ความคิดเห็นที่ 1 รออ่านครับ  ลุยเลยครับ จากคุณ : jimmykung เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 23:21:03

ความคิดเห็นที่ 2 สู้ๆครับ ไม่รู้กรณีอย่างนี้ต้องฟ้องศาลรึเปล่า เพื่อเรียกค่าเสียหาย/ชดเชย จากเหตุการณ์ที่เกิด และค่าเสียโอกาสที่จะทำอย่างอื่นอีก จัดเต็มเลยครับ... จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 23:27:41

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านแล้วปรี๊ดดดดดดด โมโหแทนจริงๆ สุดท้ายเป็นยังไง มาต่อไวๆนะคะ จากคุณ : นางฟ้าเซเลส เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 23:37:04

ความคิดเห็นที่ 4 แค่แจ้งการทำธุรกรรมทางการเงินของเราผิด เหมือนถูกหวยแล้วครับ !! แนะนำ รวบรวมหลักฐานก่อนเลยครับ !! จากคุณ : PRUEKPOOm เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 23:40:19

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไม บ บัตรเครดิตในไทย ไม่ว่าเจ้าไหน ดูเหมือนไม่พยายามช่วยลูกค้า ได้ยินบ่อยว่า ลูกค้าต้องพยายามหาหลักฐานเยอะมาก เพื่อที่จะยกเลิกการจ่ายเงินให้รายการที่ไม่ได้ทำ   ที่อเมริกา มันง่ายมากที่จะยกเลิกรายการที่ผิดปกติ หรือว่าระบบการเช็คเค้าดีกว่า คือมันง่ายจนผมคิดว่าถ้าผมจะโกงก็น่าจะได้ ไม่เห็นเค้าขอหลักฐานอะไรเลย ตามที่ผมได้ยินและเจอมาเอง  ผมรู้สึกว่า ที่อเมริกา เค้าจะคิดก่อนเลยว่าลูกค้าเป็นฝ่ายถูก ร้านค้าเป็นฝ่ายผิด  แต่ที่ไทย เหมือนกับว่าเค้าคิดก่อนเลยว่าลูกค้าเป็นฝ่ายผิด ร้านค้าเป็นฝ่ายถูก  ไม่รู้จริงมั้ย แต่ อดที่จะคิดแบบนี้ไม่ได้จริงๆ จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 23:46:51

ความคิดเห็นที่ 6 1 VOTE จากคุณ : Zambrotta เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 01:16:38

ความคิดเห็นที่ 7 บัตร Central มันชุ่ยตั้งแต่เรื่องรับสมัครแล้วครับ การบริการก็แย่มาก ผมสมัครบัตรไม่ผ่าน เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโทรไปที่ทำงานที่เบอร์ต่อแล้วไม่มีคนรับสายที่โต๊ะแค่ครั้งเดียว ผมลาขาด ตอนผมขอให้เราสมัครก็มาง้อเราซะดิบดี แต่ตอนปฎิเสธ ยังกะเราไปง้อขอบัตรมหาเทพของท่าน แถมดูจากเรื่องนี้ ยังทำชุ่ยๆกับลูกค้าีอีก ถ้ามาเกิดกับผม ผมจ้างทนายฟ้องเลย เรื่องทำให้เราเสียเครดิต จากคุณ : Everclear เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 01:18:18

ความคิดเห็นที่ 8 นี่งัย ถึงไม่กล้ามีบัตรเครดิตที่ไทย กฎหมายไทยยังอ่อนเกินไป ฝั่งยุโรป เวลาจะรูดบัตรต้องรูดพร้อมกับID ไม่ก็passport ที่ไทยแม้แต่ลายเซ้นยังไม่เคยดูด้วยซ้ำ สรุป ใครจะเอาไปรูดก็ได้ ยิ่งเวลาเกิดปัญหา ลูกค้าเท่านั้นที่คอยหาหลักฐานเอง ทุกวันนี้เรามีบัตรเครดิตที่ต่างประเทศเท่านั้นค่ะ มั่นใจระบบมากกว่า สบายใจด้วย จากคุณ : loVeLyAnGel เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 01:20:51

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ katimini เช็คกล่องข้อความด้วยนะคะ ^^ โชคดีค่ะ จากคุณ : แกะน้อยนักเดินทาง เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 01:54:38

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นกำลังใจให้ครับ  เรื่องนี้ต้องสู้  เพื่อปกป้องสิทธิ ของตัวเอง (เป็นเรื่องของการไม่รับผิดชอบของคนและเห็นแก่ได้ มีให้เห็นบ่อยถึงบ่อยมากๆ) จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 07:11:43

ความคิดเห็นที่ 11 ภรรยาผม ก็สมัครเซ็นทรัลคาร์ดไม่ได้ครับ เพราะครั้งแรก ยื่นสำเนาสมุดธนาคารให้ช้า คิดว่าไม่มีปัญหา เลยไม่ผ่าน ก็คิดว่าเป็นความผิดของเราเอง แต่พอสมัครครั้งที่สอง ยื่นครบแต่ไม่อนุมัติครับ ทั้งที่เธอมี วงเงินบัตรแพลตตินั่ม scb 1,000,000บาท คะแนนกว่า 500,000 ครับ ใช้จ่ายไม่น้อย แต่ไม่ยอมไปซื้อของ  หรือ เดินช็อบปิ้งในเซ็นทรัลอีกเลย จากคุณ : โปรเตโต้ (drprotato) เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 08:49:40

ความคิดเห็นที่ 12 .....ปกติไม่ค่อยชอบห้างเซนทรัลอยู่แล้ว เลยไม่สนใจบัตรเครดิต central card ด้วย รู้สึกว่า เอาแต่ได้มากเกินไป ไม่จริงใจกับลูกค้า จึงเป็นห้างที่ผมกับแฟนเดินเล่นอย่างเดียว ซื้อของก็ไปเดอะมอลล์เท่านั้น แพงกว่าก็ยังซื้อ บัตรเครดิตที่ดีของผมก็คือบัตรที่ไม่มาวุ่นวายกับลูกค้ามากอย่างของแบงค์กรุงเทพก็ดี ติดขัดอะไรขอได้หมด      ผมยกตัวอย่างกรณีแบงค์เขียวนะครับ คือผมมีบัตรเครดิตของเขาอยู่แล้ว แต่ระหว่างนั้นก็มีตัวแทนของแบงค์ โทรมาชวนทำบัตรอีก กว่า 30 ครั้ง ตลอดเวลา  ปีกว่าๆ แจ้งผ่าน call center ไปหลายครั้ง ก็ยังเหมือนเดิม จนสุดท้ายต้องแจ้งยกเลิกบัตรไปเลย ถึงมี จนท.ฝ่ายบริหารโทรมาขอโทษ และรับปากว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่สุดท้ายก็ยังมีคนโทรมาชวนทำบัตรอีก เพียงแต่ความถี่น้อยลงเท่านั้น  นี่ก็เป็นตัวอย่างเรื่องการจัดการข้อมูลของลูกค้าที่ผมมองว่าแย่มาก     กรณีของคุณ คงไม่มีคนตามเรื่องแบบจริงจังให้ ต้องตามที่ระดับบริหารแล้วครับ เพราะเขาโยนกันไปมา เอาใจช่วยครับ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 08:15:38 แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 10:44:45 จากคุณ : พ่อเฉาก๊วยกะแม่เปียกปูน เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 08:52:29

