ความคิดเห็นที่ 1 ความจริงวันหยุดของตลาดหุ้น นักลงทุนน่าจะหากิจกรรม ที่ไม่ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดหน้าจอคอมทำกันบ้าง เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา คนใกล้ตัวมีธุระ จะไปทำบุญครบรอบปี ให้เพื่อน ที่เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์เมื่อปีที่แล้ว ก็เลยถือโอกาส  พากันเดินขึ้นดอยภูเขาทองไปเล่นของ เดี๋ยวนี้  เขาใส่พุทธพาณิชย์ระบบจัดการสมัยใหม่เข้าไปด้วย ทางขึ้น ทางลง สิ่งอำนวยความสะดวก  ก็เลยดีขึ้นมาก บันไดทาสีใหม่  และแต่ละขั้นต่ำลง เลยเดินแล้วไม่ค่อยรูสึกเหนือย  เหมือนเมื่อก่อน ถ้าอ่านไม่ผิด  สี toa  เป็นคนปรับปรุงบันได้ขึ้นภูเขาทองให้วัดสระเกศ ? ! จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 08:54:02

ความคิดเห็นที่ 2 บนนั้น  กิจกรรมเด่น ก็คือการแก้ปีชง โดยซื้อป้ายดวงปีเกิด  แผ่นละร้อยบาท เอาขึ้นไปไว้บนภูเขาทอง  แล้วก็เดินเวียนขวามือสามรอบ ผู้รู้ที่ทำหน้าที่ขายแผ่นดวง  ตรงปากทางขึ้นบอกว่า   ห้ามเดินเวียนทวนเข็มนาฬิกาเป็นอันขาด แทนที่จะแก้ปีชง  กลับกลายเป็นเพิ่มภาระให้ดวงชะตา เหมือนกับหุ้น  เดินตามเจ้ามือ ดีกว่าเดินทวนเจ้ามือ จะเดินตามเจ้ามือแดกด่วนในตลาดหุ้น หรือเดินตามเจ้ามือตัวจริงในบริษัทจดทะเบียน ก็เลือกกันเอาเอง   ตามปีชงของหุ้นในพอร์ต ส่วนผม  มักจะเลือกเดินตามเจ้ามือตัวจริง ส่วนเจ้ามือแดกด่วน ก็เดินตามบ้าง  แล้วแต่ฟันด์โฟลว์ ! แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 55 10:14:25 แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 55 09:05:07 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 09:01:00

ความคิดเห็นที่ 3 เศร้าพอกัน แต่แบบหลังน่าจะเศร้ามากกว่าครับ เพราะ สูญเสียอิสรภาพ แต่แบบแรก คือ สูญเสียโอกาส จากคุณ : :::GANTZ::: เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 09:16:05

