ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเล่นแบบเทคนิคแล้วเครื่องมือบอกให้ขายตั้งแต่20มาตลอดทางจนถึง30 เครื่องมือแบบนี้ต้องเอาไปทิ้งแล้วครับ จากคุณ : เมย์ฟลาวเวอร์ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:37:23

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยครับ แต่กราฟก็ยังมีประโยชน์ในบางรูปแบบการลงทุนเช่นกันครับ โดยส่วนตัวผมไม่ใช้เลย เพราะดูไม่เป็นครับ กลัวที่จะเป็นมากกว่า เพราะถ้าเป็นแล้วจะทำให้เสียวินัยในการลงทุนครับ เพราะจะกล้าในสิ่งที่คนอื่นกลัว และจะกลัวในสิ่งที่คนอื่นกล้า และตำนานมีให้เห็นมาโดยตลอดว่า กราฟไม่เคยตอบโจทย์ความยั่งยืน ได้ยาวนานเท่าการออมในรูปแบบการลงทุนครับ จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:39:52

ความคิดเห็นที่ 3 หรอครับ พี่ ถามกลับ หลายคนมีรถทำไม ไม่ชนล่ะครับ พี่ หุหุ  จากคุณ : มารหุ้นแสวงพ่าย เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:57:21

ความคิดเห็นที่ 4 ทำการบ้านหนักๆกว่านี้นะครับ ถ้าจะใช้กราฟ นี่แสดงว่ายังไม่เป็น จากคุณ : Tactical Way เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:09:07

ความคิดเห็นที่ 5 Market action discounts everything ครับ หมายความว่า ต่อให้เจ้ามือ นักเทคนิค นักเล่นพื้นฐาน ทำอะไรกับหุ้นทุกอย่างสามารถแปลผลออกมาจากกราฟได้ทั้งนั้น เช่น ถ้าเจ้าจะลากขึ้นจาก 1 บาท ไป 5 บาท มันจะมีสัญญานซื้อมา เข่น breakout แนวต้านสำคัญพร้อม vol.  พวก MACD จะเริ่มตัด เป็นต้น แต่แน่นอนว่าเจ้าก็สามารถสร้างการ breakout หรือสัญญานหลอกได้. แต่ถ้าทั้งตลาดไม่เล่นด้วยกราฟมันก็ไม่ขึ้นอยู่ดี เป็นต้น จากคุณ : ผ่านแน่นอน เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:18:46

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่าคนเล่นกราฟด้วยกัน บางทียังเห็นไม่ค่อยตรงกันเลยอ่ะครับ หรือมองอย่างเดียวกันแต่จุดซื้อจุดขายก็ต่างกัน เพราะจริตต่างกัน ผมลองใส่สัญญาณซื้อขาย work ไปอ่ะครับ แน่นอนว่าคงกำไรไม่เท่าคนถือมานานๆ แต่ก็กำไรเร็วกว่าครับ แต่ปัญหาคือ อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะอ่ะครับเวลาเทรดจริง ที่สำคัญผมว่าเจ้าทำราคาเพราะต้องการกำไรอ่ะครับ คงไม่ได้หวังให้รายย่อยทุกคนขาดทุน แน่นอนครับสัญญาณหลอกมี หรือบางทีเจ้าเองก็ทำไม่สำเร็จขาดทุนก็มี ที่สำคัญดูกราฟต้องดูวอลุ่มครับ แต่ผิดทางก็ต้องคัทอ่ะครับ ปล. ไม่ได้เก่งอะไรนะครับ อยู่ในช่วงฝึกหัด แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 07:54:47 จากคุณ : tonmai08 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 04:11:32

ความคิดเห็นที่ 7 แนวคิดกากๆ ว่าแต่ เป็นพวกเดียวกับ VI... เปล่า อิอิ จากคุณ : ลำบากชีวิต เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 07:17:22

ความคิดเห็นที่ 8 อัตตา เอียนเอียง ใช้กราฟไปไม่มีประโยชน์ จากคุณ : Star Mktg เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 07:34:05

