ความคิดเห็นที่ 1 ก็ถอดล็อคอินซิคะ แล้วโพสต์ตามห้องต่างๆ บอกว่า จะไปร้านนี้ เนื่องจากต้องการนั่น นู่น นี่  ง่ายมากเลยค่ะ จากคุณ : Malisa in England เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:18:31

ความคิดเห็นที่ 2 เอาใจช่วยค่า จากคุณ : NaMeMo เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:18:38

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วเค้ารูดอะไรออกไปครับ จากคุณ : deacha2000 เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:19:10

ความคิดเห็นที่ 4 ออ ไม่ได้กลัวเรื่องล็อกอินครับ แต่กลัวแบบถ้าทางร้านรู้ก่อน สมมติว่าเค้าลบกล้อง หรือ ทำลายหลักฐานอย่างงี้อ่าฮะ   ร้ามานคงไม่มาอ่านหรอกมั๊งเนอะครับ^^ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:30:06

ความคิดเห็นที่ 5 มันผิดปกติมากครับ ร้านค้าปกติไม่กล้าหรอกครับ ร้านผมรับบัตรก็ยังต้องระวัง ดูชื่อ ดูลายเซ็นลูกค้า ปกติแบงค์จะโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้าในวันรุ่งขึ้นเลย ร้านที่กล้ารับ ผมว่าโง่มาก จากคุณ : อมยิ้มไม่หวาน เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:33:18

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณธนาคารกสิกรไทยเรื่องความรวดเร็วด้วยครับ แต่ธนาคารคงไม่รับรู้อะไรด้วย เค้าบอกนะครับ เราต้องไปจัดการเอง ^^ เค้าเอาไปใช้ครั้งแรกตอน 1.55น.ครับ 20000 บาท ครั้งที่2   1.57น.  30000 บาท ผมอายัดไป2.00น.  ซึ่งเค้าบอกว่า พอใช้เสร็จ เงินก็ออก ไม่เกี่ยวกับทางเค้าแล้ว แล้วทางกสิกร แจ้งรหัสcode แล้วก็เบอร์เครื่องรูดมาหมด แต่เค้าไม่รู้ ที่อยู่ มันไม่น่าเป็นไปได้รึเปล่าครับ เพราะอี๊ผม ที่เป็นร้านเครื่องประดับร้านใหญ่เค้าก็บอก ยังไงก็ต้องมีเบอร์โทรร้าน แล้วก็  ที่อยู่ว่าแถวไหน ซอยไหน แน่นอน นี่ผมต้องมานั่งsearch แต่มันไม่เจอ เดี๋ยวผมจะถามเค้าอีกรอบนะครับ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:38:18

ความคิดเห็นที่ 7 คห5. ใช่ครับ อี๊ผมก็บอกมันผิดปกติมากๆ 1.คือ ตัวเลข มันกลม คือ2ถ้วนกับ3ถ้วน  และในบัญชี มี5หมื่นเศษๆพอดี มันรูด2ทีหมดเลย 2.คือ อี๊ผมบอกว่า แบงค์ ที่ร้านเค้า มันจะเคลียร์ริ่งกัน10โมง มันไม่ใช่กลางดึกแบบนี้   แล้วอายัดช้าไปแค่5นาที เงินมันไม่น่าจ่ายเข้าไปเร็วอย่างงั้น ชื่อหลังบัตร เซ็นยังไง เดี๋ยวต้องตามให้เจอแล้วดูสลิป ขอบคุณพี่ตำรวจ สน.ทองหล่ออีกทีครับ เดี๋ยวเสร็จคดี จะมาเล่าให้ฟังว่าเคาหล่อ และบริการยังไง ผมไม่เคยเจอแบบนี้แล้วกัน^^ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:40:48

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้ารูดครั้งละ 20,000และ 30,000 ถ้วนๆ ไม่มีเศษ เช็คสต๊อกของร้านค้า(จากเครื่องแคชเชียร์ของร้านในเวลาดังกล่าวถ้าไม่มีรายการขายสินค้าตรงตามจำนวนเงินดังกล่าว) ก็หมายความว่าเจ้าของร้านก็ร่วมอยู่ในขบวนการ งานนี้คงได้คืน นอกจากเจ้าของร้านยอมติดคุก  รู้ว่าร้านไหนควรรีบนำตำรวจไปตรวจสอบเลย ก่อนจะรู้ตัวแล้วสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา จากคุณ : chandeesuper เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:51:05

ความคิดเห็นที่ 9 นี่ล่ะครับ ที่ผมอยากนำมาถามที่นี่มากๆ เพราะผมไม่แน่ชัดว่าร้านมันยังไง เพราะเจอแต่ในเฟส แต่ก็ไม่แน่ว่าใช่มั๊ย แต่ชื่อร้านนี่คือ กสิกรโทรมาแจ้ง2รอบเลย และผมให้เค้าช่วย สะกดทีละตัวกันพลาดด้วยครับ จึงถูกต้องแน่นอน ผมว่าถ้าโพสชื่อ คนที่นี่คือเบอร์1ของเมืองไทยเรื่องสืบ ยังไงก็รู้แน่ แต่2คม คือกลัว ร้านเห็นก่อนแล้ว  จะไปสร้างอะไรเทจ แต่ผมว่าคงสร้างยากมั๊งครับ เพราะ รหัสเครื่อง กับ coad ตอนรูด มีหมดเลย ร้านเดียวกัน ที่เดียวกัน   เป็นร้าน ขายของหรูนิดนึงครับ วันที่มันล้วงไป มันถือกระเป๋าแชแนล มา เพื่อนผู้หญิงบอกนะครับ แต่ไม่รู้ว่าเก๊หรือแท้ประการใด จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:56:53

