ความคิดเห็นที่ 1 ต่างคนต่างความคิดครับ ต่างสถานการณ์ ถ้ามีรายได้เข้ามาตลอดเป็นผมซื้อสดเลยครับ จะเสียดอกให้แบงค์ ทำไม ไม่ขอเป็นหนี้ดีกว่า จากคุณ : tetae56 เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 01:31:19

ความคิดเห็นที่ 2 ซื้อแล้วเงินยังเหลือ  เงินสดดีกว่าค่ะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 01:39:26

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นผมซื้อสดนะ มีบ้านแล้วก็โอเคละ สบายตัว วันๆนึงกิน 300 ก็เต็มที่แล้ว ค่าไฟ 2 พัน ค่อยๆออมเพื่อเกษียรละทีนี้ จากคุณ : เขียนบน iPad (iteerath0n) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 01:48:18

ความคิดเห็นที่ 4 ขึ้นอยู่กับว่าเงินสดของคุณทำให้มันงอกเยอะกว่าดอกเบี้ยแบงค์ได้แค่ไหน ถ้าผ่อนแล้วเงินสดกองเฉยๆ ซื้อสดต้องดีกว่า จากคุณ : finding_numo เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 02:26:46

ความคิดเห็นที่ 5 อ่อ แล้วถ้างานประจำมั่นคง สามารถผ่อนได้แต่ละเดือนโดยไม่เดือดร้อน เก็บเงินไว้รอโอกาสลงทุนดีๆ (ถ้ารักความเสี่ยงจริงๆนะ) จากคุณ : finding_numo เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 02:30:11

ความคิดเห็นที่ 6 ตามความเห็น 4 ความเห็นผมเพิ่มเติมคือ สดครึ่งนึง อีกครึ่่งเอาไว้ลงทุนง่ายๆ พวกหุ้นกู้ หรือกองทุนรวมดีกว่า เพราะดอกเบี้ยบ้านค่อนข้างถูกอยู่แล้ว จากคุณ : sace22 เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 02:32:51

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาเก็บข้อมูล กำลังตัดสินใจอยู่เลยครับ ของผมเงินสด ในมือ ยังไม่พอ เพราะเอามาลงทุนใน หุ้น 85% ต้องใช้เวลาเก็บอีก  5-6 เดือน ถึงจะได้เงินค่าบ้าน เลยว่าจะต่อรองกับเจ้าของบ้าน ขอผ่อน 10 งวด 0% คริคริ จากคุณ : Gethsemane เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 02:49:16

ความคิดเห็นที่ 8 การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐครับ เจ้าของกระทู้ แสดงว่าคุณเป็นคนบริหารการเงินได้ดีถึงมีเงินเก็บขนาดนี้ จากคุณ : moonalica เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 03:15:40

ความคิดเห็นที่ 9 เราเกลียดการเป็นหนี้ ซื้อสดแน่ๆถ้าเป็นเรา ดอกเบี้ยที่เสีย ลงทุนมาทดแทนยากมาก ยกเว้นฝีมือการลงทุนระยะสั้นจะดีจริงๆ ถึงแม้คุณลงทุนเก่ง ถ้าชอบลงทุนระยะยาว เงินไม่เย็น แล้วใจไม่นิ่งเท่าที่ควร เราว่าไม่ดีซักเท่าไหร่ จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 05:07:37

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าไม่ซื้อสด ดอกเบี้ยเงินกู้ที่จ่ายไป หักด้วยเป็นค่าลดหย่อนภาษีแล้ว มากกว่าการเงินที่เหลือไปลงทุนแล้วได้กำไรหรือไม่ ถ้ารายจ่ายมากกว่ารายรับ ก็ซื้อสดดีกว่า คุ้มกว่า จากคุณ : panda_ch เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 06:00:08