ความคิดเห็นที่ 9 กราฟตัวเดียวกัน ยังมองไม่เหมือนกัน แล้ว ตรรกแบบนี้ทุกคนจะได้ตังค์ได้ยังงัยครับ แล้วอะไรคือมาตรฐาน ก็ต้องตอบว่าไม่มี ระดับเซียนยกเมฆจอแก้วยังโดนด่ากันทั้งเมืองเพราะน้อกจากกราฟ ยังต้องอาศัยการคาดการจากอดีตและอนาคตด้วย รวมไปถึงข่าวสารที่จะส่งผลกับราคา ซึ่งราคาเป็นตัวกำหนดทิศทางกราฟ ผมคิดว่าหาก ไม่เฝ้ากราฟกันรายนาทีให้สอดคล้องกับเหตุการณ์นั่นแสดงว่าข้อมูลที่เราใช้แทงหุ้นไม่อัพเดดแล้วครับ อาจล้าหลังคนอื่นอีกหลายช่วงตัว ปล.ยากชมัดคนโง่ๆแบบผมไม่้เก็ตจริงๆ จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 07:55:02

ความคิดเห็นที่ 10 ก็น่ะครับ อย่างคุณทองว่า การลงทุนต้องลงทุนยาวในหุ่นที่เป็นหุ้นเติบโต มันได้ดีกว่าครับ แต่กราฟก็ดีครับใช้มองเป็นแนวทางเข้าออก สำหรับเล่นสั้น และเก็งกำไร ถึงแม้เจ้าจะลากกราฟทำรูปแบบให้เราตาม เราก็ต้องตาม แต่ต้องออกก่อน ก็จะได้กำไร อิอิ ว่าแล้ว ตอนนี้ผมใช้ทั่งสองครับ ลงทุนยาว ผสมกับกราฟ และที่สำคัญคือการตัดสินใจครับ ถ้าตัดสินใจผิด ต้องยอมคัตครับ ไม่งั้นยาว..... จากคุณ : gooddy good เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 08:13:51

ความคิดเห็นที่ 11 เพิ่งหัดดูกราฟเหมือนกัน ตัวนี้ไม่ได้ซื้อ..  ผมเห็นเป็น flag ตีตรงธง เบรคเมื่อไหร่ซื้อ แล้วยก flag pole ขึ้นไป ราคาน่าจะวิ่งไปประมาณขาธง..  เดาแบบนี้น่ะครับ จากคุณ : nai_aoum เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 08:23:12

ความคิดเห็นที่ 12 แก้ไขใหม่เป็น.....ยอม....   ยากจะอธิบาย.....เหมือน  ปลาจะให้พูดคำว่า  บก  ยากจริง.....  ปล่อยมันไปดีกว่า......   แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 08:32:31 จากคุณ : notsugar เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 08:24:57

ความคิดเห็นที่ 13 จริงๆแล้วเคารพในความถนัดของแต่ละท่านครับ ทักษะเฉพาะด้านไม่เหมือนกันก็เป็นเรื่องปกติของโลก ดังนั้นเราไม่ควรนำมาตรฐานของเราไปวัดใครครับ ปล.พอดีเจอเม้นท์ของท่านนี้อ่านแล้วชอบครับ มันส์ดี จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 08:29:26

ความคิดเห็นที่ 14 #9 คุณทอง ที่ผมบอกว่ามองไม่เหมือนกัน เพราะบางทีแต่ละคนก็อ่านเทรนไม่เหมือนกันน่ะครับ ทั้งนี้คงอยู่ที่ประสบการณ์ด้วยครับ   หรือมองในไทมเฟรมที่ต่างกัน หรือ บางคนชอบหุ้นราคาต่ำ ถือรอได้อาจเข้าตอนหุ้นพักตัวหรือสะสม บางคนชอบเล่นหุ้นที่วิ่งเลยก็เข้าตอนเบรคต้าน วอลุ่มเข้า ประมาณนี้อ่ะครับ  หรือบางที่ก็ใช้กราฟเพื่อหาจังหวะเข้าหุ้นพื้นฐานดีตอนกำลังเพื่อหาจังหวะกลับตัว หรือเริ่มทยอยซื้อแรงขายเริ่มเบางลงครับ (เช่น มีสัญญาณไดเวอเจนซ์ หรือ โอเวอร์โซล) คนเล่นกราฟไม่จำเป็นต้องเป็นเดย์เทรดนะครับ อาจมองระยะสัปดาห์ หรือเดือน หรือหลายเดือนได้ครับ ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจผิดหรือเปล่า แต่ vi เอง หุ้นตัวเดียวกันบางคนยังบอกแพง บางคนยังบอกถูกเลยไม่ใช่เหรอครับ ที่กล่าวมาผมพูดในหลักการที่เข้าใจนะครับ ยังไม่ได้เทรดได้อย่างนั้น ต้องศึกษาและฝึกฝนอีกเยอะครับ จากคุณ : tonmai08 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 09:46:18

