Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ไปทวงเงินที่ธนาคารชาวนา 20,000กลายเป็นถูกแอบทำatm กดเงินไป 300,000 ติดต่อทีมงาน

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นจริง ด้วยจิตใจที่ไม่เคยคิดที่จะโกงใคร เงินทุกบาททุกสตางค์หามาด้วยหยาดเหงื่อ แรงกาย และจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่คิดที่จะโกงใคร มีแต่โดยเขาโกง แต่โดยคนอื่นโกงยังไม่เจ็บใจเท่ากับเรื่องที่เล่าต่อไปนี้

            เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อดิฉันไปเปิดบัญชีที่ธนาคารชาวนาในขณะนั้น ปี 2545 โดยที่เราไม่ทราบว่าพนง.แอบเปิด ATM ต่อมาก็มีการกดเงินออกไปโดยที่ดิฉันไม่ได้สังเกตเงินที่ถูกถอนออกไป(ยอมรับว่าสัพเพร่ามากๆ) เพราะไม่ใช่บัญชีที่ใช้ประจำ 1-2เดือนจะใช้สักครั้งหนึ่ง จึงไม่ทันได้สังเกตยอดเงินที่หายไป  ต่อมาบัญชีนี้ก็หายไปเนื่องจากไม่ได้ใช้ จนตัวเองยังจำไม่ได้เลยว่าเคยมีบัญชีเล่มนี้อยู่(มีบัญชีหลายเล่ม) แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ แม่ดิฉันไปเจอบัญชีเล่มนี้ด้วยความบังเอิญเพราะต้องการหาเอกสารในการขอเงินชดเชยเรื่องนำ้ท่วม
            วันที่ 9 มกราคม 2555  ดิฉันนำสมุดไปปรับซึ่งในสมุดบัญชีมียอดเงินคงเหลือในเดือน 6/46 อยู่ประมาณ 21000  กว่าบาท. (ในใจคิดว่าผ่านมา 9 ปี ยังไงก็ต้องมีเงินเหลือพร้อมดอกเบี้ยก็น่าจะประมาณสัก 30,000 บาท)  พนง.บอกว่าบัญชีถูกปิดไปแล้ว. จึงถามพนง.ว่าถูกปิดได้อย่างไร  ครั้งแรกพนง.บอกว่าเงินน่าจะถูกโยกไปบัญชีกลางของธนาคารในแต่ละสาขาเพราะ บ/ช ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน เมื่อมีลูกค้ามาทวงถามธนาคารก็จะนำเงินส่วนนี้มาคืนให้กับลูกค้า(ไม่ว่าคุณจะมีเงินกี่บาทแต่ถ้าบัญชีคุณไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานานธนาคารก็จะโยกออกไป) ต่อมาทาง พนง.แนะนำว่าให้ขอ statement มาดู รอจนธนาคารโทรมาแจ้ง
             วันที่ 17 มกราคม 2555 จึงไปที่ธนาคาร เมื่อเห็น statement มีคำว่าถอนโดยไม่มีสมุด เป็นจำนวนหลายรายการและ บ/ช ถูกปิดในปี 2547

ดิฉัน : (ทำหน้างง) คำว่า"ถอนโดยไม่มีสมุดบัญชีหมายความว่าอย่างไร" ?
พนง. : (ก็ทำหน้าเหวอ) ก็ถอนด้วย ATM งัยค่ะ 
ดิฉัน : (ถึงกับงง เป็นสองเท่า) เป็นไปได้ไง พี่ไม่เคยทำ ATM นะ แล้วพี่ก็ไม่มีบัตรด้วย
พนง. : แต่ที่ STATEMENTแสดงเป็นการกดผ่านตู้ATMและก็มีรหัสตู้กำกับด้วยนะค่ะ
ดิฉัน : ถ้าอย่างนี้พี่ถูกแอบทำ ATM แล้ว
พนง. : อย่างนี้ต้องคุยกับ ผจก.แล้วค่ะ แต่ผจก ไม่อยู่เดี๋ยวให้ รองดูให้ค่ะ
หลังจากนั้นจึงไปพบรองผจก
รอง : คุณลืมหรือเปล่าว่าทำATM ไว้
ดิฉัน : ไม่มีนะ ไม่เคยทำ ATM. ไม่มีบัตรแล้วกดไม่เป็นด้วย
รอง : คุณจะมาอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะบัญชีมีการถอนหลายครั้ง
ดิฉัน : แต่ฉันไม่ได้รับบัตร ATM
รอง : ทางเราต้องขอตรวจสอบก่อนแล้วกัน
ดิฉัน: งั้นช่วยบอกได้มั้ยว่าถ้าเจ้าของ บ/ช ไม่ได้รับบัตร ใครจะรับบัตรไปแทนได้บ้าง
รอง:  ก็ต้องเจ้าของ บ/ช นั่นแหละ
ดิฉัน: คุณไม่เข้าใจคำถามหรือไง
รอง: ยังไงก็ต้องขอตรวจสอบก่อน 
         ขณะนั้นแทบอยากจะร้องไห้เลยทำไมเราถึงไม่รอบคอบและสัพเพร่าได้ขนาดนี้โดนกดเงินออกไปทีละหมื่น สองหมื่น ยังไม่รู้เรื่อง แถมในวันที่มีเงินเหลือในแค่ 41 บาท ก็ยังนำเงินเข้าไปเติมอีกมันเกิดอะไรขึ้นกับเราหรือ
      
