ความคิดเห็นที่ 1 งวดนี้  ผู้ถามมาทางหลังไมค์  อนุญาตให้เปิดเผยชื่อได้ เพราะผมบอกเหตุผลไปว่า กลัวคนเขาหาว่า ตั้งกระทู้แบบ ถามเอง ตอบเอง   ลองอ่านคำถามในภาพประกอบกันก่อนครับ และขอตัวไปนอกบ้านซักสี่สิบนาที เดี๋ยวจะกลับมาโพสต์ตอบครับ ! จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:18:27

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามาปูเสื่อฟัง คนแรก จากคุณ : pluem เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:23:47

ความคิดเห็นที่ 3 รอฟังคนที่สอง :) จากคุณ : GF เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:29:02

ความคิดเห็นที่ 4 นั่นซิคะ พี่คลายเครียด หนูก็สงสัยแบบน้อง zaieiew เลยค่ะ แต่ไม่ได้หลังไมค์ เพราะกะว่าจะลองเลือกซักตัวตามแนวของพี่ดู เผื่อจะรู้คำตอบเอง แต่ยังเลือกไม่ได้ ประมาณหลายใจ เอิ๊กๆๆ แต่ก็ลองคิดดูแล้ว น่าจะประมาณว่า หุ้นที่พี่เลือกจะเป็นหุ้นที่ไปตามพื้นฐานของมัน โดยไม่ไปอิงกับใครๆ ทำให้เราไม่ต้องคอยตามข่าวหรือวิตกว่า ราคาจะไปไม่สัมพันธ์กับพื้นฐานของหุ้น ไม่แน่ใจว่าคิดถูกมั๊ยอะค่ะ งั้นมารอดูคำตอบพี่เลยแล้วกัน จากคุณ : เฉลว เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:10:36

ความคิดเห็นที่ 5 รถติดน้อยกว่าที่คิด กลับมาโพสต์ต่อครับ ผมขอสันนิษฐานว่า  นักลงทุนแนว "ซื้อแล้วต้องรอ" น่าจะมีประมาณซักยี่สิบถึงสามสิบเปอร์เซนต์ ของสมาชิกห้องสินธร คือดูจากปัจจัยพื้นฐานของการให้กิฟท์แล้ว เกือบครึ่ง  จะมาอ่านและมาใหักิพท์นอกเวลาทำงาน หรือมาตอนพักเที่ยง มาถึงคำถามว่า ทำไมไม่เลือกหุ้นที่อยู่ใน  set 50 set 100 ไม่แทง tlex  dw  ตลาดฟิวเจอร์ทุกแบบ ? คำตอบง่ายๆ แบบกำปั้นทุบดินคือ ผมทำตาม  "margin  of satisfaciton " ของตัวเอง ซึ่งมันกำกับด้วย  margin of safety  อีกที หลังจากลองทำเช็คลิสท์ตามภาพประกอบแล้ว มีอะไรที่ผมสู้พวกนักลงทุนรายใหญ่ พวกมืออาชีพเช่นกองทุนไทยและเทศได้บ้าง ? เรามีเครืองมืออะไร  ไปต่อกรกับพวกรายใหญ่ พวกมืออาชีพได้บ้าง ? + แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 09:04:23 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 12:05:49 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 08:41:31 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 08:40:46 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 08:13:47 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:12:31

