ความคิดเห็นที่ 1 มีหนี้ ทายาทต้องชดใช้ครับ จากคุณ : journallife เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 16:19:44

ความคิดเห็นที่ 2 โดยส่วนตัวนะครับ สำหรับผม ถ้าพ่อแม่ผมเป็นหนี้ ถึงแม้ท่านจะเสียไปแล้ว และผมสามารถชำระหนี้ให้ท่านได้ สำหรับผม ผมทำครับ อย่างน้อยผมก็สบายใจว่า พ่อแม่ผมจากไป เกิดชาติหน้ามีจริงฉันใด ท่านก็ไม่ต้องเกิดมาใช้หนี้ส่วนนี้ เพราะผมซึ่งเป็นลูกชำระให้ท่านแล้วในชาตินี้ ความคิดเห็นส่วนตัวครับ ขออภัยหากขัดใจ จากคุณ : ปุ่ม shift อยู่ไหน เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 16:26:38

ความคิดเห็นที่ 3 ขอเดาว่าผู้รับมรดกต้องชดใช้  แต่ถ้าไม่ได้รับมรดกอะไรเลยคิดว่าไม่ใช้ก็ได้ (มองแง่กฎหมาย) จากคุณ : เจ้าตัวจิ๋ว เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 16:32:15

ความคิดเห็นที่ 4 คุยกับธนาคารเลยค่ะ ว่าเจ้าของบัตรเสียชีวิต น่าจะได้ส่วนลดค่อนข้างเยอะค่ะ แต่ก่อนชำระอย่าลืมขอใบยืนยันการลดหนี้จากทางธนาคารนะคะ ชำระแล้วก็ขอในปิดภาระหนี้มาด้วยค่ะ จากคุณ : gugugun เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 16:32:36

ความคิดเห็นที่ 5 ชดใช้ไม่เกินมรดกที่ได้รับถูกแล้วครับ มูลค่าเท่าไหร่ ก็ดูจากมรดกที่ได้ ดูจากทรัพย์สินที่เป็นชื่อแม่ครับ ปล.  ถ้าพ่อยังอยู่ คู่สมรสต้องรับผิดชอบแทนนะครับ ^ ^ จากคุณ : peboybad เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 16:33:10

ความคิดเห็นที่ 6 เท่าที่ทราบก็ต้องยื่นเรื่องให้ศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดกก่อน แล้วผู้จัดการมรดกก็ไปดูว่าทรัพย์สินของผู้ตายมีอะไรบ้าง เงินสด บ้านที่ดิน หุ้น ทอง ฯลฯ ทุกอย่างที่มีมูลค่าคำนวณเป็นเงินได้ แล้วก็ไปดูหนี้สินว่ามีอะไรบ้าง เจ้าหนี้มีใครบ้างแล้วจ้างทนายให้จัดการแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบ แล้วก็ตกลงแบ่งใช้หนี้กันไปสูงสุดที่จ่ายได้ก็เท่ากับมูลค่าทรัพย์สินที่ผู้ตายมีหมดแล้วก็หมดเลย จากคุณ : นายกว้าง เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 16:41:50

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วถ้าผู้ตาย ไม่มีทายาท ไม่มีสามี ไม่มีภรรยา ภาระหนี้จะตกไปอยู่กับใครต่อครับ จากคุณ : moonalica เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 16:47:37

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วถ้าผู้ตาย ไม่มีทายาท ไม่มีสามี ไม่มีภรรยา ภาระหนี้จะตกไปอยู่กับใครต่อครับ ^ ^ ถ้าไม่มีสินทรัพย์อะไรเลย  หนี้ก็ต้องเป็น 0 ถ้ามีสินทรัพย์นี่สิ   ใครจะเป็นผู้รับมรดก (หลังหักหนี้เรียบร้อยแล้ว) จากคุณ : เจ้าตัวจิ๋ว เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 16:53:54

ความคิดเห็นที่ 9 เท่าที่ทราบคือ ถ้าลูกหรือผู้ใดได้รับมรดกก็ต้องชดใช้หนี้ด้วยครับ แต่สามารถปฏิเสธการรับมรดกได้ จากคุณ : LittleCalf เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 16:55:35