ความคิดเห็นที่ 13 ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกความเห็น และแรงกำลังใจจากทุกท่านมากๆ นะค่ะ ตอนนี้กำลังใจดีขึ้นเยอะเลย เอาเป็นว่าขอเล่าต่อนะค่ะ แล้วคุณจะยิ่งเห็นเข้าไปอีกว่าการบริการของ Central Card มันแย่ๆ ๆ และทำให้คนที่เคยเป็นลูกค้าที่ดีของเขาเองต้องกลายเป็นคนที่มีความผิด เสียโอกาสทำธุรกิจ และเสียสุขภาพจิตแค่ไหน เชิญทุกท่านติดตามกันต่อเลยค่ะ ตอนนี้ดิฉันและครอบครัวได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย และกำลังจะเริ่มทำธุรกิจหลายๆ อย่าง อย่างแรกเริ่มที่ e-commerce ซึ่งต้องใช้บัตรเครดิตเข้ามา support เลยสมัครสินเชื่อบัตรเครดิตไปแบงค์ SCB เมื่อต้นกุมภาที่ผ่านมา เนื่องจากดิฉันยังไม่มีเงินเดือน และยังไม่รายได้ แต่มีสลากออมสิน และเงินฝากประจำ ไปการันตี ซึ่งทาง SCB ยอมรับ เอกสารเหล่านี้แทนการมีเงินเดือน สองอาทิตย์ผ่านไปได้รับการปฏิเสธการให้สินเชื่อกลับมา โดยแจ้งว่าจากการตรวจสอบฐานข้อมูลเครดิตของเรา ทางเขาไม่สามารถให้สินเชื่อได้ ให้ดิฉันไปติดต่อขอตรวจสอข้อมูลเครดิตกับเครดิตบูโร ดิฉันนึกในใจ เอาแล้วไม่อยู่เมืองไทยทั้งนานมีใครแอบอ้างชื่อเราไปทำบัตรเครดิตอีกเนี่ย แล้วทำข้อมูลเราเสีย (เรื่องมันมีให้เคยปวดหัวมากๆ สำหรับคนซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างดิฉันจะเรียกว่าซวยซ่อนเงื่อนแล้วก็ได้ค่ะ เรื่องโดน Blacklist บัตรเครดิตอย่างดิฉัน เพราะประมาณปี 2001 เคยซวยมาแล้วรอบหนึ่งค่ะ ครั้งนั้นเจอ blacklist จากแบงค์ 2 none bank อีก 3 โดยที่ไม่เคยไปสมัครอะไรกับมันไว้เลย มารู้อีกทีก็ตอนไปขอสินเชื่อจะซื้อของเข้าบ้านแหละค่ะ ว่าติด blacklist พอไปเช็คที่เครดิตบูโรเจอบานเลย หนี้ตอนนั้นเป็นแสนๆ ด้วย ตอนนั้นก็ทำตามขั้นตอน คือปฏิเสธการชำระหนี้ไปกับเครดิตบูโรๆ เขาก็ตรวจสอบไปให้แต่ละสถาบันการเงิน ของแบงค์เคลียร์เร็วมาก เขาถอน Blacklist ออกไปให้เลย แต่ none bank ดิฉันต้องเหนื่อย เดินทางไปแต่ละออฟฟิศ แล้วก็ดูเหมือนจะให้เรารับผิดชอบหนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ได้เห็นลายมือผู้สมัคร ก็ไม่ใช่ของเรา ที่ทำงานก้ไม่ใช่ ที่ส่งใบแจ้งหนี้ก้ไม่ใช่ มีแต่สำเนาบัตรประชาชนที่เป็นของเรา เมื่อก่อนดิฉันไม่เคยเขียนในสำเนาว่าใช้ทำอะไร เลยตอนนั้นรุ้แล้วว่าต้องระวังแม้แค่สำเนาบัตรมันยังเอาไปทำกันได้ขนาดนี้ คนทำก็ว่าแย่แล้วนะ แต่บริษัทที่ให้บัตรมันแย่กว่า เพราะพวกคุณรับเอกสารการสมัครกันง่ายเหลือเกิน ตอนนั้นกว่าพวก none bank จะถอนข้อมูลออกจากเครดิตบูโรให้ก็เกือบประมาณสามเดือนที่ดิฉันต้องเสียเวลากับพวกมัน แถมยังเจอพูดไม่ดี ไม่สุภาพกับเราอีก คิดแล้วมันน่าเจ็บใจมากๆ นี่แหละค่ะ none bank ทั้งหลาย ถ้าทำบัตรเครดิตทำกับทางแบงค์ดีกว่าค่ะ ยังไงติดต่อเจ้าหน้าที่ง่ายกว่าแน่น่อน  ตอนนั้นเครดิตที่ดีก็กลับมามีเหมือนเดิม) กลับมาเล่าต่อ หลังจากที่ตรวจสอบแล้วก็เจอมี blacklist 1รายการ จากทาง จีซีเอสนั่นเอง เวลา 5 ปีไม่ได้รับใบแจ้งหนี้ บ้านหลังที่เขาส่งเอกสารไปให้ไม่มีใครอยู่มาหลายปี แต่พี่สาวก็เข้าไปดู mail boxอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เห็นใบแจ้งหนี้จากทางเขา ทางเราก็เลยคิดว่าเรื่องจบไปแล้วตั้งแต่ครั้งนั้น โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเราติดแบลคลิสต์อยู่ตั้งห้าปีแล้ว สุดท้ายดิฉันทำตามขั้นตอนอีกครั้ง ปฏิเสธหนี้ตัวนี้ที่เครดิตบูโร พร้อมให้หลักฐานยืนยัน และได้ติดต่อ GCS เข้าไปด้วย ทางเขาก็บอกว่ายังไม่มีข้อมูลยกเลิกบัตรของดิฉัน ยังดีนะค่ะที่เอกสารยังมีเก็บไว้อยู่กับกล่องพวกของสะสม คราวนี้ดิฉันขอไม่ส่งแฟกซ์ ขอส่งทางอีเมลล์ (กว่าจะบังคับเอาอีเมลล์ เอดเดรสมาได้ ต้องใช้คำขู่อยู่นิดๆ เหมือนกัน ว่าถ้าไม่ให้จะไป ส.ค.