ลืมกด shift หัวกระทู้ ๙ เลยกลายเป็น ช
หลักเกินการซื้อเฉลี่ยค่าลงแบบ VSOP น่าจะลำดับได้ดังนี้
๑ จุดเริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
หมายถึง
ซื้อตอนอำนาจซื้อของเงินสูง อำนาจขายของหุ้นต่ำ
ย่อมได้เปรียบกว่าซื้อตอน
อำนาจซื้อของเงินต่ำ อำนาจขายของหุ้นสูง
เรียกว่า ซื้อตอนมีแต้มต่อ margin of safety ด้านราคาหุ้นสูง
๒ ถ้าเริ่มต้นไม่ดี ก็ยังมีชัยได้จากการซื้้อเฉลี่ยขาลง
๓ ข้อต้องห้าม ในการซื้อเฉลี่ยขาลงคือ
ห้ามซื้อเฉลี่ยขาลงโดยเด็ดขาด
ถ้าตัวชี้วัดทางเทคนิครายเดือน รายสัปดาห์ รายวัน
กำลังร่วมทางกันเดินอย่างทำลายล้าง กับปัจจัยพื้นฐานของหุ้น
หมายถึงว่า กราฟก็ชี้ลง ค่าอีก็ขยับลง
๔ ซื้อเฉลี่ยขาลงได้ (ข้อนี้ผมถือว่าสำคัญที่สุด)
"ถ้าค่าพีลด แต่ค่าอีไม่ลด"
เท่ากับว่า ค่าอีกำลังแยกทางกันเดินอย่างสร้างสรรค์กับตัวชี้วัดทางกราฟ
ข้อนี้ ทำให้ผมซื้อเฉลี่ยขาลง ifec และ mcs เมื่อสามปีก่อน
ทั้งๆที่ ตัวชี้วัดแบบกราฟ ทั้งรายเดือน รายสัปดาห์ รายวัน ชี้ลงเหว
และจะไม่ซื้อ่เฉลี่ยขาลง mcs ในตอนนี้ จนกว่าค่าอีจะนิ่ง และกราฟหยุดชี้วัด ???
๕ เนื่องจาก การซื้อเฉลี่ยขาลงแบบ vsop
เรากำลังเดินตามค่าอี ที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบหนึ่งเดือนครึ่ง ถึงสี่เดือนครึ่งที่ผ่านมา
(จนถึงวันนี้ เรายังรู้แค่งบสิ้นปี ๒๕๕๔ )
ผลประกอบการที่บริษัทแจ้งตลาด
ก็คือผลประกอบการของบริษัทในอดีตที่นานเกินหนึ่งเดือนครึ่ง
(จากวันปิดงบ จนถึงวันแจ้งตลาด)
ถ้าเราไม่แม่น ในการคำนวณค่าอี ในอนาคต หรือแม้แต่ปัจจุบัน
ไม่มีความรู้เรื่องกราฟ
จะต้องกระจายความเสี่ยง
ซื้อเฉลี่ยหุ้นหลายๆตัว
๖ ต้องระวังจุดแรกเข้าซื้อที่ยีลด์ ห้าหรือหกเปอร์เซนต์
จะกลับกลายมาเป็น จุดเริ่มต้นที่ได้ยีลด์สอง สามเปอร์เซนต์ในที่สุด
ถ้าค่าอีลดลง แล้วฉุดให้เงินปันผลลดตามลงมา
เช่นเริ่มซื้อหุ้นตอน ๑๐ บาท เงินปันผล ๖๐ สตางค์ เท่ากับยีลด์ ๖ เปอร์เซนต์
พอค่าอีลดลง จ่ายปันผลเหลือแค่ ๓๐ สตางค์
เท่ากับจุดเริ่มเข้าซื้อของเรา ไม่ใช่ยีลด์ ๖ เปอร์เซนต์
แต่กลายเป็นยีลด์ลดเหลือ สามเปอร์เซนต์
ก็ลองอ่านๆดูครับ
ผิดหรือถูก ก็ยากที่จะบอก
เพราะเราไม่ใช่เซียนหุ้นแนววีไอ
ที่คาดการณ์ค่าอีในอนาคตได้แม่นยำ
+
แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 55 12:10:51
แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 12:19:33
แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:42:51
แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 08:23:36
แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 08:16:26
แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 08:14:31