ความคิดเห็นที่ 10 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 ..กองมรดกของผู้ตายได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆเว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้วเป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ มาตรา 1601 ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน ในทางปฏิบัติ..เมื่อคุณแม่ผิดนัดไม่ชำระหนี้ไปได้สักระยะหนึ่ง แบงก์จะเริ่มพิจารณาเพื่อฟ้องคุณแม่  ซึ่งในคดีพวกบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดนี้ เป็น "คดีผู้บริโภค" ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ต้องฟ้องที่ภูมิลำเนาของลูกหนี้  บริษัทบัตรเครดิต (ต่อไปนี้ขอเรียกเจ้าหนี้) ก็จะไปตรวจสอบภูมิลำเนาล่าสุดของคุณแม่คุณ ด้วยการไปขอคัดรายการทะเบียนราษฎร์ที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ ซึ่งในขั้นตอนนี้ จะปรากฏออกตามรายการทะเบียนราษฎร์เองว่า คุณแม่คุณเสียชีวิตแล้ว เพราะคุณไปแจ้งขอออกมรณบัตรไว้  เมื่อเจ้าหนี้ทราบเช่นนี้ ก็จะทำการตรวจสอบที่อำเภอว่า คุณแม่คุณมีทายาทหรือไม่   ทายาทที่ว่านี้คือ "บิดามารดาของคุณแม่คุณ  สามีของคุณแม่คุณ และลูกๆของคุณแม่ทุกคน" ใครก็ตามในนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่  ซึ่งเจ้าหนี้ก็อาจจะเลือกฟ้องทุกคนที่มีชีวิตอยู่ หรือฟ้องเฉพาะสามีหรือลูก ให้เข้าจำเลยในคดีแพ่ง "ในฐานะทายาทโดยธรรมของคุณแม่คุณ"  ต่อศาลที่บรรดาทายาทสักคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ เมื่อฟ้องแล้ว พวกคุณก็จะได้รับหมายศาลให้ไปศาล ซึ่งในวันนัดศาลก็จะเจรจาไกล่เกลี่ย ถ้าตกลงกันได้ก็อาจจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน   แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้และคุณไม่สู้คดี หรือสู้คดีแต่ศาลเห็นว่าคุณแม่มีหนี้ต้องรับผิด ศาลก็จะมีคำพิพากษาให้บรรดาทายาททุกคนที่ถูกฟ้อง ต้องรับผิดในหนี้ที่คุณแม่คุณทำค้างไว้ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จ  โดยมีถ้อยคำห้อยท้ายในคำพิาพกษาว่า "แต่ทั้งนี้จำเลยไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกแก่ตน" ซึ่งนั่นก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหนี้ต่อไปในการบังคับคดี ก็คือเจ้าหนี้จะไปสืบทรัพย์ว่า คุณแม่คุณมีทรัพย์สินอะไรบ้างที่ตกเป็นมรดกแก่บรรดาทายาททั้งหลาย แล้วก็ไปไล่ยึดทรัพย์ (ไม่ว่าตอนนี้จะโอนไปเป็นชื่อทายาทแล้วหรือยังอยู่ในชื่อคุณแม่) ออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ อนึ่ง อย่างที่ความเห็นข้างบนบอก มีทายาทบางรายที่เต็มใจใช้หนี้แทนบุพการีเพื่อให้ถือว่า หมดเวรหมดกรรมสำหรับบุพการีอย่างแท้จริง แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 55 17:08:19 จากคุณ : Volksrecht เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 17:06:54

ความคิดเห็นที่ 11 กรณีผู้ถือบัตรเสียชีวิต แนะนำ คุณnearlymorning ติดต่อศูนย์บริการลูกค้า 02-777-7777  และส่งใบมรณบัตรเพื่อทำการระงับบัตร speedycash หรือบัตรเครดิต ก่อนนะคะ  สำหรับการชำระหนี้นั้นอย่างไรทางหน่วยงานพัฒนาสินเชื่อจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปค่ะ จากคุณ : SCB Thailand เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 17:38:38

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านได้ความรู้ เสียใจกับคุณเจ้าของกระทู้ด้วย... จากคุณ : PASSENGERS ON BOARD เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 18:01:02

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ขอออกตัวเอาไว้ก่อน ไม่ใช่ว่ามาถามเพื่อจะเบี้ยวไม่ยอมจ่ายนะคะ แต่บอกตามตรงว่าแม่มีหนี้อยู่หลายทางค่ะ ส่วนใหญ่เป็นพวกผ่อนชำระ ลำพังที่มีอยู่ตอนนี้มีไม่พอใช้หนี้ทั้งหมดจริงๆ จึงต้องค่อยๆ ดูว่าควรชำระอันไหนก่อนหลัง บางอย่างถ้าไม่มีจ่ายก็จะโดนยึดบ้าน แต่อีกใจก็คิดว่าหรือจะจ่ายบัตรก่อนเพราะเรื่องของดอกเบี้ย ไม่ค่อยรู้เรื่องทางการเงินเท่าไหร่ค่ะ(ทั้งบ้านเลย) แม่ไม่ค่อยบอกด้วยว่าทำอะไรไว้บ้าง รอบิลเรียกมาเรื่อยๆ ยังไงควรจะระงับบัตรเอาไว้ก่อนใช่มั๊ยคะ แล้วหนี้บัตรยังสามารถผ่อนชำระอยู่ได้หรือเปล่าคะ ขออนุญาตถามต่อนะคะ เรื่องผู้จัดการมรดก จำเป็นต้องจ้างทนายหรือเปล่าคะ ถ้าให้คนในครอบครัว(พ่อ)ขอเป็นผู้จัดการมรดกเลยได้หรือเปล่า หรือควรจ้างคนที่เป็นงานมากกว่าคะ จากคุณ : nearlymorning เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 19:46:17

