ความคิดเห็นที่ 1 1. ตอบไปตามความจริง 2. ไม่มีปัญหา ครับ ทำใจสบายๆ ถ้าเงินได้ของคุณเติบโตมาจากการลงทุนในหุ้น ทุกอย่างตรวจสอบได้ครับ ไม่จำเป็นต้องกลัวสรรพากร เพราะคุณไม่ได้ทำผิด เขาทำอะไรคุณไม่ได้ครับ การเชิญตัวไปสอบถามอะไรเล็กน้อย ก็เป็นหน้าที่ของสรรพากร และหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับกรณีของคุณก็คือ สรรพากร มีหน้าที่ "คืนภาษีให้คุณ ตามกฏหมาย" ครับ เขาจะปฏิเสธ หรือเลือกปฏิบัติมิได้ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 22:52:19 จากคุณ : รูปเงาะเดินสบาย เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 22:48:46

ความคิดเห็นที่ 2 คุณยื่นขอคืนภาษีย้อนหลังไป 3 ปี  เลยถูกเรียกไปซักถามครับ ไม่ต้องกลัวครับ  สรรพากรไม่ได้น่ากลัวอะไร  ยิ่งถ้าคุณไม่ได้ปกปิดหรือจะหลบเลี่ยงภาษีอะไรก็บอกไปตามจริง  ครับ!!! จากคุณ : satan@เต้ย เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 22:52:08

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นกำลังใจให้ครับ ทำทุกอย่างถูกต้อง ไม่ต้องกลัวอะไรครับ ^^ จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:11:12

ความคิดเห็นที่ 4 กำไรจากการขายหุ้นของคุณไม่ต้องเสียภาษีครับ (ไม่นับเงินปันผล) ถ้าคุณไม่ได้นามสกุล ชินวัตร ก็ไม่ต้องกังวลครับ จากคุณ : bajeta เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:21:20

ความคิดเห็นที่ 5 ผมก็เคยโดนเรียกไปครับ ไม่มีอะไรต้องห่วงเอาเอกสารไปให้ครบตรงไปตรงมาตามกติกาไม่มีปัญหา ถ้าเอกสารไม่ครบหรือเจ้าหน้าที่เรียกเพิ่มเติมก็เอาไปให้วันหลังได้ ถ้าคุยแล้วไม่จบหรือยังต้องติดตามเรื่องต่อก็ถามชื่อขอเบอร์โทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนที่เรียกคุณเข้าพบด้วยได้ใช้แน่ๆ จากคุณ : นายกว้าง เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:33:57

ความคิดเห็นที่ 6 อาจจะขอไปคุย ยื่นปีเดียวได้ไหม ตอบไปว่า ไม่คิดดอกเบี้ยก็ทบต้นก็ดีแล้ว จากคุณ : *Tan* เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:36:33

ความคิดเห็นที่ 7 มือใหม่นะครับ อยากทราบว่า "ยื่นเครดิตภาษีเงินปันผลคืน" ทำอย่างไรครับ มีระบบผ่าน web ของสรรพากรไหมครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : พนบ. เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:44:35

ความคิดเห็นที่ 8 http://achikochi1234.** ไม่ใช่ลิควิด **/2012/01/blog-post.html ตามนี้เลยครับ จากคุณ : ApsE เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:56:36

ความคิดเห็นที่ 9 สรร-ากร........................หิวอะ..................อิอิ จากคุณ : ฉลามบุก เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 01:23:06

ความคิดเห็นที่ 10 ระวัง ประเภทขอหลักฐานไม่จบสิ้น และมีเงื่อนไขต้องได้หลักฐานภายในวันนั้นวันนี้ ไม้ตายเขาเลย ผลสุดท้ายรำคาญ ไม่ขอคืน จบ จากคุณ : cb4449401 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 06:57:42

