เชื่อว่า ต้องมีคำถามในใจที่ตามมาคือ
คุณก็พูดได้ซิ
เพราะเงินต้นมีมากพอให้
ล่าเกินทุนเอาจากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน
คำถามนี้ ผมก็เคยเจอมาหลายครั้ง
คำตอบก็คือ
กว่าผม จะพูดและทำแบบนั้นได้
ต้องผ่านการสะสมจำนวนหุ้น ที่สามารถจ่ายเงินปันผล
จากการล่าส่วนเกินทุน
ผ่านการกระทำของคนใจตลาดหุ้น
มานานเกือบ ๒๖ ปี !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
การรอคอยมันยาวนาน แต่ผมถือว่า
ผลตอบแทนมันคุ้มค่ามาก
สำหรับ "สุขภาพจิต"
ของผู้ที่เลือกเดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้น
มาอย่างยาวนาน ผ่านการถือหุ้นยาวมาตลอด
ไม่ใช่ว่า ปุบปับก็ทำได้เลย
เพราะเงินต้น ไม่ได้เริ่มจากมูลค่าพอร์ตตอนนี้
เงินก้อนสุดท้ายที่เหลือจากสี่แสนห้า
แล้าต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่
คือ ๘ หมืนบาท
ส่วนคนที่มีเงินต้นเริ่มมากพอ
ก็สามารถ ล่าส่วนเกินทุนได้จาก เงินปันผลรับโดยตรงได้
เรียกว่า จุดเริ่มต้นแตกต่างกัน
ระยะเวลาที่จะได้ผลลัพธ์เท่าๆกัน
ก็ย่อมแตกต่างกันไปด้วย
ชีวิตใคร ชีวิตมัน ต้องเลือกทางเดินกันเอาเอง
ส่วนตัวผม จะเลือกเดินทางแสวงหาเงินต่อไป
ในพื้นที่ ที่คิดว่าตัวเองถนัดที่สุด และคุ้นเคยมากที่สุดเท่านั้น
ไม่ไปเปรียบเทียบ ให้สุุขภาพจิตเสียว่า
ทำไมคนนั้น หาเงินได้ภายในสองชัวโมง
เท่ากับเราใช้เวลารอตั้งหนึ่งปี
ขอตัดแปะ วิธีคำนวณภาษีให้ดูเพิ่มเติม
เมื่อก่อนผมก็สงสัยว่า
ทำไมต้องเอาหุ้นที่ได้รับการยกเว้นภาษีปันผล และไม่ได้เครดิตภาษี
มาร่วมคำนวณด้วย
คำตอบ มันอยู่ในอัตราฐานภาษี ที่ใช้ในการคำนวณ
พอรายได้รวมเกินจำนวนที่กำหนดไปแล้ว
ฐานภาษีก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก
จนบางคน แทนที่จะเครดิตภาษีคืน
กลับต้องเสียภาษีเงินได้เพิ่ม
นี่เป็นเหตุผลที่ว่า
ถึงท่าน ดร.นิเวศน์ จะได้เงินปันผล สี่ห้าสิบล้านบาท
แต่ก็จะได้เครดิตภาษีเต็มที่ แค่ห้าหกแสนเท่านั้น ?
จากภาพประกอบ
คงมีคนสงสัยอีกว่า
ทำไม่ไม่มีลดหย่อนเงินบริจาค ที่สามารถห้กภาษีได้ ?
คำตอบคือ
ผมบอกคุณมะลิไปว่า จะไม่เอาเงินบริจาคมาหักภาษี
เพราะ การเดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้น
ก็เอาเปรียบสังคมมากพอแล้ว
บริจาคเงิน จึงไม่ควรมาหักเอาเงินภาษีคืนอีก
ความจริง ปีที่แล้ว
ผมบริจาคไปตาม margin of satisfaction ของตัวเอง
นาจะประมาณครึ่งหนึ่งของเครดิตภาษีรับ
+
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 09:26:34
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 08:32:02
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 08:25:51
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 08:19:42