บ.) พอเขาได้รับใบยกเลิกของเราไป กลับมาบอกว่า เรายังไม่ยกเลิก CAWOW พวกคุณดูแล้วกันค่ะ คนเรายังไงก็จะไม่รับผิดดิฉันเลยบอกว่าถ้าสมมุติดิฉันยังไม่ได้ยกเลิก CAWOW แต่บัตรปิดไปทั้งนานแล้ว นั่นหมายถึง ดิฉันไม่ได้เป็นลูกค้าของคุณแล้ว เพราะฉะนั้นตามหลักสามัญสำนึก (ง่ายๆ เลย) คือ ถ้าบัตรปิดแล้ว CAWOW  เขาจะเรียกเก็บทางบัตรไม่ได้ ถ้าเขาต้องมาเรียกเก็บ ต้องมาเรียกกับดิฉันถูกไหม เขาคงเถียงไม่ขึ้น เลยสุดท้ายเขาปรับปรุงบัญชีของดิฉันเป็นศูนย์ และปิดบัญชีไป ทางเราก็โล่งอก เสร็จเสียที่ เสียเวลากับเรื่องนี้แทบจะไม่มีเวลาทำมาหากิน แถมเสียสุขภาพจิตอีก หลังจากนั้นก็ทำเรื่องขอสินเชื่อบัตรเครดิตไปอีกครั้ง ระหว่างขอนั้น ก็มีหนังสือจากเครดิตบูโร แจ้งฐานข้อมูลเครดิตของดิฉัน ณ. ปัจจุบันเข้ามา ปรากฎว่ายอดค้างชำระไม่มี แต่ฐานข้อมูลที่เสียนี่จะยังปรากฎในฐานข้อมูลอยู่อีกสามปี มันก็ยังมีปัญหากับการขอสินเชื่ออยูดี แถมเราต้องมาเสียชื่อเสียง โดยที่เราเองรักษาเครดิตดีมาตลอด ดิฉันจึงเขียนคำโต้แย้งกลับคืนไป เครดิตบูโรเขาก็นำคำโต้แย้งไปใส่ไว้ให้ในฐานข้อมูล แต่คำโต้แย้งของดิฉันไม่เป็นผลสำหรับการพิจารณาสินเชื่อ ดิฉันโดนปฏิเสธการให้สินเขื่อมาอีกรอบค่ะ ทางจีซีเอส ยังให้ข้อมูลแบบมั่วๆ ไว้ในฐานข้อมูลเครดิตของดิฉันว่าดิฉันมีการใช้ยอดนั้นจริง และมีคำคลุมเครืออีกมากมาย อันนี้แหละค่ะถ้าสถาบันการเงินเขาไม่ทราบรายละเอียดพอ เขาก็จะคิดว่าดิฉันผิดชำระหนี้กับ GCS จริงๆ เลยเขาถึงไม่ให้สินเชื่อกับดิฉัน ดิฉันจะขอชี้แจงให้ท่านทั้งหลายพิจารณาดูข้างล่างนี้นะค่ะ ดิฉันสมัครเล่นฟิตเนสกับ CAWOW เป็นสมาชิกประเภทเฉพาะดือน  โดยตอนนั้นแจ้งเจ้าหน้าที่แล้วว่าต้องไปต่างประเทศ จึงขอเล่นแค่เดือนเดียว และจ่ายเงินสดเลยก็ได้ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าทางนโยบายต้องตัดค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต แล้วดิฉันค่อยยกเลิกการใช้บริการทีหลัง ดิฉันใช้บริการของ CAWOW ตั้งแต่ 11 ก.พ. จนถึง 11 มี.ค. ได้ทำการยกเลิกบริการก่อนวันสุดท้ายที่ใช้บริการ แต่จำไม่ได้ว่าวันไหน เพราะนานมากแล้วค่ะ และก็ไม่มีเอกสารการยกเลิกตัวนี้อยุ่ในมือ แต่มีเอกสารที่สมัครอยู่ เลยทราบว่าเราใช้บริการตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ ในใบสมัครบอกว่าจะหักค่าบริการผ่านบัตรทุกวันที่ 15 ของเดือน เพราะฉะนั้น CAWOW จะเรียกเก็บค่าใช้บริการของดิฉันไป 15 มี.ค. บัตรเซ็นทรัลยกเลิกเมื่อวันที่ 19 มีนา เพราะฉะนั้นยอดที่ดิฉันชำระก่อนการปิดบัตรทั้งหมดในวันนั้น  ก็จะมีชำระส่วนของ CAWOW ไปแล้ว วันที่ 9 เมษา ดิฉันเดินทางไปต่างประเทศ ประมาณปลายเดือนเมษามีใบแจ้งหนี้มาเรียกเก็บ ซึ่งมียอดของ CAWOW เรียกเก็บมาวันที่ 12 เมษา ยอดหนี้ก็จะเป็นการใช้บริการของ 12 มี.ค – 12 เมษา ซึ่งดิฉันไม่ได้ใช้บริการแล้ว แต่ความผิดพลาดของบริษัททั้งสองก็คือ ไม่ได้ยกเลิกการใช้บริการของดิฉันออกไปเลย พอทาง CAWOW เรียกเก็บเข้าไป GCS ก็จ่ายให้อย่างสนุกสนาน แล้วสุดท้ายความผิดพลาดทั้งหลายก็โยนมาให้ดิฉันรับผิดชอบ มันไม่ยุติธรรมเลยใช่มั้ยค่ะ ดิฉันกลับมาเมืองไทย ก็ต้องทำมาหากิน การทำธุรกิจทุกอย่าง  เราต้องใช้เครดิตของเราด้วย เพราะฉะนั้นดิฉันคงมานั่งรอให้ข้อมูลที่เสียในฐานข้อมูลเครดิตของดิฉันหายไปอีกสามปีไม่ได้แน่นอน ดิฉันจึงไปพี่งศาลขอความยุติธรรม แต่มันก็จะยุ่งยากไม่ใช่น้อย พยายามติดต่อ GCS เพื่อให้ถอนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนั้นออกไปเสีย แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ เพื่อนของดิฉันจึงแนะนำให้มาโพสต์ลงใน Pantip เผื่อทางเจ้าหน้าเขาจะเห็นและติดต่อมา และจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคท่านอื่นๆ ด้วย ตอนนี้ดิฉันได้ทำการบันทึกเรื่องไว้ที่ศาล แต่ยังไม่ฟ้องร้อง เพราะถ้าทาง GCS ดำเนินการแจ้งให้เครดิตบูโรลบฐานข้อมูลมี่ไม่ถูกต้องของดิฉันเสีย ทุกฝ่ายก็จะไม่ต้องมาเสียค่าใช้จ่าย และเสียเวลากันไปมากกว่านี้นะค่ะ (อันนี้รู้สึกว่าดิฉันนี่แหละค่ะที่ต้องเสียเวลา ค่าใช้จ่าย เสียโอกาสทางธุรกิจ และเสียสุขภาพจิตอยู่คนเดียว) นอกจากยื่นเอกสารไว้ที่ศาลแล้ว ยังดำเนินการขั้นตอนสุดท้ายไปที่คระกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตที่แบงค์ชาติด้วยค่ะ ถ้าสุดท้ายไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะสู้ในศาลให้ถึงที่สุด นี่แหละค่ะยอดเงิน blacklist แค่พันกว่าบาท มันทำให้คุณเสียหายได้มหาศาลเหมือนกัน โดยเฉพาะยอดที่เราไม่ได้ก่อขึ้นเนี่ย จะหาความยุติธรรมมาช่วย มันแสนจะยุ่งยากเสียเหลือเกิน แทบจะไม่ได้ทำมาหากินกันแล้วค่ะพี่น้อง! จากคุณ : katimini เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 10:06:17

