ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่เคยเล่นเทคนิคนะครับ  แต่ขอคาดว่าเทคนิคทั้งหลายใช้หลักสถิติและความน่าจะเป็นเข้ามาจับ  เมื่อใช้หลักความน่าจะเป็นมันก็มีโอกาสถูกและผิดในอัตราส่วนต่างๆกันครับ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น  ผมมองว่าจะใช้เทคนิคให้ได้ประโยชน์นั้นต้องศึกษาเทคนิคต่างๆและประยุกต์ใช้มาเป็นของตัวเองให้ได้ครับ(รวมถึงต้องไม่เผยแพร่ออกไปมากด้วย)  เพราะถ้าคนใช้เทคนิคนั้นๆมากพอ  เทคนิคนั้นก็จะไม่มีความหมายอีกต่อไปครับ ถ้าไม่อย่างนั้นตั้งโปรแกรมไปเลยก็ได้ครับว่า  เส้น 5,10 ตัดเส้น 50 ขึ้นมาซื้อ  ตัดลงมาขาย RSI มากกว่าเท่านี้ๆซื้อขาย  สุดท้ายก็ไม่มีใครออกมาทำอย่างนั้น  จริงๆก็ใช้เทคนิควาดกราฟดูด้วยและใช้เทคนิคของแต่ละคนบางอย่างร่วมกันด้วย สุดท้ายหุ้นไม่ใช่แค่ค่าตัวเลขต่างๆกับตัวอักษรบนคอมนะครับ  มันมีจิตวิทยามวลชนและคนทำงานอยู่จริงๆ  ฉะนั้นผมว่าแค่ลากกราฟหรือเอาตัวเลขมาทำอะไรกันสักอย่างไม่พอครับ  ต้องมีการวิเคราะห์อย่างอื่นด้วย จากคุณ : เขียนบน iPad (nasunap) เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 01:27:40

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ได้ดูแค่กราฟตัดขึ้นตัดลง หรือใช้แค่บางเครื่องมือประกอบการตัดสินใจ  แต่ดูภาพรวมทั้งหมดที่บอกมาเพื่อตัดสินใจร่วมกัน  โดยหลักๆ จะดู trend line, ema, macd, และ volume เป็นตัวตัดสินใจหลักครับ  แต่ก็ยอมรับว่าจิตวิทยามวลชนอย่างที่ว่าก็มีผลด้วยจริงๆ (อ้อ เสริมอีกนิด  เวลาซื้อขายผมมักมีความลำเอียงส่วนตัวปนมาอยู่ด้วยล่ะ  รู้ว่ามันไมดี) จากคุณ : ไม่หล่อแต่เซ่อ เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 03:33:10

ความคิดเห็นที่ 3 สิ่งสำคัญในการใช้อินดิเคเตอร์ต่างๆคือ "คุณดูมันด้วยวิธีไหน" มากกว่าครับ ถ้าคุณดูสัญญาณตามตำรา ส่วนมากจะไม่ทันรับประทานนะครับ จากคุณ : Tactical Way เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 04:06:14

ความคิดเห็นที่ 4 นอกจากเทคนิคแล้ว สิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างคือ แทคติก หรือวิธีการเข้าตีครับ คุณต้องมีทั้ง2อย่างประกอบกัน ถึงจะรอด จากคุณ : Tactical Way เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 04:08:41