ความคิดเห็นที่ 15 ครับ  ยอมรับในความเห็นของทุกคนครับ ผมเป็นคนอย่างไรก็ได้ครับ เป็นบุคคลิกส่วนตัวโดยแท้ แม้แท้จริงจะเป็นคนแบบมั่นๆตัวก็ไม่ขัดแย้งกับใครครับ เพราะความเห็นที่แตกต่าง จริงๆแล้วเป็นการสร้างสรร นวตกรรมใหม่ๆทางความคิดครับ สังคมใดๆที่ ขาดความสร้างสรร และไปในทางเดียวกันหมดแน่นอนครับ ไร้อนาคตในระยะยาวแน่นอนครับ จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 10:09:46

ความคิดเห็นที่ 16 อันนี้มันนานาจิตตังจริงๆ ใครเล่นแล้วได้เงินก็บอกว่าดี เล่นแล้วเสียก็โทษกราฟกันไป อินดี้กราฟมีเป็นหมื่น อยู่ที่ว่าใครจะหาทองคำเจอ เมื่อเจอแล้วบวกประสบการณ์ มีแต่ได้กลับได้ แนวเทคนิคน่าจะคิดเหมือนผมนะ ตรงที่เข้าซื้อตามเทคนิคแล้วหุ้นวิ่ง เมื่อหุ้นลอยตัวก็จะมานั่งดูงบ ถ้างบดีอะไรดี ก็ปล่อยตามแนววีไอไปก็ได้ ....อยู่ที่ใครจะ apply ความคิดตัวเองได้ นักเทคนิคก็ไม่ได้อยากเทรดทุกวันหรอกคับ มันเหนื่อยเหมือนกัน !!! จากคุณ : ความสามารถพิเศษ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 10:48:04

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้า - อินดิเคเตอร์หลายตัวยังให้ผลไปในทางเดียวกัน ไม่ขัดกัน (ไม่ใช่ว่า มันต้องมีตัวถูกเสมอ แล้วเราจะไปเชื่อใคร หรืออะไร ที่บอกแต่ว่าตัวเองถูกเสมอได้อย่างไรกัน) - มันสามารถบอกได้โดยพร้อมเพรียงกันว่า พรุ่งนี้จะ XD แล้วนะ หุ้นนั้นลงแน่ๆ เลย - มีใครที่ร่ำรวยจากมันจริงๆ ในตลาด sideway ค่อยน่าพิจารณามากขึ้นกว่านี้ (ตอนนี้ก็พิจารณานะ แต่ไม่เอามาใช้เป็นหลักอะไร) การทำนายอะไรบางอย่าง ที่เป็นการตอบสนองเชิงธรรมชาติ (Natural Response) อาจจะใช้เทคนิกบางอย่างที่เรียกว่าการพยากรณ์ได้ แต่หากเป็นสิ่งที่เกิดจากความอยาก ความโลภ หรือจากความกลัวของมนุษย์แล้ว ยากที่จะพยากรณ์ใดๆ ได้ (เพราะเป็น Under-managed condition ไม่ใช่ Natural response) ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ผ่านมา จากลอจิกและตรรกะแล้ว ผมเองเลยขออ้างอิงกับเจ้ามือตัวจริง ที่กำหนดความมีเหตุมีผลของมนุษย์อีกทีหนึ่ง คือพื้นฐานและผลประกอบการของบริษัท และ ถึงแม้ฝูงชนจะไม่บ้าคลั่งตามก็ตามที ผมก็ยังคงได้ประโยชน์จากปันผลอยู่ดี พื้นฐานของคุณทองฯ กับผมอาจคล้ายกัน เลยอาจจะคล้อยตามไปทางเดียวกัน เราคงเชื่อใน สิ่งที่มีเหตุผล พิสูจน์ได้ สามารถทำซ้ำได้ แค่นั้นเองครับ นอกจากนั้น สำหรับตัวผมเองคงขอดู เฉยๆ ครับ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ซื้อๆ ขายๆ บ่อยๆ ก็ดีครับ ผมก็ตามไปเป็นคนเก็บค่าต๋ง สบายไปอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน หมายเหตุ ถ้าพูดเรื่องเทคนิคอลแล้ว มีอย่่างหนึ่งที่ผมพอจะดูเล่นๆ บ้างก็คือ Candle stick หรือกราฟ แท่งเทียน เพราะว่ามันมี Fault trigger ที่บอกว่าผิดแล้ว สิ่งที่คาดไม่จริง ให้ไปดูใหม่ แบบ นี้ค่อยยังชั่วหน่อย คือผิดเป็น (ก็ไม่ว่าอะไร ผิดก็รอดูใหม่) แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 10:57:54 จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 10:51:51