ความคิดเห็นที่ 6 ยอมรับว่า  ทุกวันนี้  ผมยังไม่รู้เลยว่า หุ้นใน set 50  set 100  มีตัวไหนบ้าง แต่รู้ว่า  คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของหุ้นพวกนี้ ที่ตลาดหลักทรัพย์เอามาให้แทง เอ๊ยลงทุนก็คือ ต้องมี "สภาพคล่องคอสูงๆ " ซื่้อหุ้นจำนวนเท่าไร ต้องมีคนขายให้ ขายหุ้นจำนวนเท่าไร ต้องมีคนซื้อไป จึงเหมาะสำหรับการเล่น "เกมล่าส่วนเกินทุน" ซื้อๆขายๆ เพื่อล่าส่วนเกินทุน จากกระเป๋าของกันและกัน มันเป็นเกมที่ใหญ่โตมาก   มีคนที่เลี้ยงชีพโดยตรง จากธุรกรรมเกมล้่าส่วนเกิน ไม่ต่ำกว่าหมื่นคน   ค่าคอมมิชชั่น   ที่ได้จากการเล่นเกมล่าส่วนเกินทุนของคนในตลาดหุ่น ได้จากค่าธรรมเนียมในการบริหารพอร์ต ผ่านกองทุน คือคำตอบที่แท้จริง  สำหรับการคัดเลือกหุ้นดังกล่าว นอกเหนือจากหลักเกณฑ์เรื่อง   เป็นหุ้นพื้นฐานดี ทีนี้ลองมาไล่ดูความรู้  ความสามารถของตัวเองทีละข้อ ๑ ความรู้เรื่องปัจจัยพี้นฐาน รู้ให้เต็มที่ ก็รู้เท่ากับพวกมือาชีพ ที่ผ่านการเรียนรู้มาอย่างเป็นระบบ ๒ ความรู้เรื่องเท็คนิคอลกราฟรูปแบบต่าง อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่  เพราะรู้น้อยมาก   หาค่าความน่าจะเป็นของตัวชี้วัด ไม่เป็นเลย ๓ ความสามารถในการเข้าถึง่ข่าววงใน รายย่อย  ที่ไม่ใช่แม่ยายหรือน้องเมียเจ้าของบริษัท หรือพนักงานบริษัท ก็จะได้แค่ข่าววงในดิวิชั่นสาม แบบที่เขาพูดกันตลกๆว่า  เป็นข่าววงในที่รู้กันหมดแล้ว นอกจากเจ้าหน้าที่ กลต. และตลาดหลักทรัพย์ หรือได้แค่้ข่าววงนอกสุด  ที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศออกมาผ่านเวบ ซึ่งมันเป็นข้อมูลที่ผ่านมาตั้งสี่สิบห้าวันขึ้นไปแล้ว ในขณะที่รายใหญ่ หรือมืออาชีพบริหารพอร์ต  ต่อโทรศัพท์สายตรง คุยกันเจ้าของหรือผู้บริหารได้ทุกเมื่อ บางทีก็นึกน้อยใจเหมือนกัน ทำไมพวกกูรู้ตามโบรกเกอร์  ตามกองทุน จึงสามารถเข้าเยี่ยมบริษัทได้ง่ายกว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อย ๔ หน้าตักเงินที่ใช้ซื้อหุ้น เงินหรือหุ้น ที่เรามี ไม่สามารถชี้นำราคาหุ้น ยิ่งหุ้นมีมาร์เก็ตแค็ปมากเท่าไร   เงินและหุ้นของเรา  ก็ยิ่งมีอำนาจซื้อขายน้อยลงเท่านั้น เช็คลิสท์ดูแล้ว  ถ้าผมตามไปซื้อขายหุ้นใน set 50 set 100 ก็เท่ากับเดิมตามเกมที่  คนที่มีความเหนือกว่าทุกด้านจะพาไป แต่ถ้าใครแน่ใจว่า  เช็คลิสท์แล้วสู้ได้ ก็ลุยไปเลยครับ   ผมเพียงแต่  จะยืนอยู่ในพื้นที่ ที่ตัวเองถนัดมากที่สุดเท่านั้น คือเดินเล่นไปเรื่อยๆ  เก็บเกี่ยวสิ่งที่ได้ ไปตามรายทาง ตามความรู้ ความสามารถเท่าที่คิดว่า ตัวเองจะมีอยู่ ไม่ล้ำเส้น  เดินเข้าไปเล่นเกมล่าส่วนเกินทุน ในทุ่งสังหารของพวกรายใหญ่ พวกมืออาชีพ ไม่่ไปแข่งวิ่งร้อยเมตร สองร้อยเมตร พันเมตร หรือแข่งวิ่งข้ามเครื่องกีดขวางกับพวกมืออาชีพ ที่ได้เปรียบเราทุกข้อ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 09:15:09 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:40:50 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 08:45:55 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:38:56

ความคิดเห็นที่ 7 ปูเสื่อรอด้วยคนครับ ^^ อัดความรู้เข้าหัวยามเช้า ขอบคุณคร้าบบบ จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:45:43

ความคิดเห็นที่ 8 ปูเสื่อรอด้วยคนครับ ^^ จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:48:36

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องใจเย็นๆเดินตามเกมส์ของเราเนี่ยจริง ผมพลาดมาแล้วกับปีที่แล้ว เข้าซื้อหุ้น SC, INTUCH ตั้งแต่ต้นปีเพราะรู้ว่าหุ้นมัน Upervalue จาก Sentiment เรื่องการเมืองและการเมืองน่าจะเปลี่ยนมือแน่ๆ แต่กลับไปหวั่นไหวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเลยเดินตามแผนเล้กๆของตัวเองไม่สำเร็จขายหมุไปก่อนเลือกตั้ง ตอนนี้ต้องมานั่งปรับจิตตัวเองใหม่ว่าตกลงเราเล่นหุ้นไทยหรือหุ้นโลกกันแน่ ( แต่ต้องยอมรับจริงๆว่าหุ้นไทยหลายตัวตอนนี้เป็นหุ้นโลกไปแล้วไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ) จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:48:53

ความคิดเห็นที่ 10 ๕ ความสามารถซื้อหุ้น ขายหุ้น ให้ได้ราคาตามที่ต้องการ ถ้ารายใหญ่ซื้อขายทีละล้านหุ้น   ได้ง่ายๆ พอกับเราซื้อขายทีละหมื่นหุ้น ข้อนี้ เราก็ไม่ได้เปรียบอีกเช่นกัน แต่ถ้าเป็นหุ้นมาร์เก็ตแค็บน้อยๆ ทีนี้ละ  การซื้อขายของเราจะเริ่มได้เปรียบ ไปตาม "สภาพคล่องคอของหุ้น" ดังนั้น ผมไม่ตามเข้าไปเล่นเกมล่าส่วนเกินทุน ในทุ่งสังหารของ set 50  set 100  ซึ่งออกแบบมาเพื่อ เอาใจรายใหญ่ มืออาชีพ  เพราะเขาซื้อขายกรุงไทยทีละล้านหุ้น ก็ง่ายพอๆ กับเราซื้อขายทีละ พันหุ้น ลองคำนวณตามภาพประกอบดู ปั่่นหุ้น ปตท. กับปั่นหุ้น คามาร์ทให้ขึ้นหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์เท่าๆกัน อันไหนทำง่ายกว่ากัน จำนวนเงินที่ต้องใช้ในการปั่น มันเป้นที่มาของ เจ้ามือพอร์ตเล็ก  ต้องเลือกกินไก่ เจ้ามือพอร์ตใหญ่  ต้องเลือกกินช้าง เจ้ามือพอร์ตกลาง  ต้องเลือกกินหมู ในภาพประกอบ พิพม์ผิดไปเล็กน้อย เครื่องหมายเท่ากับ  ต้องอยู่ก่อนตัวเลขจำนวนหุ้นของ ปตท. และคามาร์ท คำนวณออกมาแล้ว จะปั่นปตท. ขึั้นหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ ต้องใช้ปริมาณเงินหมนเวียน  สูงกว่าคามาร์ทถึง สามร้อยเท่า !!!!!!!!!!!!!!!!! + แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 09:18:12 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:44:13 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 08:57:43 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 08:57:10 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:53:31

