|
หุ้น-TFEX-ทอง กอดคอดิ่งเหว * การเมือง-ศก.กรีซป่วนไม่เลิก รับใหม่ 1160 จุด
พิษยูโรโซนยังกำเริบ เล่นงานตลาดหุ้นภูมิภาคทั่วเอเซีย-ยุโรปอวม กด SET Index ไทยดิ่งเหวกว่า 30 จุด ก่อนรีบาวน์เหลือแค่ 25 .50 จุด กูรูพร้อมใจประสานเสียง หากการเมืองกรีซยังยืดเยื้อ แถมมีแววหลุดจากยูโรโซน ทำตลาดหุ้นทรุดยาวแน่ แนะหากจะลงทุนต้อง เน้นเก็งกำไรแบบระมัดระวัง ให้แนวรับถัดไป 1,160 จุด ขณะที่ตลาดรอง อย่าง TFEX หนีไม่พ้นเจอแรงขายกระหน่ำไม่แพ้กัน ทั้ง SET50 Futures และ Gold Futures รูดมหาราช ส่วนราคาทองร่วง 4 ครั้ง 200 บาท ด้านตลาดทองโลก Sideway Down มีโอกาสเห็นแนวรับ 1,520 เหรียญ หรือ 22,530 บาท
หุ้นไทยดิ่งนรกต่อเนื่อง รับความไม่แน่นอนทางการเมืองของยุโรป หลังทางกรีซยังไม่มีแนวโน้มจะได้จัดตั้งรัฐบาล และส่อแววว่าอาจจะถูกถอดออกจากกลุ่มยูโรโซน ขณะที่เก้าอี้ผู้นำเยอรมนีสั่นคลอน หลังพรรครัฐบาลแพ้การเลือกตั้งในระดับรัฐสมาชิกของสหพันธรัฐเยอรมนีรัฐสำคัญรัฐหนึ่ง ด้านสเปนเริ่มวุ่น หลังประชาชนลุกฮือต้านแผนรัดเข็มขัดรัฐบาล ไม่เพียงตลาดหุ้นเท่านั้นที่ถูกแรงขายทำกำไรกดดันอย่างหนัก ตลาดทุนอื่นๆ ของไทย อย่างตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) ที่มีสินค้าสำคัญอย่าง SET50 Futures ซึ่งอ้างอิงกับดัชนี SET50 หรือแม้กระทั้งทองล่วงหน้า (Gold Futures) ก็ถูกแรงขายกดดันออกมาอย่างหนักทั้งตลาดเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศ (AFET) ที่เป็นตลาดค้ายางล่วงหน้าที่สำคัญของไทยก็ถูกหางเลขไปกับเค้าเช่นกัน โดยวันนี้ตลาดหุ้นไทย ปิดที่ระดับ 1,165.51 จุด ลดลง 25.50จุด หรือ -2.14% มูลค่าการซื้อขาย 33,410.90ล้านบาท โดยวันนี้ดัชนีฯ ปรับลดลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,159.23 จุด หรือลดลง 31.78 จุด ขณะที่ SET50 ปิดที่ระดับ 815.21 จุด ลดลง18.44 จุด หรือ -2.21% มูลค่าการซื้อขาย 20,487.41 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.SCB ปิดที่ 141.50 บาท ลดลง 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,286.12 ลบ. 2.KBANK ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,257.22 ลบ. 3.PTT ปิดที่ 330.00 บาท ลดลง 6.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,169.38 ลบ. 4.PTTGC ปิดที่ 64.00 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,092.59 ลบ. 5.BBL ปิดที่ 177.50 บาท ลดลง 2.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,079.90 ลบ. ทั้งนี้ มี 3 หลักทรัพย์ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยืนในแดนลบ คือ 1. BIGC ปิดที่ระดับ 198.00 บาท ลดลง 23.00 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมีผลต่อตลาด3.6319 จุด 2. PTTEP ปิดที่ระดับ 169.00 บาท ลดลง 5.50 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมีผลต่อตลาด2.2803 จุด 3. PTT ปิดที่ระดับ 330.00 บาท ลดลง 6.00 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลดลง มีผลต่อตลาด - 2.1402 จุด
*** หุ้นลงหนัก แต่ต่างชาติยังซื้อสุทธิ ขณะที่ สรุปการซื้อขายหลักทรัพย์ จำแนกประเภทผู้ลงทุน ซึ่งไม่รวมการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai)ประจำวันดังนี้ ประเภทนักลงทุน มูลค่าซื้อ(ลบ.) มูลค่าขาย(ลบ.) สุทธิ(ลบ.) นักลงทุนสถาบัน 2,017.23 2,435.63 -418.40 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 4,387.73 5,550.76 -1,163.03 นักลงทุนต่างชาติ 6,679.52 6,289.46 390.06 นักลงทุนทั่วไป 20,326.42 19,135.06 1,191.36
*** หุ้นเอเชียลงยกแผง ดัชนี เวทเต็ด: ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดตลาดที่ระดับ 