ความคิดเห็นที่ 1 ต้องอดทนครับ อย่างบัฟเฟ็ต เคยถือเงินสดรอซื้อหุ้น 3-4 ปี (เขารู้ว่ามันกระทิงเกินไป) แต่ใช่ว่าเราจะเอาอย่างเขาไปซะทุกอย่าง...หากเราพบหุ้นดี ๆ ที่เราคาดจะได้ผลตอบแทนที่ดีระยะยาวเราก็ซื้อ ๆ เก็บไว้   หากยังไม่มีหุ้นสักตัวในพอร์ตมีแต่เงิน  ก็อาจจะซื้อ ๆ ไว้บ้าง  ณ ดัชนีระดับนี้อย่าซื้อจนเงินหมด จากคุณ : HeroLateGame เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 19:29:20

ความคิดเห็นที่ 2 VI ของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ ถ้าคำนวนแล้วผลตอบแทนปัจจุบัน เป็นที่น่าพอใจ ก็ซื้อได้ แต่ถ้ายังไม่พอใจก็รอไปก่อน ตอนนี้หุ้นบ้างตัวยังปันผล 8-9% ต่อปี ณ ราคาปัจจุบัน จะซื้อแบบนี้ก็ยังได้ จากคุณ : ไก่อลาสก้า เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 19:34:26

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่มีใครรู้อนาคต และเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีต ชั่งดูครับ แบบไหนปวดใจกว่ากัน   จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 19:38:19

ความคิดเห็นที่ 4 ขอเพิ่มเติมครับ ตอนนี้ยังไม่มีหุ้นใน port เลยครับ ทำอย่างไรดี จากคุณ : MoneyPlan เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 19:38:39

ความคิดเห็นที่ 5 เล่นพอร์ตหุ้น จำลองไป พันธ์ทิพย์ ไปก่อนก็ได้ครับ จากคุณ : ผ่านมาดู เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 19:41:24

ความคิดเห็นที่ 6 กลับไปทบทวนว่า ทำไมเราถึงอยากเป็น VI จริงๆมันเหมาะกับตัวเราแค่ไหน การลงทุนแบบเน้นคุณค่าคืออะไร ฯลฯ ผมว่า ถ้าเราทราบคำตอบเหล่านี้ เราจะตอบตัวเองได้ครับว่า เมื่อไหร่เราจะตัดสินใจลงทุน หรือจะไม่ลงทุน มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม จากคุณ : noooon010 (noooon010) เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 19:45:41

ความคิดเห็นที่ 7 VI ไม่ดูกราฟ ดูแค่ราคา และมูลค่าบริษัท ^^ จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 19:50:47

ความคิดเห็นที่ 8 นักลงทุนแต่ละคนประเมิณมูลค่าของบริษัทเดียวไม่เท่ากัน บางคนประเมิณว่าสูงไป  บางคนว่าต่ำกว่ามูลค่า เพราะฉะนั้นไม่ว่า Set มันจะขึ้นสูงไปไหน แต่ถ้าเราประเมินว่ามันยังต่ำอยู่เราก็สามารถซื้อได้  แม้มันจะลงเราก็ทยอยเก็บเพราะเราคิดว่าบริษัทแข็งแกร่งเพียงพอในระยะยาว ปล. แต่การประเมิณคุณค่าบริษัทใช่ว่าที่คิดจะถูกเสมอไปนะครับ จากคุณ : ยอดดอยสินธร เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 20:14:47

ความคิดเห็นที่ 9 ทนดอยได้ไม่กระสับกระส่ายก็พอไหว จากคุณ : มาล่ะเน้อ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 20:27:01

ความคิดเห็นที่ 10 หุ้นทุกตัวไม่ใช่ หุ้น VI เพราะฉะนั้นจะบอกว่า ตอนนี้น่าซื้อหรือยัง ก็ต้องถามกลับไปว่า ตัวไหนล่ะครับ หุ้น VI เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีปันผลที่ดี แต่ราคาถูกกว่าความเป็นจริง นั่นคือช่วงเวลาที่น่าเก็บ แต่ถ้าราคาสูงกว่าพื้นฐานเขาก็ขาย เพราะฉะนั้น VI ก็ไม่ใช่ว่าจะขายได้ในราคาสูงสุด แค่ประเมินว่าเกินพื้นฐานก็คือขาย บางคนคิดว่าหุ้น VI คือ หุ้นประเภท 5 เด้ง 10 เด้ง ผมคิดว่าคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมว่า จขกท. ยังไม่เข้าใจหลักการ คงต้องไปศึกษาเพิ่มเติม จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 20:37:51

ความคิดเห็นที่ 11 #10 รบกวนช่วยอธิบายหลักการด้วยนะครับ หรือแนะนำแหล่งข้อมูลก็ได้ครับ จากคุณ : MoneyPlan เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 20:48:43

