ความคิดเห็นที่ 1 จากภาพรวมเศรษฐกิจของอเมริกา แบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน ตัวเลขค้าปลีก (Retail Sale) การจับจ่ายใช้สอยของคนอเมริกา หากคิดเป็นสัดส่วนแล้ว สูงถึง 2 ใน สาม ของ GDP ในปัจจุบัน หากดูจากแนวโน้มในภาพด้านล่างจะพบว่า ตั้งแต่ 4Q09 เป็นต้นมา ภาคค้าปลีกของอเมริกาก็ขยับตัวดีขึ้นมาเรื่อย มี Growth ต่อเนื่อง หากแนวโมยังเป็นเช่นนี้ ก็ไม่น่าห่วงอะไร ภาคการผลิต ดูผ่าน ISM Manufacturing Index ใครไม่รู้จัก ISM แนะนำให้เขาไปอ่านใน Blog ของผมก่อนนะครับ ไม่ขออธิบายซ้ำ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mrmessenger&month=10-10-2011&group=4&gblog=13 ตัวเลขนี้จะประกาศเป็นรายเดือน โดยล่าสุดเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ISM ก็ยังอยู่เหนือ 50 จุด แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของอเมริกายังไม่หดตัว อัตราการจ้างงาน ดูผ่าน (Jobless Claims) จะเห็นว่าตัวเลขผู้รอรับสวัสดิการคนว่างงานในภาพระยะยาวหน่อน แนวโมคือปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ซึ่งก็แปลว่า คนได้งานเรื่อยๆ และล่สุด Bernake ก็ประกาศออกมาชัดว่า จะดำเนินนโยบายเพื่อให้กรอบ Unemployment Rate ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.8% (ปัจจุบันอยู่ที่ 8.3%) เมื่อเอาอัตราการว่างงานเป็นวาระแห่งชาติ ก็มีแนวโน้มว่าตัวเลขฝั่งนี้น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆได้ สุดท้าย ตลาดบ้าน ดูผ่าน Existing Home Sale ตัวเลขไม่ได้ขยับขึ้นหวือหวา ในขณะที่ Mortgage Rate ปรับตัวลดลงเรื่อยๆ จริงๆตัวเลขนี้ ถ้าดีดแรงๆก็น่ากังวล เพราะอาจหมายถึงคนอเมริกากลับเข้ามาเก็งกำไรในอสังหาฯอีกรอบ เพราะฉะนั้น เอาแค่ราคามันทรงๆไม่ดำดิ่งลงเรื่อยๆ เท่านี้ก็น่าจะยอมรับได้แล้วครับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:29:50

ความคิดเห็นที่ 2 โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจอเมริกาดูมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆหลังวิกฤตเป็นต้นมา แต่หากถามว่า ดีที่สุดในโลกและน่าลงทุนไหม? ก็ต้องบอกว่า ปัจจุบันและในอนาคต GDP Growth ของอเมริกาน่าจะอยุ่ในระดับ 2-3% ไปเรื่อยๆ คือ ไม่มีอัตราเร่งที่สูงเหมือนกลุ่มตลาดเกิดใหมอย่างไทยเรา หรือจีน หรือฝั่งลาตินอเมริกา ดังนั้นการจะบอกว่าน่าลงทุนโดยดูแค่ภาพรวมเศรษฐกิจตอนนี้ คงต้องตอบว่า ที่อื่นที่ดูดีกว่า ยังมีให้เห็น แล้วสิ่งไหนที่ทำให้หุ้นในอเมริกา เหมาะแก่การเข้าไปลงทุน คำตอบที่ 1. ก็คือ หากมองประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Countries) ทั้ง 3 โซน ได้แก่ อเมริกา ยุโรป และ ญี่ปุ่น ต้องบอกว่า อเมริกาดูดีกว่าเยอะ ญี่ปุ่นประสบปัญหาเศรษฐกิจโตช้า เงินฝืด มายาวนานตั้วแต่ก่อนวิกฤต Subprime ด้วยซ้ำ ส่วนยุโรป ก็มีปัญหาหนี้ของกลุ่มประเทศ PIIGS คอยฉุด และการแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ ก็ดูจะเป็นไปได้ยาก หากเทียบโครงสร้างแล้ว อเมริกาตอนนี้มีภาษีดีกว่าทั้งยุโรป และญี่ปุ่น ดูตารางด้านล่าง จะเห็นว่า อเมริกา ดีกว่า ยุโรป เยอะแยะ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:30:36