ความคิดเห็นที่ 10 ให้กะเทยที่ไหนขโมยบัตรไปได้เนี่ย คิดว่าเขาน่าจะไปกดที่บาร์เกย์รึเปล่า น้องเตยช่วยหลังไมค์ไปหาพี่ลูกเจ๊หน่อย เสนอตัวขอชื่อร้านหน่อย เผื่อจะรู้ว่าอยู่แถวไหน ทำไมกะเทยทำแบบนี้นะ  เสียชื่อกะเทยไทยใจกล้าหาญหมด เอ! ว่าแต่ ตำรวจที่ว่าหล่อนั่นเขาไม่รู้จักร้านนั้นหรอ ............................ แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 55 19:02:55 แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 55 18:58:20 จากคุณ : ตี๋แก้มยุ้ย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 18:57:46

ความคิดเห็นที่ 11 ออ ผมโดนล้วงที่ร้านนั่งเล่นครับ   นี่กำลังหาข้อมูลร้านนี้ เพื่อให้ได้เยอะที่สุด พี่สายสืบเค้าบอกว่า น้องหาให้ได้เยอะที่สุดนะครับ แล้วพี่มีวิธีจัดการของพี่เอง ผมเลยจะหาข้อมูล รวบรวม พรุ่งนี้ นัดจะไปเจอเค้าครับ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 19:07:46

ความคิดเห็นที่ 12 จริงๆโทรไปถาม บ.เครื่องรูดเค้าจะรู้ว่าร้านอยู่ไหน ลองขอเบอร์ บ.เครื่องรูดจากกสิกรดูนะคะ จากคุณ : mini_milk เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 19:10:11

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ถ้ามีความคืบหน้า พี่ลูกเจ๊หน่อย  มาเล่าสู่กันฟังนะครับ ..................... แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 55 19:35:50 จากคุณ : ตี๋แก้มยุ้ย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 19:14:46

ความคิดเห็นที่ 14 เอาใจช่วยนะ ตัวเอง จากคุณ : เทพสังวาลย์ เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:07:59

ความคิดเห็นที่ 15 พี่ครับ เค้าตรวจสอบแล้วครับ ว่าเครื่องรูด ไม่ได้เป็นของ ธนาคารกสิกรไทย แต่code เป็นของ ธนาคารอื่นแต่ไม่ทราบว่าอะไร  ธนาคารจึงไม่มีข้อมูง เบอร์โทร ที่อยู่ครับ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:09:32

ความคิดเห็นที่ 16 กสิกรไทยไม่ช่วยอะไรเลยหรือ จากคุณ : เขียนบน iPad (Daimon in the rough) เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:15:12

ความคิดเห็นที่ 17 ว่าแต่ ร้านนั่งเล่น มันอยู่ที่ไหนอ่ะ เชียงใหม่รึเปล่าครับ ............ เอ๊ะ! ไม่ใช่ซิ ที่เล่า มีตำรวจทองหล่อเข้ามา งั้นคงอยู่แถวสุขุมวิท .................... แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 55 20:20:46 จากคุณ : ตี๋แก้มยุ้ย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:18:46

ความคิดเห็นที่ 18 สุ้ๆครับ จากคุณ : ขอบคุณที่ตอบ เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:30:53

ความคิดเห็นที่ 19 ขอให้โชคดีได้เงินคืน และขอให้คนทำผิดได้รับโทษตามกฎหมายบ้านเมืองด้วยครับ จากคุณ : set2000 เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:31:01

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ใช่ลายเซ็นของเรา... Bank..ควรคืนเงินให้เรา...ถึงจะถูกนี่นา จากคุณ : . (รู้คุณ) เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:43:54

ความคิดเห็นที่ 21 รบกวนพี่ K.8888 ทีนะครับ ข้อมูลตามที่ส่งไป เหมือนเดิมครับ พี่ไปเช็ค คงทราบอยู่แล้วว่าร้านอะไร เครื่องอะไร coad อะไร ผมแค่แปลกใจว่าเงินตั้ง50000  อายัดห่างกันไม่ถึง5นาที ที่สำคัญคือ เครื่องธนาคารอื่น แต่บัตรกสิกร  ทำไม ทางธนาคารถึงปล่อยให้เค้า เอาเงินออกไปจากลูกค้าธนาคารง่ายจังครับ ทั้งๆที่อายัดแล้ว แล้วยิ่งต่างแบงค์กัน เงินมันไม่น่าไปเร็วแบบผิดวิสัยขนาดนี้   เเล้ว เงินจากกสิกร ไปเข้าที่อื่นก็จริง แต่เงินอ่าครับ มันก็น่าจะมีมากกว่าแค่ชื่อร้าน นี่ผมไม่ได้โวยวายหรือเรียกร้องอะไรนะครับ แต่เเค่ผมเป็นลูกค้าที่ซื่อสัตย์ และจงรักภักดี ต่อองค์กรนี้มากๆ ผมก็แค่อยากได้รับการคุ้มครอง ปกป้องจากสิ่งที่ผมไว้ใจอ่าครับ   เบอร์โทร เค้าก็บอกไม่ทราบ ร้านอยู่แถวไหน ตรอกอะไร ก็ไม่ทราบ มีแค่ชื่อ ผมคงจะตามหาลำบาก วันนี้ผมพยายามรวบรวมข้อมูลให้ได้เยอะที่สุด เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมพยายามแล้ว รู้ว่าอะไรควรได้ ไม่ควรได้ เพราะปรึกษาญาติๆทั้งสายธนาคาร สายตรงโดยเป็นร้านจิวเวลลี่มีเครื่องรูดแบบนี้เช่นกัน ผมไม่เรียกร้องอะไรนะครับ แค่อยากได้รับความช่วยเหลือนิดหน่อยเรื่อง เบอร์โทรร้านหรือที่อยู่ร้านแค่นี้ก็พอแล้วครับ รบกวนพี่ด้วยนะครับ^^ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:47:27