ความคิดเห็นที่ 11 ผมก็อยู่ในสถานะการเดียวกับเจ้าของกระทู้เลย....เคยคิดจะจ่ายเงินสดเหมือนกัน...แต่เสียดายเงินก้อนที่อุตส่าหาเก็บมาได้..แล้วคิดไปเองว่าโลกเราจะแตกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้..5555ถ้าโลกแตกหรือเกิดภาวะวิกฤติทางธรรมชาติจริง...เราจะมีเงินสำรองพอไม้...จึงคิดว่าบ้านเป็นหนี้แห่งความสุข...หากว่าหนี้ที่เราเป็นอยู่ไม่ทำให้เราเดือดร้อนโดยคิดถึงปัจจุบันเป็นหลักในการก่อร่างสร้างความสุข...มีวินัยทางการเงินปล่อยให้เงินในอนาคตทำงาน...ผมว่าดอกเบี้ยที่เสียไปอาจจะคุ้มค่าแก่จิตใจเรามากกว่าคุ้มค่าตัวเลขก็ได้นะครับ จากคุณ : juabena (juabena) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 06:53:17

ความคิดเห็นที่ 12 เราก็เคยอยู่สถานการณ์เดียวกับ จขกท เหมือนกัน  ทั้งซื้อบ้าน ซื้อรถ  สุดท้ายตัดสินใจซื้อสดทั้งหมด  เงินที่เหลือต่อเดือนถ้าไม่ต้องเอาไปผ่อนอะไรก็เพียงพอที่จะสะสมเพิ่มเพื่อเก็บหรือเพื่อลงทุนต่อ  ดีซะอีก ตรงที่เวลาลงทุนแล้วไม่เครียดเพราะต้องแข่งกับดอกเบี้ยธนาคารที่เราต้องจ่ายทุกเดือน  แค่ 3-4 ปี เรากับสามีก็มีเงินเก็บเหมือนตอนก่อนซื้อบ้านซื้อรถเหมือนเดิมอีกแล้ว จากคุณ : Minnie On The Road เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 07:13:20

ความคิดเห็นที่ 13 มีเงินเหลือก็สดดีกว่า แต่ต้องคำนวณค่าใช้จ่ายให้ดี จากคุณ : natbma เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 07:22:53

ความคิดเห็นที่ 14 ดูว่าแต่ละปี เอาเงินสดที่ว่าทำกำไรได้มากกว่าดอกเบี้ยแบงค์มั้ย ถ้าทำได้มากกว่าก็ซื้อเงินผ่อน ถ้าไม่ก็ซื้อเงินสด จากคุณ : BT82 เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 07:24:18

ความคิดเห็นที่ 15 ... ผ่อน 1-3 ปีแรก จากนั้นจ่ายให้หมดปิดบัญชี ... เหตุผล เนื่องจากการผ่อนช่วงแรกจะอยู่ในโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร เช่น ดอกเบี้ย 1% 1 ปี หรือ 3.5% 3 ปี ตามแต่ละธนาคาร ซึ่งถูกมาก ช่วงนี้คุณก็เอาเงินไปลงทุนให้งอกเงยขึ้นมาได้อีกเยอะ พอถึงช่วงปรับดอกเบี้ยเป็นปรกติก็เอาเงินไปปิดบัญชี ... ข้อควรระวังคือ ต้องแน่ใจว่าปิดปัญชีก่อนกำหนดจะต้องไม่มีค่าปรับ จากคุณ : ปลาทูออนไลน์ เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 07:35:59

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นเราก้อซื้อสดค่ะ ต่อให้งานมั่นคงหรือรายได้เข้ามามากอะไรก้อเถอะ เวลาที่มีหนี้ติดตัวมันไม่สบายใจเลย ซื้อสดดีกว่า จากคุณ : ความปลอดภัยเริ่มต้นที่ตัวเรา เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 07:49:49