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นใจ โหวตให้ครับ เคสแบบนี้ บริษัทcg จะต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ น่าจะฟ้องเรียกค่าเสียหายนะครับ ทำให้เสียชื่อ เสียเครดิต ไม่สามารถทำธุรกิจได้ เสียรายได้มากมาย ถ้าหลักฐานคุณมีครบตามที่คุณบอก มีโอกาสชนะสูงครับ จากคุณ : somsaktee เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 10:20:11

ความคิดเห็นที่ 15 เอาแมร่ง ปล. อย่าให้มันเอาเงินมาปิดปาก ฟ้องมัน แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 10:42:37 จากคุณ : ลำบากชีวิต เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 10:41:19

ความคิดเห็นที่ 16 บัตรเคดิตไทย "เอาแต่ได้" ครับ จริงๆ นะ คืออยากได้ % กลัวว่า ถ้าช่วยลูกค้าต่อสู้ ช่วยปกป้องลูกค้าแล้ว ตัวเองจะเสียรายได้ ก็คิดแบบนี้น่ะสิ ถึงได้เป็นได้แค่นี้ นี่คือตัวอย่างของคำว่า "คิดเล็ก ไม่คิดใหญ่" จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 11:36:39

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องดีมาก  โหวตครับ จากคุณ : ประลองยุทธ์ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 12:39:10

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่เข้าใจว่าบริษัทพวกนี้ทำไมชอบให้ Fax ข้อมูลอยู่เรื่อย Fax ไป เราก็ไม่มีต้นขั้วให้สืบต้นตอ แต่ถ้า Email ยังมีต้นตอให้สืบ เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ครับ แต่ถ้ามาถึงขั้นนี้แล้ว น่าฟ้องเหมือนกันเนอะ เสียเวลา เสียความรู้สึก เสียเงินค่าดำเนินการ เสียโอกาสไปทำมาหากินอื่นๆตั้งเท่าไหร่ เอาให้ตาย จากคุณ : Bazophil เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 13:08:04

ความคิดเห็นที่ 19 แย่จริงๆ ไม่มีความรับผิดชอบ ฟ้องเลยจะได้เป็นตัวอย่าง เพื่อมีการปรับปรุงต่อไป จากคุณ : gungging เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 13:14:32

ความคิดเห็นที่ 20 central card ไม่น่าเชื่อว่ากับเรื่องขอยกเลิกบัตรและขอเอกสารต่างๆช่างเยิ่นเย้อวุ่นวาย ไม่สมกับมืออาชีพเลย เป็นกำลังใจให้คุณkatimini ขอให้เรื่องจบลงเร็วๆนะคะ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 15:10:56 จากคุณ : กาหยู เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:27:52

ความคิดเห็นที่ 21 คห.20 ห้างเซ็นทรัลไม่ได้เป็นคนบริหารบัตรเครดิตครับ คนบริหารบัตรเครดิตเซ็นทรัลคือ บริษัท General Card Services จากคุณ : สรกฤช เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 15:01:32

ความคิดเห็นที่ 22 คห.21 ....ขอบคุณค่ะที่แจ้ง เราไม่ทราบค่ะ ต้องขออภัยค่ะ จากคุณ : กาหยู เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 15:09:25

ความคิดเห็นที่ 23 ดิฉันก็เหมือนกัน  ยกเลิกแล้วตั้งแต่ 6 เดือนแต่มีการเรียกเก็บ  ขอยกเลิกไม่ทราบจะมีปัญหาหรือไม่  เห็นใจมาก จากคุณ : ร่ำรวยยิ่งขึ้น เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 15:13:18

ความคิดเห็นที่ 24 แจ้งความไว้แล้วไปฟ้อง สคบ. เลยครับ เป็นกำลังใจ จากคุณ : Son of Zeus (หว่างฮั่น2011) เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 15:37:47

ความคิดเห็นที่ 25 ผมก็เคยโดนครับ แต่ไม่ใช่ เซ็นทรัล แต่เป็นเครือเดียวกัน GE นี่เหมือนกัน ติดต่อสินเชื่อรถยนต์ เซลโฆษณาซะดิบดี ดอกจิ๊บๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรทั้งนั้น สุดท้าย พออนุมัติ โทรแจ้งยอดจะโอนเงินให้ อ้าว หักโน่น หักนี่ ผมก็ไม่ยอมซิ มีการบอกว่า อนุมัติแล้ว จะเอาหรือเปล่า คือถ้าคนร้อนเงินจริงๆ ก็คงเสร็จคำโกหกไปนั่นแหละ ผมยืนยันไม่รับเงิน ถ้าไม่ได้ตามที่ตกลง ตอนแรกก็บอกไม่ได้ เพราะเรื่องอนุมัติแล้ว ถ้ายกเลิกสัญญาจะเสียค่าปรับและค่าใช้จ่ายต่างๆ ผมก็โวยวาย บอกไม่ใช่ความผิดผม คุณไปตามกับพนักงานคุณเอง สุดท้าย ก็ต้องยอมผม คือยกเลิกโดยไม่เสียค่าปรับ พร้อมทั้งคืนเล่มทะเบียนผมมาทุกอย่างเรียบร้อยคือจบ แต่ที่มัน เลว กว่านี้ คือ มันส่งยอดไปที่เครดิตบูโรเต็มจำนวน ว่าผมค้างมันอยู่ตามวงเงินที่อนุมัติ 8 แสน ผมก็ไม่เอะใจอะไร แต่เอะ ทำไมขอบัตรเครดิตไม่ผ่าน ก็ยังไม่เอะใจอีก จนสุดท้าย สมัครบัตรเครดิตกับแบงค์เดียวกัน วงเงินเดียวกัน แค่ออกบัตรอีกใบ ก็ไม่ผ่าน แสดงว่าต้องผิดปกติแน่ๆ เลยขอเช็คเครดิตบูโร จึงเจอตัวเอ้ เลยครับ ว่าจีอีส่งชื่อผมไป ติดเบลกลีสมาหลายปี สถานะเป็นหนี้เสีย แต่คิดดู ว่าเล่มทะเบียนคืนแล้ว ไม่มีการทวงถาม ไม่มีอะไรทั้งนั้น ส่งชื่อไปแกล้งลูกค้าซะยังงั้น สุดท้ายต้องปฏิเสฐกันวุ่นวาย และเพราะผมส่งเรื่องผมไปที่เดลินิวส์ และได้ลงในในคอลัมด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ เลยไวเลยทีนี้ แต่เหมือนเจ้าของกระทู้แจ้งเลยครับ คือไม่มีคำขอโทษ หรืออะไรทั้งนั้น พูดจาสุนัขไม่รับประทานเหมือนกันครับ แต่ยังไม่เรียบร้อยครับ ผมลองสมัครบัตรใหม่ เอา ยังไม่ผ่านเหมือนเดิม เช็คเครดิตดู ยอดที่เคยค้าง 8 แสน ตอนนี้มันเหลือ 0 แล้ว แต่มันก็คือเครดิตที่เสียไปแล้ว แค่โชว์ว่าชำระเสร็จสิ้น (ตรูค้างเมิงเมื่อไหร่) สุดท้ายต้องโวยวายไปอีกชุดใหญ่ สุดท้าย แจ้งว่า เอาชื่อออกจากบูโรแบบถอนรากถอนโคนแล้ว ไม่มีประวัติเลยว่ามีสินเชื่อตัวนี้ และผมก็ลองสมัครบัตรใหม่อีกครั้ง ทีนี้ได้รับอนุมัติด้วยดีครับ ยืนยันด้วยคนว่า เครือนี้ เลว ได้ใจจริงๆ ในเรื่องนี้ครับ จากคุณ : ไทยไชโย เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 17:15:11

