ความคิดเห็นที่ 1 โรงงานนี้เมื่อไปดูในเว็บไซต์กรมพัฒนาพลังงานทดแทนจะเห็นว่ามีกำลังการผลิต 300,000 ลิตรต่อวัน ขาดทุนต่อเนื่องจากเริ่มเดินเครื่องในปี 2549-2552 และมีกำไรโผลาในปี 2553 ส่วนปี 2554 ต้องติดตามในช่วงเมษายนปีนี้ที่กรมฯจะนำตัวเลขขึ้นเว็ปไซต์ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 23:18:44 จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:05:12

ความคิดเห็นที่ 2 โรงงานไบโอดีเซลโรงต่อไป คือ บจ.บางจากไบโอฯ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บางจากฯ มหาชน  ที่น่าสนใจคือโรงงานนี้เดินเครื่องหลังโรงงานของเพียวไบโอฯ โยใช้เครื่องจักรจาก DESMET แบบเดียวกันกำลังการผลิตเดิมก็เท่ากัน จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:07:36

ความคิดเห็นที่ 3 แต่รายของบางจากฯ กลับมีกำไรในปีแรกที่เดินเครื่องเลย และถ้าติดตามข่าวใน INternet ก็จะทราบว่าโรงงานนี้สามารถลดคอขวดการผลิตของตัวโรงงานตั้งแต่สร้างแรกๆให้มีกำลังการผลิตเดิม 300,000 ลิตรต่อวันเพิ่ม เป็น 400,000 ลิตรต่อวัน โดยใช้เงินลงทุนไม่ถึง 10% ของราคาก่อสร้างโรงงานแต่กำลังการผลิตเพิมขึ้นถึง 25% แต่แปลกใจที่ทำไม่ โรงงานของเพียวไบโอกลับขาดทุน (แต่ปี 2553 มีกำไรที่น่าสนใจว่าทำไมมีกำไรได้ มีปัจจัยอะไรหนุน) จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:12:00

ความคิดเห็นที่ 4 โรงงานไบโอดีเซลโรงต่อไปคือ โรงงานแหลนของ ปตท.คือ บจ.โอลิโอเคมี กำลังการผลิต 2*300ตันต่อวันหรือ 600,000 ลิตรต่อวัน เดินเครื่องก่อน โรงงานเพียวไบโอฯ 1 ปี แต่ขาดทุนได้ถนัดใจ แต่เมื่อเทียบกำไรของ บริษัทแม่แล้วขาดทุนระดับ 100 ล้านบริษัทแม่ไม่กระเทือน แต่ปีนี้เข้าใจว่า CEO ใหม่ได้ถ่ายเลือดการบริหารงานชุดเดิมออกไปทำงานธุรการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงินทั้ง 15 เสือ เลือดใหม่เข้ามาคงจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นในวงการไบโอดีเซลบ้างกระมัง จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:18:29

ความคิดเห็นที่ 5 ปี 2553 อยู่ๆ บจ.ทีโอแอล ก็มีกำไรโผล่ขึ้นมาอย่างน่าชื่นใจจากขาดทุนปีละ 100 ล้านนิดๆ กลับมีกำไรถึง 186 ล้านมีอะไรแปลกใหม่น่าตื่นเต้นหรือไม่ ลองติดตามโรงงานต่อไปน่าจะเห็นอะไรดีๆนะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 22:21:53 แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 22:21:18 จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:20:37

ความคิดเห็นที่ 6 โรงงานที่น่าสนใจและน่าจะถือว่ามีฝีมือและประสบความสำเร็จที่สุดในอุตสาหกรรมไบโอดีเซลน่าจะเป็นโรงงานนี้ คือ นิวไบโอดีเซล เพราะมีกำลังการผลิตไบโอดีเซลเพียง 2 แสนลิตรต่อวันเท่านั้น จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:26:41

ความคิดเห็นที่ 7 ผู้ขริหารของรายนี้มืออาชีพหรืออย่างไร แต่ก็เพิ่มเห็นกำไรก้าวกระโดดในปี 2553 ซึ่งโรงงานอื่นๆก็มีกำไรเงยหัวให้เหฌนกันท่วนหน้า แล้วปี 2554 จะเป็นอย่างไรกันท่วนหน้าหรือไม่ ต้องรองบดุลย์ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้านำขึ้น INetrnet ก๋อนนะครับ แต่ปี 53 ชื่นชำกำไรมากๆ เละทำให้คิดว่า กำไรจากอุตสาหกรรมไบโอดีเซลที่ทำได้สูงสุดคือ ผลิต 200,000 ลิตรต่อวันทำกำไรทุทธิได้ 137.6 ล้าน หรือกำไรต่อลิตร = 2.29 บาทต่อลิตร แต่เพียวไบโอดีเซลมีกำไร ต่ำมากเพียง 0.31 บาท ต่อลิตร เท่านั้น จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:34:31

