ความคิดเห็นที่ 1 * ประมาณ = =' เรื่องในครอบครัวแบบนี้บางครั้งมันก็พูดยาก แต่ถ้าไม่พูดมันก็ไม่เข้าใจ สุดท้ายก็แตกหักแบบไม่มีอะไรดี ลองเริ่มคุยกับพ่อแม่ดูก่อน เอาใจช่วยละกัน จากคุณ : RiverNoReturn เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 15:22:39

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่มีความรู้ด้านธุรกิจมากนัก ขอออกตัวไว้ก่อน ลองใช้ประกอบการตัดสินใจนะครับ ธุรกิจจะเหมือนกับสิ่งมีชีวิต เมื่อธุรกิจเราเริ่มโตขึ้น ธรรมชาติจะสร้างสมดุลย์ให้เขาเอง อย่ารีบร้อนด่วนรวบรัดอะไรไปก่อน จขกท ไม่ต้องห่วงในเรื่องของงานหนักหรืองานเบา เพราะท้ายที่สุด จขกท จะได้ประโยชน์สูงสุด และ เป็นคนเดียวที่จะไปเปิดธุรกิจเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร เพราะเป็นคนเดียวที่ทำแทบทุกอย่าง แตกต่างจากคนอื่นที่จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เคยสะสมอะไร ไม่เหมือน จขกท ขยันเพาะเมล็ดพันธ์ รอเวลาเก็บเกี่ยวในไม่ช้า พ่อ แม่ ของ จขกท ท่านอาจกำลังคิดอะไรโดยที่ตัวคุณเองอาจจะยังไม่รู้ อาจจะยกกิจการทั้งหมดให้ หรือ กำลังมองหาทำเลใหม่เพื่อเปิดสาขา โดยให้ จขกท เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว มาถูกทางแล้วครับ เหลือระยะทางอีกนิดเดียวก็จะถึงปลายยอดแล้ว อย่ารีบคว้าในขณะที่เวลายังมาไม่ถึง จากคุณ : Benny T เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 15:35:26

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ากิจการที่ทำเป็นรูปแบบบริษัท เอาให้แฟร์ที่สุดคือ บริษัทควรทำเอกสารเพื่อแต่งตั้งผู้ที่เหมาะสม(สามารถเป็นผู้ถือหุ้น หรือผู้มีความสามารถ) มาดูแลและจัดการกิจการในบริษัทได้และผู้ดูแลกิจการแทนนั้น ก็จะต้องได้รับเงินเดือนด้วยครับ น่าจะประชุมผู้ถือหุ้นประมาณนี้นะครับ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นยอมเซ็นเอกสารอนุมัติให้เราดูแลกิจการ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ดูแลกิจการ ก็จะได้แค่ปันผลจากหุ้นบริษัทตามอัตราส่วนหุ้นที่ถือ อย่างนี้น่าจะแฟร์สุดแล้วครับ ไม่งั้นก็แปลว่าคุณทำงานฟรี อย่างนี้คุณไม่จำเป็นต้องทำก็ไม่ผิด จากคุณ : jleelight เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 15:51:10

ความคิดเห็นที่ 4 อันนี้ผลรวมก็คือ โดนเอาเปรียบทำงานหนักแล้วเงินน้อย มองย่อยมานิดนึง เบื่อเพราะโดนเอาเปรียบ(แปลว่า ส่วนแบ่งเท่านี้โอเคอยู่แล้ว) หรือว่าเซ็ง เพราะได้เงินน้อย (หมายถึงให้ทำเท่านี้ก็โอเคแล้ว แต่รู้สึกว่าควรได้ส่วนแบ่งมากกว่านี้) ระบบแบบกงสีคงต้องคุยกันแหละมั้งครับ ให้มีคนมาร่วมทำงานมากขึ้น (ถ้าเป็นว่าเบื่อเพราะโดนเอาเปรียบ) หรือ ขอสัดส่วนกำไรมากขึ้นหากจะให้ทำงานเท่านี้(หากเซ็งเพราะว่าเงินน้อย)  แต่ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง หรือยังรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบอยู่ แนะนำให้ถอยครับ เรื่องพ่อแม่ คุณทำงานกิจการของตัวเองคุณอาจหาเงินให้ท่านได้มากกว่านี้ครับหากมันก้าวหน้าไปมาก อีกอย่างถ้าธุรกิจมันทรุดหลังคุณออกมา คุณกลับไปช่วยตอนนั้นอาจมีคนเห็นค่ามากกว่าตอนนี้นะครับ เรื่องระบบคล้ายๆกงสี นี่ผมฟังมาเยอะเหมือนกัน มัน work สุดใน เจเนอเรชั่นปากกัดตีนถีบ พี่น้องทุกคนขยันเท่าๆกัน แต่มันแย่สุด ตอนที่อะไรๆลงตัวแล้ว ลูกหลานที่ขึ้นมาสืบทอด รักแต่สบายไม่ช่วยกันเหมือนเมื่อก่อน ประเมินสภาพรอบตัวแล้วตัดสินที่ตัวเองสบายใจครับ จากคุณ : ดด (dogdig) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 16:05:19

ความคิดเห็นที่ 5 http://dcs-digital.com/moneychannel/program.php?listid=5 เลือกของวันที่ 13 เมษา มาดูครับ จากคุณ : MiracleDhan เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 16:31:10

