Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาเหตุที่ผมไม่เชื่อว่าหุ้นจะลงหนักในปีนี้ ติดต่อทีมงาน

สาเหตุที่ผมไม่เชื่อว่าหุ้นจะลงหนักในปีนี้

โซนยูโร
1.ผมเชื่อว่าความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตได้ผ่านพ้นมาแล้ว ซึ่งปลายปีที่แล้วทิศทางความร่วมมือในยูโรมีความเสี่ยงมากกว่าปีนี้มาก ถ้าเราจำกันได้จะมีการถกเถียงกันระหว่างฝ่ายที่ว่าจะให้กรีซออกจากยูโรดี หรือจะร่วมมือกันช่วยกรีซ แต่ละประเทศก็ต้องเผชิญความกดดันของคนในประเทศทั้งกรีซและประเทศอื่นๆในยูโรที่คิดจะช่วยกรีซ แต่ท้ายที่สุดแล้วยูโรก็ฝ่าฟันความกดดันตรงนั้นมาได้ และสามารถที่จะกล่อมเจ้าหนี้ให้ตัดหนี้ให้กรีซได้ด้วย ซึ่งความไม่แน่นอนที่กล่าวมานี้ก็ได้ผ่านพ้นมาแล้วตรงนี้มันมองเห็นอะไร? ตรงนี้เป็นตัวที่บอกทิศทางความร่วมมือของยูโรว่ามีทิศทางเดินไปด้วยกัน ซึ่งสามารถลบความไม่แน่นอนของการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆในอนาคต

2.ปีนี้ที่เรากังวลก็คือ หนี้+อัตราการว่างงานของสเปนและอิตาลี ซึ่งแน่นอนว่าสเปนอัตราการว่างงานเป็นปัญหาสำคัญ ส่วนอิตาลีก็ปัญหาหนี้ของภาครัฐ สิ่งที่สำคัญในการแก้ปัญหาตรงนี้ คือ "เวลา" ครับ เพราะต้องรอ จีนและ US ฟื้นตัวอย่างมั่นคงมากกว่านี้ + อัตราการเติบโตของประเทศใหญ่ๆน้อยๆที่กำลังโตสร้าง demand ให้เพิ่มขึ้น เพื่อทดแทน demand จากฝั่งยุโรปและเมกาที่หายไป + การวางระบบป้องกันและสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการเงิน ซึ่งทั้งหมดก็ต้องอาศัยเวลา และตอนนี้ผมคิดว่าเค้าก็พยายามทำอย่างนั้นกันอยู่ คืออัดฉีดเงินเข้าไปในระบบให้มากที่สุดเท่าที่จำเป็นเพื่อพยุงกันไปก่อน

3.สิ่งที่จะเป็นปัจจัยในอนาคตอันสั้นของยูโร คือ การประชุมของ IMF ซึ่งต้องดูว่าจีน, ญี่ปุ่น, และประเทศใน G20 จะเติมเงินเข้าไปให้มั๊ย ถ้าร่วมกันเติมเงินเข้าไปโดยปริมาณที่มากพอ เราจะได้เห็นหุ้นวิ่งกันอีกรอบ + การเลือกตั้งประธานาธิปดีของฝรั่งเศสในปลายเดือนนี้ ซึ่งฝ่ายตรงข้ามกับซาร์โกซีเหมือนจะเหมือนจะมีคะแนนนำในโพล แต่อย่างไรก็ตามผมไม่คิดว่าการที่จะได้ประธานาธิปดีคนใหม่มาแล้ว จะมาเปลี่ยนข้อตกลงที่ยูโรทำกันไว้ก่อน เพราะว่าฝรั่งเศสนี่ตัวพ่อของเจ้าหนี้เลย ถ้าเกิดทำอะไรแล้วสร้างความเสี่ยงให้ตลาดล้มขึ้นมา ประเทศที่เจ็บตัวมากที่สุดก็คือฝรั่งเศสเอง

4.เป้า GDP + เป้า อัตรา deficit ของอิตาลีและสเปนนับจากนี้จะเป็นที่จับตามองทุกไตรมาสตลอดปีแน่นอน ว่าจะเป็นไปตามเป้าไหม ถ้าหลุดเป้า หุ้นก็จะลง หลุดเยอะ ก็ลงเยอะ ถ้าดีกว่าเป้า หุ้นก็จะขึ้น นักเล่นสั้นก็ต้องนอนหลับมั่งไม่หลับมั่งกับตัวเลขพวกนี้แน่นอน


USA
1.แน่นอนครับ เรื่อง unemployment เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของประเทศนี้ ที่ผ่านๆมาไม่รู้มันแต่งตัวเลขหรือเปล่า ขนาดล่าสุดการจ้างงานลดอย่างมีนัยยะ unemployment กลับลดลงซะงั้น แต่ US นี่ไม่น่าห่วงแล้วครับ เครื่องมือลูกเล่นเค้าเยอะ ประเทศนี้ก็ต้องรอครับ รอ demand ที่จะเพิ่มขึ้นมาจากจีนและประเทศเติบโตใหม่ๆ