ความคิดเห็นที่ 8 โรงงานต่อไปคือ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ ซึ่งมีผู้บริหารที่ผู้เขียนเคยไปคุยด้วย และถูกเขาขออนุญาตด่าต่อหน้ามาเลยว่า เงินเดือนและผลประโยชน์ที่ผมขอนั้นสูงเกินไปลูกจ้างอย่างคุณไม่มีสิทธิ์จะได้ เจ้าของผู้ลงทุนเท่านั้นที่ควรได้ ผมไม่โกรธ และรู้สึกนับถือในตัวผู้บริหารคนนี้มากๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ร่วมงานกันเพราะเขาให้ผลตอบแทนตำพอดีไปทำก็อยู่ไม่ได้ จากนั้นไม่นายก็ได้เข้าไปทำงานในโรงงานไบโอดีเซลโรงเดียวที่ประกาศอากสื่อสาธารณะว่าเป็นโรงงานไบโอดีเซลที่ไม่ทิ้งน้ำออกนอกโรงงาน ซึ่งถ้าหาข้อมูลใน Internet จะพบว่ามีอยู่เพียง 2 โรง 2 โรงงานที่ไม่ทิ้งน้ำออกนอกโรงงานเพราะถูกกฎหมายบังคับ จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:43:51

ความคิดเห็นที่ 9 โดรงงานของ บจ.พลังงานบริสุทธิ์นี้ กำลังการผลิตในปี 2556 อาจสูงถึง 800,000 ลิตรต่อวัน กำไรมาตลอดแต่ไม่สูงมากใกล้เคียงกับ บจ.เพียวไบโอต้นกระทู้นี้ แล้วทำไมในปี 2553 แล้วทำไมปี 2553 กำไรจึงไม่กระโดดแบบรายอื่นๆนะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 22:58:19 จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:46:29

ความคิดเห็นที่ 10 รายต่อไปมีประวัติยาวนานเป็นหัวหอกของอุตสาหกรรมไบโอดีเซลของไทยก็ว่าได้ กำลังการผลิตก็ประมาณ 200,000 ลิตรต่อวัน อยู่ไกลถึงชุมพร ปัจจุบันก็เปลี่ยนมือไปอยู่ในรั้วบิ.กริม ที่ทำธุรกิจพลังงานไฟฟ้าทางภาคตะวันออกของไทย แต่ทำไมทำกำไรกับไบโอดีเซลไม่ออก น่าสนใจเช่นกัน จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:52:35

ความคิดเห็นที่ 11 อีก 1 โรงงานก่อนสุดท้าย เป็นโรงงานที่ผู้เขียนมีโอกาสเข้าไปเริ่มต้นทำโดยการเช่าเครื่องจักรโรงงานน้ำมันพืชดัดแปลงทำไบโอดีเซลตั้งแต่ที่กฎหมายยังไม่กำหนด Spec B100 ด้วยซ้ำในปี 2548/49 ในปัจจุบันผู้บริหารกลุ่ม AI จะเข้ามาซื้อกิจการในปี 2549/50 ตั้งขื่อว่า บจ. AI Energy เป็นโรงงานที่มีมุมมองด้านการลงทุนที่ดูเหมือนจะถูกใจวิชา Logistic แต่ไม่ลงร่องวิชา Supply Chain ทำให้ทำกำไรจากการผลิตไบโอดีเซลได้ไม่มาก แต่ก็มีความสามารถในการรับจ้างกลั่นน้ำมันปาล์มให้กับโรงงานของ ปตท.พอเอาตัวรอดไปได้หรือไม่มาดูงบกำไรขาดทุนกัน จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 23:07:09

ความคิดเห็นที่ 12 พบว่าในปี 2553 กำไรก้าวกระโดดมากๆจากการขาดทุนอย่างหนัก แต่เนื่องจากู้เขียนไม่ได้เข้าไปศึกษาคลุกคลีกับผู้บริหารที่ค่อนข้างเก็บตัว จึงไม่มีข้อมูลที่ทำให้ขาดทุนยาวเพิ่มมามีกำไรในปี 53 แต่ในปี 2554 ถ้าทำกำไรได้อีกก็น่าสนใจ จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 23:09:28