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าเป็นเราเราคงฟ้องค่ะ เก็บหลักฐานแล้วฟ้องให้ถึงที่สุด ขอโทษสักคำนี่ไม่มีมาเลย แถมโยนความผิดให้เราอีก ถ้ามีคำขอโทษมาบ้าง หรือยอมรับผิดบ้างคงจะรู้สึกดีกว่านี้ จากคุณ : elin เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 19:57:35

ความคิดเห็นที่ 27 แจ้ง สคบ  ฟ้องแพ่ง .......... จากคุณ : pophan เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 20:50:46

ความคิดเห็นที่ 28 ผมคิดว่าเครดิตบูโรให้ประโยชน์แก่พวกให้กู้เท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์แก่ประชาชนเลย ก็เลยมักง่าย อยากจะส่งข้อมูลอะไรผิด ๆ ก็ส่งไป ไม่สนใจอะไร ควรจะมีกฎว่า ถ้ากรณีพวกให้กู้รายไหนส่งผิด ก็ควรจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้คนที่ถูกกระทำด้วย เช่น ค่าเสียหาย 100,000 บาทต่อครั้ง อย่างเจ้าของกระทู้ โดนมา 5 ปี ก็ควรจะได้ 6 ล้าน (ต้องแบบนี้ไม่งั้นพวกนี้ไม่รู้สึกรู้สาอะไร) พวกให้กู้จะได้หลาบจำ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 21:38:37 แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 21:37:38 จากคุณ : MAX เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 21:37:12

ความคิดเห็นที่ 29 เพิ่งโดนcentral card โทรมาทวงหนี้ทั้งที่เพิ่งชำระตามกำหนดในใบแจ้งหนี้ แต่เงินคงยังไม่โอนเข้าระบบ ซึ่งทางcentral card น่าจะรอให้ครบ3วันหรือส่งsmsมาตามก็ได้ แต่นี่ใช้เจ้าหน้าที่ทวงถามโทรมาและพูดจาไม่ดีไม่มีหางเสียง รู้สึกติดลบกับบริการของที่นี่มากๆค่ะ ใช้มา10ปีไม่เคยผิดนัดชำระและชำระยอดเต็มจำนวน เสียความรู้สึกค่ะ คงจะอำลาไปใช้บัตรใบอื่นดีกว่า จากคุณ : เรเนีย เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 22:43:13

ความคิดเห็นที่ 30 น้องสาวเราเคยบอกเราว่าเขาจะทำบัตรเสริมของเครือนี้ให้ (เพราะน้องเขาเห็นว่าเราไม่มีบัตรเครดิต แต่เราไม่เอาค่ะ บอกน้องไม่ต้องทำให้ เราไม่อยากมีภาระ ไม่อยากยุ่งยาก) เพราะตัวเองไม่ได้อยู่เมืองไทย เราจึงค่อนข้างระมัดระวังมากๆเรื่องการสมัครสมาชิกหรือสมัครบัตรที่เกี่ยวกับการเงินการธนาคารของไทย เราจึงไม่เคยมีบัตรเครดิตของธนาคารที่เมืองไทยเลยค่ะ มีแต่บัตรATM.รุ่นโบราณของกสิกรไทยใบเดียว(เสียค่าธรรมเนียมปีละ ๑๐๐ บาท) ใจจริงก็อยากจะขอยกเลิกบัตรใบนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะเสียดายเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายทุกปี แต่นึกถึงความสะดวกเมื่อต้องการใช้เงินตอนธนาคารปิดเวลาทำการ ก็เลยต้องเก็บไว้อยู่อย่างนี้ ข้อดีคือบัตรATM.รุ่นโบราณของเราไม่มีวันหมดอายุด้วยค่ะ ใช้บัตรนี้มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยถึงปัจจุบันนานกว่า๑๙ปีแล้วค่ะ บัตรก็ยังใช้ได้อยู่ เมื่อต้นปีก็ยังเอาไปกดเงินที่ตู้ATM.ได้ แต่ถ้าบัตรใบนี้เสื่อมสภาพเมื่อไหร่ เราก็จะไปยกเลิก ไม่ใช้บัตรATM.อีกต่อไปค่ะ เรารู้สึกมานานแล้วว่าธนาคารก็ดี หรือผู้ประกอบการที่พ่วงให้บริการบัตรเครดิตก็ดี เอาเปรียบผู้บริโภคมานานแล้ว เวลาลูกค้ามีปัญหาแทนที่จะแสดงความจริงใจ แสดงความรับผิดชอบ ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้า แต่ส่วนใหญ่มักผลักภาระให้ลูกค้าไปหาทางแก้ปัญหาเอง ถ้าเรื่องไม่ได้ร้องเรียนถึงสื่อออนไลน์ ได้ลงข่าวนสพ.หรือออกข่าวทางโทรทัศน์ปัญหาก็จะยังคาราคาซังอยู่อย่างนี้ แต่ถ้าเรื่องร้องเรียนได้ออกสื่อเมื่อไหร่ล่ะก็ สามารถแก้ปัญหาได้ไวจริงๆค่ะ เราเบื่อความไม่จริงใจของผู้ประกอบการ และเราก็รู้สึกกลัวการยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเงิน โดยเฉพาะบัตรเครดิต หรือสถานบริการอะไรก็ตามที่หักค่าบริการทางบัตรเครดิต เลี่ยงได้เราจะพยายามเลี่ยงค่ะ อาจเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยชอบการผูกมัดด้วย หมายความว่าเราชอบจ่ายด้วยเงินสดให้จบไปครั้งเดียวเลย ชอบจ่ายเงินด้วยวิธีนี้เรารู้สึกสบายใจกว่าการใช้วิธีหักเงินผ่านบัตรเครดิต หรือหักจากบัญชีเงินฝาก ขอบคุณมากๆเลยนะคะสำหรับเรื่องราวของคุณ เราขอให้คุณโชคดี ขอให้คุณชนะ ขอให้ได้สิทธิที่พึงมีพึงได้กลับคืนมานะคะ เป็นกำลังใจให้คุณkatiminiค่ะ จากคุณ : OKANEMOCHI เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 00:03:27