ความคิดเห็นที่ 22 คุณไปทานร้านอะไรไม่รู้เลยเหรอ..5นาที มันก้อรูดร้านที่คุณไปมั้ง จะไปไกลกว่านั้น ไม่น่าทันนะ แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 55 20:52:54 จากคุณ : bitter sugar เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:51:13

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงร้านที่คนร้ายนำไปรูด รู้ชื่อร้าน แต่มัน search หายาก เจอแต่หน้าเฟสหลายๆหน้า เลยจะถามข้อมูล เบอร์โทรร้านหรือที่อยู่ร้านก็ได้ครับ แต่ เค้าไม่รู้อะไรเลย  ผมไม่ได้ว่าเค้าปิดบังหรือ จะเรียกร้องอะไรนะครับ เเต่เงินมันมากอยู่นะครับสำหรับวัยรุ่นอย่างผม   ผมอาจจะสะเพราะที่โดนมิจฉาชีพล้วง แต่ ผมอายัด ตามหลังไปเพียง5นาที เงิน ต่างธนาคารด้วย เวลาตี2ด้วย ทำไมเงิน มันโอนเร็วขนาดนั้น ลายเซ็นอีก จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:54:45

ความคิดเห็นที่ 24 เพื่อเป็นความรู้ครับ ปัจจุบัน บัตรเครดิต  ถือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เงินเดือนไปเสียแล้ว เพียงเงินเดือนของท่านถึง ๑๕,๐๐๐ บาท ก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของธนาคารต่างๆ ได้  โดยการจูงใจให้สมัครผ่านของแถมมากมายจากเซลล์ซึ่งจัดโปรโมชั่นล่อลูกค้า และโดยช่องทางการสมัครที่มีหลากหลายไม่ว่าจะทางโทรศัพท์ หรือบูทสถาบันการเงินตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ แม้กระทั่งตลาดนัดของพวกมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ความสะดวกสบายในการใช้บัตรเครดิต เพื่อซื้อสินค้า หรือเบิกถอนเงินสดมาใช้ล่วงหน้าในจำนวนที่มากกว่ารายได้จริงสองถึงสามเท่านั้น ทำให้มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายนิยมมีติดตัวไว้ บางคนมีหลายใบ นอกจากจำนวนบัตรเครดิตและวงเงินที่ได้รับอนุมัติยังโชว์ถึงศักยภาพในทางการเงินของผู้ถือบัตรที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินต่างๆแล้ว ยังเป็นเสมือนเงินสำรองติดตัวให้อุ่นใจหากจะต้องใช้เงินฉุกเฉิน ท่ามกลางสถิติอาชญากรรมเกี่ยวกับบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นทุกปี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๗/๑-๗ หมวดความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ได้ถูกแก้ไขเพิ่มเติมในปี พ.ศ.๒๕๔๗ให้มีบทลงโทษการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการปลอมแปลงและหรือการนำบัตรเอทีเอ็ม และบัตรเครดิต ซึ่งตามกฎหมายใช้คำว่า “บัตรอิเล็กทรอนิกส์”  ของบุคคลอื่นไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการกระทำความผิดดังกล่าวมีโทษจำคุกสูงสุดถึงสิบปี หรือปรับถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แม้กฎหมายอาญาจะกำหนดอัตราโทษรุนแรงแค่ไหน แต่ในความเป็นจริง พวกมิจฉาชีพก็มิได้เกรงกลัวยังคงสรรหาวิธีการต่างๆ นาๆ เพื่อนำบัตรของผู้อื่นไปใช้โดยที่ผู้ถือบัตรไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะด้วยวิธีลักขโมย ปลอมแปลงข้อมูลบัตรเพื่อนำไปสร้างบัตรใหม่ขึ้นมาเพื่อนำไปรูดซื้อสินค้า หรือกดเงินสด (ในกรณีรู้รหัสผู้ถือบัตร) บางครั้งกว่าผู้ถือบัตรจะทราบแล้วอายัด ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว โดยเฉพาะการปลอมแปลงข้อมูลในบัตรเครดิตเพื่อนำไปสร้างบัตรเครดิตขึ้นใหม่ ผู้ถือบัตรอาจแทบล้มทั้งยืนเมื่อเห็นรายการการใช้บัตร (STATEMENT) ของตนส่งมา แม้ว่าผู้ถือบัตรจะรีบแจ้งธนาคารผู้ถือบัตรเรื่องบัตรถูกขโมยหรือถูกปลอมแปลงข้อมูล และธนาคารจะได้ทำการอายัดบัตรไว้แล้ว แต่ก็ยังอาจเกิดความเสียหายอยู่ดี ซึ่งความเสียหายนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ แน่นอนครับ จะให้ฝั่งผู้ถือบัตรรับผิดชอบได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้เป็นผู้ใช้ แต่ถูกผู้ร้ายกระทำให้เสียหาย ทั้งนี้มีคดีอุทาหรณ์เช่นนี้มากมายในต่างประเทศ และผู้ถือบัตรได้รับความคุ้มครองจากสถาบันการเงินเจ้าของบัตร โดยเมื่อได้รับแจ้งจากผู้ถือบัตรว่ามีรายการใช้บัตร (TRANSACTION) โดยบุคคลอื่นที่เจ้าของบัตรไม่ทราบเรื่อง สถาบันการเงินจะเข้าตรวจสอบรายการต้องสงสัยดังกล่าวภายในระยะเวลาพอสมควร และหากพบว่ารายการนั้น มิได้เกิดจากการใช้จริงของผู้ถือบัตร ผู้ถือบัตรก็ไม่ต้องผูกพันรับผิดในหนี้ที่ไม้ได้เป็นผู้ก่อขึ้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามส่วนฝั่งธนาคารเองก็ไม่รู้เรื่อง