ความคิดเห็นที่ 12 แนวทางการลงทุนแบบ VI เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง นักลงทุนแบบ VI เป็นศิลปินในลักษณะหนึ่ง เรื่องแบบนี้ บางเรื่องไม่ใช่เรื่องของศาสตร์อย่างเดียว บางทีผมมองว่ามันเป็นศิลปะมากกว่าด้วยซ้ำไป จขกท. ลองตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า จริงๆ แล้วทำไม จึงสนใจการลงทุนในแนวทางแบบนี้ และทำไมไม่สนใจ แบบอื่นมากกว่า แล้วค่อยมาว่ากันอีกรอบก็ยังไม่สาย หมายเหตุ นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า เขาซื้อหุ้นตั้งแต่ 600-700 จุด ป่านนี้ยังไม่ได้ขายเลยครับ กำไรเนื้อๆ ทั้งปันผลทั้งราคา หุ้นไม่รู้เท่าไรแล้ว แต่อย่างว่าจะครับ โอกาสมีเสมอ เพียงแต่ว่าจะเห็นแล้วกล้าพอหรือเปล่าเท่านั้นเอง จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 20:50:38

ความคิดเห็นที่ 13 ซื้อตอนนี้ คุณไม่รอด ไม่ต้องเชื่อผม.....เพราะผมเตือนคุณแล้ว ย้อนกลับไปหา กระทู้ จขกท. อยากเป็น Value Investor จริงๆ แล้ว ตอนนี้น่าจะตอบตัวเองได้ อย่างน้อยว่าหุ้น อุตฯ ไหนน่าลงทุน และรายตัวในอุตฯ นั้นๆ เล็งตัวไหน และเล็งไว้ที่มูลค่าเท่าไหร่ มี Margin of Safety เท่าใด ถ้าเข้าลงทุน ถ้าตอบไม่ได้ หรือไม่เข้าใจบ้างเลย ยังเป็น VI ไม่ได้นะจ๊ะ จากคุณ : Golden Thread เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 20:52:51

ความคิดเห็นที่ 14 #11 สนใจเพราะว่าต้องการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดี ความเสี่ยงต่ำ ไม่ต้องติดตามทุกวันครับ เหมือนซื้อธุรกิจ โดยไม่ต้องเริ่มต้นเองครับ จากคุณ : MoneyPlan เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 20:53:13

ความคิดเห็นที่ 15 #13 หุ้น อุตฯ ไหนน่าลงทุน - ประกันชีวิต รายตัวในอุตฯ นั้นๆ เล็งตัวไหน - SCBLIF และเล็งไว้ที่มูลค่าเท่าไหร่ - 380 มี Margin of Safety เท่าใด - อันนี้ยังไม่เข้าใจครับ  รบกวนชี้แนะด้วยครับ จากคุณ : MoneyPlan เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 20:58:48

ความคิดเห็นที่ 16 คห 15 Margin of Safety หรือ ผลตอบแทนคาดหวัง ถ้าลงทุนในราคาวันนี้ วัดความเติบโตถึงปีปัจจุบัน ตอนนี้มี Margin of Safety อยู่ 6.8x % ซึ่งถือว่าราคายังพอไปต่อได้ แต่ อย่าลืมว่า ด้ายทองคำเคยคะนึงกลุ่มนี้ว่ามี Margin of Safety สูงสุดที่ 5.x % ก่อนตลาดถล่ม ซึ่งนั่นหมายถึง คุณอาจเหลือส่วนต่างความปลอดภัยอีกแค่ 1% ....ดังนั้น สำหรับผม ณ ราคา วันนี้ 540 บาท แพงมากแล้ว แต่ยังไม่มากที่สุด ถ้าจะมองว่ากอดบริษัทนี้ เหมือนธุรกิจตัวเอง ยาวแบบลืมตายไปเลยนะครับ ด้ายทองคำ ยังไม่เข้าลงทุนเด็ดขาด อ่าน Blog เรื่อง Swing Asset ของด้ายทองคำดูสิครับ ผลตอบแทนปีละ 2xx % อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเวลาตลาดเป็นแบบนี้ อย่ายึดติดพาหนะลงทุน ตัวไหนพาเราไปถึงจุดหมาย เลือกตัวนั้น.... ป.ล. คุณก็ยังบอกเองด้วยว่า คุณมองมูลค่าไว้ 380 ราคาวันนี้ตั้ง 540 จริงๆ ผมไม่ต้องบอกอะไรเลย คุณก็เห็นเองว่าแพงกว่า อ้อ อีกอย่าง Net Margin ทำไมมันน้อยจังครับ ไม่เคยเกิน 8% ทำธุรกิจอะไร สุดท้ายกำไรสุทธิ 8 บาท จากรายรับ 100 บาท ผมว่าธุรกิจนั้นๆ ยังไม่เก่งจริงนะครับ คุณลองไปดู Net Margin ของ 3 แบงค์ใหญ่ดูสิ มันห่างไกลกันลิบลับเลย แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 55 22:17:33 จากคุณ : Golden Thread เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 21:16:41