ความคิดเห็นที่ 13 รายสุดท้ายที่จะนำเสนอให้เห็นว่าธุรกิจไบโอดีเซลถ้าทำเป็นจะทำกำไรได้มากมายถาวรเกรียงไกรได้ขนาดไหน เขาผู้นี้คือ บจ.น้ำมันพืชปทุม ซึ่งเป็นโรงงานน้ำมันพืชที่อยู่ยั่งยืนและยิ่งใหญยาวนาน และได้ปรับพันธกิจเพิ่มเติมมาทำธุรกิจไบโอดีเซลตั้งแต่ปี 2551เป็นต้นมากำไรของกิจการก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างที่เห็น ซึ่งผู้เขียนเองไม่สามารถวิจารย์ได้ลึกพอ เพราะผู้ผลิตรายนี้มีกำไรในอุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชด้วย แต่ถ้าจะเทียบเคียงกัน ท่านที่สนใจทวนสอบฝีมือการวิเคราะห์ผมเสนอให้ไปสืบค้นข้อมูลในอุตสาหกรรมน้ำมันพืชทั้งประเทศไทยว่าเป็นอย่างไร กำไรน้ำมันพืชต่อลิตรแล้วจะเท่าหรือมากกว่าไบโอดีเซลหรือไม่ จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 23:18:09

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อมาพิจารณาอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม(น้ำมันพืช) สัก 2 บริษัท คือ ล่ำสุง และ โอลีน ว่าตัวเลขทำกำไรเป็นอย่างไร และอะไรเป็นตัวประกอบ จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 23:29:06

ความคิดเห็นที่ 15 จากรูป บจ.โอลีน มีกำไรค่อนข้างต่ำ มีทิศทางที่เกว่งตัว ทั้งนี้เพราะเข้าใจได้ว่า โอลีนไม่มีสวนปาล์มน้ำมันของตัวเองมากพอที่จะทำกำไรรวมทั้งอุตสาหกรรมได้ แต่ราย บจ.ล่ำสุง มีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบเพื่อส่งเข้าโรงงานกลั่นน้ำมันพืชของตนเองด้วย นั่นเอง สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันพืช ท่านใดเชี่ยวชาญขอความกรุณาช่วยชี้แนะด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูง จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 23:32:48

ความคิดเห็นที่ 16 จากการนำเสนอทั้งหมดนี้เพื่อชี้ให้เป็นว่ากำไรสูงสุดที่โรงงานไบโอดีเซลทำได้คือ 2.31 บาทต่อลิตร ขอเฉลี่ยไปให้ต่ำลงที่ 2.0 บาทเพื่อให้คำนวนง่ายขึ้นดังนี้ 1. ถ้าประเทศไทยนำผลปาล์มทะลายทั้งหมดมาสกัดและผลิตเป็นไบโอดีเซลทั้งหมาดโดยไม่ต้องน้ำไปกลั่นเป็นน้ำมันพืชบริโภคเลย ก็จะผลินไบโอดีเซลได้ประมาณ 5 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้น 2. กำไรก็จะประมาณ 20 ต่อวันหรือ 3,650 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขกำไรต่อกำลังการผลิตแล้วสูงกว่าโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม 3. กำไรในส่วนนี้ถ้าหารกลับไปที่ตัวเลขกำลังการผลิตผลปาล์มทะลายทั้งประเทศแล้วคืนกำไรกลับไปที่เกษตรกรทั้งหมดจะทำให้เกษตรกรขายผลผลิตได้เพิ่ม เพียง 0.38 บาท ต่อ 1 กก. ผลปาล์มทะลายเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันราคาผลปาล์ฒทะลายจะแกว่งอยู่ที่ 2.8 - 5.0 ต่อ กก. 4. ในกรณีที่ประเทศไทยเข้าสู่สมาคมเศษรฐกิจอาเซียน หรือ AEC แล้วน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียที่มมีต้นทุนต่ำกว่าไทย กก. ละ 2 บาท นั้นถ้านำเข้ามาขายในประเทศไทยโดยไม่สามารถตั้งกำแพงภาษีได้อีกนั้น จะทำให้ราคาผลปาล์ฒทะลายตกต่ำลงไปมากกว่ายอดเงินคืนกำไรจากการนำผลปามน้ำมันของไทยมาผลิตไบโอดีเซลทั้งหมดด้วยซ้ำไป 5. จากกรณีนี้จะพอมองเห็นวิกฤษรุนแรงของพี่น้องชาวสวนปาล์ฒ พอๆกับสวนยาวพาราที่ราคายางตกลงจากเดิมถึง 100 บาทต่อ กก. ทีเดียว 6. เมื่อมองเห็นวิกฤต แต่จะทำมันให้เป็นโอกาสได้หรือไม่ ค่อยมาว่ากัน ขอพักผ่อน และรอความเห็นจากท่านผู้เข้ามาเยี่ยมชมกันสักพักก่อนนะครับ จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 23:49:31