ความคิดเห็นที่ 17 ซื้อทรัพย์สินในปัจจุบันทั้งหมดจ่ายเงินสด ไม่ต้องการเป็นหนี้ ไม่มีเงินก็ไม่ต้องซื้อ รอจนเก็บเงินครบค่อยซื้อ หรือถ้าเก็บเงินจนครบ แล้วเปลี่ยนใจไม่ซื้อ ก็ยิ่งดี ถือเป็นเงินออมอีกก้อน ได้นี่ค่ะ Win Win! จากคุณ : artanier เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 08:08:03

ความคิดเห็นที่ 18 สนับสนุนความเห็น 15 ครับ ช่วง 3 ปีแรก ดบ.ถูก น่าจะลงทุนได้มากกว่าที่เสียไป ลองถือเงินสดซัก 3 ปี ถ้าไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร หลัง 3 ปี ปิดบัญชีก้อยังไม่สาย จากคุณ : เขียนบน iPad (s.sup) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 08:17:38

ความคิดเห็นที่ 19 การเป็นหนี้บางครั้งเป็นเรื่องดีนะครับ อย่าลืมว่าที่ดอกเบี้ยซื้อบ้านสูง เพราะมันรวมความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อในระยะยาวไปแล้ว เพราะตามหลักแล้วค่าขิงเงินจะลดลงเรื่อยๆ ยิ่งเศรษฐกิจโตแบบนี้ เงินยิ่งเฟ้อ และคุณยิ่งหาเงินได้เยอะขึ้น ดังนั้น 1 ล้านวันนี้ ย่อมแพงกว่า 1 ล้านในอีก 20 ปีข้างหน้าแน่นอน ถ้าคุณมีการงานมั่นคง อายุุยังน้อย ผมคิดส่าผ่อนไปก่อนน่าจะ้ป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก ถ้าคุณเอาเงินสดที่มีไปทำประโยชน์ให้งอกเงือยนะ ถ้าเงินสดฝากแบงค์ก็เปล่าประโยชน์ เพราะเงินเฟ้อร้ายแรงกว่าปลวกอยู่แล้ว จากคุณ : ผ่านแน่นอน เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 08:18:24

ความคิดเห็นที่ 20 ผมสถานการณ์เดียวกัน แต่ไม่ซื้อสดครับ เพราะ 1. เงินก้อนหาไม่ได้ง่าย 2. ทำให้เงินงอกเงยได้ โดยการเอาดอกเบี้ยจากการลงทุนมาผ่อนแทน 3. ถ้าบริหารหนี้เป็น ไม่จำเป็นต้องกลัวการเป็นหนี้ครับ แต่ความกลัวเป็นปัญหาของคนส่วนใหญ่ ลองตัดสินใจดูนะครับ จากคุณ : Modz เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 08:33:32

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าชอบเสี่ยงจะซื้อสดทำไมล่ะครับ เอาเงินมาลงทุน ลุ้นกับดอกเบี้ยบ้านดีกว่า ดอกเบี้ยบ้านร้อยละ6 ปีหนึ่ง คุณได้ร้อยละ7-8 คุณก็ชนะละ ถ้าคุณได้ร้อยละ1-5 คุณก็ได้ส่วนลดดอกเบี้ยบ้านไปล่ะ แต่ถ้าคูณติดลบ คุณแพ้ อิอิ แต่อย่าลืมว่า คุณมีโอกาส30ครั้งตามจำนวนปีที่จะลองใหม่เพื่อเอาชนะ คุณจะไม่ลองหรื อครับ มันเร้าใจนะ จากคุณ : ชื่ออะไรดี เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 08:48:36

ความคิดเห็นที่ 22 ขอตอบแบบไม่เกี่ยวกับการลงทุนนะครับ ในภาวะโลกเป็นเช่นนี้ มีภัยธรรมชาติต่างๆมากมาย ถ้าเป็นผม ซื้อผ่อนครับ เก็บเงินสดหรือทองไว้ในมือ เกิดอะไรขึ้นมา ยังมีทรัพย์สินติดตัวครับ หรือจะเอาเงินไปลงทุนระยะสั้น รอดูสถานการณ์ 5-6 ปีนี้ ถ้าไม่มีอะไรรุนแรง ค่อยเอาดอกผลที่ลงทุนไปโปะ จากคุณ : Red_Arsenal เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 08:54:43