ความคิดเห็นที่ 3 คำตอบที่ 2. ถ้ามองในมุมของ Valuation ของตลาด S&P500 ณ ปัจจุบัน เทรดที่ P/E และ P/BV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง หากนับมาตั้งแต่ปี 1995 แต่หลายคนอาจค้านได้ว่า ดูในช่วง 10 ปีย้อนหลัง หุ้นในอเมริกาก็เทรดที่ P/E และ P/BV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาตลอดนี่ งั้นขอให้ดูแค่ก่อน Subprime และหลัง Subprime ก็จะเปรียบเทียบได้ว่า ตอนนี้ตลาดเทรดกันที่ระดับมูลค่าที่ถูกกว่าช่วงก่อนวิกฤต จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:31:12

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนจะไปคำตอบที่ 3. ไปดู EPS Growth ของหุ้นในดัชนี S&P 500 กันก่อน ซึ่ง ณ ปัจจุบัน Earnings per Share สูงกว่าก่อนวิกฤตเป็นที่เรียบร้อย และจากการประมาณการณ์ของนักวิเคราะห์ในตลาดก็เชื่อว่าปีนี้ทั้งปี EPS จะยังอยู่ในขาขึ้นต่อไป จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:32:04

ความคิดเห็นที่ 5 คำตอบที่ 3. ตลาดหุ้นอเมริกา ปัจจุบันไม่ได้สะท้อนแค่ภาพรวมเศรษฐกิจอเมริกา แต่เป็นภาพรวมเศรษฐกิจโลก สาเหตุก็เป็นเพราะโครงสร้างรายได้ของบริษัทจดทะเบียนใน S&P500 ไม่ได้มาจากภาคครัวเรือนในอเมริกา (การบริโภคภาคครัวเรือนในอเมริกา คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของ GDP ประเทศ) แต่มาจากภาคการผลิต ภาคธุรกิจเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันภาคธุรกิจต่างๆ รายได้รายรับถูกกระจายมาจากตลาดต่างประเทศ ข้อมูลอาจจะล้าหลังหน่อยนะครับ แต่เชื่อว่าภาพปัจจุบันไม่แตกต่าง ในปี 2010 สัดส่วนรายรับของบริษัทจดทะเบียนใน S&P 500 ที่มาจากต่างประเทศสูงถึง 40% ทีเดียว หากเทียบกับเมื่อปี 1995 ตอนนั้นสัดส่วนอยู่ที่ 20% เท่านั้น และดูแนวโน้มแล้ว สัดส่วนนี้จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆนะครับ (ข้อมูลจาก BofA Merrill Lynch US Equity Strategy เดือน พ.ค. 2011) จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:33:07

ความคิดเห็นที่ 6 คำตอบที่ 4. Global Brand บริษัทจดทะเบียนในอเมริกาที่มียอดขายโตในต่างประเทศส่วนใหญ่ เป็นบริษัทที่เรารู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น McDonalds : ดำเนินกิจการใน 110 ประเทศ มียอดขายกว่ำ 60% จากตลาดต่างประเทศ Proctor and Gamble (P & G) : เป็นหนึ่งในบริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2009 มียอดขายกว่ำ 32% จากตลาดในประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets) Coca-Cola : เป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มียอดขายกว่ำ 75% จากตลาดต่างๆทั่วโลก โดยจากข้อมูลปี 2011 พบว่า Global Brand ที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรกของโลก 9 ใน 10 เป็นบริษัทจดทะเบียนใน S&P500 ทั้งสิ้น จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:34:01