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าไปช่อง3ครับ แล้วร้องเรียนเลย ขอออกจับเข่าคุยกับคุณสรยุทธ์ดีกว่า แล้วเรียกค่าเสียหายให้หนักๆ จากคุณ : Teuton เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 04:04:11

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนนี้กำลังใจเต็มเปี่ยมมากค่ะ ขอบคุณทุกคนจริงๆ อยากฟ้อง และอยากไปช่อง 3 ตามข้อคิดเห็นของคุณ Teuton เหมือนกันค่ะ ที่บ้านเขายุอยู่เหมือนกัน เรื่องฟ้องนี้ที่ได้คุยกับทนายไว้คือ เราฟ้องให้เขาถอนข้อมูลเสียออกจากเครดิตบูโรได้แน่นอน แต่เรื่องค่าเสียหายซึ่งจะเรียกให้เยอะนั้นมันต้องมีหลักฐานชัดเจน ว่าเราเสียหายแค่ไหน เท่าไหร่ ทนายบอกว่าค่าเสียเวลา หรือค่าเสียสุขภาพจิตที่เมืองไทยเราไม่มีให้ ต้องเป็นค่าเสียหายที่เป็นตัวเงินจริงๆ เท่านั้น ตรงนี้แหละค่ะที่ยังลังเลอยู่ว่าจะฟ้องดีไหม เพราะกลัวจะไปเสียเวลาขึ้นศาลบ่อย สุดท้ายก็ได้แค่คำตัดสินว่าให้ทางโน้นถอนข้อมูลเสียของเราออก และอาจจะได้แค่ค่าดำเนินการเล็กๆ น้อย กลับคืนมา ซึ่งก็คงไม่คุ้มกัน จึงขอรวบรวมความเสียหายให้มากกว่านี้ค่ะ ถึงจะไปฟ้อง แต่เรื่องสื่อนี่น่าสนใจมากเหมือนกันค่ะ ประชาชนเขาจะได้รู้ถึงการทำงานแย่ๆ ของบริษัทพวกนี้ พวกเขาจะได้เสียชื่อเสียงบ้าง ไม่ใช่ทำให้แต่เราเสียชื่อเสียงอย่างเดียว จากคุณ : katimini เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 10:44:54

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ กับ ค.ห. 28 ของคุณ MAX ที่ว่าข้อมูลเครดิตบูโรดูแล้วเหมือนจะมีประโยชน์ให้กับสถาบันการเงินผุ้ให้สินเชื่อเท่านั้น แต่กับเราผู้ขอสินเชื่อกลายเป็นให้โทษอย่างเดียว วันก่อนได้พูดไปกับเจ้าหน้าที่เครดิตบูโรที่ไปเปิดบูธอยู่ที่ศาลเหมือนกันค่ะ และก็ถามเขาด้วยว่า ผู้ให้สินเชื่อเขาแบลคลิสต์เราผ่านเครดิตบูโรได้ แต่พอเจอว่าข้อมูลไม่ถุกต้องเขาก็แค่แจ้งให้เครดิตบูโรลบข้อมูลไปเสีย โดยที่ตัวเองไม่มีความผิดหรือประวัติเสียของการทำงานบกพร่องอยู่ที่ข้อมูลไหนเลย เลยถามเครดิตบูโรว่ามีที่ไหนที่ผู้บริโภคจะให้ข้อมูลเสียกับความผิดพลาดของบรฺษัทเหล่านี้บ้าง เขาก็ตอบว่าที่ศาลนี่แหละค่ะ วันนั้นเจ้าหน้าที่คดีที่ศาลเอาเอกสารฟ้อง ที่ศาลมีการยกฟ้องในกรณีคล้ายของดิฉันมาให้อ่าน พออ่านไปเลยเข้าใจว่าที่ศาลยกฟ้องเพราะคนฟ้องไปฟ้องร้องกับเครดิตบูโรไม่ได้ฟ้องบริษัทให้สินเชื่อ ดิฉันจึงเรียนเจ้าหน้าที่ว่า ดิฉันไม่ได้มาฟ้องเครดิตบูโรอยู่แล้ว ที่มาก็เพื่อจะฟ้อง GCS เพราะทราบอยู่แล้วว่าเครดิตบูโรบันทึกข้อมูลอย่างเดียวตามผู้ให้สินเชื่อให้ไว้ เพราะฉะนั้นถ้าท่านไปฟ้องอย่าเผลอไปฟ้องเครดิตบูโรนะค่ะ เพราะฟ้องแล้วศาลยกฟ้องอย่างเดียว แต่ขอคอมเม้นต์การทำงานของเครดิตบูโรหน่อยนะค่ะ ว่าน่าจะวิเคราะห์ข้อมูลที่บริษัทที่ให้สินเชื่อให้ข้อมูลไว้บ้าง คือเหมือนกับว่าทางโน้นให้มายังไงก็จะใส่ไว้ในฐานข้อมูลอย่างนั้น เพราะดิฉันเห็นจากกรณีของดิฉันตอนโต้แย้งไปแล้วมีเอกสาร หลักฐานทั้งหมดไปยัน แต่พอทาง GCS แย้งกลับมาแบบมั่วๆ อย่างที่เล่าข้างบน ก็เขียนตามเขาไปอย่างนั้น เพราะดิฉันเชื่อว่าถ้าเขาวินิจฉัยสักนิด เขาก็จะเห็นว่าใครผิด ใครถูก ป่านนี้เรื่องมันคงจบแล้ว ดิฉันก็คงไม่ต้องมานั่งเขียนคำอุทธรณ์ไปที่แบงค์ชาติอีก....เอ้ออออ เหนื่อยจริงๆ ค่ะ จากคุณ : katimini เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:42:12