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณทุกๆความเห็น แต่ผมชอบ #15, #19, #21 เป็นพิเศษ เพราะผมเป็นคนรักความเสี่ยง เสี่ยงได้เยอะๆ ถ้าขาดทุนเมื่อไหร่ ผมจะรีบทำงาน รีบหาเงิน มาทดแทนสิ่งที่ขาดให้ไวที่สุด แต่ก็กลัวการหมดตัว เหมือนกันนะครับ :) เพื่อนๆพี่ๆที่ผ่านมา แนะนำความคิดเห็นเข้ามาได้เลยคับ ไม่มีถูกไม่มีผิด ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคน เพื่อเป็นข้อมูลที่สำคัญให้คนอื่นๆด้วยคับ ^ ^ จากคุณ : tuppee เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 09:26:53

ความคิดเห็นที่ 24 เสี่ยงมากๆ ต้องคิดเผื่อว่าเงินก้อนนั้นอาจหายไปด้วยนะครับ แฮ่ๆ เป็นผมก็ผ่อน 3 ปีเหมือนกัน จากคุณ : ป่าโข่ เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 09:39:57

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้ารักความเสี่ยง อยากเอาชนะอัตราดอกเบี้ย ก็ผ่อนโลดเลยค่ะจขกท. จากประสบการณ์ผ่อนบ้านมาแล้ว เราว่าอัตราดอกเบี้ย 1-3 ปีแรกเนี่ย คุ้มมาก เพราะเรทต่ำ ถ้าชอบลงทุน เอาเงินตรงนี้มาลงทุน เราว่าเอาชนะได้ไม่ยากเลย เสร็จแล้ว ครบ 3 ปี ก็ค่อยคิดอีกทีก็ได้ว่า อยากจะผ่อนต่อ หรือว่าเบื่อแล้วอยากจะส่งให้ครบ เพราะยังไงคุณก็มีเงินสดในมืออยู่แล้ว จากคุณ : ยิ้มหวานตาโต (joyaccy) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 09:45:19

ความคิดเห็นที่ 26 ลองเอาเงินมาซื้อทองแท่ง แล้วผ่อนไปเรื่อยๆ เมื่อผ่อนหมด จะเห็นว่า คุณ ได้กำไรนะ แต่เมื่อไหร่มีปัญหาเรื่องเงิน ก็ขายทองมาช่วยได้ ผมว่า ถ้าผ่อนซัก 20-30 ปี ทองคงขึ้นเอาการอยู่ สำคัญท่านมีกำลังผ่อน เท่าไหร่ คำนวนให้ดี ครับ จากคุณ : Mi Lady & Mi Lord เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 09:47:43

ความคิดเห็นที่ 27 ซื้อสดไม่เสียดอก  ก็ถือว่าได้กำไรแล้ว แถมบ้านและที่ดินมีมูลค่าเพิ่มด้วยนะ  ถ้าทำเลดี555 จากคุณ : ประลองยุทธ์ เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 09:54:06