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าลงทุนในหุ้นอย่างเดียวไม่ต้องไปยื่นเครดิตภาษีเงินปันผลคืน หรอกครับ ตัดความยุ่งยากน่ารำคาญออกไป คิดว่า10%ทำบุญช่วยชาติไปเถอะครับ จากคุณ : SBook เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 07:54:17

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ใช่ที่ 10% ที่ถูกหักนะครับ ถ้าปีที่ผ่านมา บมจ. ที่จ่ายปันผล ถูกหักภาษี 30% เครดิตภาษีที่ได้คือ 3/7 ของเงินปันผลก่อนภาษี สมมุติว่า ได้ปันผล 100 บาท หักภาษี 10% เหลือ 90.- ได้เครคิตภาษี 100*3/7 = 42.85 บาท สมมุติฐานภาษีของคุณอยู่ที่ 10% (รายได้หักทุกอย่าง เหลือ < 500,000.-)  คุณจะได้เงินคืนภาษี 42.85 หักภาษี 10% เหลือ 38.57 ครับ นี่แค่ 100.-  ถ้าคุณได้ปันผล 200,000.- คุณจะได้คืน 77,140.- เชียวนะครับ แต่ปันผลที่เกิดจากการประกอบการปีนี้ (2555) จะได้รับ น้อยลงเพราะการลดภาษีเหลือ 23% ทำให้เครคิตภาษี เหลือ 23/77 และในปี 2556 จะเหลือ 20% กับ 1/4 สมมุติว่า บมจ.เสียภาษี 20% คุณได้ปันผล 100.- โดนหักไปก่อน เหลือได้รับจริง 90.-  เครคิตภาษี = 100x1/4 = 25.-  ฐานภาษีของคุณอยู่ที่ 10% เหมือนเดิม คุณได้เงินคืน 22.50 บาท ก็ยังไม่น้อย อยู่ดีนะครับสำหรับคนฐานภาษี 10% (รายได้หักค่าใช้จ่าย เหลือ < 500,000.-) จากคุณ : SuperY เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 08:34:18