ความคิดเห็นที่ 4 เล่นของบนยอดภูเขาทองเสร็จ ก็ได้เวลา แยกทางกันเดินอย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าในชีวิตจริง หรือชีวิตในตลาดหุ้น สำหรับตัวผมเอง  มันมีแค่ ๔ สถานะเท่านั้นคือ ๑  ร่วมทางกันเดินอย่างสร้างสรรค์ ชีวิตนอกตลาดหุ้น ร่วมกันทำกิจกรรมที่มี  margin of satisfaction ตรงกัน ชีวิตในตลาดหุ้น ถือหุ้น  ที่คิดว่า ราคาหุ้น ยังไปด้วยกันได้ดีกับ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้น ๒  แยกทางกันเดินอย่างสร้างสรรค์ ชีวิตนอกตลาดหุ้น แยกกันไปทำกิจกรรม ที่มี margin of satisfaction  ไม่ตรงกัน ชีวิตในตลาดหุ้น ซื้อหุ้นที่ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้น   เดินล้ำหน้า ราคาหุ้นไปไกลมาก จนเราซื้อที่ราคานั้นแล้ว ก็แค่นั่งกระดิกเท้ารอ ให้ราคาหุ้นดีๆ  วิ่งขึ้นไปหาหุ้นดีๆ หุ้นในโมเดลนี้  มีโอกาสทำกำไรส่วนเกินทุน เป็นสิบเท่า ๓  ร่วมทางกันเดินอย่างทำลายล้าง ชีวิตนอกตลาดหุ้น ฝืนทำกิจกรรมร่วมกัน  โดยที่มี margin of satisfaction ไม่ตรงกัน เช่น คนหนึ่งอยากพบปะกับเพื่อนๆที่นานๆเจอกันที อีกคนก็จำใจทำตาม  ทั้งๆที่ไม่ได้สนิทอะไรกับเพื่อนกลุ่มนั้นเลย นานๆเข้า  ผลสะสมของกิจกรรม ร่วมทางกันเดินอย่างทำลายล้าง จะทำลายปัจจัยพื็นฐานของชีวิตคู่ ในที่สุด ชีวิตในตลาดหุ้น หุ้นเน่าๆอย่างยาวนาน ก็ยังทนถืออยู่ ไม่ว่าราคาหุ้นมันจะอยู่ที่ตรงไหน ก็จะไม่ขาย ไม่ขาดทุน ๔  แยกทางกันเดินอย่่างทำลายล้าง ชีวิตนอกตลาดหุ้น ทำกิจกรรมตาม margin of satisfaction ของตัวเอง โดยไม่สนใจความรุ้สึกของอีกฝ่าย ชีวิตในตลาดหุ้น ราคาหุ้น  วิ่งล้ำหน้าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไปไกลมากๆๆๆๆๆ จนไม่รู้ว่า  จะตามมันไปทำใมให้เหนื่อยกับความโลภ ที่เจ้ามือทำให้เกิด รอเฉยๆ  เดี่ยวมันก็กลิ้งลงมาทับเองแหละ ไม่เชื่อก็ถามที่เคยซื้อ live  bliss  n-park ตอนราคาหุ้น แยกทางกันเดินกับหุ้น แบบฟ้ากับเหว ! แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 55 09:32:45 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 09:25:30

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีครับ เฮียเอ็นโด เศร้า เมื่อเข้าใจ ครับ.. จากคุณ : ธราธิป เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 09:33:34

ความคิดเห็นที่ 6 ได้เวลาแยกทางกันเดินอย่างสร้างสรรค์ ภรรยาพาลูก  ไปเลี้ยงเพลพระ  อุทิศส่วนกุศลให้เพื่อนที่เสียชีวิต ส่วนผมขอตัวปลีกวิเวก  เดินไปขึ้นเรือด่วนคลองแสนแสบ ที่จอดอยู่ตรงใต้สะพานผ่านฟ้า เนื่องจากเป็นช่วงสายๆของ วันหยุด   ก็เลยไม่ต้องแย่งที่นั่งกับใคร เพราะ  เราซื้อ เอ๊ยขึ้นตั้งแต่ยังไม่มีใครมามุง   ตอนแรกกะว่าจะนั่งดูวิว  ไปจนถึงประตูน้ำ ให้คุ้มค่าเรือ  สิบสองบาท นั่งๆไป  พอถึงท่าใต้สะพานหัวช้าง ตรงสี่แยกปทุมวัน เกิดเปลี่ยนใจแบบทำตาม  mos  แบบแดกด่วน ปีนขอบเรือ ขึ้นที่ท่าสะพานหัวช้างแทน ! แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 55 09:41:09 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 09:38:44

ความคิดเห็นที่ 7 สูงสุดของแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในแต่ละคน แต่คืนสู่สามัญ ได้เท่าเทียมกันทุกคน ไม่ว่าจะพึงพอใจหรือไม่ .... คืนสู่ผงธุลี จากคุณ : DragonV เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 09:46:27