ความคิดเห็นที่ 14 พวกบัตรต่างๆ เป็นหนี้ส่วนบุคคลครับ เมื่อเสียชีวิตลง ทายาทไม่ต้องรับผิดชอบครับ แต่ถ้าผู้เสียชีวิตมีมรดก ผู้รับมรดกชำระเท่าที่ มรดก - หนี้ครับ เช่น มีหนี้ 100000 ได้รับมรดก 150000 ก็ชำระ 100000 แต่ถ้า มีหนี้ 100000 ได้รับมรดก 70000 ก็ำชำระแค่ 70000 ครับ เราไม่จำเป็นต้องชำระหนี้ส่วนที่เหลือครับ แต่ถ้าคุณจะชำระก็สามารถทำได้ครับ จากคุณ : Tanooki เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 20:45:39

ความคิดเห็นที่ 15 ขออนุญาตถามต่ออีกนะคะ สมมติว่าได้รับมรดกรวมหนึ่งล้าน หนี้ธนาีคาร1(จำนองบ้าน) - ห้าแสน หนี้ธนาคาร2(ไฟแนนซ์รถ) - ห้าแสน หนี้บัตรเครดิต - สามแสน หนี้บัตรเงินด่วน - สองแสน หนี้ทั้งหมดเกินมรดกทั้งหมด แบบนี้ต้องทำอย่างไรคะ จะเลือกชำระหนี้อย่างไร จากคุณ : nearlymorning เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 20:55:24

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้ามีเงินช่วยจากการเสียชีวิตพวกสวัสดิการประกันสังคมไรเงี้ย ผมแนะนำ ให้ชำระ หนี้บัตรเครดิตกับ  หนี้บัตรเงินด่วนก่อนครับ เพราะดอกแพงม๊ากกก หนี้บ้านก็จ่ายเท่าเดิมไปครับ ดอกไม่แพง หักภาษีได้ด้วย ส่วนรถ ถ้าผ่อนไม่ไหว ไม่จำเป็นก็ขายรถ ไปปิดเลยก็ได้ครับ ปล ผมว่าลองเข้าไปคุยกับแบงค์ น่าจะแนะนำได้ดีกว่านะครับ เผลอๆ มีลดดอกเบี้ย   ^ ^ จากคุณ : peboybad เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 21:15:50