7,377.18 จุด ลดลง 24.19 จุด หรือ -0.33 % ดัชนี SHI: ตลาดหุ้นจีน ปิดตลาดที่ระดับ 2,380.73 จุด ลดลง 14.26 จุด หรือ -0.60 % ดัชนี ฮั่งเส็ง:ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 19,735.04 จุด ลดลง 229.59 จุด หรือ -1.15 % ดัชนี สเตรทไทม์: ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 2,864.12 จุด ลดลง 19.28 จุด หรือ -0.67 % ดัชนี คอมโพสิต: ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปิดตลาดที่ระดับ 4,053.07 จุด ลดลง 61.07 จุด หรือ -1.48 % ดัชนี BSESN: ตลาดหุ้นอินเดีย ปิดตลาดที่ระดับ 16,215.84 จุด ลดลง 77.14 จุด หรือ -0.47 %
*** อนุพันธ์ - โภคภัณฑ์ ยังถูกหางเลข ด้านตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) ปิดการซื้อขายสินค้าหลัก อย่าง SET50 Futures และ Gold Futures ถูกแรงขายออกมาอย่างหนักไม่แพ้กับดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยดัชนี SET50 Futures สัญญา S50M12 เดือนมิถุนายน 2555 (สัญญาที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด) ปิดการซื้อขายที่ระดับ 809.50 จุด ลดลง 21.50 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขาย 27,918 สัญญา และมีปริมาณการซื้อขายรวม 30,770 สัญญา สินค้า Gold Futures สัญญ GF10M12 เดือนมิถุนายน 2555 (สัญญาที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด) ปิดการซื้อขายที่ระดับ 23,350 บาท ลดลง 240 บาท มีปริมาณการซื้อขาย 10,561 สัญญา และมีปริมาณการซื้อขายรวม 21,128 สัญญา ตลาดทองคำของไทยในวันนี้ สมาคมค้าทองคำได้ปรับราคาลดลงถึง 4 ครั้ง ครั้งละ 50 บาท รวมแล้วตลอดทั้งวันราคาทองคำปรับลดลงทั้งสิ้น 200 บาท ส่งผลให้ทองคำแท่งเมื่อเวลา 16.05 น. มีราคารับซื้อที่ 23,150 บาท ขายออก 23,250 บาท ทองรูปพรรณรับวื้อที่ 22,815.80 บาท ขายออก 23,650 บาท ด้านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าที่มีสินค้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) เป็นสินค้าหลักวานนี้มีแรงขายออกมาอย่างหนัก จนราคายางปิดที่ระดับ 107.50 บาท/กิโลกรัม ราคาปรับลดลง 5.50 บาท หรือ - 4.8% มีปริมาณการซื้อขาย 539 สัญญา ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 549 สัญญา
**** ตลาดยังกังวลกรีซออกจากยูโรโซน-พรรครัฐบาลเยอรมนีแพ้เลือกตั้งระดับท้องถิ่น รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลงแรงในการซื้อขายวันนี้ หลังนักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นว่า กรีซอาจออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน โดยนายโฟติส คูเวลิส ผู้นำพรรคเดโมแครติก เลฟท์ของกรีซ ยืนยันในวันนี้ ก่อนการเจรจารอบสุดท้ายในวันนี้ของบรรดาพรรคการเมืองของกรีซ เพื่อหาทาง จัดตั้งรัฐบาลใหม่ว่า เขาจะไม่เข้าร่วมในรัฐบาลผสมหากพรรคเลฟท์ โคลิชัน (SYRIZA) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้ายหัวรุนแรง ไม่ได้เข้าร่วมด้วย ประกอบกับพรรครัฐบาลของเยอรมนีแพ้การเลือกตั้งในระดับรัฐสมาชิกของสหพันธรัฐเยอรมนีรัฐสำคัญรัฐหนึ่ง สะท้อนถึงคะแนนความนิยมของนายกรัฐมนตรีแองเจล่า เมอร์เคิลที่ลดลง ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับการเดินหน้าแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปที่อาจมีอุปสรรคมากขึ้นหาก ประชาชนเยอรมนีไม่เห็นด้วยกับการรักษาความเป็นเอกภาพทางการเงินของยูโรโซน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จำนวนมากคาดการณ์ว่า กรีซจะไม่สามารถลดการขาดดุลงบประมาณตามเงื่อนไขการรับความช่วยเหลือทางการเงินได้ และอาจออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน
*** จับตาประชุม ผู้นำฝรั่งเศส - เยอรมัน ชี้ชะตายูโรโซน รายงานข่าวจากต่างประเทศเปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดระหว่างนายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของฝรั่งเศส กับนางแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ในวันพรุ่งนี้ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี จะเป็นสิ่งที่ชี้ชะตายูโรโซน ซึ่งการประชุมในครั้ง อาจจะส่งผลให้ การประชุมของรมว.