ความคิดเห็นที่ 8 เดินผ่านสยามดิสคัพเวอรี่ กำลังมีกิจกรรม  เฟ้นหานางแบบ นายแบบ คนเข้าแถว รอขึ้นแคทวอล์ค  กันฝั่งละนับสิบคน มีแต่หนุ่มๆ สาว ๆ  หล่อๆ สวยๆ ทั้งนีั้น เดี๋ยวนี้มีแต่คนอยากจะแย่่งกันเต้นกินรำกิน เหตุผลสำคัญที่ทัศนคติคนเปลี่ยนไปก็คือ รายได้จากการเต้นกินรำกิน  สมัยนี้ มากกว่านั่งทำงานในออฟฟิศไม่รู้กี่สิบเท่า เมื่อไรที่คน่ส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น   สามารถทำเงินได้อย่างยั่งยืนจากหุ้น เมื่อนั้น  ทัศนคติของคนนอกที่มีต่อตลาดหุ้น ก็จะเปลี่ยนไป แต่คำถามที่หายังหาคำตอบไม่ได้คือ เมื่อไร  ? + แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 55 09:48:30 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 09:47:16

ความคิดเห็นที่ 9 เดินมาสิ้นสุดที่สยามพารากอน ตอนนั้น ห้างเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงสิบนาที ก็เดินชี้นิ้ว เลือกเอาตามใจชอบ นึกไปถึงวันที่คนมายืนต่อคิวยาวร้อยเมตร เพื่อจะซื้อไปกิน  ตามกระแสโฆษณาปลุกเร้า ทำไม เราไม่ยอมไปเข้าคิวกับเขา สำหรับผม ไม่มีของกินชิ้นไหน อาหารร้านไหนในโลกนี้ ดีพอที่จะยอมทนยืนรอคิวยาวๆ นานนับชั่วโมง สู้ทนรอไปกิน ตอนมันไม่มีคิว  ก็ได้กินเหมือนกัน อร่อยเท่าๆกัน "เพียงแต่อร่อยช้ากว่าคนอื่นเท่านั้น" ชานมในภาพประกอบ  คนขายเธอบอกว่า เดี๋ยวรอ สิบเอ็ดโมง  ก็จะเริ่มมีคนมาต่อคิวซื้อ ทุกุคน  ทำตาม margin of satisfaction  ของตัวเอง ชอบแบบต่อคิว  รอคนเรียก  ก็ต้องทำไปตามนั้น สรุปแล้ว  ช่วงสามปีมานี้ ผมขายสุทธิบวกปีนผล บวกหุ้นคงเหลือในพอร์ต   มากกว่าซื้อสุทธิ   น่าจะซักสิบเท่าตัว ? เออ  มันเกี่ยวกับคริสปี้ครีม ชานมบนโตีะ  ที่ั่นั่งดูด   รอเวลาขึ้นแท็กซี่กลับไปวัดสระเกศที่ตรงไหน  ?? + แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 55 10:04:45 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 10:02:58

ความคิดเห็นที่ 10 อืมม์  เฮียนี่เอาชีวิตประจำวันมาผูกกับหุ้น  ฟังแล้วสนุกอย่างน่าทึ่ง ส่วนคริสปี้  ผมก็ไม่เคยเข้าแถว  ยอมซื้อราคาพรีเมียมคนที่ซื้อไว้แล้วมาเร่ขาย  ร้านขาย 35  เค้าขาย 40 มั้งครับ   มิน่าผมซื้อหุ้นราคาดอยเป็นประจำไม่รู้จักอดทนรอนี่เอง จากคุณ : STOCK_BABY เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 10:13:31

ความคิดเห็นที่ 11 มีความรู้สึกว่า กำไรน้อยดีกว่า ติดดอยครับ เห็นของกินแล้วหิวครับ จากคุณ : rchai เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 10:14:14

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาอ่านเหมือนเดิมครับเฮีย จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 11:12:38

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ ทุกๆท่าน ที่เข้ามาโหวต และร่วมออกความเห็นครับ ตอนนี้ เศร้ากว่าข้างบนก็คือ อยู่ๆ โน๊ตบุคก็ติดไวรัส จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 11:43:59