         ในวันที่ 30 มกราคม 2555 ดิฉันแจ้งผ่านผู้จัดการสาขาคนปัจจุบันว่าขอเข้าพบผู้จัดการเขตเพื่อร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้น  ดิฉันได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมกับบอกชื่อเจ้าหน้าที่ที่เปิด บ/ชให้ดิฉันในขณะนั้นและปัจจุบันเจ้าหน้าที่คนนี้ก็ทำงานเป็นผู้จัดการแล้ว. ผู้จัดการเขตจึงแนะนำดิฉันให้ทำเป็นหนังสือส่งไปถึงสำนักงานใหญ่โดยผ่านทางสาขาที่ดิฉันมี บ/ช อยู่เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนจะต้องมีการทำเป็นหนังสือ. ดิฉันพยายามที่จะสอบถามทั้งทางผู้จัดการเขตและผู้จัดการสาขาว่าในวันที่ดิฉันเปิด บ/ช ดิฉันไม่ได้รับบัตรออกไป  "ใครบ้างที่จะสามารถนำบัตรนี้ออกไปใช้ได้บ้าง"  ก็ไม่มีคำตอบใดๆเลย มีเพียงคำตอบที่ว่าธนาคารจะตรวจสอบตามหลักฐานเอกสารใครผิดก็ว่าไปตามผิด แต่เมื่อดิฉันเล่าเรื่องนี้ให้คนที่รู้จักกันทุกคนตอบทันทีเลยว่าเจ้าหน้าที่นั่นแหละที่เป็นคนทำ
         ในวันที่  31มกราคม 2555 ดิฉันทำหนังสือร้องเรียนผ่านทางสาขาขอให้ทางสำนักงานใหญ่ดำเนินการตรวจสอบในใบคำขอเปิดบัญชีตรวจสอบลายเซ็นต์ของเจ้าหน้าที่ที่เปิดบ/ชให้ในขณะนั้นและร้องขอให้ทางธนาคารเห็นใจและให้ความเป็นธรรมด้วยเนื่องจากในวันที่เปิด บ/ช ขณะนั้น.  ดิฉันไม่ได้รับบัตร ATM และดิฉันก็ไม่ได้ต้องการทำ ATM ดิฉันได้ดูใบคำขอเปิดบัญชีในขณะนั้นไม่มีข้อความใดๆหรือช่องสำหรับระบุว่าขอทำ ATM มีเพียงข้อความที่พิมพ์จากเครื่องปริ้นว่า ATM CARD ซึ่งเป็นข้อความที่พิมพ์หลังจากที่ดิฉันเซ็นต์ชื่อหมดทุกช่องตามที่พนักงานเปิดบัญชีในขณะนั้นบอกให้เซ็นต์
           กระทั่งในวันที่ 27 มีนาคม 2555  ทางผู้จัดการสาขาติดต่อกลับว่าทางสำนักงานใหญ่จะไม่ชดใช้เงินจำนวนนี้ให้กับดิฉันโดยไม่มีเหตุผลใดๆเลยและไม่มีหนังสือที่ตอบกลับเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย. มีเพียงคำบอกกล่าวจากปากของผู้จัดการสาขาเท่านั้น  และผู้จัดการยังบอกว่าหากดิฉันต้องการเงินจำนวนนี้คืนดิฉันต้องฟ้องร้องเอง(ซึ่งนั่นหมายความว่าธนาคารมั่นใจมากว่าจะต้องชนะ)และยังบอกด้วยว่าฝ่ายกฎหมายของธนาคารก็จะดูว่าสามารถสู้ได้มั้ยถ้าไม่ได้ก็จะชดใช้ให้แต่ถ้าสู้ได้ก็จะไม่ยอมและก็ต้องไปว่ากันที่ศาลต่อไป และนี่คงเป็นคำตอบว่าทำไมธนาคารจึงปฎิเสธที่ชดใช้เงินให้ เค้าคงมั่นใจว่าเราไม่มีหลักฐานในการเอาผิดธนาคารอย่างแน่นอนจึงบอกว่าถ้าอยากได้ก็ต้องไปฟ้องเอาเอง(เศร้าสุดๆ)
         ดิฉันรู้สึกผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับมาก ทั้งเสียใจ ทั้งร้องไห้ เสียดายเงินที่หายไป เราหามาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เหนื่อยยากลำบาก เก็บสะสมมา หวังจะฝากกินดอกเบี้ยกับธนาคารแต่มารู้ตัวอีกทีก็โดนใครไม่รู้ยักยอกเงินชิ้นนี้ไปแถมธนาคารก็ไม่รับผิดชอบอีก(คนที่เราสงสัยมากๆแต่เราไม่มีหลักฐานที่มัดว่าเป็นคนทำ) 
          ในขณะที่ บ/ช ของดิฉันค่อยๆถูกนำเงินออกไปนั้น  เป็นเวลาเดียวกันที่ดิฉันเปิดพอร์ทและซื้อหุ้นธนาคารแห่งนี้ด้วยความประทับใจในตัวธนาคารพร้อมๆกับความรู้สึกที่อยากจะเป็นเจ้าของธนาคารจริงๆ  ตลอดเวลาที่ดิฉันถือหุ้นธนาคารแห่งนี้ดิฉันไม่เคยมีความคิดว่าจะขายหุ้นทิ้งเลย(กะถือตลอดชีวิต) ทั้งๆที่ ณ ขณะนี้มีกำไรต่อหุ้น 400 กว่าเปอร์เซ็นต์    แต่หลังจากที่ดิฉันได้รับคำตอบจากผู้จัดการทำให้ดิฉันตัดสินใจที่จะขายหุ้นทิ้ง และคิดว่าจากนี้ไปจะไม่ฝากเงินและจะไม่ทำธุรกรรมใดๆทางการเงินกับธนาคารแห่งนี้อีกพร้อมๆกับการปิด บ/ช ที่มีอยู่ในขณะนี้ทั้งหมดทั้งของตัวเองและคนในบ้านเพราะดิฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้อีกในเมื่อวันนี้ธนาคารปฎิเสธที่จะไม่ชดใช้และไม่สนใจเลยว่าลูกค้าจะรู้สึกอย่างไร ถึงแม้การตอบโต้ธนาคารด้วยวิธีนี้จะไม่มีผลใดๆกับทางธนาคารเลยแต่อย่างน้อยก็ทำให้ดิฉันรู้สึกว่า"จากนี้ไปเราจะไม่นำเงินฝากธนาคารอีกแต่จะฝากไว้ในหุ้นอย่างเดียว".
        
