอย่างไรประกอบด้วยครับ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ทราบจะตรงกับความต้องการของเจ้าของกระทู้รึเปล่าไม่แน่ใจครับ จากคุณ : Wild Rabbit เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 13:27:19

ความคิดเห็นที่ 8 อย่าเพิ่งซื้อหุ้นนะครับ หาอ่านเยอะๆก่อน จากคุณ : *Tan* เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 23:27:49