จะให้ธนาคารรับภาระหนี้ไปก็ไม่ยุติธรรมนัก แต่ถ้าจะให้ธนาคารไปไล่เบี้ยมิจฉาชีพให้มารับผิดชอบก็คงไม่ไหว  ดังนั้นธนาคารก็เล่นของตาย อาศัยสิทธิตามสัญญาการใช้บัตรเครดิต (ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บัตร) ตามที่ผู้ถือบัตรทั้งหลายได้รับเมื่อบัตรธนาคารส่งบัตรเครดิตมาให้ (แม้ในความเป็นจริงจะไม่เคยอ่าน) เพื่อเรียกร้องหนี้ดังกล่าวเอาจากผู้ถือบัตร มีหลายคดีที่ฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายเร่งรัดหนี้สินจัดการ  ทวงถามก็แล้ว เจรจาก็แล้ว แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่สามารถตกลงกันได้ ดังนั้นธนาคารจึงฟ้องคดีให้ผู้ถือรับผิดชอบชำระหนี้ดังกล่าว โดยผู้เขียนเห็นว่ามีคำตัดสินของศาลฎีกาที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อบรรดาผู้ถือบัตรเครดิตทั้งหลาย คือคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๘๔๐/๒๕๕๐ ที่ตัดสินให้ผู้ถือบัตรซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้ไม่ต้องรับผิดชดใช้หนี้ที่บุคคลอื่นนำบัตรเครดิตของธนาคารไปใช้ โดยการฟ้องร้องดำเนินคดีได้ยุติลงโดยจำเลยชนะติดต่อกันทั้งสามศาล จากคำพิพากษาดังกล่าวมีข้อควรพิจารณาที่สำคัญว่า “จำเลยจะต้องรับผิดชำระหนี้อันเกิดจากการที่มีบุคคลอื่นนำบัตรเครดิตของโจทก์ไปใช้ต่อเมื่อจำเลยได้ยินยอมอนุญาตหรือนำบัตรเครดิตของโจทก์ไปให้บุคคลอื่นใช้  การที่บัตรเครดิตของจำเลยถูกคนร้ายลักไปย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ยินยอมอนุญาตหรือนำบัตรเครดิตของโจทก์ไปให้บุคคลอื่นใช้ตามข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บัตรเครดิตแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ที่บุคคลอื่นนำบัตรเครดิตของโจทก์ไปใช้” ผู้เขียนเข้าใจว่า ในทางการพิจารณาคดี จำเลยได้นำสืบพยานหลักฐานให้ศาลได้เห็นประจักษ์ว่า บัตรเครดิตจำเลยหายไปจริง จำเลยจึงไม่ได้เป็นผู้ใช้บัตรตามจำนวนหนี้ที่ถูกเรียกร้อง โดยศาลมิได้คำนึงถึงว่าจำเลยได้แจ้งให้ธนาคารทราบทันทีเมื่อบัตรเครดิตสูญหาย ซึ่งผู้เขียนเห็นว่า ตามฎีกานี้ ท่านผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ได้ หากบัตรเครดิตของท่านถูกขโมย หรือข้อมูลในบัตรถูกนำไปปลอมแปลงเพื่อทำบัตรเครดิตขึ้นใหม่ ดังนั้น หากเกิดกรณีดังกล่าวกับท่านผู้อ่าน ผู้เขียนใคร่ขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านรีบไปดำเนินการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานทันที รวมทั้งติดต่อสถาบันการเงินเจ้าของบัตร และธนาคารแห่งประเทศไทย (ถ้าทำได้) เพื่อแจ้งให้ทราบและแสดงความสุจริตของท่านผู้อ่านว่า  บัตรเครดิตของท่านสูญหายไปจริง อย่างไรก็ตาม หากธนาคารแก้ไขปรับปรุงสัญญาการใช้บัตรเครดิตกำหนดให้ผู้ถือบัตรจะต้องรับผิดชอบในบรรดาหนี้ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากกรณีใดๆก็ตาม ผู้ถือบัตรจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ เพียงใดนั้น ผู้เขียนเห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวน่าจะถือว่าเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ เนื่องจากกำหนดให้ผู้ถือบัตรรับผิดเกินสมควร ซึ่งจะมีผลทำให้สัญญาข้อนั้นบังคับได้เท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น แม้จะมีคำพิพากษาฎีกาบัญญัติไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วก็ตาม แต่หากปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้ เชื่อว่า ธนาคารก็คงจะต้องเรียกร้องเอาจากผู้ถือบัตรให้รับผิดชอบอยู่ดี ผู้ถือบัตรที่ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย หรือคิดว่าสู้กับธนาคารก็มีแต่แพ้  อีกทั้งยังจะมีค่าจ้างทนาย  ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เสียเวลาขึ้นโรงขึ้นศาล หรืออาจเกรงว่าจะถูกขึ้นแบล็คลิสต์ของธนาคาร ก็คงจะชดใช้ (ผ่อน) หนี้ให้กับธนาคารไป  แต่ถ้าผู้ถือบัตรต้องการความยุติธรรม ผู้เขียนก็เชื่อว่า หากผู้ถือบัตรสุจริต กฎหมายก็มีช่องทางออกให้ เพียงแต่ขอให้ท่านตั้งสติให้ดี และปรึกษานักกฎหมายก่อน ก็จะมีทางออกให้กับปัญหานี้ได้ครับ ***************** ผู้เขียน: นายวรเศรษฐ์ เผือกสกนธ์ ที่ปรึกษากฏหมาย วันที่: 14 มกราคม 2011 http://www.dlo.co.th/node/372 จากคุณ : ใบชาลอยแก้ว เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 21:19:48