คลังยูโรโซนที่จะประชุมกันที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ในวันนี้ตามเวลายุโรป แต่คาดว่าจะไม่มีการบรรลุผลใดๆจนกว่าปธน.ออลลองด์และนางเมอร์เคิล จะสามารถตกลงกันได้ ทั้งนี้นายออลลองด์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของฝรั่งเศส ได้ยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่าจะสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนเมอร์เคิล ยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนแผนรัดเข็มขัดเพื่อควบคุมหนี้สาธารณะในยุโรป
*** ฟิทช์ เรทติงส์ เตรียมหั่นเครดิตยูโรโซน - ซิตี้กรุ๊ปหั่นประมาณการจีดีพีพญามังกร รายงานข่าวจากต่างประเทศเปิดเผยว่า ฟิทช์ เรทติงส์ ประกาศเตือนยูโรโซนทั้งภูมิภาคว่า หากกรีซถูกขับออก จากยูโรโซนซึ่งเป็นผลจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ อันดับความน่าเชื่อถือ ของประเทศอื่นๆที่เหลือ ก็อาจจะเผชิญกับความเสี่ยง ส่วนรายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนปิดลบ เป็นผลมาจากนักลงทุนขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง หลังซิตี้กรุ๊ปอิงค์ลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนปีนี้ลง ประกอบกับนักลงทุนคาดการณ์ว่า การลดอัตราส่วนกันสำรองทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ในจีนที่ธนาคารกลางจีนประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
*** หุ้นไทยยังผันผวนต่อ เก็งกำไรอย่างระมัดระวัง นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้อยู่ในลักษณะผันผวน โดยในช่วงบ่ายดัชนีฯปรับตัวลงค่อนข้างแรงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากกรณีที่ประเทศกรีซไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลมากขึ้นถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤติหนี้ประเทศในแถบยูโรโซน โดยในเบื้องต้นแรงขายที่ออกมาคาดว่าจะเป็นของนักลงทุนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่สะท้อนได้จากตลาดหุ้นในประเทศแถบเอเชียปรับตัวลดลงไปในทางเดียวกัน ซึ่งหากประเมินสัญญาณทางเทคนิคถือว่าตลาดหุ้นไทยเป็นทิศทางขาลงเพราะยังไม่มีข่าวบวกที่เข้ามาสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนที่ชัดเจน ดังนั้นจึงมองว่าตลาดฯก็พร้อมที่จะปรับฐานได้ตลอดเวลา สำหรับแนวโน้มตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวผันผวน เบื้องต้นให้ติดตามการแก้ปัญหาการเมืองในประเทศกรีซเนื่องจากมีความกังวลว่ากรีซอาจจะต้องออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน รวมถึงวิกฤติหนี้ของประเทศในยุโรปอีกหลายแห่งที่อยู่ระหว่างแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ หากมีข่าวดีขึ้นมาก็เชื่อว่าตลาดฯอาจจะรีบาวน์ได้บางช่วงแต่จะมีกรอบที่จำกัดเพราะตลาดฯถือว่าเป็นช่วงขาลงอย่างชัดเจน ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง ประเมินแนวรับที่ 1,160 จุด แนวต้านที่ 1,180-1,190 จุด
*** บล.