ความคิดเห็นที่ 34 เสียใจกับคุณไทยไชโยด้วยนะค่ะ ที่โดนประสบการณ์เลวร้ายมาหมือนกัน ตกลง Central Card นี่อยู่ในเครือ GE ใชมั้ยค่ะ สงสัยอยู่ตั้งแต่วันที่เอาเอกสารไปให้มันถึงตึกเมื่อห้าปีที่แล้วๆ ค่ะ ว่าเราเคยมาตึกนี้แล้วตอนมาเคลียร์เรื่องคนแอบอ้างเอาชื่อเราไปทำบัตรเครดิตก่อนหน้านั้น ก็ของเครือ จีอี นี่แหละค่ะ มิน่าเจ้าหน้าที่มันไม่สุภาพเหมือนกันเลย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายผู้ชาย ตะคอกใส่ดิฉันด้วย ทั้งๆ ที่มันทำผิดกับเราแท้ๆ ถึงบัตร Central Card จะไม่ได้บริหารด้วย Central เอง แต่ก็น่าจะหาบริษัทมืออาชีพมาบริการหน่อยนะค่ะ อย่างไรแล้วพวกคุณก็มีส่วนได้ส่วนเสียกัน เซ็นทรัลก็เสียชื่อไปด้วยนั่นแหละค่ะ อย่างดิฉันหรือหลายท่านข้างบนที่มีปัญหากับเซ็นทรัลการ์ด ตอนนี้กลับไม่ช้อปกันที่เซ็นทรัลอีกแล้ว คุณก็เสียประโยชน์ไปเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องดูแลกันหน่อยนะค่ะ จะได้ไม่เสียลูกค้ากันไปมากกว่านี้ จากคุณ : katimini เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:59:46

ความคิดเห็นที่ 35 โหวตให้แล้วนะคะ จากคุณ : กระเป๋าตุง-กระเป๋าตังค์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:11:25

ความคิดเห็นที่ 36 โดนเหมือนกันค่ะ ไปยื่นเอกสารขอเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ที่จัดส่งเอกสาร ณ แผนกบัตร central card ในเซ็นทรัลแห่งหนึ่ง ทั้งกรอกข้อมูล ทั้งส่งแฟกซ์จาก office ของเขาเอง ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของเขาเองนั่นแหละ จนบัดนี้ ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงให้ ยังไม่รู้จะต้องทำไงต่อ ใครมี email ของหน่วยงานนี้ที่จะติดต่อแจ้งเปลี่ยนได้โดยตรง กรุณาบอกด้วยค่ะ จากคุณ : pcpop (pcpop) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:31:12

ความคิดเห็นที่ 37 มาคอนเฟิร์ม อีกรายว่า central card ห่วยจริงๆ และ cali wow ก็มั่วนิ่มเก่งขั้นเทพอยู่แล้ว (ใครๆก็รู้) เจอสองเด้งเลย ยังไงก็สู้ๆนะ จขกท.ไม่ผิดเลยซักนิด แต่ไปเจอพวกขี้โกง ไม่มีความรับผิดชอบ จากคุณ : leenalilly เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 19:28:48

ความคิดเห็นที่ 38 จขกท. ติด blacklist เพราะ nonbank เอาสำเนาบัตรไปปลอมแล้วสมัครบัตรเครดิต ส่วน Central Card  จขกท. ติด blacklist เพราะแจ้งยกเลิกแล้วแต่พนักงานไม่ยกเลิกบัตรให้  CAWOW เลยเรียกเก็บค่าสมาชิกต่อ แบบนี้ใช่ไหมครับ? Central Card ผมใช้อยู่ มีประสบการณ์แย่ๆ บางครั้ง แต่ส่วนมากพนักงานรับเรื่องเร็ว ไม่ค่อยมีปัญหา จ่ายเงินเลทไปสองครั้งก็เวฟค่าเรียกเก็บให้ แจ้งเปลี่ยนที่อยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ แจ้งแล้วได้เปลี่ยนเลย จากคุณ : oddie เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 20:08:33

ความคิดเห็นที่ 39 ถึงคุณ PCPOP ดิฉันยังมี email address ที่ส่งเอกสารไปให้เขาอยู่ค่ะ เป็นอีเมลล์ส่วนกลางของ GCS วันนั้น ที่ได้มาเพราะบอกเขาว่าถ้าไม่ให้ คงต้องไป ส ค บ. เขาเลยให้มา แต่ถ้าส่งไปเราต้องถามว่าส่งถึงใครด้วยค่ะ ไม่นั้นก็คงเกี่ยงกันไม่เปิดอีเมลล์ดูอีก ลองดูนะค่ะ สำหรับคุณ oddie ถือว่าโชคดีมากนะค่ะ ทึ่ไม่ได้รับบริการแย่ๆ จาก GCS อย่างพวกเรา เพราะอย่างที่เม้นต์กันมาก็เจอแย่เสีย 99% แล้วค่ะ จากคุณ : katimini เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 21:41:18

ความคิดเห็นที่ 40 ส่งข้อมูล NCB ผิดนี่ฟ้องได้นะ จากคุณ : LekStudio เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 01:08:06

ความคิดเห็นที่ 41 โหวตให้ครับ เกลียดการทำงานของไอ้บริษัทพวกนี้จริงๆ ถ้าใครทำดีก็ไม่ต้องมารับนะครับ เกลียดเฉพาะไอ้พวกที่มันมักง่ายทำเลวๆ กะลูกค้าเท่านั้นครับ จากคุณ : 2ndHand_Fanclub เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 10:26:05

ความคิดเห็นที่ 42 อยากให้รีบฟ้อง เช็คเรื่องอายุความด้วยนะ แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 55 16:31:50 จากคุณ : เห็นใจ (Johanh_s) เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:27:45