ความคิดเห็นที่ 5 ที่ผมเข้าใจก็คือ 1. technics ต่างๆต่อให้รวมกันก็ไม่มีทางแม่น 100%  เพราะมันเป็นความน่าจะเป็นและหลักการทางสถิติ  ต่อให้นักเทคนิคอันดับ 1 ของโลกมาเล่นอย่างไรก็มีโอกาสผิด  ฉะนั้นอย่างไร จขกท ก็มีโอกาสผิดครับ 2. สมมติ จขกท มี indicator 4 ตัว  จขกทก็ set ไปเลยก็ได้ครับว่า ถ้า indicator ตัวที่ 1(สมมติเป็น rsi) ร่วมกับ ตัวที่2(เป็น ema จะเซทเป็นวันไหนตัดวันไหนก็ว่าไป) ตัวที่3 แนวรับแนวต้าน  ตัวที่ 4 macd ถ้ามี buy signal เกิดจาก 3 ใน 4 ตัวให้ทำการขาย  หรือต้องมีทั้ง 4 ตัวถึงจะขาย  แล้ว set เป็น auto ไปเลย  ทีนี้นอกจากจะลด bias ได้แล้ว  จะยังทำให้การซื้อขายฉับไวอีกด้วย  แต่ก็ไม่มีใครทำครับ  ต่อให้มันส่งสัญญานครบทุก indicator ก็ตามที  เพราะมันก็ยังมีโอกาส error และมันต้องใช้ข้อมูลอื่นวิเคราะห์ด้วยครับ(ตัวเลขและกราฟอย่างเดียวไม่เพียงพอ  ถ้าเล่นตามสัญญานใดๆอย่างเดียวให้คอมจัดการก็ได้ครับ) 3. ถ้าวันนึงมีเทคนิคอะไรสักอย่างที่ใช้ได้ 100% ขึ้นมา(หรือเกือบๆก็ยังดี)  วันนั้นจำเป็นจะต้องมีคนรู้ให้น้อยที่สุด  เพราะถ้ามีคนรู้เยอะๆ  ทุกคนจะทำกำไรในตลาดได้หมดซึ่งเป็นไปไม่ได้  เช่น indicator ต่างๆ ณ ตอนนี้ คุณก็รู้  กองทุนก็รู้(แต่ผมไม่รู้นะ) เจ้าก็รู้  เจ้าสามารถค่อยๆสร้างกราฟแบบที่ไม่ถูก indicator ใดๆจับได้แล้วทุบอย่างโหดร้ายได้เสมอ  เพราะเจ้ารู้เทคนิคต่างๆเท่าๆกับรายย่อย   ดังนั้นผมจึงมองว่า  ถ้าจะเป็นสายเทคนิคชั้นยอด  ต้องเรียนรู้เทคนิคที่จำเป็นจำนวนมาก  เข้าใจและสร้างสูตรเฉพาะของตัวเองขึ้นมา  และต้องบอกต่อเพียงในวงแคบครับ จากคุณ : เขียนบน iPad (nasunap) เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 04:15:18

ความคิดเห็นที่ 6 ขอแชร์เทคนิคส่วนตัวที่ใช้ คือ อย่างแรก มอง pattern  ให้ออก เพราะแต่ละ patternมีจุดให้เข้าซื้อ และขาย ทำให้เราเตรียมตัวเล่นได้ง่ายขึ้น ดููเทรน ของกราฟตัวนั้นๆ ต้องรู้แนว รับ แนวต้าน เพื่อเป็นทางหนีทีไล่ และสุดท้าย รูปแบบแท่งเทียน เป็น สัญญาณเข้าซื้อ หรือ ขาย ที่ใช้มีแค่นี้ ส่วนอินดี้ ใช้แค่ rsi เพื่อดู สัญญาณ divergence และ ภาวะการเป็น bullish/bearish จากคุณ : applepie life เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 07:16:21

ความคิดเห็นที่ 7 ในตลาดยังไม่มีนักเทคนิกไหนประสบความสำเร็จเท่าคนที่ดูงบการเงินเป็นหลัก จากคุณ : ไก่อลาสก้า เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 08:23:41

ความคิดเห็นที่ 8 หัวข้อใหญ่ๆ -Fundamental Analysis -Technical Analysis -Trading Strategies, Money Management -Trading Psychology น่าศึกษาให้มีความรู้หลากหลาย เพื่อสร้าง Trading System ของตัวเอง จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 08:25:03