ความคิดเห็นที่ 7 จากทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา จะเห็นว่า การลงทุนในหุ้นอเมริกา ไม่ใช่แค่ได้หุ้นอเมริกา และก็ไม่ได้ดูน่ากังวลมากเหมือนกับฝั่งยูโรโซน เพราะข้อมูลเศรษฐกิจหลายอย่างก็ยืนยันกับเราว่า อเมริกาตั้งไข่ได้มาซักพัก ตอนนี้กำลังหัดเดินอีกรอบ (แต่ถึงขั้นวิ่งเร็วๆเลย คงอีกซักพักใหญ่ๆ ข้อมูลในกระทู้นี้ ไม่ไดวิเคราะห์ในเชิงลึก หรือพยายามจะบอกว่า การเข้าลงทุนในตลาดอเมริกาช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีหรือไม่นะครับ ความตั้งใจของผมก็คือ เปิดโลกการลงทุนของเพื่อนๆพี่น้องๆให้กว้างขึ้น ให้เห็นภาพรวมตลาด เพราะถ้ามองกันในภาพกว้างจริงๆ ตลาดหุ้นไทย มูลค่าตลาดคิดเป็น % ใน MSCI Emerging Markets ก็แค่ 1-2% เท่านั้น ถ้าไปมองในตลาดโลกทั้งหมดแล้ว SET Index รา เหมือนจุดเล็กๆจุดเนิงบนแผนที่เท่านั้นเอง และเมื่อเราขยับออกมามองทั้งโลก ก็จะพบว่า ใน MSCI World ตลาดหุ้นอเมริกา คิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 50% ทีเดียว ใหญ่ขนาดนี้ รู้จักเขาไว้หน่อย ก็ไม่ได้เสียหายอะไร จริงไหม ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:35:04

ความคิดเห็นที่ 8 ขอเจิมกระทู้แนะนำก่อนครับ จากคุณ : mibtrex เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:49:56

ความคิดเห็นที่ 9 กิ๊ฟหมด โหวตแทนครับ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:51:31

ความคิดเห็นที่ 10 .               ตลาดเกิดใหม่ๆ เช่น ลาว   ดีกว่า... แน่นอน จากคุณ : จะไป เป็น ศิษย์_ซุนวู ณ. ลาว (ศิษย์ซุนวู) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 12:02:32

ความคิดเห็นที่ 11 ต้องจัดซะหน่อยละครับ จากคุณ : โบ๊ะ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 12:04:35

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับผม จากคุณ : EngiN_Duck เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 12:29:57

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณค่ะ อ่านและทำความเข้าใจได้ง่ายตาม style Mr.Messenger กำลังใจหมดตั้งแต่กลางเดือน แต่เตรียมอันนี้ไว้ให้ค่ะ ^^ จากคุณ : แอปเปิ้ลน้อยสีชมพู เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 12:34:04

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : คุณดี. ซี. เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 13:14:34

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:00:10

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากครับ กำลังอยากรู้อยากอ่านเรื่องอะไรแบบนี้อยู่พอดีครับ ........................................................................................ แล้วถ้าผมถามความคิดเห็นของท่าน จกขท. ว่า... ในระยะเวลาสั้นและกลางถ้าจะเลือกลงทุน ณ เวลานี้ตลาดอเมริกากับตลาดไทยตลาดไหนน่าลงทุนกว่ากันครับ (เพราะอะไรถึงคิดแบบนั้นครับ) ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : Fsmoothdood เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 15:05:46

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบภาพประกอบครับ (มีนัยยะ) ขออนุญาตก็อปไปแปะฝาบ้านบ้างนะครับ จากคุณ : Fsmoothdood เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 15:12:04

ความคิดเห็นที่ 18 กำลังคิดอยู่เลยว่าคุณ เมสเซนเจอร์ น่าจะออกกระทู้เรื่องนี้ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ACUMI 86 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 15:16:34

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณค่ะ พี่ Mr. Messenger  -/\- กำลังดูๆอยู่พอดีเลยค่ะ ^^ จากคุณ : Worthog เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 15:45:08

ความคิดเห็นที่ 20 ok จากคุณ : nhomchan เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 17:47:03

ความคิดเห็นที่ 21 http://youtu.be/lPjGqzJINbU จากคุณ : nhomchan เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 17:48:24

ความคิดเห็นที่ 22 <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/lPjGqzJINbU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe> จากคุณ : nhomchan เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 17:50:43

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 18:45:33 จากคุณ : Geniemin เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:44:53