ความคิดเห็นที่ 43 พี่คะ แล้วตกลงพี่ฟ้องหรือยัง กรณีแบบนี้เราต้องไปแจ้งความที่สน. เป็นคดีอาญามั้ยคะ เราจะแจ้งเป็นหมิ่นประมาทด้วยได้มั้ย กรณีที่เขาพูดจาไม่ดี หรือเป็นคดีแพ่งต้องไปแจ้งความที่ศาลอย่างเดียว ขอเม้นหน่อยว่า สังคมไทยนี่มันอะไรกันนะ ใครให้ข้อมูลทีหลัง กลายเป็นคนแก้ตัว ใครให้ข้อมูลก่อนเป็นคนถูก พอคนถูกกล่าวหา กลายเป็นว่าแก้ต่างแถมต้องหาหลักฐานวุ่นวายราวกับเราเป็นคนผิด และอย่างที่พูดกันข้างบน เครดิตบูโรนี่ก็น่าจะมีการรับเรื่องแบบกลั่นกรองบ้าง และใครแจ้งข้อมูลที่ผิดพลาดบ่อยๆ (คือมีคนร้องเข้ามาเยอะๆ) ก็น่าจะทำสถิติและทำโทษปรับไว้ ถึงไม่เป็นเงิน ก็ต้อง hold เรื่องบ้าง ไม่ใช่พอบริษัทแจ้งมา ก็รีบใส่ในลิสต์เลย เช่น ร้อยราย มีร้องเรียนมาสักยี่สิบราย ปีต่อไปจะแจ้งชื่อลูกค้ามาอีก ก็ hold เรื่องของบริษัทนั้นไว้ก่อน (ถ้าเรื่องการปรับด้วยเงินมันยุ่งยากนักล่ะก็) ฐานที่ส่งข้อมูลผิดๆ กล่าวหาลูกค้าบ่อยนัก สิ่งที่เครดิตบูโรควรปรับปรุงอีกอย่างคือ หากคนที่ติดแบล็คลิสต์สามารถหาหลักฐานมาหักล้างได้ก็ควรลบชื่อออกไป ไม่ใช่รอให้ไอ้บริษัทที่มันแจ้งเป็นคนถอนเรื่อง ถึงจะถอนได้ แบบนี้มันจะมาถอนชื่อเราให้เหรอ หลายครั้งคดีมันเงินเล็กน้อย คนไทยก็จะปล่อยๆ ไป บริษัทพวกนี้มันก็เห็นช่องว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย มันถึงได้เพิกเฉย กะว่ายังไงก็ไม่เอาเรื่องแน่ หรือถึงเอาเรื่องก็คงนาน ไม่มีใครโง่ฟ้อง ฉะนั้น หนูขอยุพี่ให้ฟ้อง เขาจะได้รู้ว่าศักดิ์ศรีคนมันสำคัญกว่าเรื่องเงินทองน่ะ ปล. อีกอย่างพอฟ้องสคบ. มันไม่ได้ง่ายอย่างที่พี่พูดน่ะสิ บางทีเขาก็โยนเรื่องไปที่ศาล แล้วติดต่อศาลมันง่ายมั้ยพี่ วุ่นวายไม่ใช่น้อยเลยล่ะ ที่รู้มาน่ะ อย่างคดีแบบนี้เขาอาจเห็นเป็นแค่คดีมโนสาเร่ แต่ยังไงหนูก็อยากให้พี่ฟ้องนะ ถือว่าทำเพื่อสังคม เป็นคดีตัวอย่าง ว่าแต่ว่ามีคนมาเม้นขนาดนี้ คนของเครดิตบูโรหรือของบริษัทนี้ไม่เห็นเข้ามา (แก้ตัว) เลยนะ หนูว่าพี่ไปสรยุทธ์กับส่งจดหมายหาคุณดำรง คสคส. จะเร็วกว่านะ กระบวนการยุติธรรมบ้านเราไม่มีประสิทธิภาพ ต้องพึ่งสื่อเพื่อแทรกแซง เพราะพวกเหล่านี้ ล้วนกลัวเสียหน้ามากกว่ากลัวบาปกรรม จากคุณ : เห็นใจ (Johanh_s) เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:30:34

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้าสามารถรวมเจ้าทุกข์หลายๆ คนแล้วไปฟ้องพร้อมก้นนี่ น้ำหนักคดีจะมากขึ้นมั้ย ลองโพสต์ถามคนที่เดือดร้อนกับบริษัทเดียวกันนี้ไหม (ว่าแต่จะไปโพสต์ที่ไหนที่จะมีคนที่เดือดร้อนมาอ่านเจอเยอะๆ น่ะ) แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 55 16:29:52 จากคุณ : เห็นใจ (Johanh_s) เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:39:17

ความคิดเห็นที่ 45 ขอโทษทีนะคะ กดส่งตั้งสามครั้งเพราะคิดว่ามันไม่ขึ้นน่ะ ขอถามเพิ่มเติม คดีพวกนี้เป็นคดีแพ่งใช่เปล่าคะ เหมือนกับการโกงเงินกันนี่ต้องไปแจ้งที่ศาลอย่างเดียว ไม่ใช่สถานีตำรวจใช่มั้ย จากคุณ : เห็นใจมาขอโทษ (Johanh_s) เขียนเมื่อ : วันเนา 55 16:27:40

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณ คุณเห็นใจมากค่ะ ที่เห็นใจและเข้าใจ กรณีนี้เป็นคดีแพ่งค่ะ ไปยื่นเรื่องไว้ที่ศาลแพ่ง เพิ่งเข้าไปดูกล่องข้อความ มีเจ้าหน้าที่ของเซ็นทรัลคาร์ดติดต่อมาแล้วค่ะ เขาข้อมูลติดต่อกลับ แต่ดิฉันขอติดต่อเขากลับเอง จะรอเบอร์โทรติดต่อกลับของเจ้าหน้าที่นะค่ะ แต่ก็คงรอไม่นานนะค่ะ เพราะถ้าเสร็จธุระต่างจังหวัด และกลับมากรุงเทพก็คงดำเนินการต่อ เพื่อเอาเครดิตที่ดีกลับคืนมา เพราะต้องทำธุรกิจนะค่ะต้องการเครดิตค่ะ จากคุณ : katimini ผู้น่าเห็นใจ (katimini) เขียนเมื่อ : วันเนา 55 21:18:22

ความคิดเห็นที่ 47 ดีใจด้วยนะคะที่เขาติดต่อกลับมาแล้ว เซ็นทรัลการ์ดนี่หนอ คนเขาติดต่อพูดดีๆ ด้วยไม่ชอบ พอเขามาโพสต์ลงเน็ตล่ะรีบติดต่อมา ยังติดใจเรื่องการทำงานของเครดิตบูโรน่ะ อยากได้เมนท์จากคนอื่นด้วย คือเครดิตบูโรนี่ใครเป็นคนบริหารพอทราบไหม เรื่องกฎเกณฑ์ที่รับข้อมูลจากเจ้าหนี้โดยไม่ตรวจสอบนี่ ถ้ามันเป็นปัญหาก็น่าจะปรับปรุงได้นี่ ตรงส่วนงานไหนหรือคะที่เราควรไปแจ้ง อยากให้พี่ส่งความคิดเห็นไป เวลาพวกกรรมการเขาประชุมกันจะได้ปรับปรุงเชิงระบบ เราไม่ได้จะฟ้องร้องเขา เพราะตอนนี้ระบบไม่เอื้อต่อการฟ้อง ฟ้องได้แต่บริษัทที่ให้ข้อมูลผิดๆ แต่แค่อยากแนะนำเผื่อว่าเขาอยากจะปรับปรุงพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น เพราะอันที่จริงในเชิงลึก ผู้เสียประโยชน์นอกจากผู้ขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ก็เป็นตัวสถาบันการเงินเองนั่นแหละ เพราะสูญเสียลูกค้าที่มีศักยภาพในการชำระหนี้ไปอย่างน่าเสียดายโดยอ้างอิงข้อมูลอนุมัติส่วนหนึ่งจากเครดิตบูโร (แต่กลับพลาดไปอนุมัติสินเชื่อให้พวกหนีหนี้แทน --- เห็นไหมทุกวันนี้แบงก์ไหนไม่มีหนี้เสียบ้าง ยึดทรัพย์กันมากมาย หนี้น้อยโดนยึดทรัพย์ แต่บางทีหนี้มากไม่ต้องเสียอะไรเลย แค่โดยฟ้องล้มละลายแล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศไม่ต้องใช้หนี้ด้วย บางทีคนรวยก็มีศักดิ์ศรีไม่เท่าคนจนนะ คนจน คนชั้นกลาง รับผิดชอบใช้หนี้กันเข้าไป) ขอโทษที่ออกนอกเรื่องนะคะ ยังไงมาโพสต์ความคืบหน้าต่อนะ อยากรู้ จากคุณ : เห็นใจตามต่อ (Johanh_s) เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 14:44:31