ความคิดเห็นที่ 28 ซื้อบ้าน ซื้อรถ เงินสดดีหรือเปล่า ??? คำถามนี้คนถามเยอะมาก จริงๆ ผมคิดว่า ถ้ามีเงินสดซื้อบ้าน ซื้อรถ และยังมีเงินเหลือ ถึงจะไม่เยอะมาก แนะนำให้ ซื้อเงินสดครับ เงินส่วนที่เหลือ + รายได้ต่อเดือนของคุณ ก็ค่อยเอาไปลงทุน ถึงแม้เงินจะโตช้ากว่าการมีเงินเหลือเยอะ แต่มันก็มั่นคง และปลอดภัยกว่าแน่นอน บางคนก็บอกว่า ให้ซื้อเงินผ่อน และเอาเงินไปลงทุน จริงๆ ก็เป็นทางเลือกอีกทางที่ดี แต่คุณต้องมั่นใจได้ 95% ว่า เงินของคุณจะต้องโตมากกว่าดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายคืน ตลอดระยะเวลาในการผ่อนบ้าน สำหรับเงินที่กู้มา ซึ่งถ้าเป็นคนบริหารเงินเก่ง ก็สามารถทำได้ และทางเลือกที่จะซื้อเงินผ่อนย่อมดีกว่า แต่คนส่วนใหญ่มักจะทำไม่ได้ ผมเลยคิดว่าเลือกซื้อเงินสด ดีกว่าถ้าคุณไม่มั่นใจในระยะยาว เหตุผล เพราะว่า ถึงแม้คุณจะมีรายได้จากการทำงานเข้ามาเพื่อผ่อนบ้าน ก็เถอะ แต่การผ่อนบ้านเป็นการผ่อนระยะยาว ซึ่งในระยะยาว คุณย่อมมองไม่เห็นทางข้างหน้าที่ชัดเจน เวลาเศรษฐกิจดี ธุรกิจดี รายได้ดี อะไรๆ ก็ดูดีไปหมด แต่ถ้าเวลาเศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจแย่ รายได้ไม่ดี หมุนเงินไม่ทัน ปัญหาก็จะทยอยเข้ามาทึ้งคุณ จนกระดิกตัวไม่ได้ โดยภาระของคุณก็คือ ต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนเหมือนเดิม นี่คือเหตุผลนึงที่ผมคิดว่า ถ้ามีเงินเหลือจนไม่ทำให้ลำบากอะไรในปัจจุบัน ซื้อเงินสดไปเถอะครับ เพราะคุณจะได้ไม่ต้องลำบากใจอะไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 09:56:18 แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 09:55:29 จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 09:54:23

ความคิดเห็นที่ 29 กำลังจะทำแบบ คห 15 ค่ะ ผ่อน 1-3 ปีแล้วจบ เพราะสามีคิดว่า เอาเงินส่วนที่กู้มา ทำให้งอกเงยเพิ่มขึ้น โดยการเล่นหุ้น ซื้อคอนโด และเอาส่วนดอกเบี้ยมาหักภาษีด้วย แต่ต้องดูว่า ดอกเบี้ยไม่เกินที่ควรจะหักได้นะคะ จากคุณ : pluswipa เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 10:08:37

ความคิดเห็นที่ 30 คุณมีครอบครัวหรือโสด แล้วถ้าคุณจ่ายผ่อนอย่าลืมครอบครัวที่จะแบกรับภาระอยู่ข้างหลังถ้าคุณมีเหตุต้องจากไป และถ้าคุณซื้อสดคุณแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะมีสุขภาพที่แข็งแรงหาเงินได้ตลอดไป โรคปัจจุบันนี้ที่คนเป็นกันเยอะ และค่าใช้จ่ายสูง ..มะเร็ง.. อย่าลืมความจริงพวกนี้ด้วย จากคุณ : susong เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 10:25:07

ความคิดเห็นที่ 31 กู้ออมสินเลยครับ 3 ปีแรก ดอกเบี้ย fix 3.45% ต่อปี แล้วจ่ายให้หมดใน 3 ปี เอาดอกเบี้ยที่เสียมาหักลดหย่อนภาษีได้อีก (max 100 k) ทำให้ effective rate ของดอกเบี้ยที่จ่ายจริงจะต่ำกว่า 3.45% อีกครับ ซึ่งการที่ จขทก ชอบลงทุนอยู่แล้ว ผมว่าคุณหาผลตอบแทนได้มากกว่าที่จ่ายให้แบงค์ค่อนข้างจะแน่นอนครับ จากคุณ : muumee_love เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 13:03:58