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านหนังสือให้เยอะ  แล้วจะพบแนวทางของคุณ ดาบอย่าฟันบ่อยครับ5 จากคุณ : ประลองยุทธ์ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 21:31:04

ความคิดเห็นที่ 18 #16 ด้ายทองคำ ? จากคุณ : MoneyPlan เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 21:37:47

ความคิดเห็นที่ 19 อ๋อ ชื่อผมไง Golden Thread ในบอร์ด เขาชอบเรียกชื่อไทยๆ แปลว่า ด้ายทองคำ นะครับ จากคุณ : Golden Thread เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 22:06:02

ความคิดเห็นที่ 20 ขอออกความเห็นในฐานะที่มี SCBLIF นะครับ จขกท คงไม่ได้ประเมินราคาจาก กำไรปีที่แล้วประมาณ 38 บาท เลยให้ PE 10 เลยราคา 380 นะครับ ตัวนี้เป็น growth stock ระดับเทพเลยนะครับ  เติบโตย้อนหลัง 23 ปี 18% ทบต้นครับ โตระดับนี้ได้นานขนาดนี้ผมยังไม่เคยหุ้นตัวไหนทำได้มาก่อนเลยครับ  และมองอนาคตก็ยังสดใสมากๆ growth ขนาดนี้เป็นเวลาขนาดนี้  และโอกาสในธุรกิจเป็นอย่างนี้ 380 คงไม่มีใครขายครับ จากคุณ : เขียนบน iPad (nasunap) เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 23:05:23

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าจะเป็น VI ต้องทุ่มเทให้กับการศึกษาหาความรู้นะครับ ไม่ใช่เป็น VI แล้วมากังวลเรื่องกราฟว่าจะเข้าจะออกตอนไหน เพราะ VI จะเข้าก็ตอนราคาถูกกว่าพื้นฐานและออกตอนเต็มมูลค่า เท่านั้น จากคุณ : Am_hilo เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 23:49:46

ความคิดเห็นที่ 22 การลงทุนในแนวvi ต้องให้ความสำคัญของตัวหุ้นและกิุจการในตัวหุ้นที่เราลงทุนครับ ค่า pe อาจเพี้ยนจากกำไรที่ผันผวนครับ ส่วน pbv นั้นแทบจะเป็นของจริงครับ ต้องศึกษาโครงสร้างของกิจการก่อน และต้องคิดแบบ vi ครับ จงกล้าในวันที่คนกลัว และกลัวในวันที่คนอื่นกล้า ลงทุนในกิจการไม่ใช้เก้งกำไรราคาหุ้น นี้คือแนวพื้นของ vi ครับ จากคุณ : value invester (value invester) เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 00:08:41

ความคิดเห็นที่ 23 ทำตัวให้เป็นผู้บริหารของกิจการที่เลือกลงทุน มองรอบตัวให้เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ลงทุน หากรอบตัวไม่สามารถขยายธุรกิจได้...ก็อย่าหลอกตัวเอง ให้ลาออก(ขายหุ้น)...แล้วมองหาธุรกิจตัวอื่น...เพื่อเข้าบริหารต่อ กรณีประกันชีวิตไทยพาณิชย์...ดูว่าอ้างอิงกับอะไร..มีอะไรเป็นของขาย และขายยังไง...จะขายได้อีกนานมั้ย...มีคู่แข่งรึเปล่า ส่วนตัว...SCBLIF...บังคับพนักงานแบงค์ขาย...ขายพ่วงกับบัตร..สินเชื่อ ดังนั้นตัวเลขจำนวนพนักงานจึงสำคัญ...อย่าลืมว่าประกันชีวิตต้องมีคนบิ้ว ไม่มีใครที่ไหน...อยากเดินเข้ามาแล้วบอกว่า...พี่ครับ ขอทำประกันหน่อย คู่แข่งเป็นยังไง...เราได้ทำ brand image แข่งมั้ย...ได้ดำน้ำ เรลลี่ ตีกอล์ฟ หรือ...สูงวัยไม่ต้องตรวจ..รึป่าว....ถ้าไม่....แล้วเราเอายอดมาจากไหน บลาๆๆๆๆ VI คือ คุณจะไปเป็นผู้บริหาร...โดยเล่นตัว...และทำการสัมภาษณ์บริษัทคืน..ก่อนตกลงทำงาน(หรือซื้อหุ้น นั่นเอง) ปล.ความเห็นส่วนตัวครับ แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 55 07:23:50 จากคุณ : Nat_YFS2011 เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 07:20:41