ความคิดเห็นที่ 18 การชื้อ ขายหุ้นมีมุมมองไม่เหมือนกันถ้าใช้กราฟถ้ามองถึงอนาคตและปัจจุบัน จะเข้าใจคล้ายกัน จ้าวมีจริงหรือไม่?อาจจะมีถ้าเราเลือกหุ้นที่ดีก็ไม่ต้องกลัว จ้าว อนาคตของหุ้นเราพอคำนวนได้แต่เราไม่รู้รายใหญ่จะพาไปถีงใหนหุ้นมีกำไรราคาก็สูงเป็นธรรดา ดูอย่าง บ นำ้ผลไม้บางบริษัท เมื่อ 24 พ ย 51ราคา 2.54บาท ตอนนี้ราคา 50ก่วายังมีอีกหลายตัวถ้าเรามีมุมมองที่ดีคงหาไม่อยาก จากคุณ : บ่ะช่อ (บ่ะช่อ) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 10:57:55

ความคิดเห็นที่ 19 ครับ จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:07:47

ความคิดเห็นที่ 20 การมองต่าง(มิแปลก)  จึงนำไปสู่การซื้อขาย... กราฟเดียวกัน(อินดี้ ทามเฟรม...ใจ+โลภ+กลัวที่ต่างกัน) เลยมีการซื้อขาย จากคุณ : *สำนักไร้ใจ* (eonmaru) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:35:51

ความคิดเห็นที่ 21 ผมก็ไม่ได้เล่น Work นะ ก็เลยลองเปิดกราฟที่ผมชอบใช้ดู มันก็ไม่ได้บอกว่าให้ขายนะครับ ผมว่าต้องลองหากราฟและหุ้นที่มันเหมาะสมกับตัวเรามากที่สุดอ่ะครับ ขนาดผม กราฟไม่บอกให้ขายผมยังขายหมูไปบ่อยครั้งเหมือนกัน เพราะว่า จิตใจหวั่นไหวอ่ะครับ ถ้าจะเล่นแนวเทคนิคนี้ ใจต้องนิ่งเล่นตามกราฟที่เราถนัดอ่ะครับ ซวยสุดๆก็ไม่เจ็บตัวมากถ้าเล่นตามกราฟเทคนิคที่เราได้เลือกเอาไว้ แต่เวลาหุ้นขึ้นนี้ก็ต้องใจแข็งทนถือให้ได้จนกว่า กราฟมันจะบอกให้ขายเหมือนกัน จากคุณ : Macgyver2k เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 12:19:02