ความคิดเห็นที่ 13 เครดิตภาษีปันผลหุ้น ได้คืน 10% ที่หายไป พร้อมกับอีก 30% ดังนั้นคุ้มที่จะเอาคืน คิดว่าสรรพากรคงเรียกไปเพื่อ 1.) หาทางเจรจา หรือหาเรื่องให้คุณอย่าเอาคืน วิธีแก้คือ - เขาจะขอหลักฐานเพิ่ม - พอให้ไปแล้วจะขออีก ขอไปเรื่อย ๆ จนคุณเหนื่อยแล้วบอกไม่เป็นไร ไม่เอาแล้ว 2.) เขาจะซักกลับว่าเงินเริ่มต้น 1 ล้านบาท เอามาจากไหน เสียภาษีหรือยัง ดังนั้น วิธีแก้ - เมื่อมีหมายเรียกไปพบ ก็ไปพบ พร้อมกับเตรียมเอกสารให้เจ้าหน้าที่เซ็นรับว่าไปพบแล้ว ไปถึงยังไม่ต้องคุยอะไร ให้เขาเซ็นก่อน ไม่อย่างนั้นไม่คุย ถ้าไม่ยอมเซ็นก็ไปที่ประชาสัมพันธ์หรือเจ้าหน้าที่คนอื่น ให้เซ็นรับ - ให้เตรียมกล้องวีดีโอไปบันทึกการสนทนา บอกเขาว่าจะขอบันทึกการสนทนา อ้างนโยบาย "ศูนย์ราชการใสสะอาด" ว่าการทำงานของราชการไม่ใช่ความลับ คุณบันทึกภาพระหว่างการประชุมซึ่งอยู่ระหว่างการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ให้บันทึก ถ้าปฏิเสธล่ะก็ ขึ้นไปคุยกับหัวหน้าเลย ถ้ามี VDO บันทึกการสนทนา เจ้าหน้าที่จะไม่กล้าพูดอะไรโง่ ๆ มาก เพราะมีหลักฐานเล่นงานกลับ - ถ้าเขาขอเอกสารเพิ่ม ถามกลับไปว่าทำไมไม่ขอตั้งแต่แรกตอนที่เรียกพบ และให้เขาขอเป็นลายลักษณ์อักษรมา ไม่ใช่ขออะไรก็ต้องให้ตามที่เขาบอก ให้เขาออกเอกสารมาเท่านั้น - ถ้าเขาขอเอกสารรอบสอง นั่นแสดงว่าเขาพยายามยื้อให้คุณเหนื่อย อย่าเพิ่งให้เอกสาร ให้ทำหนังสือถามไปว่าทำไมไม่ขอตั้งแต่แรก พร้อมกับตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าไม่เป็นมืออาชีพ คุณอาจทำหนังสือถึง ผอ. ที่ใหญ่ที่สุดในศูนย์ว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ขอหลักฐานโดยขอแล้วขออีก พร้อมกับมีหลักฐานการขอเอกสารถึง 2 ครั้งซ้ำซ้อน แสดงว่าไม่ใช่เจ้าพนักงานที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อ้างในฐานะผู้เสียภาษีว่าสงสัยว่าเจ้าพนักงานที่ไม่มีความสามารถนี้เข้ามาทำงานได้อย่างไร การจ่ายเงินเดือนจ้างคนไม่มีความสามารถมาทำงานเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ - ถ้าเขาถามรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ทำอะไร เล่นหุ้นอะไร เงินเริ่มต้นหนึ่งล้านมาได้อย่างไร อย่าตอบ บอกให้เขาทำหนังสือถามมาก่อนแล้วจะตอบเป็นลายลักษณ์อักษรให้ เล่นมุขนี้ รับรองสรรพากรยอมแพ้แล้วไปรีดคนอื่นง่ายกว่า เขาคงเห็นว่าปีแรก ๆ คุณไม่ขอคืน ดังนั้นคุณไม่น่าจะรู้กฏหมายเรื่องภาษี น่าจะเจรจาล่อหลอกให้คุณไม่เอาคืนได้ หรือถ้าฟลุ้ค ๆ อาจเรียกเพิ่มได้อีกด้วย จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 08:44:07

ความคิดเห็นที่ 14 คห. 13 ผมมองกลับกันเลยครับ อย่าไปทำอากับกริยา "กวน" หรือ "กดดัน" สรรพากร เด็ดขาดครับ เค้าชนะแน่ครับ จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:16:36

ความคิดเห็นที่ 15 คห 13 อย่าไปแนะนำให้เค้าทำขนาดนั้นเลยครับ  เรื่องไม่สนุกแน่ๆ นอกจากว่า จขกท เป็นทนาย แล้วเชี่ยวชาญด้านการเงินเป็นพิเศษ จากคุณ : ผู้ต้องสงสัย หมายเลข 1 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:45:31

ความคิดเห็นที่ 16 เขาจะถามประมาณว่าเงินมาจากสิ่งผิดกฎหมายหรือเปล่า เช่น ยาบ้า ของหนีภาษีนะ จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:46:19

ความคิดเห็นที่ 17 งง กับ 13   ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องทำถึงขนาดนั้น เงินที่คืน ก็เป็นเงินของรัฐบาล ไม่ใช่เงินของเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าหน้าที่มีส่วนแบ่งรายได้ ถ้าไม่ต้องคืนภาษีที่ประชาชนขอคืน ไหนว่าข้าราชการทำงานเช้าชามเย็นชาม แล้วเขาจะมาสนใจทำไปทำไม จากคุณ : ฉลาดหน้าตาดีมีเงินใช้ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 11:07:50