ความคิดเห็นที่ 25 ของผมไม่รู้ต่างกันมากแค่ไหน เพราะเป็นเดบิต เงินออกไปเกือบเกลี้ยงบัญชีแล้วครับ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 21:44:38

ความคิดเห็นที่ 26 หลังไมค์ชื่อร้านมาให้ผมจะช่วยหาให้ ปกติเครื่อง EDC ถ้าไม่ใช่ของ KBANK KBANK จะทราบไหมว่าเครื่องของธนาคารอะไร เอาใบแจ้งความ ให้พี่ตำรวจ ประสานจนท. แบงก์เจ้าของเครื่อง EDC ให้ข้อมูลออกมาว่าร้านอะไร อยู่ที่ไหน ให้พี่ตำรวจไปที่ร้าน ขอดูกล้องวงจรปิด  อย่าให้ตั้งตัว ให้พี่ตำรวจเอาภาพ เอากล้อง หรือเอาสำเนา มาตามตัวหาต่อ ตามจับยึดของกลางที่รูดมา เรื่องความเสียหายอันนี้ไม่แน่ใจ ต้องไปคุยกับธนาคารเอง จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 21:53:40

ความคิดเห็นที่ 27 ส่งไปแล้วครับพี่ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 22:10:39

ความคิดเห็นที่ 28 ขอให้ได้คืนเร็วๆ ครับ จากคุณ : fa_beer เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 22:29:47

ความคิดเห็นที่ 29 เจอแล้วนะครับ กำลัง up รูปให้ส่ง link จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 22:36:42

ความคิดเห็นที่ 30 ส่งไปแล้วครับ  หน้าร้าน แล้วก็แผนที่ เช็คหลังไมค์นะครับ เอาใจช่วยให้ได้คืน โชคดีนะครับ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 22:41:12

ความคิดเห็นที่ 31 ไหน บอกหน่อยค่ะอยากรู้จังเคสนี้..บ้านเราก็ไม่ไกลจากแหล่งร้านนี่เลย จากคุณ : bitter sugar เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 22:47:48

ความคิดเห็นที่ 32 พี่ครับ  ผมขอบคุณพี่มากจริงๆครับ ผมขอบคุณมากๆๆจริงๆตอนนี้ผมกำลังรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด ให้งานนี้ง่ายกับตำรวจที่สุด ได้คืนไม่ได้คืนอีกเรื่องนึง  แต่อย่าให้มันไปทำกับคนอื่นอีก ตำรวจก็เต็มที่ ไม่มองเป็นคดีเล็กน้อยเลย จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 23:02:56

ความคิดเห็นที่ 33 กลับมาเล่าต่อนะคะ  เป็นกำลังใจ... จากคุณ : bitter sugar เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 23:09:14

ความคิดเห็นที่ 34 คุณวิญญาณ เก่งจัง จากคุณ : beyond happiness เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 01:22:00

ความคิดเห็นที่ 35 ของ  จขกท. เป็นบัตรเดบิต  รูดปุ๊บไปปั๊บเลยค่ะ ไม่ต้องใช้รหัสหรืออะไรเลย อุปมาเหมือนเป็นเงินสดอยู่ในกระเป๋าแล้วโดนล้วงไปอย่างนั้นเลยค่ะ มันจะไม่เหมือนบัตรเครดิตที่รอเวลาตัดเงิน วิธีแก้คือพอได้บัตรมาต้องแจ้งทางคอลเซ็นเตอร์หรือกับธนาคารเจ้าของบัตรให้จำกัดวงเงินสำหรับเดบิตรูดซื้อของหรือชำระค่าบริการต่างๆ เป็น0บาท ก็จะใช้ได้เหมือนเป็นบัตรเอทีเอ็มธรรมดา ซึ่งต้องมีรหัส4ตัวกดเพื่อเอาเงินมาใช้ ไว้เวลาเรามีความจำเป็นต้องรูดเช่นไปต่างประเทศก็ค่อยเปิดวงเงินที่สามารถรูดได้ใหม่ ไม่ยุ่งยากค่ะ หรือถ้ามีอินเตอร์เน็ตแบ้งกิ้งก็ง่ายเลยไปเปลี่ยนวงเงินในเว็บได้ค่ะ วกกลับมาเรื่องปัญหาในกรณีที่แจ้งความโดยทราบร้านที่รูดบัตรว่าเป็นอะไรเวลาไหน ก็อาจจะมีหวังได้เงินคืนนะคะ เพราะอย่างว่าร้านอะไรรูดได้ตอนตี2 และรูดเยอะขนาดนั้นมันประหลาดไปส่อเค้ามิจฉาชีพเนาะ อย่างไรก็เป็นกำลังใจให้นะคะ และอวยพรขอให้ได้เงินคืนเร็วๆด้วยค่ะ ปล. บัตรเดบิตน่าจะมีระบบที่ต้องกดรหัสเวลาใช้รูด จะได้ปลอดภัยกว่านี้ นี่จ่ายค่าธรรมเนียมแพงกว่าเอทีเอ็มกลับต้องมานั่งระแวงกลัวบัตรหายเงินก้อนสูญในพริบตาซะงั้น แล้วถ้าจะเปลี่ยนเป็นให้รูดไม่ได้เป็น0บาท ก็เหมือนพกเอทีเอ็มธรรมดาไม่คุ้มค่าธรรมเนียมเลยจริงๆ จากคุณ : จอมนาง เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 01:57:14