ความคิดเห็นที่ 11 ๖  ความสามารถในการสร้างอัตรากำไรจากหุ้นตัวนั้นๆ (เมื่อเทียบออกมาเป็น %) อัตรากำไร  ทำให้เงินฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ จะวนเวียนอยู่แต่ในหุ้นมาร์เก็ตแค็ปขนาดยักษ์   สภาพคล่องคอสูงๆ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์คัดสรรออกมาให้เล่น  เกมล่าส่วนเกินทุน ต่างชาติ  มีเงินลงทุนหมื่นล้าน  จะกำไรแค่สิบเปอร์เซนต์ ต้องกำไรเป็นจำนวนเงินเท่าไร ? นักลงทุนรายย่อย  มีเงินลงทุนหนึ่งล้่าน  จะกำไรพันเปอร์เซนต์ ต้องกำไรเป็นจำนวนเงินเท่าไร  ? ต่างชาติจะกำไรทีละพันเปอร์เซนต์ จากเงินต้นขนาดนั้น คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก ในขณะที่รายย่อยสามารถทำได้ไม่ยากเท่าไร ก็คงมีแต่ ข้อ ๕ และ ๖ เท่านั้น ที่นักลงทุนรายย่อยอย่างผม มีความสามารถ เหนือกว่าพวกรายใหญ่ พวกมืออาชีพ เลยทำได้แค่  ยืนมองอยู่นอกทุ่งสังหารของเกมล่าส่วนเกินทุน รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์  จากการกระทำของเจ้ามือตัวจริง ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทจดทะเบียน วันดี คืนร้าย  เจ้ามือแดกด่วนอยากกินไก่บ้าง เพราะใช้เงินน้อยดี  เข้าไปปั่นราคาได้ง่าย   เราก็ขายทิ้ง  ไปซื้อแล้วถือรอ  หุ้นตัวอื่นๆ ต่อ ลองดุตามภาพประกอบ เห็นอะไรที่ต่างกันระหว่าง คนที่ซื้อเพื่อต้องการ  กินส่วนเกินทุนจากการกระทำของคนในตลาด กับคนทื่ซื้อเพื่อรอ กินทั้งส่วนเกินทุนจากคนในตลาด และจากบริษัทจดทะเบียน ? คนที่มั่นใจว่า ตัวเองมีอาวุธครบมือ  พร้อมจะเข้าไปล่าส่วนเกินทุนในทุ่งสังหาร ก็ค้องเข้าไปล่าหาเงินในนั้น  เพราะในช่วงที่กระทิงคึกสุดขีด มันให้ผลตอบแทนเร็วกว่า "ซิ้อแล้วต้องรอ"   บางทีหลายสิบเท่าตัว  ในเวลาที่น้อยกว่านับสิบเท่า แต่ถ้าล่าส่วนเกินทุนอยู่หลายปี  ก็ไม่ชนะเกมซักที ก็ควรถอยออกมาหา สิ่งที่เราทำได้ถนัดที่สุด ดีที่สุด  เหมาะสมกับตัวเราแทน + แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 09:28:25 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 12:11:45 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 10:44:03 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:48:57 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:21:33 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:20:48 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:09:55 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:06:11

ความคิดเห็นที่ 12 คงมีแต่คนที่ถือหุ้นมีปันผล  ไว้เป็นเวลานานๆเท่านั้น ที่รู้ว่า  ตัวแปรสำคัญอันหนึ่งของกำไร ขาดทุนโดยรวมของพอร์ตก็คือ เงินปันผลรับ บวกเครดิตภาษี สมมติให้พอร์ตผม ยอดขายสิทธิทั้งหมดตั้งแต่ลงทุนมา   เท่ากับ  ๑๐ มูลค่าตลาด ของหุ้นคงเหลือในพอร์ต เท่ากับ ๕ เงินปันผลรับ บวกเครดิตภาษี เท่ากับ  ๓ รวมแล้ว ได้ ๑๘ แต่ซื้อสุทธิรวมทั้งหมด เท่ากับ ๑๖ เราจะได้เงินกำไรชดเชย ส่วนขาดทุนมูลค่าหุ้น จาก เงินปันผลรับบวกเครดิตภาษี  อยู่ ๒ บาท เลยมีบางคน  ขาดทุนจากราคาหุ้น แต่เงินได้รับโดยรวม ไม่ได้ขาดทุนครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 09:30:02 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 12:13:00 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:49:39 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:45:45 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:19:39

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณท่าน จขกท. มากครับ จากคุณ : คุณดี. ซี. เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:22:30

ความคิดเห็นที่ 14    สุดยอดค่ะเฮีย กดโหวตไปแล้วค่ะ จากคุณ : Mali_Mama เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:26:17