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับผม เรื่องข้างบนนั้น คงจะโหวตให้ไม่ได้ครับ ในฐานะเทรดเดอร์คนนึง เมื่อเห็นโอกาส แล้วไม่กล้าทำ ไม่กล้าเทรด ถ้าเป็นศัพท์วัยรุ่นก็จะเรียกว่า "ป๊อด" ถ้ามีสัญญาณทางกราฟแล้วไม่กล้าซื้อ/ขาย เราเรียกว่า "ไม่มีวินัย" โดยรวมแล้ว น่าเสียใจทั้งคู่ เพราะว่าเราเห็นๆอยู่ว่ามันน่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เรากลับเลือกที่จะละเลย จริงอยู่ที่ว่า วันวานเราอาจจะพึ่งขายหุ้นตัวนั้นไป แต่วันนี้เรากลับต้องมาซื้อที่ราคาแพงกว่าเดิม แต่ถ้ามันทำให้เรามีส่วนเกินทุนเพิ่มขึ้น ผมก็คิดว่าคุ้มค่าที่จะทำตามครับ ในทางกลับกัน เรามีกำไรอยู่ แต่มีสัญญาณขายแล้วไม่ทำตาม ก็อาจจะพลิกเป็นขาดทุนได้ ยิ่งทุกวันนี้ ผมลงทุนแบบเป็นระบบระเบียบมากขึ้น เรียกได้ว่าเข้าขั้น "ไร้ใจ" แล้วด้วย กำไรไม่รู้สึก ขาดทุนก็ไม่รู้สึก... เพราะเราเชื่อมั่นในวิธีการลงทุนของเรา และเรามีการวางแผนตลอดจนทดสอบทางสถิติแล้วเป็นอย่างดี ผมจึงมองเรื่องที่น่าเสียใจมากที่สุด คือการที่เรา "ปฏิเสธความคิดของตัวเองในวันก่อนเพียงเพราะอารมณ์ในวันนี้" ป.ล. ไม่ได้มาเสวนากับเฮียเสียนานเลย พักนี้ยุ่งวุ่นวายมากๆเลยครับ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 14:22:19

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ ที่นำข้อคิดดี ๆ มาเล่า ทำให้รู้สึกว่า เอ..มีคนคิดเหมือนเราแฮะ แต่คนใกล้ชิดกลับมองไปอีกด้านหนึ่ง  คือ  ไปด้วยกันแล้วแยกกันเดินหาสิ่ง ที่ตนชอบ  ฯ  แถมบางครั้งยังแยกกันกลับอีกซะด้วย ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ จากคุณ : jinvet เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 16:17:12

ความคิดเห็นที่ 16 ลืมตัดแปะ  ผลการโหวตครั้งก่อนให้ดู เห็นเลขสวย ก็เลยรีบปิดโหวต รู้สึกดีใจที่ผลโหวตออกมาเป็นแบบนั้น เพราะผมเชื่อว่า คนที่เติมเงินเข้ามาหมุนเวียน  เอาหุ้นขึ้น ไม่ได้่หมายความว่า   จะต้องเป็นคนได้กำไรเสมอไป ถ้าเติมเงินแสนล้านบาท เข้ามาตอนดัชนี ห้าร้อยจุด จะต้องขายสุทธิตอนดัชนีหนึ่งพันจุด สองแสนล้านบาท  หุ้นในมือถึงจะหมด ในที่สุด ใครจะได้กำไรส่วนเกินทุน ต้องย้อนกลับไปดุว่า   ตอนดัชนีถูกๆ ใครเป็นคนซื้อสุทธิต่างหาก งงกับพวกนักวิเคราะห์   ที่เล่นจับยอดซื้อสุทธิ กับยอดขายสุทธิต่างชาติ มาหักลบกัน  แล้วก็บอกว่า   ต่างชาติเหลือหุ้นที่จะขายอีกเท่านั้นเท่านี้บาท คุณจะรู้ได้ไง  ในเมื่อคุณไม่รู้อำนาจซื้อของเเงิน ในแต่ละราคาหุ้นที่เขาซื้อ  ???? ! แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 55 08:10:43 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 08:06:20