ความคิดเห็นที่ 36 ครับ ผมเตรียมข้อมูลไว้มากพอสมควร โดยเฉพาะพี่วิญญาณ ผมขอบคุณมากจริงๆครับ เดี๋ยวผมจะมาแจ้งความคืบหน้สครับ บอกแล้วได้ไม่ได้ อีกเรื่องนึง แต่จะสู้ให้ถึงที่สุด จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 03:02:47

ความคิดเห็นที่ 37 ต่อให้เป็นบัตรเดบิต ... ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผู้ถือบัตรไม่ได้เซ็นชื่อ (ดูจากลายเซ็นในสลิป) ทางธนาคารก้อสมควรคืนเงินนะครับ ผมเทียบเคียงกับสมุดฝากเงินออมทรัพย์หาย ถ้าคนที่เก็บได้เอาไปเบิกเงินที่ธนาคาร (ถ้าเบิกสำเร็จปุ๊บ เงินก็ถูกตัดยอดทันทีเลย) แต่ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่าในใบสลิปเบิกเงินไม่ใช่ลายมือของเจ้าของบัญชี ... ธนาคารก็ควรคืนเงินเลย.. ไม่่ควรต้องดูข้อเท็จจริงอื่นใดประกอบอีก .. เพราะการรักษาความปลอดภัยของเงินในบัญชีควรเป็นความรับผิดชอบของธนาคาร .. ตราบใดที่เจ้าของบัญชีมิได้เซ็นชื่อลงในสลิปหรือให้รหัสของบัตรแก่บุคคลที่สาม ...... การตัดเงินภายใต้โดยระบบของธนาคารกับร้านค้าธุรกรรมนั้นๆย่อมไม่สมบรูณ์ตามเงื่อนไข ของการตัดบัญชี (ลายเซ็นไม่ถูกต้อง/ไม่มีรหัส) ถึงแม้นจะตัดเงินไปแล้วก็ต้องไปเอาผิดกับคนที่ตรวจสอบลายเซ็น.......ดังนั้นธนาคารจึงสมควรต้องรับผิดชอบที่ตัดเงินในบัญชีออกไป ..และควรคืนเงินทันทีโดยมิชักช้า..โดยมิต้องดูข้อเท็จจริงอื่นใดประกอบอีกต่อไป ยกตัวอย่าง เช่น  คนที่ถือเชคเดินทาง ในสมัยก่อน เวลาไปต่างประเทศ ก็ต้องลงลายมือชื่อก่อน เชคนั้นๆจึงจะใช้ได้ .... ถ้าเชคหายไปโดยขโมยนำไปใช้ซื้อสินค้าลงลายมือชื่อปลอมสำเร็จ..... และพิสูจน์ในภายหลังได้ว่าไม่ใช่ลายเซ็นของลูกค้า....ธนาคารยังต้องคืนเงินให้ลูกค้า . . . . แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 55 03:46:30 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 55 03:44:28 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 55 03:39:11 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 55 03:37:08 จากคุณ : . (รู้คุณ) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 03:34:44

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องนี้..ถ้าสอบถามไปที่ฝ่ายกำกับดูแลสถาบันการเงิน..ธนาคารแห่งประเทศไทย.. ทางฝ่ายกำกับฯ..น่าจะช่วยเหลือได้..ในการเจรจากับทางธนาคาร เพื่อให้คืนเงินให้ลูกค้า หรือถ้าอยากให้รวดเร็ว..กว่านั้น..แนะนำว่าลองติดต่อไปที่ฝ่ายตรวจสอบภายใน..internal audit .. ของทางธนาคารให้เขาช่วยเหลือตรวจสอบสอบสวนว่าเจ้าหน้าที่ของธนาคารตัดบัญชีลูกค้าโดยลายเซ็นไม่เหมือนได้อย่างไร...... ระบบภายในของธนาคาร..น่าจะวางไว้..รอบคอบพอสมควร..ถ้าถูกตรวจสอบ..น่าจะสามารถคืนเงินให้ลูกค้าได้ แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 55 04:11:09 จากคุณ : รู้คุณ เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 04:04:45