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าเป็นรถ จะแนะนำซื้อเงินสด ถ้าเป็นบ้าน แล้วเรามีเงินมากพอ และต้องเสียภาษี จะเป็นจ่ายเงินสดประมาณ 25-50% ของราคาบ้าน ขึ้นอยู่กับราคาประเมิน ค่าโอนที่ต้องจ่ายให้ที่ดิน และค่าจดจำนองธนาคารกรณีกู้เงิน แล้วที่เหลือก็เอาเข้าธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำที่สุด 1-3 ปีแรก แต่ต้องเลือกธนาคารที่ให้ส่งเกินค่างวดได้ตั้งแต่งวดแรกโดยไม่มีค่าปรับด้วย ส่วนใหญ่ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำจริง ๆ เค้าจะไม่ให้ปิดก่อนระยะเวลาที่กำหนด แต่บางที่ก็ให้ปิดหรือส่งเกินงวดได้ ต้องสอบถามดี ๆ แล้วก็คำนวณว่าจริง ๆ เราอยากจะส่งค่าบ้านเดือนละเท่าไหร่ ก็จ่ายเพิ่มจากค่างวดตามนั้นไปเรื่อย ๆ  เพื่อเป็นการลดเงินต้นในแต่ละปี เอาดอกเบี้ยไปลดหย่อนภาษีแต่ละปี ส่วนเงินที่เก็บไว้ ก็เอาไปลงทุน แล้วดูผลงานเทียบกันทุกปี จนกว่าเมื่อไหร่ที่ผลตอบแทนการลงทุนของเราน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้ธนาคาร ก็ค่อยเอาเงินสดไปปิดให้หมดค่ะ ยุ่งยากไปมั้ยเนี่ย คือเราก็ทำแบบนี้นะ เพียงแต่เงินเก็บเรายังไม่มากมายนัก แล้วก็ยังเหลือที่จะต้องส่งอีกนาน ก็เลยแค่อยากลดเงินต้นกับระยะเวลาส่งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากคุณ : arce เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 13:46:07

ความคิดเห็นที่ 33 #32 ความคิดเข้าท่าดีนะครับ ชอบๆ ผมต้องสอบถามเรื่อง rate ดอกเบี้ย กับการส่งเกินงวด กับธนาคารให้ชัดเจนละ และต้องเปรียบเทียบว่าผลกำไร 3 ปีแรกเป็นยังไง จากคุณ : tuppee เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 17:26:07

ความคิดเห็นที่ 34 กำลังคิดจะมีหนี้พอดี กระทู้นี้ได้ความรู้ดีจริงๆ จากคุณ : Nong-Ngek เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 23:00:37

ความคิดเห็นที่ 35 แต่เงื่อนไขของเรายากกว่าตรงที่ว่าการขอภาษีคืนจะทำได้ไหมนะ ถ้าสามีเป็นคนต่างชาติไม่ได้อยู่ในประเทศไทย เราจะขอคืนภาษีได้เหรอ จากคุณ : Nong-Ngek เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 23:02:25

ความคิดเห็นที่ 36 ซื้อสดสิครับ ไอ้ที่บอกๆว่าให้ไปลงทุนได้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ย เป็นการมองด้านเดียว ระวังเอาไปลงทุนแล้ว เงินต้นจะหาย นะครับ การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่งั้นคงรวยกันไปทุกคนแล้ว ด้วยความหวังดีครับ จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 00:14:15

ความคิดเห็นที่ 37 เป็นเรา เราซื้อสดนะ ถ้าซื้อแล้วเงินยังเหลือ เผื่อ ตกงาน ไม่มีงานทำหรือยังไงก็ยังมีบ้านให้ซุกหัวนอน ไม่ต้องกลุ้มใจว่าจะเอาเงินที่ไหนมา จ่ายค่าบ้าน ก็ ตัดไปได้เลยเรื่องนึง พี่ชายเราก็ซื้อสด ตอนนี้ก็ คิดแค่ว่า ทำงานหาเงินมาใช้จ่าย ไม่ต้องคิดมากเรื่องหนี้ผ่อนบ้าน จากคุณ : makeup เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 55 09:51:12