ความคิดเห็นที่ 17 จะเปรียบเทียบของจริงให้ดุซักหนึ่งตัวอย่าง ratch   ซื้อสุทธิ หนึ่งแสนหกหมื่นบาท   ได้หุ้นมา หนึ่งหมื่นหุ้น ที่ราคา ๑๖ บาท พอราคามันขึ้นไป  ๓๒ บาท ก็ขายทิ้ง ห้าพันหุ้นเอาเงินต้นคืนมา ยอดขายสุทธิที่โชว์ออกมาคือ   ขายสุทธิ หนึ่งแสนหกหมื่นบาท จับเอายอดขายสุทธิ กับยอดซื้อสุทธิมาหักกัน แล้วก็บอกว่า  ผมไม่เหลือหุ้นในมืออีกแล้ว ? แต่ที่จริง  หุ้นจะหมดมือ ก็ต่อเมื่อ  ยอดขายสุทธิเท่ากับ   สามแสนหกหมื่นแปดพันบาท  !!!!!!!! เอามาหักกับซื้อสุทธิ ส่วนต่างก็คือ  กำไรส่วนเกินทุนครับ   + แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 55 08:24:19 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 55 08:22:37 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 08:21:16

ความคิดเห็นที่ 18 ของผม เศร้าเท่ากัน เพราะผมถือว่าขาดทุนเหมืิอนกันครับ จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 09:00:35

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาอ่านเช่นเคยครับพี่เอ็นโดฯ จะว่าไป ผมก็แฟนคลับพี่เหมือนกันนะเนี่ย เห็นกระทู้พี่ทีไรรีบจิ้มเข้ามาทุกที :) ว่าแต่ครีสปี้อร่อยไหมครับ เคยได้ยินเพื่อนฝูงบอกเหมือนกันว่ามันอร่อย ผมมันเด็ก กอ ทอ มอ มาหาเลี้ยงชีพอยู่ ตอ จอ วอ กลับบ้านทีไร แล้วจนรอด ... ก็ยังไม่ได้ไปซื้อมากินเลยอ่ะไอ่ครีสปี้เนี่ย จากคุณ : หลังอาน เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 10:45:10

ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อไรผมจะเลิกนิสัยแดกด่วนได้สักทีนะเนี่ย ชอบใจมากๆกับคำว่า อร่อยช้ากว่าคนอื่น ตรรกะพี่เยี่ยมจริงๆ จากคุณ : เหลืองwarbird เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 11:06:46

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยกับเฮียครับ เราไม่สามารถนำยอดซื้อขายต่างชาติมาหักลบกันได้ อย่าลืมว่า ทุกครั้งที่หุ้นขึ้น net worthของพอร์ทย่อมต้องเพิ่ม ซื้อหุ้น 10 บาท 1000 หุ้น= 10000 บาท ต่อมาราคาปรับขึ้นเป็น 20 บาท ผมขายออกมา 500 หุ้น = 10000 บาท สมมติว่าผมเป็นต่างชาติ แบบนี้นักวิเคราะห์อาจจะพูดได้ว่า "นักสืบจิ๋วไม่มีหุ้นขายแล้ว เฮ่!!!" เอ้าพวกเรา ซื้อออออ จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 11:07:34

ความคิดเห็นที่ 22 เศร้าทั้งคู่ จริงๆควรตอบข้อ2(เพื่อให้ดูดีและเก่ง) แต่ในชีวิตจริง แบบ1ก็เจ็บไม่แพ้กัน(แต่เจ็บแบบคนละอารมณ์) จากคุณ : Dr.โอ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 21:01:17