ความคิดเห็นที่ 39 เอาใจช่วยคะ ขอบคุณนะคะ ที่มา update เรื่อยๆ เพื่อนๆคนอื่นจะได้ระวังกันด้วย ** โดยส่วนตัว ไม่รู้จักบัตรเดบิตอ่าคะ ไม่รู้ว่าใช้ยังไง แต่ที่แน่ๆ ทางแบงค์เอง น่าจะช่วยเหลืออะไรบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่รูดผ่านเครื่องของแบงค์ เป็นของที่อื่น ก็น่าจะ check ให้ได้นี่ ไม่มี connection กับที่อื่นเลยเหรอไง 555 จากคุณ : = คิดผ่านสมอง ทำด้วยหัวใจ = เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 13:46:41

ความคิดเห็นที่ 40 ครับ พึ่งกลับจาก สน.ทองหล่อ นี่เดี๋ยวผมต้องไปห้าง ไปธนาคารต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยหาข้อมูลด้วย คืนนี้เค้าจะไปร้านที่พี่วิญญาณ หาเจอ ^^ แต่ตำรวจบอกเราต้องขอความร่วมมือกับธนาคาร ว่าเครื่องรูดหมายเลขนี้มาจากธนาคารอะไรยังไง  ครับ เพราะทางกสิกรบอกมีข้อมูลแค่นี้จริงๆ เฮ้อ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 16:11:34

ความคิดเห็นที่ 41 ติดตามด้วยคนครับ ช่วยอัพเดทด้วยนะครับ จากคุณ : กระป๋องแบน เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 16:55:06

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนนี้เจอร้านที่น่าจะแน่นอนแล้วครับ เป็นของแบงค์กรุงเทพ ร้านเปิดรอบดึก เปิดประมาณ3ทุ่ม คืนนี้ตำรวจจะเข้าไปครับ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 20:20:13

ความคิดเห็นที่ 43 มาช่วยลุ้นด้วยคนครับ จากคุณ : kjingjo เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 20:38:17

ความคิดเห็นที่ 44 ร้านนั้นงานเข้าแน่เลยครับ จากคุณ : กระป๋องแบน เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 20:50:59

ความคิดเห็นที่ 45 ร้านก็ถือว่าผิดปกตินะครับ รับรูดบัตร 2 ครั้งติดๆ กัน ยอดกลมๆ เหมือนกับสมรู้ด้วยหรือเปล่า จริงๆ ทางธนาคารเจ้าของเครื่องรูด ควรจะมีแบลคลีส พวกร้านค้าเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่หวังเอาแต่ค่าคอมพ์ แต่ใครจะโกงอย่างไรไม่สน เพราะต้องตามกันเอง ตรูเอาแต่ค่าคอมพ์อย่างเดียว เพราะถ้าโกงจริงๆ แบบ ขโมยบัตรปั๊บ มีที่รับรูดปุ๊บนี่ ไม่น่าจะทำแค่ครั้งเดียว จากคุณ : ไทยไชโย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 22:23:28

ความคิดเห็นที่ 46 เคสนี้ไม่ว่าจะจบยังไง ผมขอแนะนำว่า เราต้องตามให้ถึงที่สุดนะครับ งานนี้ถึงขนาดพี่สืบบอกว่าน้องครับ พี่ขอบคุณมากนะครับ คือเคสนี้. ต้องขอบพระคุณ พี่วิญญาน ความรัก อย่างสุดซึ้งครับ ในเว็บนี้ ผมส่งข้อมูลไปให้พี่เค้าเพียงไม่ถึง10นาที พี่เค้าส่งรูปร้านมาเลย ทั้งๆที่ผม ตามหาร้านนี้มางเน็ตทางโทรศัพท์ทัังวัน ถ้าคดีคืบยังไงผมจะมาแจ้งอีกทีครับ คดีนี้พี่ตำรวจดีมากนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่เก่ง แต่เราเป็นเจ้าทุกข์ก็เลยพยายามเต็มที่จนรู้ข้อมูล สถานที่  ชื่อร้าน จนทำให้งานเจ้าหน้าที่เค้าง่ายขึ้น คือคืนนี้อาจจะผิดร้าน งานนี้อาจจะไม่ได้เงินคืน อาจจะเหลว แต่ไม่เป็นไรครับ พยายามเต็มที่ แล้วถ้าทุกอย่างสรุป ผมจะมาตั้งสรุปอีกที ตอนนี้ผมก็รายงานในนี้ครับ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 22:52:40

ความคิดเห็นที่ 47 แนวโน้มดีมากๆครับ ตอนตามหาร้าน นี่ญาติผู้หญิงฟอร์มเดินผ่านแล้วดู ร้านเป็น. แนวหรู คนขายกับเด็กในร้านเป็รสาวประเภทสอง กำลังไหว้น้ำแดงเปิดร้านตอน 3ทุ่มครับ รอพวกพี่สืบไปคืนนี้ แล้วว่ากันครับ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 23:02:44