2.สำคัญที่สุดคือการเลือกตั้งประธานาธิปดีปลายปีนี้ ผมไม่เชื่อว่าโอบาม่าจะทนเห็น เศรษฐกิจถดถอยหรือตกต่ำก่อนการเลือกตั้งที่จะเข้ามาแน่นอน คงต้องมีการยกหูถึงเบอนันเก้เป็นระยะๆ


ไทยแลนด์
1.มองกันว่า PE ตลาดหุ้นไทยสูง? จะเอา PE ตอนนี้ไปเทียบกับปี 50 ก่อนเกิดวิกฤตไม่ได้นะครับ เพราะแต่ละบริษัทก็เติบโตกันทุกๆปี

2.สี่ห้าปีนี้ประเทศเอเชียก็จะเติบโตทุกปีแน่นอน ในเมื่อ US เติบโตน้อย ยุโรปถดถอย มีเงินที่มันล้นอยู่ในระบบ ตลาดบ้านเราถ้าจะตกก็จะไม่มากเท่าปี 51 แน่นอน

3.สองสามปีนี้มีนักลงทุนเข้ามากันเยอะ เรียนรู้กันเร็ว เก่งๆก็เยอะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รู้ถึงพลังของผลตอบแทนของหุ้นจากบริษัทดีๆ ผมเชื่อว่าหลายคนรอเวลาที่หุ้นตกแรงๆและจะไปรับตัวที่ดีๆ เพื่อจะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากธนาคารหรือไปซื้อพันธบัตรอย่างที่รุ่งพ่อรุ่นแม่ทำกัน ซึ่งโดยปัจจัยนี้ผมคิดว่าจะเป็นพลังอย่างดีที่จะซับแรงตกของหุ้น ซึ่งจากที่คาดยังไงก็ไม่ตกไปถึง 400 จุดอีกแล้ว

4.ผมเชื่อว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า รายย่อยบ้านเราจะมีพลังกำหนดตลาด เพราะเหมือนว่าตอนนี้ประเทศเรากำลังเหมือนเปลี่ยนยุค จากยุคนึงที่พ่อแม่เรานิยมฝากเงินและคิดว่าหุ้นมันเป็นการพนัน มาสู่ยุคที่รุ่นๆลูกๆได้มรดก มีความรู้ในการลงทุน พร้อมจะเข้าตลาดได้ทุกเวลา


ปล.
      1.ผมมีหุ้นเต็มปอด อาจจะมี bias และผมไม่ได้มาชักจูงหรือโน้มน้าวอะไร เป็นแค่เสนอความคิดอีกฟากนึง เพราะรู้สึกว่าฟากที่คิดว่าหุ้นจะลงหนักๆมากเหลือเกินตอนนี้
     
      2.บทเรียนที่สำคัญของผมในอดีต คือ พยายามจะ maximize profit เลยถือหุ้นได้ไม่ยาวจริงๆ เพราะคิดว่าหุ้นจะตกแรงๆ ก็ชิงขายออกไปก่อนรอไปรับต่ำ ซึ่งผลที่ออกมาทุกครั้งคือขายหมู ตัวอย่างก็คือ ผมเคยซื้อขาย cpall ที่ 30 กว่าๆ dtac 30 กว่าๆ cpf 20 ต้นๆ ซึ่งตอนนี้ผมจะไม่ทำมันอีกแล้ว เพราะถ้าผมคำนวณแล้วหุ้นตัวใดที่ไม่เจ๊งไปไหนแน่นอน เป็นผู้นำของกลุ่ม การเติบโตในอนาคตประมาณ PE ของมันหรือมากกว่า ผมก็ซื้อเก็บแล้วครับ จะเกิดวิกฤตมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะในโลกนี้ไม่มีใครคาดเดาวิกฤตถูกหรอกครับ ส่วนใหญ่ที่ถูกก็จะถูกแค่ครั้งเดียว พอถูกแล้วก็จะดัง มีนักข่าวคอยไปสัมภาษณ์ว่าเมื่อไหร่จะเกิดวิกฤตอีก และก็มักจะทายผิดในครั้งที่สอง คนนั้นก็จะโดนลืมไป เพราะฉะนั้นในความคิดผม คนที่ทายถูกก็แค่ฟลุคครับ  

       3.หุ้นๆดีๆไม่ใช่ของเน่าเสีย ไม่มีหมดอายุ เราทุกคนรู้ว่าถ้าถือยาวแล้วจะมีกำไรแน่นอน แต่มันแปลกก็ตรงที่มีแค่ส่วนน้อยที่ทำได้ และได้ผลตอบแทนที่แน่นอนอันนั้น

แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 55 11:55:34

แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 55 11:51:13

จากคุณ : sweetoil
เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 10:15:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com