ความคิดเห็นที่ 1 ของเราลงกองทุนSET50และไทยธนรัฐของ TMB ค่ะ ไทยธนรัฐก็ไม่มีอะไรมากมายเอาเงินไปวางไว้แล้วดูมันขึ้นทีละนิดๆ (ทีละนิดจริงๆแต่ดีกว่าดอกเบี้ยออมทรัพย์)ค่ะ ส่วนกองทุนSET50 ก็เหมือนกันวางเงินแล้วดูมันขึ้นๆลงๆ ช่วงแรกเหมือนท่านอื่นซื้อปุ๊บลงปั๊บ ซื้อไป 10,000 บาท ขาดทุนไปเกือบพันตอนนี้ค่อยๆปรับตัวขึ้นก็ได้กำไรนิดๆหน่อยๆนะคะ ประสบการณ์ยังน้อยและก็เงินน้อยอยู่ อาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากค่ะ ^_^ จากคุณ : isodazaa (isodazaa2012) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 11:38:28

ความคิดเห็นที่ 2 หลากหลายรูปแบบการลงทุนผ่านกองทุน ที่สามารถเลือกได้ตามระดับการยอมรับความเสี่ยงของผู้ลงทุนครับ และด้วยการทำรายการที่สามารถทำรายการผ่านทางระบบ Internet ที่ครอบคลุมทั้งบริการทางด้านการเงิน การธนาคาร และการลงทุนภายใต้ Login Name เดียวกันของ SCB Easy Net ที่ให้เวลาทำรายการได้สูงถึง 16:00 น. (บางกองทุนก็ได้เวลาน้อยกว่า 16:00 น.) อีกทั้งรายงานต่างๆ ที่สามารถตรวจสอบประวัติการลงทุน รวมถึงแสดงผลตอบแทนในมุมมองต่างๆ ให้ได้เรียนรู้ และควบคุมการลงทุนได้อย่างเต็มที่ ส่วนการทำรายการสามารถทำได้ทั้ง ซื้อ ขาย และสับเปลี่ยน ทั้งในวันเวลา ทำการปกติ หรือรายการล่วงหน้า รวมถึงล่าสุดสามารถ ตั้งซื้อล่วงหน้าเป็นประจำ และยังมีส่วนที่รอการพัฒนาอีกอย่างต่อเนื่องหลายระบบงานอีกด้วยครับ สามารถติดต่อการเริ่มต้นการเก็บออมผ่านกองทุน ได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ทุกสาขา (สาขาตามห้าง วันเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้ครับ) โดยเพียงแค่นำ - บัตรประชาชน - พร้อมบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารไทยพาณิชย์ (ถ้ามี) ไปติดต่อ ขอเอกสารสำหรับ - การเปิดใช้บริการกองทุน : เพียงครั้งแรกครั้งเดียว เพื่อจะได้มี เลขผู้ถือหน่วยลงทุน (12 หลัก) ไว้ทำรายการ กับกองทุน มูลค่าการลงทุน - การเขียนใบคำสั่งซื้อกองทุน : ด้วยขั้นต่ำในการเริ่มต้นลงทุนครั้งแรก เพียง 5,000 บาท ครั้งต่อไปสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ได้ครับ ส่วนการใช้งานภายใต้ระบบ SCB Easy Net เพียงสมัครใช้บริการ SCB Easy Netเรียบร้อยแล้ว สามารถนำเลขทะเบียนลูกค้ากองทุน (12 หลัก) มาเพิ่มในSCB Easy Net ที่ TAB Easy Fund ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องส่งเอกสารหลักฐานใดๆ ก็สามารถ ใช้งานได้ทันทีครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 11:47:31

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับรูปแบบกองทุนต่างๆ โอกาส ... กำไรได้มาก ในทางกลับกัน ก็อาจจะขาดทุนมากด้วยครับ และเมื่อถึงจุดขาดทุนมากๆ ถ้ามีโอกาสได้ซื้อ ย่อมหมายถึงโอกาสสร้าง กำไรมากได้ด้วยครับ .... จากส่วนต่างของราคา โดยถ้ายอมรับ ... ความเสี่ยง จากความไม่แน่นอนได้แล้ว SCBSET ... ลงทุนในหุ้นทุกหมวดธุรกิจ ตามสัดส่วนที่ใช้คำนวณ SET Indexมีค่าธรรมเนียมเฉพาะขาออกที่ 0.1% + VAT SCBSET50 .... ลุงทุนในหุ้น 50 ตัวสัดส่วนเดียวกับที่ใช้คำนวณ SET50 Index มีค่าใช้จ่ายซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งเข้าและออก ขาละ 0.08% SCBDV .... ลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องทุกปี ไม่มีค่าธรรมเนียมทั้งเข้า และ ออก SCBGLOW ..... ลงทุนในหลักทรัพย์หลากหลายประเภท และหลากหลายประเทศ โดยมีการค้ำประกันอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินไว้ด้วย ไม่มีค่าธรรมเนียมทั้งเข้า และ ออก อื่นๆ อย่างเช่น - กองทุนตราสารหนี้ ระยะสั้น/ตลาดเงิน :: SCBSFF, SCBTMF กองทุนที่เหมาะที่จะพักเงินรอการลงทุนที่ พร้อมจะขยับขยายการลงทุนไปยังกองทุนต่างๆ ได้ทันทีที่ต้องการ - กองทุนตราสารหนี้   :: SCBFP, SCBRF ตราสารหนี้ที่มีความผันผวนมากพอควร - กองทุนหุ้น :: SCBPMO การะจายการลงทุนไปยังหุ้นในกลุ่มต่างๆ ทั้งขนาดใหญ่ และเล็ก - กองทุนหุ้นต่างประเทศ :: SCBPGF ลงทุนใน 3 หวีป - อเมริกา ยุโรป และประเทศญี่ปุ่น :: SCBAEM ลงทุนในกลุ่มประเทศในโซนเอเซีย ยกเว้น ญี่ปุ่น - กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ :: SCBAUD ทีอาจจะเสมือนเป็นการลงทุนกับค่าเงิน ออสเตรเลีย จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 12:27:04