ความคิดเห็นที่ 48 ตามที่ผมเขียนใน 26 ครับ ขั้นตอนควรจะเป็นไปหา bank เจ้าของ EDC เอาหลักฐานเจ้าของ EDC เครื่องที่มีปัญหา ทั้งรายชื่อเจ้าของ EDC รายการธุรกรรมที่เป็นปัญหา ทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ถ้าไม่ทำแบบนี้ จู่ๆ เอาตำรวจเข้าไป ผมเป็นร้านค้า ผมจะหาช่องโต้แย้งได้ ถ้าเจอร้านจริงใจให้ความร่วมมือก็ดีไป แต่ถ้าเป็นร้านประจำที่รวมหัวกันเป็นขบวนการ อยู่ๆ จะไปขอกล้องวงจรปิด เขาอาจจะบอกว่าไม่มี หรือไม่ให้แล้วบอกว่าเสีย ทำล้ายทิ้ง ส่วนเรื่องช่วยหาร้านเป็นเรื่องเล็กน้อยครับ อย่าคิดมาก ก็ search หาใน google map street view ธรรมดา แต่ค่อยๆ ตัด/เพิ่มคำค้นนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ตัวเลือกที่เราไม่อยากดูมันขึ้นมา ตอนที่ผมหาได้ ผมหาได้ตามชื่อร้านกับจังหวัด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช่เลยทันที จึงจำเป็นต้องได้ข้อมูลเจ้าของ EDC และธุรกรรมรายการที่เป็นปัญหานั่นเอง ยังไงก็เอาใจช่วยนะครับ ขอให้ติดตามได้คืน โชคดีครับ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 23:41:33

ความคิดเห็นที่ 49 รออ่านความคืบหน้าและตามเอาใจช่วยอยู่ค่ะ จากคุณ : ซดกาแฟ เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 23:52:11

ความคิดเห็นที่ 50 เป็นยังไงบ้างครับ เงียบเชียว จากคุณ : กระป๋องแบน เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 18:20:18

ความคิดเห็นที่ 51 รอฟังอยู่อีกคนครับ จากคุณ : ยอดคะน้า เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 22:41:32

ความคิดเห็นที่ 52 หลายคนเอาใจช่วยและรอฟังผลอยู่นะครับ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 55 00:36:56 จากคุณ : Norma เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 00:36:04

ความคิดเห็นที่ 53 ตำรวจยังเงียบอยู่เลยครับ พรุ่งนี้เช้าจะโทรไปถาแล้ว มันจะออกมายังไงยังไม่รุเลยครับ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 02:30:35

ความคิดเห็นที่ 54 โทรไปถามมาแล้ว พี่เค้าบอกพึ่งเข้าไปร้านเมื่อคืนแต่ไม่เจอเจ้าของ.... ผมจะรอดูอีกวันนึง เค้าบอกคืนนี้จะเข้าไป ถ้าคืนนี้ ยังไม่โอเค ผมคงต้องดำเนินการเองแล้ว จะได้ทำหนังสือ จัดการอะไรไปตามขั้นตอน ทุกอย่าง จัดการเองได้หมด เหลือแค่ ผมไม่มีอำนาจในการเข้าไปขอตรวจสอบหรือจับกุม ผมเตรียมข้อมูลไว้ให้หมดแล้ว แต่งานพี่เค้าอาจจะเยอะ ผมเข้าใจ แต่ผมจะไม่ปล่อยให้มันเงียบแน่ๆ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 12:05:19

ความคิดเห็นที่ 55 มาตามอ่าน สู้ๆๆนะคะลูกเจ้หน่อย อย่าปล่อยให้คนขี้ขโมยลอยนวล  จะโพสอีกทีก้อโพสกระทู้ใหม่เลยนะคะ อ้างอิงจากกระทู้นี้.. จากคุณ : bitter sugar เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 15:11:40

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้าไม่ได้คืนแสดงว่าการใช้บัตรเดบิตอันตรายมากครับ มีหลักฐานขนาดนี้แต่กลับเอาผิดใครไม่ได้ จากคุณ : กระป๋องแบน เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 20:21:04

ความคิดเห็นที่ 57 ลองให้พี่ตำรวจไปเฝ้าที่ร้านทุกวัน ทุกวัน สัก 5 วันติดต่อกัน เดี๋ยวต้องมีคนมา clear แน่นอน เพราะลูกค้าจะไม่กล้าเข้า 555 เค้ากลัวรายได้หด กับเงิน 5 หมื่น ร้อนตัวแน่นอน จากคุณ : = คิดผ่านสมอง ทำด้วยหัวใจ = เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 21:41:49

ความคิดเห็นที่ 58 เบื่อแล้ว ตามให้ทุกอย่าง หลักฐานหาให้หมด ถ้าไม่เคลียร์แบบนี้ อยากจะลงไปเองมากเฮ้อ เงียบ โทรไปก็ไม่รับ จากคุณ : ลูกเจ๊หน่อย เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 23:50:22

ความคิดเห็นที่ 59 แตกกระทู้ดีกว่ามั้งครับ จากคุณ : กระป๋องแบน เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 08:37:52

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นด้วยค่ะ ต้องจัดการต่อเองแล้วล่ะค่ะ แตกกระทู้ด้วยก็ดี เพราะตกหน้าแรกไปเยอะแล้ว จากคุณ : ซดกาแฟ (ซดกาแฟ) เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 21:52:03

ความคิดเห็นที่ 61 อันนี้น่าจะคล้ายๆ กัน โดนทำบัตร ATM เมื่อไรไม่รู้ แล้วโดนถอน ของ KBank http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12000953/I12000953.html เคยเกิดกับ KTB แล้วธนาคารยินดีชดใช้ให้ แต่ ธนาคารอื่นๆ จะยินดีด้วยไหม "กรุงไทยเผยชดใช้เงินให้พ่อค้าผลไม้แล้วยันKTB Onlineปลอดภัย" http://www.ichumphae.com/topic.php?q_id=9792 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 16:41:56 จากคุณ : Spetsnaz เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 16:38:53