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณ ทุกๆท่านที่ร่วมโหวตและออกความเห็นครับ งวดนี้โหวตกันน้อย  อาจจะเป็นเพราะขาดข้อ "เศร้าพอๆกัน" คุณเหลือง warbird   ถ้าเราทำอะไรที่ฝืนความชอบ ความสามารถของตัวเอง ทั้งๆที่มีทางให้เลือก   แต่เราก็เลือกที่จะทำตามที่คนส่วนใหญ่ชอบ ชีวิตจะไม่มีความพึงพอใจ   ไม่ว่าจะเป็นชีวิต นอกตลาดหุ้นหรือในตลาดหุ้นครับ ใครที่ชอบแบบแดกด่วน และมีความสามรถในการแดกด่วน ก็ต้องทำตามที่ตัวเองถนัดและชอบครับ ส่วนผมชอบแบบสบายๆ  ก็ต้องยอม อร่อยช้ากว่าคนอื่น  กำไรช้ากว่าคนอื่น คุณหลังอาน ผมแทบจะไม่เคยกินคริสปี้ครีมที่ซื้อเลย ส่วนใหญ่ซื้อไปฝากญาติ  ฝากเพื่อน  ที่ชอบกิน สองกล่องในภาพประกอบข้างบน ก็เป็นการซื้อไปฝากเพื่อนๆของภรรยา ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวขายทะเลกันต่อครับ margin of satisfaction  ของการซื้อของไปฝากใคร ก็อยู่ที่   "ต้องไม่ต่อคิวรอซื้อ" แม้แต่ซื้อขายหุ้น  ผมก็ไม่ชอบการต่อคิวแย่งกันซื้อเหมือนกัน ช่วงนี้  เลยเป็นช่วงที่ยากลำบากมากในการซื้อหุ้น เพราะคนแย่งกันซื้อเยอะ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 55 08:05:38 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 08:04:21

ความคิดเห็นที่ 24 มันก็น่าเศร้าคนละแบบครับเฮีย อันแรกเกิดจากความกลัว ว่ามันจะไปไม่ไหวแล้ว อันที่สองเกิดจากความโลภ ว่ามันจะขึ้นไปอีก ถ้ารักษาสมดุลความโลภและความกลัว หรือเรียนรู้การใช้ให้ถูกที่ถูกเวลาคงจะช่วยเราได้มากครับ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 55 08:24:22 จากคุณ : พ่อน้องนา เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 08:23:38

ความคิดเห็นที่ 25 เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านทุกตัวอักษรอย่างละเอียดค่ะ เลือกโหวตข้อ 2 ค่ะ เพราะดูจะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าค่ะ ชอบข้อคิดจาก คห. 4 และเรื่องการต่อคิวซื้อโดนัท มาก ๆ ค่ะ จะจำไว้เป็นบทเรียนค่ะ ข้อคิดดี ๆ เหล่านี้ น่าจะรวบรวมไว้ในหนังสือ มวยวัด เล่ม 2 จะดีไหมคะ เห็นมีมิตรรักแฟนคลับพี่เอ็นโดฯ เรียกร้องกันมาบ้างแล้ว จากคุณ : หวานใจกัปตัน เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 08:32:51

ความคิดเห็นที่ 26 คุณหวานใจฯ ขอบคุณที่เชียร์ครับ เท่าที่ผมตามเก็บข้อมูลมา ก็เห็นแต่ คุณริชแมนเท่านั้นครับ  ที่ยุ เอ๊ยเชียร์ใหีบ่อยๆ เอาเป็นว่า  ถ้าหนมปังแตะ ห้าสิบ   จะลองเจ๊ง เอ๊ยลองพิมพ์อีกซักเล่มครับ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 55 11:36:43 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 55 11:36:01 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 11:35:33

ความคิดเห็นที่ 27 ตอนนี้ผมกำลังรอให้มันขึ้นครับ5555 จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 13:01:32

ความคิดเห็นที่ 28 หลงออกนอกเส้นทางเว็บบอร์ดนานมาก  ได้เข้ามาวันนี้เฮียendophine ยังคงเส้นทางยอดเยี่ยมเหมือนเข็มทิศชีวิต มีความสุขเหมือนอย่างใจต้องการ ซื้อหุ้นให้เหมือนซื้อธุรกิจ ดำรงชีวิตอย่างพอมีพอเพียงพอกินพอใช้ไม่เดือดร้อน เส้นทางนี้ถึงจะรวยไม่เท่าเขา  แต่ก็มีความสุขแบบของเราเส้นทางของเรา อยู่แบบไม่เดือดร้อนก็น่าจะพอใจแล้วครับเฮียendophine จากคุณ : P_ปรัชญา เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 55 09:52:47

ความคิดเห็นที่ 29 สวัสดีครับ ตอนนี้เริ่มมีเวลากลับมาทำอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น หายไปประมาณสองปี ตลท เปลี่ยนแปลงอย่างมากมายเลยละเนี่ย :) จากคุณ : Myth&Miracle เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 07:38:11