ความคิดเห็นที่ 22 วิธีอะไรที่ใครๆก็ใช้กัน ใครๆก็ดูเป็น เม่าก็ใช้ดู มีเหรอเจ้าจะไม่รู้ทัน!!! ใครจะว่าไงก็ช่าง...แต่ผมยังไม่เคยเห็นนักเทคนิค ดูกราฟ ร่ำรวยจากหุ้นจนเป็นระดับ"ตำนาน" สักคน!!! (ต่อไปอาจจะมีก็ได้นะ...แต่ตอนนี้ยังไม่มี เลยไม่ศรัทธา!!^^) จากคุณ : เขียนบน iPhone (satan@เต้ย) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 12:40:24

ความคิดเห็นที่ 23 รายย่อย(เม่า)อยู่ที่สมอง+ความมีวินัย(จังหวะการเข้า-ออก) รายใหญ่(เจัามือ)สมอง+กระสุน(เงิน)+โหด 2 อย่างแน่นอน แล้วแต่สภาพเหตุการณ์ กราฟ+ข่าวถูกสร้างขึ้นโดยรายใหญ่(เจ้ามือ) กราฟดูดีเพราะเจ้ามือซื้อทำให้ดูดี(ทะลุแนวต้าน+volumeเยอะ) กราฟดูไม่ดีเพราะเจ้ามือขายทำให้ดูไม่ดี(หลุดแนวรับ) สุดท้ายก็ตามด้วยข่าวตามที่เจ้ามือต้องการ แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 13:16:32 จากคุณ : MuaySC เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 13:14:47

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ผมเชื่อว่ามีเป็นตำนานอย่างน้อยก็คนนี้อ่ะครับ ลองอ่านดู บทสัมภาษณ์เซียนหุ้น J. Welles Wilder ผู้ให้กำเนิด RSI Indicator http:gmaoclub.com/interview-wilder/ ตอนนี้ผมกำลังสนใจแนวทางการเล่นของคนนี้ บทสัมภาษณ์เซียนหุ้น : William Eckhardt : วิทยาศาสตร์แห่งการเล่นหุ้น http:gmaoclub.com/w-eckhardt/ จากคุณ : Macgyver2k เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 13:26:41

ความคิดเห็นที่ 25 จากประสบการณ์ออกจากงานมาเล่นหุ้น ประมาณ 4 ปี เล่น TFEX 1 ปี ลองผิดลองถูกมาหลายรูปแบบ จนเริ่มจับทางได้ว่า ตัวเองเหมาะที่จะเล่นหุ้นตัวไหนและกราฟเทคนิคแบบไหนในการเข้าซื้อหรือขาย ก็พลิกมาเป็นกำไร ส่วนทุนทั้งหมดและกำไรบางส่วนก็ถอนเอาไปใช้จ่ายซื้ออะไรที่จำเป็นจนหมดแล้ว(แบบว่าเพื่อความไม่ประมาณเพราะชอบเล่นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงไม่เน้นหุ้นกินปันผล) ถือว่าตอนนี้ มีแต่กำไรล้วนๆที่ใช้เล่น อยากจะบอกว่ายังใช้คำว่า เล่น อยู่เพราะว่า กำไรยังไม่ถึงเป้าหมาย พอถึงเป้าเมื่อไหร่จะปรับเปลี่ยนจากคำว่า เล่นเป็นการลงทุนแทนครับ เน้นหุ้นกินปันผลและเล่นรอบใหญ่อย่างเดียวใช้ชีวิตท่องเทียวไปเรื่อยตามความฝัน ถ้าเป็นไปตามเป้าก็น่าจะไม่เกิน สอง ปีนี้ กำไรก็จะถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ จากคุณ : Macgyver2k เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 13:55:05

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้ากราฟ รอถามเฮียสี่ครับ เฮียแกถนัด แต่ผมไม่รู้นะ ว่าแกเป็นเจ้ารึเปล่า!! จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 17:08:35

ความคิดเห็นที่ 27 ทางใคร ทางมัน จากคุณ : p.somkiet เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 19:11:59