ฟิลลิป ชี้หากไม่เลวร้ายกว่านี้ หุ้นจะรีบาวน์ นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลงมากกว่าที่คาดการ เพราะนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการเมืองของ กรีซ กับเรื่องแนวโน้มการถูกลดเครดิตของกลุ่มยูโรโซน รวมถึงกรณีที่ จีนเริ่มปัญหาการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงอาจจะมีผลต่อแนวโน้มการ เติบโตของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือนในวันนี้สัญญาณที่ว่า นอกจากนี้สัญญาณทาง เทคนิคของหุ้นไทยวันนี้ไม่ค่อยดีเช่นกัน โดยหลังจากดัชนีฯ ลงต่ำกว่าระดับ 1,178 จุดในภาคบ่าย ทำให้ เกิดสัญญาณลบออกมา สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ จะขึ้นอยู่กับตลาดหุ้นสหรัฐเป็นหลัก ว่าเปิดการซื้อขายจะปรับตัวลงแรงมากน้อยเพียงใด และกรณีของการเมืองกรีซ จะแย่ลงกว่าที่คาดการณ์หรือไม่ ซึ่งหากดาวโจนส์ฟื้นตัว และกรณีของกรีซไม่แย่ลงไปกว่า หุ้นไทยมีโอกาสรีบาวน์ได้ ประเมินแนวรับที่ 1,150 แนวต้านที่ 1,178 จุด
*** โบรกฯ แนะ Short ใน SET50 Futures คาดลงสู่แนวรับ 800 จุด นางสาวชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ นักวิเคราะห์ตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST เปิดเผยถึงภาพรวม SET50 Futures ในวันนี้ว่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงแรง เนื่องจากไม่มั่นใจในการจัดตั้งรัฐบาลกรีซเพราะยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดยประธานาธิบดีกรีซ และหัวหน้าพรรคการเมืองจะยังคงหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่อย่างไรก็ดีพรรคฝ่ายซ้ายจัดปฏิเสธข้อเสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นอกจากนี้บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ออกมาเตือนว่าหากกรีซออกมากลุ่ม EU มีโอกาสที่ประเทศอื่นๆ ที่ตอนนี้กำลังประสบปัญหาหนี้จะถูกลดอันดับเครดิตลง รวมถึงตัวเลข GDPประเทศจีนประจำเดือนเมษายนชะลอตัว ด้านนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิในตลาดหุ้นและตลาด Futures ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน และภาพรวมของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 31.38 บาท/ดอลลาร์ ในรอบ 4 เดือน เป็นปัจจัยกดดันจิตวิทยาการลงทุน แนวโน้มในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ค.) คาดว่า SET50 Futures มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเนื่องจากความกังวลเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลกรีซนอกจากนี้ต้องจับตาผลการประชุมหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลในคืนนี้ 'ช่วงนี้มีแต่ปัจจัยลบจากต่างประเทศทั้งเรื่องกรีซ สเปน ส่วนในประเทศเรื่องผลประกอบการ Q1 ที่ทยอยออกมาเริ่มรับข่าวและใกล้สิ้นสุดลงแล้ว ทำให้ดัชนีฯ มีทิศทางลงมากกว่า ' นางสาวชุติกาญจน์ กลยุทธ์ แนะนำให้เปิดสถานะขาย (Short) ในสัญญา S50M12 เดือนมิถุนายน 2555 ประเมินแนวรับ 800 จุด แนวต้าน 830 จุด ส่วน SET50 ประเมินแนวรับไว้ที่ 800 จุด แนวต้าน 833 จุด
*** ทองโลกยังโคม่า มีแววร่วงต่ออีกประมาณ 60 เหรียญ นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยถึงแนวโน้มของราคาทองคำที่ในขณะนี้ว่า ราคาทองคำในปัจจุบันเริ่มเข้าสู่สภาวะขาลง ซึ่งเป็นไปตามกลไกของดีมานด์ และซัพพลาย และที่ผ่านมาราคาที่เกิดขึ้นเป็นราคาเก็งกำไรมากกว่าการลงทุน ประกอบกับการซื้อขายยังปรับเปลี่ยนตามความกังวลและความต้องการของนักลงทุนได้อย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา หรือทางยูโรโซนที่ส่งผลต่อราคาทองคำโดยตรง ดังนั้น นักลงทุนที่มีทองคำอยู่ในพอร์ตลงทุน หากราคาทองคำ(spot) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ แนะนำให้นักลงทุนขายออก เนื่องจากมีโอกาสที่ราคาจะปรับลดลง แต่ถ้าต้องการถือเพื่อไม่ต้องการขายขาดทุน ทางโกลเบล็กแนะนำควรป้องกันความเสี่ยงโดยการเปิดสถานะ Short ในโกลด์ ฟิวเจอร์สที่ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ เพื่อไม่ให้เสียโอกาส ในภาวะ sideway down สำหรับผู้ที่ต้องการใช้จังหวะการปรับตัวลดลงของราคาเข้าซื้อเพื่อลงทุน หรือเก็งกำไร ควรจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนเพียง 1 ใน 3 ของพอร์ต โดยคาดการณ์ว่าราคาทองจะมีการปรับตัวลดลงครั้งละ 20 ดอลลาร์ประมาณ 2-3 ครั้ง โดยน่าจะลงมาแตะที่ระดับ 1,540 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 22,830 บาท/บาททอง และอาจลงไปที่ต่ำสุดที่ 1,520 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ หรือ 22,530 บาท/บาททอง (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 31.30 บาท/ดอลลาร์ ) อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้าซื้อนักลงทุนควรติดตามปัจจัยต่างๆ ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ซึ่งทางโกลเบล็กคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากจะเข้าสู่สถานการณ์การเลือกตั้งของสหรัฐฯจึงจำเป็นต้องให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจออกมาดี เพื่อรักษาฐานเสียงไว้ และน่าจะส่งผลต่อราคาทองคำในทางบวก เช่นเดียวกับปัจจัยเรื่องการประกาศตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานและยอดค้าปลีกพื้นฐานสหรัฐฯที่จะส่งผลต่อราคาทองคำเช่นกัน ขณะเดียวกัน ควรจับตาผลการประมูลบอนด์อิตาลี โดยหากผลตอบแทน(Yield) ต่ำแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการซื้อเข้ามาจากการเข้าซื้อของนักลงทุน กลับกันหาก Yield สูง แสดงให้เห็นความเสี่ยงของการลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจของยุโรปยังมีปัญหา และจะส่งผลต่อราคาทองให้ปรับตัวลดลงอีกได้ ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์ทองคำ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการประชุม FOMC และตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานและยอดค้าปลีกพื้นฐานสหรัฐฯ ตลอดจนการประมูลบอนด์อิตาลีแล้ว นักลงทุนควรติดตามปัจจัยดัชนีภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี ZEW, ยอดสร้างบ้านใหม่และยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯที่จะทยอยประกาศออกมาทั้งสัปดาห์ ทั้งนี้ ทางโกลเบล็กมองกรอบการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ 1,540-1,620 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ ประมาณ 22,800-23,920บาท/บาททองคำ (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 31.30 บาท/ดอลลาร์ ) หากราคาไม่หลุด 1,560 ดอลลาร์ หรือ 23,120 บาท/บาททองคำ ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 23,710 บาท/บาททองคำ แต่หากหลุดแนวรับที่ 1,560 ดอลลาร์/ออนซ์ มีแนวรับต่อไปที่ 1,540 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 22,800 บาท/บาททองคำได้ สำหรับราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน โดยราคาทองคำอยู่ที่ 1,579.44ดอลลาร์/ออนซ์ (ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 24.00น.) ปรับตัวลดลงประมาณ 60 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็น 3.66% โดยทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1,639.79 ดอลลาร์/ออนซ์ และทำจุดต่ำสุดไว้ที่ 1,579.44 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ตลอดวันแรกของสัปดาห์ แต่ต่อมาราคาทองคำปรับตังลงถึง 