ปล.ที่ดิฉันโพสต์มาทั้งหมดก็เเค่อยากจะระบายและไม่รู้ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรในเมื่อสำนักงานใหญ่ตอบกลับเช่นนี้นอกจากทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและคงจะไปขอคืน STATEMENT จากสำนักงานใหญ่มาเก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจว่าครั้งนึงในชีวิตเราเคยโดนโกงและสัพเพร่ามากๆ 
        หวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นสิ่งเตือนใจให้ตัวเองและคนที่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ว่า
เมื่อใดที่คุณมีปัญหากับธนาคารอย่าได้คาดหวังใดๆเพราะธนาคารจะปฎิเสธความรับผิดชอบอย่างแน่นอนและประโยคที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆตามมาคือ "อยากได้ไปฟ้องเอาเอง"และตระหนักว่าจากนี้ไปไม่ว่าคุณจะมี บ/ช เงินฝากกับธนาคารไหนก็แล้วแต่
1. อย่าได้ไว้ใจพนักงานธนาคารเพราะเงินทองไม่เข้าใครออกใคร(พนักงานธนาคารจะสนใจเฉพาะคนที่มีเงินฝากมากๆ)
2. ทุกครั้งจะเซ็นต์เอกสารอะไรก็แล้วแต่ต้องตรวจดูเอกสาร "อ่าน" ก่อนเซ็นต์ชื่อ
3. หมั่นตรวจสอบ บ/ช โดยการนำไปปรับ BOOK อย่างน้อยก็ทุก 6 เดือน(ในกรณีที่ไม่มีการเคลื่อนไหว)
4. อย่าเปิด บ/ช หลายๆเล่มเพราะเมื่อถึงเวลานั้นเราอาจจะจำไม่ได้ว่ามีกี่เล่มแล้ว
+++แม้ในวันนี้กฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยจะไม่สามารถเอาผิดใครได้แต่ดิฉันเชื่อกฎแห่งกรรมสามารถเอาผิดได้เพราะทุกคนไม่สามารถหนีกฎแห่งกรรมนี้ได้+++

จากคุณ : Golden Field
เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 10:14:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com