ความคิดเห็นที่ 9 ดูเยอะหรือน้อยไม่ใช่สิ่งสำคัญ สำคัญที่ว่า คุณเข้าใจ "เครื่องมือ" ที่คุณดูมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ถึงแม้ใส่เยอะแยะก็ไม่ช่วยอะไร เครื่องมือทุกตัวมีทั้ง "ข้อดี" และ "ข้อเสีย" ถ้าถามว่า ทำไมซื้อแบบเทคนิคแล้วไม่ได้กำไร ประเด็นมันอยู่ที่ คุณใช้เครื่องมือถูกตัวหรือเปล่า หรือเรียกว่า "ใช้ถูกที่ ถูกเวลา" หรือเปล่านั่นเอง และการเข้าใจเครื่องมืออย่างถ่องแท้ จะทำให้โอกาสถูกมากกว่าผิด เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น คุณต้องกลับมาทำการบ้านใหม่ว่า เพราะอะไรมันถึงผิด ผิดที่เราไม่เข้าใจเครื่องมือ ผิดเพราะใช้เครื่องมือไม่ถูกประเภท ผิดที่กลยุทธ์ไม่เหมาะสมกับตัวเองหรือเปล่า ถ้าคุณคิดว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคมันง่ายเหมือนในหนังสือที่เขาบอกเรานั้น นั่นแสดงว่าทุกคนที่ใช้เทคนิคต้องได้กำไร แต่ความเป็นจริงแล้วคงไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าต้องมีอะไรที่หนังสือมันไม่บอกเรา เพราะฉะนั้น คุณต้องหมั่นเรียนรู้ ฝึกฝนบ่อยๆ การฝึกฝนบ่อยๆ ทดลองบ่อยๆ จะทำให้เรามีประสบการณ์ และประสบการณ์ที่มีจากตัวเองมันดีกว่า ประสบการณ์ที่มาจากการเล่าจากผู้อื่นแน่นอน จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 08:27:40

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ nasunap ไม่เคยเล่นแบบเทคนิค แต่เข้าใจการลงทุนแบบเทคนิคมากกว่าหลายๆคนที่เล่นเทคนิคอีกนะเนี่ย อิอิ.. คห. 5 1. เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ 2. อย่างน้อยๆ มีผม 1 คนครับ Program เขย่าอะไรออกมา ก็จิ้มตามนั้นแหละครับ :D 3. เมื่อคนรู้มากขึ้น Return ก็จะลดลงครับ ลดลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่น่าจูงใจ และ เลิกใช้กันไป ก็อาจจะทำให้ model นั้น กลับมาใช้ได้อีกก็เป็นได้ครับ โดยปกติ หลายๆ model trade จะมีลักษณะที่ไม่ถูกใจคนส่วนใหญ่ เช่น % win ต่ำ จะขาดทุนบ่อย เลยเป็นสาเหตุให้ model trade นั้น อาจจะยังคงอยู่ได้ครับ การลงทุนไม่ว่าสาขาใด ก็ต้องใช้เวลาลงทุน + ฝึกฝนเป็นปีๆ กว่าจะเข้าใจ โลกการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ไม่ง่ายอย่างที่คิด อาจจะโหดร้ายมากกว่าด้วยครับ ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : Unsign เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 08:28:39

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเล่นดูกราฟอย่างเดียว ผมก็คงรวยไปนานล่ะ ต้องเอาหลาย ๆ ปัจจัยมารวมกันด้วย จากคุณ : eakaphan เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 08:31:49

ความคิดเห็นที่ 12 + Indicator เท่าที่บอกมาผมว่าเยอะแล้วครับ...เห็น Trader ระดับโลกเขา ใช้กันแค่ 1-2 ตัวก็ทำกำไรได้แล้วครับ จากคุณ : Toey_Goragot เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 09:11:39

ความคิดเห็นที่ 13 ผิดกระทู้ แหะ ๆ แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 55 10:21:03 จากคุณ : Fsmoothdood เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 10:19:42