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบโทษนะครับ แล้ว เราจะ เพิ่ม ทุน หรือ ขาย ยังไง ครับ หรือต้องรอให้ กองทุนครบอายุ หรือยังไง ครับ ไม่รู้จริงๆ จากคุณ : BoyIdentity เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 12:43:33

ความคิดเห็นที่ 5 เข้าไปศึกษาจากเว็บไซด์นี่นะครับ อธิบายได้ดีทีเดียว http://www.thaimutualfund.com/AIMC/index.jsp จากคุณ : golfemp เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 13:13:39

ความคิดเห็นที่ 6 กองทุนมีทั้งแบบมีการกำหนดอายุการลงทุนไว้แน่นอน และ แบบที่สามารถซื้อ-ขายได้ โดยไม่ต้องมีระยะเวลากำหนด โดยผลตอบแทน จะเกิดจากส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น ของราคาซื้อหน่วยลงทุน กับราคาที่เราได้รับตอนขายคืนครับ เมื่อจ่ายเงินลงทุน สิ่งที่เราได้รับ คือจำนวนหน่วยลงทุน = เงินลงทุน / ราคาเสนอขาย โดยจำนวนหน่วยลงทุน จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงถ้าเราไม่ซื้อเพิ่ม หรือขายคืน แต่สิ่งที่ทำให้มูลค่าการลงทุนเราเปลี่ยนไป จนเกิดผลตอบแทนคือ ราคาหน่วยลงทุน โดยมูลค่าการลงทุนที่ได้ = จำนวนหน่วยลงทุนที่มี x ราคาหน่วยลงทุน ซึ่งผลตอบแทนที่จะเปลี่ยนไปทุกวัน = (ราคาหน่วยลงทุน - ราคาเสนอขาย) x จำนวนหน่วยลงทุนที่มี ซึ่งผลตอบแทนนี้เราจะยังเป็นเพียงตัวเลขที่เรายังไม่ได้รับเป็นตัวเงิน จนกว่าจะมีการนำหน่วยลงทุนมาขายคืน โดยการขายคืนเราจะขายคืนทั้งหมด หรือจะขายคืนบางส่วนก็ได้ อีกทั้งจะระบุจำนวนหน่วยลงทุนที่ต้องการขายคืน หรือจะระบุจำนวน เงินที่ต้องการจากการขายก็ได้ครับ การขายคืนเป็นจำนวนหน่วยลงทุน เงินที่จะได้รับ = จำนวนหน่วยลงทุนที่ขาย x ราคารับซื้อคืน โดยจะทำให้จำนวนหน่วยลงทุนที่เหลืออยู่ = จำนวนหน่วยลงทุนที่มี - จำนวนหน่วยลงทุนที่ขาย การขายคืนเป็นจำนวนเงินที่ต้องการ จำนวนหน่วยลงทุนจะลดลง = จำนวนเงินที่ต้องการ / ราคารับซื้อคืน จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 13:19:18

ความคิดเห็นที่ 7 การเพิ่มทุนก็สั่งซื้อเพิ่มค่ะ  ส่วนการขาย น่าจะหลัง3เดือน เพราะจะโดนบวกค่าธรรมเนียมไว้ในราคาที่เราซื้อไปด้วยค่ะ ถามpjuk  กองทุนที่ขาดทุนมากคือราคาต่ำเหมือนกับลด50% ถ้าเราซื้อจะเสี่ยงเกินไปไหมคะ ปีที่เเล้วเคยลองซื้อกองทุนราคาต่ำ เเต่ซื้อไม่เยอะค่ะ พอเห็นมันขึ้น รีบขาย ได้กำไรมา3%ใช้เวลา6เดือน(ดอกเบี้ยเเถวบ้าน0.025%)เสียดายที่รีบขาย ตอนนี้มันขึ้นไม่หยุด ชักติดใจ อยากลองเสี่ยงกองทุนราคาต่ำ ซื้อเเล้วก็รอขายตอนมันขึ้นน่ะค่ะ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 13:24:51

ความคิดเห็นที่ 8 ซื้อราคาต่ำกว่า ราคาที่เคยเกิดขึ้น ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะลงทุนเพิ่มเพื่อให้มีส่วนต่างในการกลับคืนได้มากครับ ..... จุดที่เคยเกิดขึ้น มองแล้วมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากกว่า ราคาอนาคตที่ไม่เคยเห็นครับ ^_^ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 13:49:00

ความคิดเห็นที่ 9 พี่จุก สุดยอดๆๆๆ จากคุณ : ลูกฟลุ๊ค (Darkdeo) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 16:56:33