33 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเกี่ยวกับการเมืองของกรีซและฝรั่งเศสที่มีการเลือกตั้งใหม่โดยผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศสไม่เห็นด้วยกับมาตรการรัดเข็มขัดและเสนอให้เยอรมนีใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแทน นอกจากนี้ ยังกังวลเรื่องที่พรรคการเมืองกรีซไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เนื่องจากฐานเสียงไม่เพียงพอทำให้อาจได้รับเงินช่วยเหลือจาก EU ล่าช้าและอาจเกิดการขาดสภาพคล่องภายในปลายเดือนนี้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างหันไปเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทองคำจึงถูกเทขายออกมา แต่ราคาทองคำ rebound กลับมาได้ในช่วยปลายสัปดาห์จากกรีซที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุน ESFS จำนวน 5.2 พันล้านยูโรถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จก็ตาม ส่วนทาง เจพีมอร์แกน เชสเปิดเผยผลขาดทุนจากธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบริษัทดังกล่าวถือเป็นผู้ค้าทองคำแท่งรายใหญ่ทำให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในทองคำ
*** จับตายาง AFET มีแววลงสู่ 100 บ./ก.ก. นายชัยวัฒน์ เหมือนมี นักวิเคราะห์ บริษัท ดีเอส ฟิวเจอร์ส จำกัด (DSF) เปิดเผยถึงการซื้อขายสินค้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) วันนี้ว่า ว่าราคายางล่วงหน้าของไทยวันนี้ ปรับตัวลดลงแรงถึง 5.50 บาท มาปิดที่ระดับ 107.50 บาท/กิโลกรัม ตามทิศทางตลาดยาง TOCOM ประเทศญี่ปุ่น ที่ปรับลดลงถึง 5% และตลาดยางเซี่ยงไฮ้ประเทศจีนที่ลดลงไปประมาณ 1,000 หยวน/ตัน โดยปัจจัยที่ยังเข้ามากดดันตลาดทุนทั่วโลก มาจากปัญหาการเมืองในยุโรป โดยเฉพาะในประเทศกรีซที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และมีแนวโน้มว่าจะถูกถอดออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของยุโรปในระยะยาว เช่นเดียวกับในประเทศสเปนที่ประชาชนออกมาประท้วงรัฐบาลต่อมาตรการรัดเข็มขัด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสะท้อนถึงความวุ่นวายทางการเมืองที่กำลังลุกลามไปในหลายประเทศของกลุ่มยูโรโซน ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ล่าสุดปรับลดลงมาที่ระดับ 94 ดอลลาร์/บาร์เรล จากอิทธิพลของค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า เป็นปัจจัยกดดันต่อภาวะสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก นอกจากนี้ ปัจจัยพื้นฐานในประเทศเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันราคายางล่วงหน้าเช่นกัน หลังจากราคายางในตลาดกลางหาดใหญ่ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากความต้องการสินค้าที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ปริมาณสินค้าเริ่มทยอยออกสู่ท้องตลาดตามฤดูกาล สำหรับในวันพรุ่งนี้ คาดว่าราคายาง AFET มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงต่อสู่แนวรับ 105 บาท/กิโลกรัม ตามสัญญาณทางเทคนิค ซึ่งหากราคาปรับลดลงหลุดระดับดังกล่าวจะลงสู่ระดับแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 100 บาท/กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีปัจจัยช่วยพยุงราคาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อภาคการส่งออกของไทย โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเก็งกำไรแบบวันต่อวัน ในสัญญาส่งมอบเดือนธันวาคม 2555 ประเมินแนวรับ 105 และ 100 บาท/กิโลกรัม แนวต้าน 108 และ 110 บาท/กิโลกรัม
จากคุณ |
:
Star Mktg
|
เขียนเมื่อ |
:
14 พ.ค. 55 19:31:29
|
|
|
|
|