ความคิดเห็นที่ 15 สงสัยจะแก้ไขข้อความผิดพลาด ภาพประกอบหายไปเลย  ?? ใครสนใจดูภาพประกอบ   ให้ดูในความคิดที่ ๔๗  แทน กรณีศึกษาของภาพประกอบข้างบน   ที่เห็นชัดที่สุด ในพอร์ตผมก็คือ     MCS วิธีการซื้อ ซื้อเฉลี่ยขาลงไปตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้น ระวังให้ดีๆ อย่าเอาไปปนกับการซื้อเฉลี่ยขาลงไปตามราคาหุ้น ถ้าตอน MCS  ราคา ๓.๕๐ บาท  ปันผล ๓๕ สตางค์ เท่ากับยีลด์ ๑๐ เปอร์เซนต์ ราคาหุ้นดิ่งลง เพราะพิษของซัพไพร์ม ไปเหลือ ราคาหุ้นละ ๒ บาท  ปันผลเท่าเดิม หรือน้อยลงเหลือ ๒๐ สตางค์ ก็ยังเป็นยีลด์ สิบเท่าเดิม   แต่ถ้าปันผลไม่ลด  จะเกิดอะไรขึ้น คำตอบคือ ยีลด์จะขยับขึ้นเป็น เกือบยีสิบเปอร์เซนต์ในทันที ตอนนั้นไม่มีใครกล้าซื้อหุ้น เพราะหาเหตุผลไม่ได้ว่ารายใหญ่ขายทำไม ทุกราคาแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ผมลองถามตัวเอง  รายใหญ่ขายหุ้นยีลด์สิบ ยี่สิบเปอร์เซนต์ เพื่่อเอาฝากกินดอกเบี้ย หนึ่งเปอร์เซนต์หรือไง   เป็นเรา  เราจะทำหรือเปล่า คำตอบคือเราจะทำ  ก็ต่อเมื่อหมดทางเลือกแล้วเท่านััน ถ้าหาเหตุผลไม่ได้ว่า  เขาขายทำไม ก็ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า  ทำไมเราสมควรจะซื้อ ? ทำไมเราไม่สมควรจะซื้อ ในเมื่อ  อำนาจขายของหุ้นลดลงครึ่งหนึ่ง อำนาจซื้อของเงิน เพิ่มขึ้ันหนึ่งเท่าตัว และผลตอบแทน เพิ่มจากสิบ กลายเป็นยี่สิบเปอร์เซนต์หรือเท่าเดิมคือสิบ ในกรณ๊ที่ปันผลลดลงหนึ่งเท่าตัว ลองดูตามภาพประกอบ ต่อให้ MCS  มีมูลค่าเหลือศูนย์ โดยรวม  ผมก็ยังไม่ขาดทุนหุ้นตัวนี้   เพราะอะไร ???? ลองสมมติตามนี้ หุ้น mcs  ในพอร์ต ขายสุทธิทั้งหมด  เท่ากัน ๐  เพราะราคาหุ้นลงไปเหลือ ๐ มูลค่าหุ้นในพอร์ต ๐ เงินปันผลรับสะสม บวกเครดิตภาษี  ตีซะว่า  ๑.๙๐ สตางค์ ซื้อสุทธิทั้งหมด  เท่ากับ  ๑.๘๐ บาท   หักกันแล้ว  ยังมีกำไรอยู่ ๑๐ สตางค์ ในภาพประกอบ  ไม่มีเอกสารของสิ้นเดือนมกราคม เพราะเดือนที่แล้วทั้งเดือน  พอร์ตใหญ่ของผม ไม่มีการซื้อขายแม้แต่รายการเดียว + แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 10:45:58 แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 09:36:06 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:37:32 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:33:00

ความคิดเห็นที่ 16 mcs ต้นทุนสุดยอดเลยครับเฮีย จากคุณ : pluem เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:36:05

ความคิดเห็นที่ 17 สุดท้าย ก็ขอเสนอความเห็นว่า พวกที่ลงทุนแบบ "ซื้อแล้วต้องรอ"  เพื่อหวังผลตอบแทนจากเงินปันผล ควรเริ่มเข้าซื้อหุ้น   จากราคาหุ้น  ที่ได้ยีลด์ซักสองเท่าของเงินฝากประจำธนาคาร และซิ้อเฉลี่ยขาลง  ไปตามยีลด์ที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าราคาหุ้นมันขยับขึ้นไป  จนยีลด์ลดลง ถ้าไม่มีความรู้เรื่อง  การซื้อขายด้วยตัวชี้วัดด้วยกราฟ ไม่มีข่าววงในดิวิชั่นหนึ่ง ก็ไม่ควรจะเข้าไปซื้อเฉลี่ยขาขึ้น และควรขาย  เมื่อยีลด์ลงไปเท่ากับเงินฝากประจำ   สวนทางกันราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น สุดท้ายนี้  ก็ต้องขอขอบคุณ คุณมะลิ มาม่า ที่ช่วยคำนวณเครดิตภาษีให้ครับ เมื่อวันเสาร์ กรมสรรพากร ส่งผลพวงจากการกระทำของเจ้ามือตัวจริง มาให้ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนแล้ว ก็ลองเลือกๆกันเอาเองครับ ว่าเราจะเลือกเดินทางไหน ไม่มีใครบอกได้   นอกจากประสบการณ์จริงของตัวเราเองเท่านั้น "รู้เพียงแค่ไหน มีความสามารถเพียงแค่ไหน   ก็ให้โลภได้เพียงแค่นั้น" ไม่ล้ำเส้น  ไปเดินทางแสวงหาเงิน ในเส้นทางที่เราไม่คุ้นเคย และขัดกับ   margin of satisfaciton ซึ่งกำกับโดย margin of safety ของตัวเราเองอย่างรุนแรง เพียงเพราะควบคุณความโลภ และความกลัวของตัวเองไม่ได้ ! แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 09:38:40 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 11:43:18 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 10:13:35 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 10:02:35 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:59:54 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:58:22