ความคิดเห็นที่ 17 ข้อมูลดีครับ ปัจจัยหลักๆ ของโรงกลั่น ไบโอ คือต้องเดินเครื่อง 100% ถึงจะกำไร ซึ่งก็ไม่ได้เดินกันทั้งปีเพราะต้องซ่อมบำรุง กำไรหรือขาดทุนดูจากนโยบายรัฐในการเติมไบโอ ตอนนี้เข้าใจว่าเติมแค่ 3% เติมเยอะกำไร เติมน้อยหรือคงที่ขาดทุกกันทั่วหน้า ผลก็คือ ถ้ากำไร โรงกลั่นใหญ่กำไรมากกว่า ถ้าขาดทุนโรงกลั่นใหญ่ขาดทุนมากกว่า จะมียกเว้นก็โรงกลั่นของบางจากเพราะ ล๊อกปริมาณการขายไว้ที่ 60% ของกำลังการผลิต ถ้าคนอื่นขาดทุนโรงนี้จะเป็นโรงสุดท้ายที่ยังคงทำกำไรได้ รองมาเป็นพวกที่สามารถสวิชวัตถุดิบไปใช้ตัวอื่นได้จะได้เปรียกว่ากรณีวัตถุดิบบางตัวขาดแคลน ไม่ใบ้ละว่าโรงไหนทำได้ หาเองเน้อ ส่วนค่าก่อสร้างผมเข้าใจว่าโรงของชุมพรสร้างได้ถูกที่สุดเพราะใช้วัตถุดิบได้แบบเดียว จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 00:37:28

ความคิดเห็นที่ 18 ใช้ PFAD จากโรงกลั่นน้ำมันปาล์มราคาถูกกว่าน้ำมันปาล์มดิบ 7-10 บาท น่าจะเป็นโรงงานแถวๆประจีนสระแก้ว ที่ลงทุนในส่วนนี้ไปแล้ว ปีหน้าคงได้เห็นรายนี้เข้า MAI อีกรอบ จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 00:42:56

ความคิดเห็นที่ 19 นับถือ จากคุณ : i_am_nong_mai เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 06:40:27

ความคิดเห็นที่ 20 ได้ความรู้มากคะ จากคุณ : tanasa เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 10:09:08

ความคิดเห็นที่ 21 ข้อมูลแน่นดีคะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (kaenaka) เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 18:04:52

ความคิดเห็นที่ 22 ประเด็นต่อไป โรงงานไบโอดีเซลไหนขาดทุน แล้วจะแก้ไขไม่ให้ขาดทุนจะทำอย่างไร ถ้าเจ้าของกิจการไม่มีวาระซ่อนเร้นเช่น แอบไบรับเงอนใต้โต๊ะจากคู่แข่ง แล้วมาบอกสาธารณชนว่าจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตแบบนี้ก็ไม่คุยด้วย วันนี้เหนื่อยแล้วกลับมาจาก กทม.ไปดูรถเมย์ที่ใช้น้ำมันเอทานอล95% ที่เมืองทองธานีอาคารสองมากครับ แล้วเรื่องเอทานอลจะมีอะไรมาบอกอีกมากๆๆๆๆ จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 21:52:04

ความคิดเห็นที่ 23 มาตั้งโจทย์ง่ายๆ ว่าต้นทุนการผลิตไบโอดดีเซลที่สามารถกำหนดราคาขายได้แบบไม่ถึงขาดทุน นั้นเป็นอย่างไร 1. ถ้าราคาน้ำมันปาล์มดิบ กก.ละ 35 บาท จะได้ว่าราคาประมูลกลางไบโอดีเซลของไทย  = 35 บาท ต่อลิตร ไม่เกินไปกว่านี้ 2. โรงงานไหนขายไบโอดีเซลไม่ได้ในราคานี้ ต้องรีบแก้ไขครับ 3. แล้วเรามาแกะต้นทุนทีละตัวกันดีไหมครับเปรียบเทียบกันทีละรายการ เพื่อสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมไบโอดีเซลของไทย จากคุณ : rearmthai (rearmthai) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 21:56:12