ความคิดเห็นที่ 18 แค่ตอบให้ได้ว่า  เงินเริ่มต้น 1 ล้าน เอามาจากไหน (เป็นสาเหตุที่ทำไม  ไม่เคยผ่านการเสียภาษีมาก่อน  ทำนองนี้เป็นต้น) ถ้ามาจาก พ่อ / แม่  ให้มาทำทุน  แค่นี้ก็จบครับ แต่ถ้ามาจาก พี่ / น้อง  จะมีคำถามเชิงยักย้ายถ่ายเงิน ต่อมาอีก ส่วนเงินที่เพิ่มมา  ก็ตอบตามจริงว่ามาจากหุ้นที่เติบโต  (กำไรจากการซื้อขายได้รับการยกเว้นภาษ๊อยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรครับ) จากคุณ : ไคโร เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 11:08:19

ความคิดเห็นที่ 19 อย่าลืมนะครับจ่ายภาษีทางเน็ตต้องเก็บเอกสารไว้5ปี เผื่อเขาเรียกไปพบแล้วเราแสดงเอกสารไม่ได้ว่าเราจ่ายอะไรบ้างเพื่อใช้ลดหย่อนภาษี  อาจถูกสรรพกรเรียกจ่ายภาษีย้อนหลัง  และถ้าบริจาคให้โรงเรียนเพื่อการศึกษาต้องขอใบเสร็จรับเงินเท่านั้น ใช้ใบประกาศเกียรติคุณหรือหนังสือขอบคุณจะไม่ได้2เท่า จากคุณ : scorpion454 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 11:09:11

ความคิดเห็นที่ 20 ที่ผมแนะนำ จขกท. อย่างนั้น เพราะจากประสบการณ์เคยพบสรรพากรหลายครั้ง ทั้งเรื่องของตัวเองและเรื่องของคนอื่นมาให้ช่วย เคยเจอเจ้าหน้าที่ที่ไม่ประทับใจหลายครั้ง จะขอเล่าให้ฟังตามนี้นะครับ - เจ้าหน้าที่คนแรก ตอนนั้นนานมาแล้ว ยังไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ เจ้าหน้าที่อ้างกฏหมายเอาเอง บอกว่าต้องคำนวณภาษีแบบนี้และเสียตามนี้ ด้วยความที่ไม่มีความรู้ในตอนนั้นก็เลยตามเลย เหตุการณ์นี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็เลยกลับมาศึกษาเรื่องภาษีจนตอนนี้มีความรู้และคอยเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อนฝูง รวมทั้งบางครั้งก็มาตอบคำถามใน pantip นี้ด้วย - ครั้งที่สอง เจ้าหน้าที่ขอเอกสาร เป็นเรื่องของบริษัท ส่งเอกสารปึกใหญ่ไปให้ กลับมาเหลือแค่ครึ่งเดียว แถมยังโทรมาขอให้จ่ายเพิ่มอีก อ้าง "เจ้านายไม่ยอม" ตอนนั้นฉลาดแล้ว ก็เลยเถียงไปว่า "ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน" - ครั้งที่สาม เป็นกรณีของเพื่อน สรรพากรลักษณะเป็นทอม เพื่อนยื่นภาษีเป็นค่าวิชาชีพอิสระ "วิศวกร" มันบอกว่าคุณต้องแสดงให้เห็นว่างานที่คุณทำเป็นงานวิศวกรด้วย เจอพวกมั่วกฏหมายอีกแล้ว สุดท้ายเลยสรุปให้มันว่าคุณช่วยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ว่าเราต้องจ่ายคุณเท่าไหร่ เพราะอะไร มันตอบว่า "ไม่มีนโยบายออกเป็นลายลักษณ์อักษร" พร้อมกับตะคอกใส่ สงสัยมันคิดว่าเหนือกว่า ตอนนั้นยังเสียดายว่าถ้ามีการบันทึกเสียงหรือถ่าย VDO ด้วยยิ่งดี จะเอามาประจานกันตรงนี้เลย ผมถึงบอกว่าถ้าเราไม่รู้กฏหมายก็ไม่ควรตอบอะไรไป และควรมีการบันทึกภาพหรือเสียงระหว่างการเจรจาเพื่อเป็นหลักฐานหากสรรพากรมั่ว พวกนี้จะไม่กล้าทำนิสัยไม่ดีถ้ามีการบันทึกภาพหรือเสียง กรณีนี้หากคุณยอมมากไปหรือคุยง่ายไป ระวังมันจะถามว่าพ่อแม่ทำงานอะไร ถึงมีเงินมาให้คุณลงทุนได้ขนาดนี้เสียภาษีหรือยัง หรืออาจจะขอไปถึงรายละเอียดการซื้อขายหุ้นตั้งแต่ต้น เผลอ ๆ มีการมั่วออกมาว่า "กำไรก็ต้องเสียภาษี" ถ้ามีบันทึกการสนทนามันจะไม่กล้ามั่วกฏหมายและไม่กล้าขอมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรามีเทคนิคการป้องกันแล้ว มันจะไม่กล้าขอเอกสารซ้ำแล้วซ้ำอีก อีกอย่างถ้ามีการขอเอกสารและมีการส่งมอบให้สรรพากร ให้มีการเซ็นรับ พร้อมกับระบุในใบเซ็นรับว่า เอกสารเหล่านี้เป็นความลับ ถ้าหากมีการเสียหายหรือรั่วไหลของข้อมูล ทางสรรพากรต้องเป็นผู้รับผิดชอบ จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 07:12:05