ความคิดเห็นที่ 18 ยังมีอีกเรื่องที่อยากจะโพลตต่อ "อะไรคือความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานของนักลงทุนแต่ละคน" ถ้ากระทู้  ไม่ตกจอก่อนสิ้นสัปดาห์ จะมาแตกประเด็นตอให้เป็นแบบ  สามตอนจบครับ + แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 10:10:25 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:09:43

ความคิดเห็นที่ 19 ได้มุมมองใหม่อีกแล้ว ขอบคุณมากๆเลยครับ จากคุณ : We are X . เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:20:39

ความคิดเห็นที่ 20 เฮียเอ็นโด เรียบเรียงเป็นขั้นเป็นตอน อ่านแล้วเข้าใจได้ สุดยอดมากครับ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ จากคุณ : ธราธิป เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:29:20

ความคิดเห็นที่ 21 มาเป็นข้อๆ ไหลไปตามสเตปความคิด คนนี่แหละใช่เลยครับ สุดยอดๆๆๆๆ จากคุณ : nong2011 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:39:17

ความคิดเห็นที่ 22 ถามเพิ่มอีกหน่อยครับ เรื่อง D/E ratio บริษัทที่มีหนี้มากๆ มันคล้ายกับลงทุนเกินตัวหรือไม่ แล้วถ้าเราเข้าไปซื้อหุ้น ก็เหมือนกับเราเล่น margin ทางอ้อมหรือเปล่าครับ สุดท้าย อยากทราบว่าค่านี้ยิ่งต่ำยิ่งปลอดภัยหรือเปล่าครับ จากคุณ : We are X . เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:41:16

ความคิดเห็นที่ 23 ...  ซื้อแล้วไม่เป็นไปอย่างที่คิดก็ต้องขายไปซื้อตัวอื่นด้วยฮับ จะรอวันเจ๊งก็ใช่กระไรอยู่ กอร์ดอน เก็กโก้ ก็ยังต้องคัทลอสเมื่อมาผิดทาง ^O^ ... แบ่ร แบ่ร จากคุณ : ปลิงไทยก้าวไกลไประดับโลก เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:45:58

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบคุณ We are X เนื่องจากแนวรับสุดท้ายของผมคือ ราคาขายซ่ากบริษัท คำนวณเอาเองจาก ส่วนของผู้หุ้น ลบด้วยหนี้สินทั้งหมดของบริษัท  หารด้วยสอง หนี้สินน้อยๆ  จึงจำเป็นมากๆ  สำหรับแนวรับสุดท้ายของผม ส่วนหนี้สินมากๆ  จะลงทุนเกินตัวหรือเปล่า เคยอ่านที่ผู้รู้บอกไว้ ให้ดูผลตอบแทน  ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นครับ ถ้าค่า earning per share  โตต่อเนื่อง หนี้สิน เป็นหนี้สินเพื่อการสร้างให้ อี ต่อโตเนื่อง ก็ไม่ถือเป็นการลงทุนเกินตัวครับ พูดถึงหนี้สินเกินตัว คงไม่มีอะไรจะสุดยอดไปกว่าพวกค้าปลีกแล้ว ขายเงินสด  ซิื้อเงินเชื่อ   หนี้ที่่ก่อมันก่อรายได้เห็นๆเลย ส่วนตัวผมเอง  ยอมรับว่า   ไม่รู้ว่าเป็นการเล่นมาร์จิ้นทางอ้อมหรือเปล่าครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 09:43:52 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 10:59:40 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:51:29

ความคิดเห็นที่ 25 หลานปลิงฯ   มันก็ขึ้นอยู่กับว่า  คิดยังไงนั่นแหละ กอร์ดอน  เกร็กโก้  เขาเล่นแบบ "ซิ้อแล้วต้องขึ้น  ขายแล้วต้องลง" ก็เลยต้องเปลี่ยนหุ้แแบบแดกด่วน โดยไม่ต้องรอเจ้ามือตัวจริงมาเฉลย    . + แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 11:34:21 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 11:19:49 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 11:14:07 จากคุณ : คลาย เครียด เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:13:27

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณครับ ขออนุญาตนำไปแชร์ที่  Facebook ครับ จากคุณ : ศรัทธาชาวสวน เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:19:18

ความคิดเห็นที่ 27 ด้วยความยินดีครับ  คุณศรัทธาชาวสวน ! จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:22:23

ความคิดเห็นที่ 28 ...  ปลิงว่าตลาดหลักทรัพย์อยู่ได้เพราะสองอย่าง 1. เงินที่ได้จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน ตลท 2. เงินของรายย่อย (แมงเม่า) ที่เข้ามาเก็งกำไร ด้วยความโลภ เครื่องมือ ความสามารถ และอื่น ๆ เป็นรองรายใหญ่ สถาบัน รวมถึงเจ้ามือ คนที่ได้กำไรจาก ตลท ก็มักจะได้เงินมาจากทั้งข้อหนึ่่งบ้าง ข้อสองบ้าง ปน ๆ กันไป จำตอนสุดท้ายที่พ่อของ บั๊ดดี้ ฟ้อกซ์ สอนลูกชายได้ไหมฮับน้าคลายฯ กำไรที่มาจากข้อไหนก็แล้วแต่ สุดท้ายมันก็แค่ฟองสบู่ คนทำบิซิเนสอนาไลซ์บริษัทมหาชนแบบปลิงรู้ดีว่า อุปสรรคของ GP ก็คือ GP นั่นแหละ มีกี่คนกันได้ซื้อหุ้นราคาบุ้ค หรือราคาพาร์ ถ้ามาซื้อหลังเข้าตลาดแล้วได้ซื้อต่ำกว่าบุ้คแสดงว่าบริษั่มีปัญหา นักลงทุนซื้อหุ้น กับคนทำงานหาเงิน คิดต่างกันเยอะ หุ้นไม่ดีปันผลน้อยลง คนยังขายทิ้ง บริษัทไม่ก้าวหน้าคนทำงานก็ยังลาออก ^O^ ... แบ่ร แบ่ร จากคุณ : ปลิงไทยก้าวไกลไประดับโลก เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:42:52