ความคิดเห็นที่ 24 ขอถาม จขกท ครับว่า ถ้าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้น จะเป็นผลดีหรือเสียกับหุ้นในกลุ่ม mREIT ครับ ผมลงทุนในอเมริกาอยู่ครับ ผมว่าถ้าคนชอบหุ้นปันผล ปันผลค่อนข้างนิ่งและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ไม่เหมือนหุ้นไทยที่ปันผลค่อนข้างแกว่งตัว ต้องลุ้นเอาปีต่อปี ที่อเมริกาส่วนใหญ่ปันผลทุกไตรมาส ไม่ต้องรอลุ้นนาน เล่นรอบปันผลได้หลายรอบ หรือคนที่ชอบตัวที่ราคาขึ้นลงแรง ก็มีหลายบริษัทนะที่เปลี่ยนวันละ 2-3 % เห็นจนชิน แม้จะเป็นหุ้น Blue Chip ก็เป็น บางวันลงที 5% ตอนมีข่าวร้ายนิดๆหน่อยๆ ซื้อตอนนั้นทีไร กำไรทุกที แล้วก็มาเสียดายทีหลังว่าทำไมไม่ซื้อมากกว่านี้ แบบว่า กลัวมีถูกกว่าอีก ไม่ถึงสัปดาห์กลับไปที่เดิมอีกแระ จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 20:06:51

ความคิดเห็นที่ 25 เยี่ยมครับ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ สิ่งที่อยากเพิ่มเติมก็คือกระแสเงินที่บริษัทเหล่านี้ generate ประมาณว่ามากกว่า $1ล้านล้าน คาดกันว่าบริษัทเหล่านี้จะลงทุนเพิ่ม/เพิ่มเงินปันผล/ซื้อหุ้นคืน อยากทราบมุมมองของคุณMr.Messenger ต่อประเทศของเราคร่าวๆก็ได้ทางด้านเศรษฐกิจ/การเมือง แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 11:37:19 จากคุณ : PolluxGMN เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:28:18

ความคิดเห็นที่ 26 โหวตแล้วฮะ ^^ จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:49:28

ความคิดเห็นที่ 27 พี่เมสเซนเจอร์ ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆครับ ขอบพระคุณมากมาย :) จากคุณ : หลังอาน เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 17:22:52

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : น้องน้ำหวาน เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 17:23:46

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณสำหรับกระทู้+ความรู้ครับ จากคุณ : Sylphs เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 17:24:39

ความคิดเห็นที่ 30 1-8 ความเสี่ยงอยู่ที่เท่าไรครับ หรือว่าต้องถามกรุงศรี จากคุณ : Biocalm เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 18:09:32

ความคิดเห็นที่ 31 Conflict of interest. Pe ที่ต่ำกว่าอดีตอาจเกิดจาก growth ^_^ จากคุณ : เขียนบน iPhone (griddleus) เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:01:11

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบคุณ PolluxGMN ผมเขียนหุ้นไทยไว้เมื่อปลายเดือน มี.ค. ครับ http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2012/03/I11864724/I11864724.html ตอบคุณ Fsmoothdood ผมมองว่า ณ ราคา ตรงนี้ไม่ว่าดัชนีไหนๆ (ยกเว้นยุโรปนะ) ก็ต้องบอกว่า ไม่ถูก แล้วครับ แต่ผมเชื่อว่า Fundamental ของโลกไม่ได้แย่ และสภาพคล่องที่ล้นระบบก็พร้อมจะแสวงหาผลตอบแทนในสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ตลอดเวลา นั้นทำให้โอกาสขึ้น มีสูงกว่า โอกาสลง :) จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 22:02:09

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยค่ะว่าดัชนีตอนนี้ไม่ถูกแล้ว  ส่วนตัวผิดหวังกับการลงทุนในหุ้น US (s&P 500 ~ 13xx) เพราะลงทุนผิดจังหวะ ตอนนี้ S&P 14xx ยังไม่ฟื้นเลย 1 ปีแล้ว เรื่องค่าเงินก็ต้องพิจารณาด้วย ถ้ากองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ตรงนี้ก็คือความเสียงกองทุน อยากเตือนทุกคนว่า  หุ้นอเมริกาดีก็จริง แต่จังหวะลงทุนสำคัญกว่า  ดูให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน ณ ช่วงเวลานั้นดัชนีขึ้นไปขนาดไหน   ถ้าไม่มั่นใจ อย่าใส่เต็มตะกร้า จากคุณ : Raspberry Truffle เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 22:37:46