ความคิดเห็นที่ 14 ขาขึ้นเม่าบอกเทนนิคเน่าสู้VI ไม่ได้ รอดูขาลง VI ติดดอย เหลือแต่เตี่ยว จากคุณ : por_sas_a เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 12:22:52

ความคิดเห็นที่ 15 overbought แปลว่าจะขึ้นอีกและขึ้นอีก เชื่อผมมั้ย ^ ^   ขอบคุณ www.mangmaoclub.com ครับ จากคุณ : มะลิ บาน บาน เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 13:13:57

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นด้วยกะ คห.5   จากคุณ : มารหุ้นแสวงพ่าย เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 13:14:39

ความคิดเห็นที่ 17 กราฟช่วยได้มากถ้าเล่นรอบหรือเก็งกำไร หลายครั้งที่มีสัญญาณหลอก ต้องจับให้ได้ อยู่ที่การฝึกฝน และเร็วพอไหมในการตัดสินใจ จขกท ยังดูไม่หมด ดูแค่นั้นไม่พอแน่นอน โดยเฉพาะช่วง sideway จะโดนหลอก จากคุณ : กู้กุ้ย เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 13:56:44

ความคิดเห็นที่ 18 เงินที่เข้า ซื้อ-ขายสร้างกราฟ -ดูแท่งเทียน (ไม่ใช้ดูแค่แท่งเดี่ยว) -ema ema ใช้เส้น 5  15  50  75  200 มากไป ลดให้เหลือน้อยที่สุด แต่ยังคงตามตลาดได้ดี -ดูการเคลื่อนไหวทั้งในภาพวีค และรายวัน ข้อนี้น้อยไป เพิ่ม timeframe -rsi ประกอบเพื่อดู overbought  oversold ok แต่ดูหลาย timeframe - ถ้าคิดว่าเห็นจังหวะหรือแนวโน้ม ไม่บ่อย (หรือทุกครั้งที่ราคาเปลี่ยนทิศ) ก็หาเครื่องมือ เพิ่มอีกหน่อย -การสร้าง เครื่องมือใหม่มาใช้ น่าจะเสียเวลามาก  เลือกเอาเครื่องมือที่คนอื่นๆคิดไว้มาศึกษา น่าเป็นทางลัดที่ดีกว่า จากคุณ : keeta2 เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 21:25:10

ความคิดเห็นที่ 19 ดูอะไร มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ style การลงทุน อ่านเยอะๆ indicator แต่ละตัวเหมาะกับการเล่น ของตัวเองหรือไม่ จากคุณ : satanone เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 11:52:18

ความคิดเห็นที่ 20 Indy ของผมที่ใช้ ADX,DI+,DI- ใช้ดู Trend ของหุ้นระยะยาว EMA ใช้ดู Trend ของหุ้นระยะสั้น Bollinger Band ใช้ดู การกลับตัวของราคา %K,%D ใช้ดูการเปลี่ยนแปลงของราคา MACD เหมือน %K,%D แต่ต่างกันในรูปของความเร็วในการบอก RSI ใช้ดูความแข็งแกร่งของราคา MOF ใช้ดูการไหลของกระแสเงินว่า Up หรือ Down OBV ดูปริมาณการซื้อ-ขายเพื่อวิเคราะห์การชี้นำก่อนเปลี่ยนราคา Fibonacci ใช้ดูแนวต้าน แนวรับ รูปแบบการเล่นเป็นแบบเล่นรอบครับ พวกกราฟแท่งกราฟราคา เคยลองแล้วครับในส่วนตัวผมคิดว่าไม่แม่นครับ ขนาดผมใช้ indy ความแม่นยำประมาณ 60-70 %  ครับ ที่เหลือคือโชค+ความเก๋าในการตัดสินใจครับ หวังว่าคงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ จากคุณ : เลวีธาร (พยัคฆ์สมุทร) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 10:29:45