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณมากครับเฮีย ไม่เคยมีมุมมองอย่างงี้มาก่อน ผมต้องศึกษาแนวทางนี้บ้างแล้วครับ จากคุณ : อาปี้คุง เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:44:54

ความคิดเห็นที่ 30 หลานปลิง  มันจะเป็นฟองสบู่ ก็เพราะมีคนตีมันนั่นแหละ เราก็ต้องขายตอน  ปั่นกันจนมันเป็นฟองสบู่ใกล้แตก เคยถามไว้ในกระทู้ที่แล้ว ถ้าหุ้นเป็นการพนัน คนที่ถือหุ้นที่อยู่นอกตลาดหุ้น เป็นนักลงทุนหรือนักเล่นการพนัน ? แน่นอนที่สุด ไม่มีใครตอบว่า เป็นนักเล่นการพนัน   ! แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 09:54:51 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 11:49:03 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:47:40

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากๆครับ เฮีย เอ็นโด ตอนแรก ที่ผมจะเดินเข้าตลาด ผมคิดใฝ่ฝันว่าจะเป็น VI มีหนังสือและอ่าน ของ ดร. นิเวศน์ครบทุกเล่ม ของ Ben Graham, Warrant buffet , Peter Lynch , ... ที่แปลเป็นไทย มีหมดทุกเล่ม และอ่านหมดแล้วทุกเล่ม ผมเข้าใจลึกซึ่ง พอสมควร เกี่ยวกับ VI วิธีการหาหุ้นแนว VI แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่มีแน่ๆ ในการเป็น VI หรือคนที่เล่นแนวซื้อแล้วรอ นั่นก็คิือ ความอดทน ผมพยายามแล้ว แม้ตอนแรกผมเล่น แนงอดทน แม้มันจะสร้างกำไรให้ผม พอสมควร แต่ว่า เหมือนมันไม่ถูกกับจริตตนเอง นั่นคือเรื่องการรอคอย หรือ มีรายได้น้อย ไม่พอกับความต้องการ ผมจึงเอียงเอน ไปหา แนวเทคนิค ที่ค้นพบว่าตนเองชอบ สามารถนั่งจ้องการฟได้เป็นวันๆ และคิดว่าจะเห็น Port โตอย่างรวดเร็วได้ และผมคิดว่า เมื่อ Port ผมโตพอที่จะกินเงินปันผลได้ เมื่อนั้น ผมคงจะเปลี่ยนแนวการลงทุนมาเป็นแบบเฮียเอ็นโดครับ ผมคิดว่า คงมีคนหลายๆ คนเหมือนกัน ที่ตอนนี้ มามารถรับ ความเสี่ยงสูงได้ จึงเข้ามาในเกม ของการล่าส่วนเกินของทุน ด้วยความหวังสักวันหนึ่ง เมื่ออายุเขามากขึ้น เมื่อเขารับความเสี่ยงได้น้อยลง เขาสามารถ หันไปลงทุน ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า โดยมีรายได้อย่างเพียงพอ จากคุณ : champmv เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:57:43

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณมากค่ะ โหวตให้แล้วนะคะ จะรออ่านภาค ๓ ค่ะ   จากคุณ : Tense71 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 12:14:12

ความคิดเห็นที่ 33 ...  อืม คิดเหมือนปลิงเลยฮับพี่ champmv แต่มันทำได้ค่อยข้างยากนะฮับ มันอยู่ที่เงินสดเริ่มต้น และเงินสดที่โอนเข้าพอร์ทด้วย ว่ามีมากน้อยแค่ไหน ตัวอย่างนักลงทุนหน้าใหม่มักจะเริ่มต้นพอร์ที่ห้าหมื่นบาทจนถึงสองแสนบาท เขามักจะคิดว่าเงินก้อนเล็ก ๆ ก้อนนั้น จะไปล่ากำไรส่วนเงินทุนให้มากขึ้น ๆ ๆ จนมากพอที่จะมีจำนวนหุ้นและมูลค่าพอร์ทเยอะ ๆ และเป็นอิสระทางการเงินได้ในที่สุด ซึ่งน้อยคนนักที่ทำได้ คงมีน้าคลายฯคนเดียว ที่พอร์ทเหลือไม่ถึงหนึ่งแสนบาทแต่มาวันนี้พอร์ทมีมูลค่าพันล้านบาท ที่ได้ปันผลรวมแค่ 4% ก็คิดเป็นเงิน 40 ล้านบาทถ้วนๆ เข้าไปแล้ว  น่าอิตต๋า กิง กิง เรยยย ลักษณะของนักลงทุนใน ตลท จะออกแนวชวนให้เล่น VS หรือเก็งกำไรกันซะส่วนใหญ่ด้วยสิ VI เองก็ไม่ปล่อยให้ราคาหุ้นหล่นลงไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่ทำอะไรเลยหรอกฮับ เขาก็ชอร์ทอะเกนพอร์ท หาทางเพิ่มหุ้นโดยไม่ต้องเพิ่มตังค์ หรือเปลี่ยนหุ้นที่บริษัทมีงบการเงินใกล้เคียงกันเพื่อให้ได้ยีลด์ที่สูงขึ้น ^O^ ... แบ่ร แบ่ร จากคุณ : ปลิงไทยก้าวไกลไประดับโลก เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 12:15:55