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องผู้จัดการมรดก ถ้าคุณแม่ของคุณมีภูมิลำเนา (ดูทะเบียนบ้านหรือตามที่ระบุในมรณบัตร) อยู่ในเขตศาลไหน ต้องไปขอตั้งผู้จัดการมรดกที่ศาลนั้น เดี๋ยวนี้ศาลในกทม. มีแผนกดูแลเรื่องการร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก คุณสามารถไปถามที่ประชาสัมพันธ์ได้ จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล โดยคุณสามารถกรอกเอกสารคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกเองได้ และจัดเตรียมเอกสารเช่น มรณบัตรของคุณแม่ ทะเบียนบ้านของคุณแม่ บัญชีเครือญาติ (เพื่อแสดงว่าคุณแม่มีทายาทคือใครบ้าง) รายการทรัพย์สินที่มี (แสดงซัก 1 อย่างก็ได้)   แล้วเจ้าหน้าที่จะช่วยทำคำเบิกความไว้ให้  เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมและได้วันนัดจากศาล คุณก็หอบเอกสารไปศาล ศาลถามอะไรก็ตอบไป   เช่น มีเหตุขัดข้องอะไรในการจัดการมรดกของผู้ตาย คุณก็ตอบไปว่า ไปติดต่อที่ที่ดินแล้วเค้าไม่ยอมให้โอนที่ดินของแม่เป็นของทายาท ให้มาตั้งผู้จัดการมรดก่อน เป็นต้น ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกคือ ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของคุณแม่ ในที่นี้คือ คุณพ่อคุณ และลูกๆของคุณแม่ทุกคน เลือกมาคนใดคนหนึ่ง ให้เป็นผู้จัดการมรดก ไม่จำเป็นต้องจ้างใครมาเป็นผู้จัดการมรดก  มีบางกรณีที่ใช้คนนอกเป็นผู้จัดการมรดกเหมือนกัน เช่น บางคนมีมรดกเยอะมาก ลูกหลานก็เพียบ เดี๋ยวตีกัน เลยเอาคนนอกเข้ามาเป็นผู้จัดการมรดกก็มี แต่ทั่วๆไปแล้วก็ใช้ลูกหลาน สามีถริยา หรือพ่อแม่ของผู้ตายนะแหละ และ้ถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำเรื่องตั้งผู้จัดการมรดกเองเป็นหรือไม่  จะจ้างทนายก็ได้ ค่าทำเรื่องน่าจะไม่เกินหมื่น เค้าก็จะเขียนคำร้อง จัดเอกสาร เตรียมนั่นนี่แล้วก็พาคนที่จะเป็นผู้จัดการมรดกไปศาล ทำให้เสร็จจนได้คำสั่้งตั้งผู้จัดการมรดกมาจากศาล ผู้ทีเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ก็มีอำนาจจัดการมรดกผู้ตาย เช่น โอนทรัพย์สินของผู้ตายเป็นของทายาทตามสิทธิที่แต่ละคนมี หรือตามที่ทายาทตกลงกันเป็นต้น แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 55 21:47:11 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 55 21:45:44 จากคุณ : Volksrecht เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 21:45:28

ความคิดเห็นที่ 18 ทางธนาคารจะมาหักจากมรดกเองครับถ้าไม่มีก็ไม่ต้องจ่ายก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ก้จะจ่ายไปเพื่อไม่ให้พ่อแม่มีกรรมกันอะครับ จากคุณ : Define เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 22:31:36

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องจัดการมรดกถ้าจ้างทนายความสำนักงานธรรมดาทั่วไป ไม่เกินหมื่นนึงครับ ถ้าไม่สะดวกจ้างทนายความ เราสามารถไปปรึกษานิติกรที่ศาลได้เลยครับ แต่เราต้องเตรียมเอกสารไปให้นิติกรดูด้วยครับ เอกสารหลักๆ ก็จะมี ใบมรณะบัตร สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อผู้ตาย เอกสารแสดงรายละเอียดทรัพย์สิน เช่น สมุดบัญชีเงินฝาก โฉนดที่ดิน เป็นต้น (ไม่ต้องเอาไปหมดทุกรายการก็ได้ครับ เอาไปซัก 2 - 3 รายการก็ได้ เพราะคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดก มีผลต่อทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย แม้มิได้มีการแสดงต่อศาลครับ) โดยนิติกรจะดูเอกสารแล้วร่างคำร้องขอจัดตั้งผู้จัดการมรดกให้ครับ แล้วเวลาขึ้นศาล ถ้ามิได้มีการแต่งตั้งทนายความ ศาลจะเป็นผู้ถามคำถามเราเองครับ  ไม่มีอะไรยุ่งยากครับ  ส่วนศาลที่จะไปร้องขอจัดตั้งผู้จัดการมรดก ดูจากทะเบียนบ้านที่มีชื่อผู้ตาย ว่าอยู่ เขต หรืออำเภอไหน ก็ไปยื่นเรื่องที่ศาล มีที่เขตอำนาจครับ  ยกตัวอย่างเช่น ผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่เขตบางบอน จะต้องไปยื่นเรื่องที่ศาลแพ่งธนบุรีครับ  จะไปยื่นศาลอื่นไม่ได้ครับ เพราะเป็นเรื่องที่กฎหมายกำหนดไว้ครับ   ส่วนเรื่องหนี้ ทายาทรับผิดในหนี้ไม่เกินมรดกที่เราได้ครับ สมมติได้รับมรดก 1 ล้าน  ผู้ตายมีหนี้ 2 ล้าน ผู้รับมรดกก็รับผิดในหนี้ไม่เกิน 1 ล้านครับ แต่ถ้ากรณีผู้ตายไม่มีทายาท แล้สไม่มีการทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แก่ผู้ใด ทรัพย์มรดกจะตกเป็นของแผ่นดินครับ   หมายเหตุ ถ้ามีอะไรสอบถามเพิ่มเติม หลังไมค์ได้ครับ ถ้าผมตอบได้จะช่วยตอบให้ครับ จากคุณ : ข้าวเหนียวสังขยากลิ่นชาเย็น เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 00:26:46