ความคิดเห็นที่ 28 + ถ้า จขกท. มองว่าการเล่นเทคนิคอลตามกราฟคือแค่การตีเส้นไปมาOverbrought Oversoldตัดขึ้นซื้อ ตัดลงขายแบบนั้นก็แสดงว่ายังไม่เข้าใจการล'ทุนแบบ Technical เท่าใดนัก + กราฟทางเทคนิคอลทั้งหลายมันแค่การคาดการโดยการเอาสถิติที่เกิดขึ้นในอดีตมาทำเป็นกราฟเชิงเส้นเพื่อให้เห็นแนวโน้ม...ซึ่งทั้งหมดนี่มันมีความสำคัญแค่ 10% เอง เหลือคือเรื่อง MIndset, Money management ที่สำคัญกว่าตัวกราฟมากๆ + อันนี้ WORK จาก EMA ง่ายๆไม่ต้องไปสนเรื่องงบการเงินหรือพื้นฐานอะไร มีวินัยเข้าออกตามระบบแป๊ปเดียว 100% แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 21:25:43 แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 21:23:54 จากคุณ : Toey_Goragot เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:21:40

ความคิดเห็นที่ 29 กราฟ สำหรับผม มันคือเครื่องมือที่ทำให้รู้จักกับหุ้นตัวนั้นๆครับ ... เช่นคนเรา เวลาจะรู้จักกัน ยังมองหน้าตากันก่อน รวมถึงพฤติกรรม และ ผลลัพธ์ที่เกิดตามมา ดังนั้น สัญญาณเดียวกัน แต่ต่างตัวหุ้น ไม่จำเป็นจะต้องผลลัพธ์เหมือนกันครับ -------------------------- วิชาหุ้นผมยอมรับว่ากระจอกมาก แต่ก็พออยู่รอดอย่างสบาย แต่วิชาคน ผมก็คิดว่าพอจะดูเป็นอยู่ครับ ผมประยุกต์วิชาคน เข้ากับวิชาหุ้น ทำให้อัตราการเรียนรู้ของผมเองอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ดีกว่าเริ่มจากศูนย์ สุดท้ายก็ทางใครทางมันครับ ค้นหาตัวเองให้เจอ แบบที่เฮียเอ็นโดฟินมักยกเรื่องของศร จากโหมโรงครับ ^^ -------------------------- อันเถาวัลย์พันเกี่ยว   ที่เลี้ยวลด   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน หุ้นขึ้นหุ้นลง  หุ้นปันผล  ก็ไม่พ้นขาใหญ่คอยบงการ ... จากคุณ : เม่าซันเดย์ (SundayroyaL) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:41:47

ความคิดเห็นที่ 30 กราฟ ถ้าไม่สรุปออกมาเป็นอัลกอริทึมที่ตายตัว ให้ชัดเจนว่า เมื่อไหร่จะซื้อ เมื่อไหร่จะขายแล้ว แน่นอนว่า ให้แต่ละคนมาดู ย่อมมองออกมาได้ไม่เหมือนกัน นั่นเพราะ การให้น้ำหนักความสำคัญของเส้นหรืออินดิเคเตอร์ต่าง ๆ ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าสรุปอัลกอริทึมที่แน่นอนและชัดเจนในการตัดสินใจจะซื้อหรือขายแล้ว ต่อให้จะมีเจ้ามือสิบคน ยี่สิบคน  ก็ไม่เกี่ยวกับเรา สิ่งที่เราต้องทำให้ได้ แค่ทำตามกราฟให้ได้ก็พอ   ปล. ไม่ได้บอกว่า VI ไม่ดีนะครับ เพราะสำหรับผมแล้ว การเลือกหุ้นด้วย VI และใช้กราฟประกอบในจังหวะซื้อขายได้ ก็เหมือนเป๊บซี่เย็น ๆ นี่เอง จากคุณ : ปู้ต่ง เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:32:40

ความคิดเห็นที่ 31 วิธีการที่แตกต่างที่เหมาะกับตัวเรา บางทีอาจเหมือนการหาคนที่ใช่สำหรับเรา คนที่ใช่สำหรับเรา อาจไม่ได้เป็นคนที่ใช่สำหรับคนอื่น จากคุณ : กองทุนสำรองเลี้ยงกิ๊ก เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 04:14:04