ความคิดเห็นที่ 34 ครับผม พี่ปลิง อาจเป็นเพราะ ด้วยอายุ ที่ผมคิดว่าตอนนี้ยังสามารถรับความเสี่ยงสูงมากได้อีกหลายปี จึงยังมีวิธีคิดแบบนี้ในหัวอยู่ ซึ่งก็ไม่แน่ เวลาเปลี่ยนไป ความคิดผมอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ :)) แต่ตอนนี้ ขอเสี่ยงตามหัวใจ และความถนัดก่อน ส่วนเรื่อง VI นั้น คงตามอ่านของเฮียเอนโด และเพื่อนๆ เพื่อเพิ่มรอยหยักในสมองไปเรื่อยๆครับ :) ปล. เงินสดเริ่มต้่นผม อยู่ที่ 3,000 บาทถ้วนครับ แฮ่ๆๆๆๆ อยากเล่น เพราะใจรัก :) จากคุณ : champmv เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 12:21:48

ความคิดเห็นที่ 35 ที่หลานปลิงกับคุณ champmv ว่ามา มันก็ไปลงที่ผมอยากจะออกความเห็นว่า "อะไรคือความสามารถ ตามปัจจุัยพื้นฐานของนักลงุทนแต่ละคน" จริงๆแล้ว  มันเป็นตัวชี้วัดว่า   ใครจะอยู่ในตลาดหุ้นได้อย่างพอเพียงและยืนยาว ถ้ากระทู้นี้ไม่ตกจอก่อนสิ้นสัปดาห์ อาทิตย์จะขอออกความเห็นให้พิจารณากันดูครับ อาจารย์คนเดียวกัน สอนวิชาเดียวกัน  ความรู้แบบเดียวกันอยู่หน้าชั้น ทำไมมีคนได้เกรด ตัั้งแต่ ๔  ลงไปถึง ๐ คนอ่านหนังสือเกี่ยวกับบุฟเฟต์ มีกี่ล้านคน อ่านตีแตกของ ดร.นิเวศน์ มีกี่แสนคน แล้วทำไม  ความรู้ที่พวกท่านเหล่านั้นมี และนำมาใช้ได้ผลมากๆ คนอื่นเอาความรู้ตามนั้น  มาทำตาม จะมีถึง ศูนย์จุดศูนย์ศูนย์หนึ่งเปอร์เซนต์หรือเป่ล่า ที่ทำได้ใกล้เคียงวอเรน ปัฟเฟต์ กับดร.นิเวศน์ ? + แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 09:49:43 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 12:23:54 จากคุณ : คลาย เครียด เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 12:22:36

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณทุกๆท่าน  ที่เข้ามาอ่าน ออกความเห็น แจกกิฟท์และช่วยโหวตครับ ถ้ามีใครสงสัยอะไร  ขอตอบในวันพรุ่งนี้ ในช่วงเช้าก่อนปิดตลาดหุ้นครับ   จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 12:26:18

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณพี่ endophine มากค่ะ เลิกงานจะกลับมาอ่านโดยละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้อ่านแล้วยังอึนๆ เพราะว่าแอบหนีงานมาอ่าน 55555 ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ :) แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 13:19:55 จากคุณ : zaieiew เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 13:16:05

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณพี่ endophine มากครับ จะนำไปวิเคราะห์และปฎิบัติตามให้เข้ากับตนเองครับ จากคุณ : Hongj เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 19:23:32

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณครับ ผมชอบหลักการลงทุนของคุณ endophine ครับ เป็นประโยชน์อย่างมากและเราสามารถนำไปใช้ในการลงทุนจริงได้ บางครั้งเราจะเจอคนเก่ง เล่าเรื่องวิธี Trade ให้ฟัง แต่เราก็ไม่สามารถทำตามได้ เนื่องจากสภาพตัวเราและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน นั่นอาจจะได้ความรู้ แต่ในการ Trade ของเรา ที่เราไม่สามารถทำตามได้ ก็อาจจะได้ประโยชน์ไม่ได้มากนัก ถึงแม้ผมจะลงทุนอีกสายนึง ก็ยังชอบอ่านครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 06:44:54 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 23:39:31 จากคุณ : Unsign เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 19:34:27

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมากครับ Save & Vote ครับ จากคุณ : Gunner_Noy_Skywalker_5 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 20:08:23

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับ สำหรับมุมมองใหม่ๆ ครับ จากคุณ : OnStep (OnStep) เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 23:36:04

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 00:05:46

ความคิดเห็นที่ 43 ติดตามอ่านทุกกระทู้ครับ จากคุณ : Blur_PoDz เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 02:08:56

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านเพลินเลย ขอบคุณที่แชร์ความรู้ครับ จากคุณ : MADCATZ เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 02:17:56

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณคะ จากคุณ : เด็กดื้อผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 09:49:17

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณ ทุกๆท่าน  ที่เข้ามาอ่านและออกความเห็นครับ ต้องขออภัย ที่ไม่ได้แจกกิฟท์ให้ความเห็นท้ายๆ จะเก็บกิฟท์ไว้แจก ตอนสิ้นเดือน ตามธรรมเนียมปฏิบัติมาตลอดครับ ความคิดเห็นที่้ ๑๕   แก้ไขข้อความผิดพลาด ทำให้ภาพประกอบหายไป ขอใช้ภาพประกอบนี้แทนครับ ! แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 10:49:20 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 10:47:54