ความคิดเห็นที่ 6 ในกรณีที่กำไรแบ่งกัน 5 ส่วน อันดับแรก สร้างค่าใช้จ่าย ตัวที่เป็นเงินเดือน ของคุณเองขึ้นมา เช่น เดือนละ 40000 บาท (ประมาณ คุ้มงานที่ทำ) แล้วค่อยนำกำไรที่เหลือ ไปจัดสรรปันส่วน ใครเข้ามาทำงานก็แบ่งรับกันไป เหลือ ค่อยจัดสรรกำไรในหุ้นส่วน จากคุณ : :::GANTZ::: เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 16:52:52

ความคิดเห็นที่ 7 ผมก็เคยผ่านภาวะแบบนั้นมาก่อนครับ.... แต่ก่อนที่ผมจะกระโดดลงไปทำเต็มตัวนั้น ต้องคุยกับหุ้นส่วนทุกคน ให้เข้าใจก่อน โดย ตัดความเป็นพี่น้องออกไปก่อน(เรื่องงาน และเงิน) คุยกันทุกเรื่องให้เข้าใจ ............. หลังจากคุยกันรู้เรื่องแล้ว ค่อยจัดสรรหน้าที่ ลงในตำแหน่งต่างๆ โดยกำหนด เงินเดือน ที่เหมาะสม... แล้วค่อยถามหุ้นส่วนว่าจะจัดใครลง ตรงตำแหน่งใหน.. หรืออาจจะคิดในรูป %กำไรที่ได้รับก็ได้.... ..... จากนั้นค่อยเป็นค่อยไปปรับไปเรื่อยๆ ก็จะลงตัวไปโดยอัตโนมัติครับ... จากคุณ : maxtao เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 16:53:53

ความคิดเห็นที่ 8 ตั้งเงินเดือนตามความรับผิดชอบของแต่ละคนเลยครับ กำไรที่เหลือจากจ่ายเงินเดือนแล้วค่อยมาแบ่งเท่าๆกัน จากคุณ : uchchasawad เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 17:02:10

ความคิดเห็นที่ 9 แบบนี้เค้าเรียกธุรกิจการเมือง ขั้นแรก ต้องรู้เรา รู้เราคือรู้จักตัวเราอย่างแท้จริง อย่าเข้าข้างตัวเอง ในกรณีคุณธุุรกิจเกิดขึ้นมาก่อนคุณเข้ามา ต้องประเมินถึงต้นกำเนิดว่าเป็นมาอย่างไร ถ้า พ่อ แม่ ญาติที่เป็นหุ้น มีสัญญาใจกันไว้เช่น ก่อนหน้านี้ใกล้เจ๊ง ญาติสองคนนั้นบริหารจนรอด แล้วพอถึงรุ่นคุณจะตีจาก ระวังได้มากกว่าเสีย Connection ที่คุณอ้างว่าคุณสร้างมาเอง ถึงเวลาต้องเลือกเขาจะเลือกใครระหว่างคุณกับญาติ จริงอยู่ตอนนี้ต้องซื้อขายกับคุณเพราะคุณมีอำนาจนี่ ถ้าถึงขั้นต้องเลือกแล้วลูกค้าเลือกซื้อญาติ คุณจะเสียหาย รู้เขา คุณต้องรู้จักญาติอีกสองคนเป็นอย่างดีด้วยว่ากำลังเขามีแค่ไหน ถ้าคุณไปเล่นการเมืองแล้วเขาแยกตัวออกไปสู้ธุรกิจด้วยเงินทุนที่หนากว่า คุณจะเสียหาย ผมขอเสนอให้หยั่งกำลังดูก่อนด้วยการขอเพิ่มทุน เก็บข้อมูลว่าใครพร้อมเพิ่มทุนบ้าง ถ้าคนที่พร้อมเป็นฝ่ายเราก็จัดการขอเพิ่มทุนเพื่อลดปริมาณหุ้นส่วนที่เป็นปลิง หรืออีกวิธีคือถ้าคุณมั่นใจว่าสายคุณแข็งก็วางตัวคนของคุณเองเข้าไปอยู่ส่วนสำคัญ เวลาวัดกันเอาฝ่ายขาย ฝ่ายตลาดมาให้ได้ สำคัญมาก อีกอย่างครับ อย่าใจร้อนค่อยๆเป็นค่อยๆไป บริษัทใช้เวลาหลายปีกว่าจะสร้างมาเพราะฉนั้นก็ใช้เวลาหลายปีกว่าจะเปลี่ยนอะไรได้ ใจเย็นๆมองภาพยาวๆ รุ่นพ่อ แม่ ดูดได้ดูดไป รอดูดกลับรุ่นลูกก็ยังไม่สาย จากคุณ : Securesoft เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 17:45:04

ความคิดเห็นที่ 10 นี่แหละที่ทำให้เราไม่ทำต่อธุรกิจที่บ้าน ออกมาทำเอง สบายใจกว่ากันเยอะ ^^ จากคุณ : = คิดผ่านสมอง ทำด้วยหัวใจ = เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 20:39:51

ความคิดเห็นที่ 11 เราเหมือนเจ้าของกระทู้ แต่ มี เงินเดือน แล้ว ค่อยรับปัน ผล แต่ ก็ยังคิดว่า คนอื่นทำไม สบายจัง จากคุณ : jovee (jovee) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 20:54:45

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องแบบนี้ คุยได้แค่บางบ้าน บางบ้านคุยยังไงก็ไม่มีใครยอมใคร บางคนไม่ทำก็จะเอาเยอะ หาว่าเป็นของพ่อแม่แต่เก่าก่อน ตนต้องได้มันไปตลอด (โดยไม่ทำอะไร) เรื่องนี้พูดยากจริงๆ จากคุณ : angelzpuu เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 14:14:21