|
ออมหุ้นครับ แต่ต้องมีวินัยในการออมนะครับ คือต้องไม่ขายออกเพื่อนำเงินไปใช้เพื่อการอื่น ออมไว้เพื่อการเกษียณอย่างเกษมอย่างเดียวนะครับ การลงทุนในหุ้นระยะ ยาว ความเสี่ยงการขาดทุนจะน้อยลง หากยิ่งลงทุนยาวขึ้นเความเสี่ยงที่จะขาดทุนจะยิ่งลดลง และควรลงทุนไม่น้อย กว่า 5 ปี จากสถิติทั่วไปผลตอบแทนโดยเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปีครับ
ยิ่งถ้าได้ลงทุนตอ่เนื่องทุกเดือน ด้วยเงินจำนวนเท่าๆกัน ก็จะทำให้การซื้อได้มีการเฉลี่ยราคาซื้อหุ้นดีกว่าจะซื้อเพียงครั้งเดียว เพราะราคาหุ้นมีขึ้นมีลง ผลตอบแทนที่จะได้รับก็จะทบต้นให้เราไปเรื่อยๆเรา จะเห็นความมหัศจรรย์ของผลประโยชน์ทบต้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างที่เราไม่คาดคิดมาก่อน และหากยิ่งเราลงทุนตั้งแต่เริ่มทำงานที่อายุน้อย เงินออมจิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณทุกปีครับ (ลองคำนวณโดย Excel ดูนะครับ) รับรองเกษียณอย่างเป็นสุขแน่นอน หากไม่ขายออกไปก่อนจนกว่าจะเกษียณนะครับ ทดลองลงทุนสัก3-5ปีก่อนจะเห็นผลครับ (ผมได้ทดลองมาแล้วครับ) หาก เราเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดีๆ ราคาหุ้นไม่สวิงตามภาวะเศรษฐกิจ เป็นธุรกิจที่ไม่ซับซ้อนจนเข้าใจได้ยาก เป็นธุรกิจที่ทุกคนต้องกินต้องใช้ประจำวันยิ่งดี โอกาสที่ธุรกิจนั้นจะย่ำแย่จนขาดทุนคงเป็นไปได้ยากครับ เลือกธุรกิจที่เราคิดว่าเรารู้ว่าเขาทำอะไร ขายอะไร และหากธุรกิจเขาเริ่มจะไม่ดี เราก็พอจะรู้ได้ไม่ยากยิ่งดีครับ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจกลุ่มอาหาร (CPF,TUF) กลุ่มสื่อสาร (ADAVAC ,DTAC, INTUCH) กลุ่มพาณิชย์ ( CPALL, HMPRO, MAKRO)เป็นต้น และควรเลือกหุ้นที่เป็นผู้นำในลำดับ 1 ของกลุ่มจะดีที่สุดครับ ยิ่งเป็นธุรกิจที่ตั้งมานานพอสมควร และมีกำไรมาตลอดอย่างน้อย 5ปี ติดตอ่กัน และยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้ยทุกปียิ่งดีครับ
ลองเข้าไปดูหุ้นที่ผมยกตัวอย่างดูนะครับ เข้าไปดูงบการเงินย้อนหลัง จะเห็นผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5ปี และราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น เงินปันผลต่อปีจ่ายเท่าไร ฯลฯ น่าสนใจมากนะครับ
ผมเองก็ได้ลงทุนหุ้นและกองทุนหุ้น(ลดหย่อนภาษี) ทั้ง 100% และซื้อเป็นรายเดือนด้วย ซื้อโดยตรงเป็นครั้งคราวด้วยครับ การเป็นนักลงทุน หากเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี มีปันผลในระดับ 5%-10% ก็ไม่ต้องกังวลใดๆ (อย่างน้อยก็มีปันผลทุกปี ) การลงทุนต้องให้หุ้นค่อยๆเติบโตไปพร้อมๆกับธุรกิจที่จะเติบโตในแต่ละปี และถือรอให้ธุรกิจค่อยๆเติบโต มูลค่าหุ้นก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้นตามมูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย
มี 2 บล.ที่มีโครงการออมหุ้นรายเดือนๆละอย่างต่ำ 1,000 บาทต่อเดือนครับ คือ บล.ซิกโก้ และ บล.ฟิลิป แต่ซิกโก้จะดีกว่าเล็กน้อยที่ไม่มีค่าคอมขั้นต่ำ แต่ฟิลิปมีขั้นต่ำครับ
ลองอ่านข้อมูลประกอบการตัดสินใจตามเว็ปด้านล่างนี้นะครับ
โครงการออมหุ้น(พื่อการเกษียณ)ของบล.2 แห่ง 1 http://www.ssecclick.com/2010/ewb.aspx
2 https://www.poems.in.th/SBP/main_SBP.htm
การออมหุ้นดีกว่าออมทองอย่างไร (ความเห็นส่วนตัว) 1. มีเงินปันผลให้ทุกปี ถ้าลงทุนหุ้นปันผล แถมบางตัวก็เติบโตได้ทุกปี 2.มี ข้อมูลให้ติดตามผลประกอบการทุกไตรมาส ว่าผลประกอบการโตมากน้อยแค่ไหน จะขยายงานหรือไม่ แนวโน้มบริษัทเป็นอย่างไร ประกอบการตัดสินใจลงทุน
การลงทุนในกองทุนรวมมีจุดด้อยอยู่2ประการ(ความเห็นส่วนตัว) 1.หักค่าบริหารกองทุนปีละประมาณ 2%ของกองทุน กำไรขาดทุนก็ต้องจ่าย ทำให้ผลตอบแทนหายไปแล้ว 2% 2.กองทุนต้องซื้อกระจายการลงทุนไปหลายสิบหุ้น ไม่สามารถเน้นการลงทุนเฉพาะตัวใดตัวหนึ่งได้ ทำให้ผลตอบแทนไม่ดีเท่าที่เราเลือกลงทุนเองโดยตรง หากเราไม่มีความรู้ในการเลือกหุ้นลงทุนเลย ซื้อกองทุนรวมหุ้นก็จะปลอดภัยกว่าครับ
ความรู้เพิ่มเติมที่ควรทราบ: ออมไว้ในหุ้น; นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I11542406/I11542406.html
จากคุณ |
:
Wild Rabbit
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ม.ค. 55 11:33:47
|
|
|
|
|