ความคิดเห็นที่ 47 สุดยอดครับ ได้เปิดสมอง ออกจากกะลาเดิมๆ ผมก็เข้าร่วมเกมส์ล่าส่วนเกินทุน แต่เริ่มรู้สึกว่าไม่ยั่งยืน (เสียมากกว่าได้) เริ่มคิดจะเปลี่ยนแนวมาลงทุนแบบ VI ที่ไม่ใช่ ไวๆ คงต้องเก็บความรู้เพิ่มเติมอีกซักพัก จากคุณ : Natural magic เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 13:33:29

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณ เฮีย endophine มากครับ ที่ช่วยแนะนำแนวทางการลงทุนดีๆ :) จากคุณ : ดช กระต่าย เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 16:05:36

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณมากมายเลยค่ะ กำลังเก็บเกี่ยวความรู้อยู่พอดี จากคุณ : amel91 เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 23:39:39

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณ กระทู้ดีๆ เตือนสติ. จะพยายามเลือกทางเดินให้เหมาะสุดกับตัวเอง จากคุณ : ยุงน้อยจอมป่วน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 08:37:35

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามาดันให้ถึงอาทิตย์ครับ แล้วจะปูเสื่อรอความรู้ของเฮียเพื่อปรับมาเป็นกระบวนการคิดของตัวเอง ขอบคุณเฮียครับ จากคุณ : DragonV เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 09:50:37

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านและออกความเห็นครับ คุณ DragonV   ถ้ากระทู้ไม่ตกจอก่อนสิ้นสัปดาห์   เดี๋ยวอาทิตย์หน้า   จะโพสต์ความเชื่อ (ไม่รับรองว่าถูกต้อง) ที่ว่า  นักลงทุนแต่ละคน จะประสพความสำเร็จในการลงทุนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการใช้ความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตน ได้ถูกต้อง เหมาะสมกับการลงทุนของแต่ละคนครับ ต่อให้ซื้อหุ้นตัวเดียวกัน ราคาเดียวกัน แค่ทำไปคนละแบบ ผลลัพธ์ออกมา ต่างกันลิบลับ ผมเคยซื้อหุ้น pr  สมัยพาร์ร้อย ที่ ๒๕๐ บาท เพื่อนก็ซื้อราคาใกล้เคียงกัน แต่เขาเอาไปขายแถว ๒๘๐ บาท ส่วนผม เอาไปขายที่  ๑,๒๕๐ บาท จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 12:28:34

ความคิดเห็นที่ 53 เห็นด้วยกับพี่ Endophine ในคห.52 ทุกประการค่ะ จากคุณ : Tense71 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:17:27

ความคิดเห็นที่ 54 คห.52 เห็นด้วยอย่างแรงครับเฮีย "ขึ้นอยู่กับการใช้ความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตน ได้ถูกต้อง เหมาะสมกับการลงทุนของแต่ละคนครับ" ผมเองก็มีระบบการจัดการการลงทุนของผมเอง แต่มันก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง และพยายามหาสิ่งที่จะมาปิดข้อเสียนั้นๆ การได้มาอ่านสิ่งที่เฮียเล่าให้ฟัง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมนำมาปรับให้เข้ากับระบบการจัดการการลงทุนของผม กระบวนการของแต่ละคน ลอกเลียนกันไม่ได้ครับ เราจะต้องนำไปวิเคราะห์ แล้วสังเคราะห์ออกมาให้เป็นของเราเอง เพราะเรายอมรู้ดีที่สุด ว่าเราเป็นคนอย่างไร กระบวนการไหนที่จะเหมาะสมกับเรา จากคุณ : DragonV เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 08:11:01

ความคิดเห็นที่ 55 จากประสบการณ์ของผม เข้าตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 34 โดยเข้าลุย ในเกมล่าส่วนเกิน ประมาณ 15 ปี ปรากฏว่า Port โดยรวมแทบ จะไม่โตขึ้นเลย คิดว่าคงขาดทุนเสียด้วยซ้ำ   พอปี 49 เริ่มมาศึกษา VI ซื้อแล้วรอโดยซื้อหุ้นตัวเล็ก แทบ ไม่เคยซื้อหุ้นใน SET 50 เลย ช่วงแรกอึดอัดมาก เพราะปู่ SET ขึ้นเอาๆ  แต่หุ้นเราไม่ไปไหนเลย  จนในมี่สุดผลประกอบการ ออกมาดี มันก็ค่อยๆขยับขึ้น พร้อมปันผลที่เพิ่มขึ้น  จนถึงปัจจุบัน Port โตขึ้นเป็น 8 เท่าจากตอนเริ่มต้นเมื่อปี 49 (คิดเฉพาะส่วน ต่างราคาหุ้นและปันผล  โดยไม่ได้คิดรวมCredit ภาษี  ถ้าคิด Credit ภาษีน่าจะเป็น 9-10 เท่า) จากคุณ : Sono เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 11:21:03

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณครับ  ได้ความรู้ดีดี  น่าจะเข้ากับนิสัยผมได้ดีเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : ChineseBoy เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 21:36:01

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณค่ะ เปิดมุมมองใหม่เลยค่ะ มาอ่านแล้วทำให้อึ้งเลยค่ะ ถึงว่าคนที่ประสบความสำเร็จ มักมีแนวคิดที่ คนธรรมดา ชอบไหลตามกระแส คิดไม่ถึงนี่เอง จะมาติดตามเรื่อยๆๆนะคะ จากคุณ : DiFfeRent of LoVe เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 16:42:43

ความคิดเห็นที่ 58 ๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ ไม่มีใครถาม แต่อยากออกความเห็นว่า... จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 07:02:29