ความคิดเห็นที่ 21 (เพิ่มเติม) คห. 14 - ถ้าเราเริ่มต้นด้วยการกลัวสรรพากร ทำอะไรเขาชนะแน่ นั่นคือคุณแพ้ตั้งแต่ต้นแล้วครับ กรณีของ จขกท. ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องกลัว อย่างที่บอก ถ้าเราไม่ผิดเขาทำอะไรไม่ได้ เราต้องมั่นใจว่าเราไม่มีอะไรผิด บางคนจะเอาเงินเราแต่หน้าหงิก เหมือนกับว่ารีบจ่ายมาเร็ว ๆ ฉันไม่มีเวลาจะคุยมากนะ คห. 15 - เพราะ จขกท. ไม่เคยเจอสรรพากรมาก่อน ยังไม่รู้กฏหมาย ก็เลยต้องแนะนำว่าอย่าตอบอะไร ทุกอย่างต้องมีหลักฐาน แม้แต่คำถามของสรรพากรทุกคำ เพราะถ้าพูดเฉย ๆ สรรพากรกล้าพูดกล้าขอ แต่ถ้าเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว เขาไม่กล้า ถ้าเขาไม่ออกเอกสารแบบที่ผมเคยเจอ ก็ขอถ่าย VDO ไว้เลย เอาให้มีหลักฐาน คห. 16 - ถ้าเขาถามอย่างนั้นก็ดี ไม่ต้องไปตอบ ให้ถามมาเป็นลายลักษณ์อักษรเลย สะใจดี เล่นงานกลับข้อหาหมิ่นประมาทได้ คห. 17 - ต้องทำขนาดนี้เพราะกันไว้ดีกว่าแก้ครับ บางคนอยากทำยอดสูง ๆ เพื่อจะได้มีผลงาน คห. 18 - เป็นตัวอย่างที่ดี ถ้าตอบผิดเดี๋ยวเป็นเรื่อง ให้ถามมาเป็นหนังสือแล้วตอบเป็นลายลักษณ์อักษร บางครั้งตอบผิดไปเขาจดอยู่ในเอกสารแล้วบังคับให้เราเซ็นรับก็มี ดังนั้นไม่ตอบดีที่สุด ให้ถามมาเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วเอากลับมาตอบที่บ้าน คห.19 - กรณีนี้ไม่มีการลดหย่อนอะไรครับ รายได้และภาษีล้วน ๆ จากประสบการณ์ที่โดนเจ้าหน้าที่มั่วกฏหมายและต้องเสียภาษีเพิ่มเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็มาศึกษาเรื่องภาษีอย่างหนัก พอรู้ว่าโดนสรรพากรหลอกก็พยายามช่วยไม่ให้ใครโดนหลอกแบบที่เราโดนอีก จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 10:17:39