ความคิดเห็นที่ 1 ผมเลือกไม่จัดเลยครับ อยู่จนทุกวันนี้ ยังไปกันได้ดี.... ประหยัดสุดๆ จากคุณ : Golden Thread เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:48:31

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามามุง มีแพลนเหมือนกัน แต่ตั้งงบไว้ 5 หลักปลายเอง จากคุณ : น้ำเต้าฮวย 5 บาท เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:50:58

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วแต่คนมังครับ หลักก็ค่า สถานที จะเอาหรูแค่ไหน ร้านอาหาร หรือ รร หรือห้องประชุดตาม อำเภอ ราคาก็ไม่เท่ากัน ส่วนค่าอาหาร ส่วนใหญ่ก็โต๊ะจีน มีตั้งแต่หลักพัน - หลักหมื่น กับค่าตกแต่งก็เช่นเกิน 250 / 8 = 30 - 35 โต๊ะ ถ้าโต๊ะละ 3000 พัน เฉพาะค่าโต๊ะ ก็ประมาณ 1 แสน ครับ อีก 1 แสน คิดว่าน่าจะพอสำหรับ ค่าสถานที กับตกแต่งสถานที (ส่วนงานพิธี ที่บ้าน คงใช้เงินไม่เท่าไรครับ) ............................. ส่วนจัดยังไงไม่ให้ขาดทุน ก็คือจัดตามกำลังครับ ถ้าที่บ้านไม่ได้รวยมาก แต่จัดเวอร์ ยังไงก็ขาดทุน เอาแต่พอประมาณครับ อย่างของน้องผม แต่งงาน หักค่าซองแล้ว เงินเหลือเกือบๆ แสนแหนะครับ ขนาดจัดสองครั้งนะครับ ทั้งที่บ้าน เจ้าสาว และที่ กทม บ้านเจ้าบ่าว แบบว่าเชิญแต่ญาติสนิทๆ กับเพื่อนสนิทๆนะครับ ก็ประมาณเดียวกัน 200++ ครับ .................... ค่าซองพ่อผม (พ่อเจ้าสาว) ก็ไม่ได้เอาครับ ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว ไปจ่ายค่างาน ค่าสินสอดก็ให้ลูกไปตั้งตัว ครับ ยังไงก็ลองคุยลองถามรายละเอียด ร้านอาหาร รร ค่าโต๊ะ ดูคราวๆก่อนครับ จะได้จำกัดงบได้ถูก แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 15:56:17 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 15:54:13 จากคุณ : Miracle Boy เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:51:55

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ให้เข้าเนื้อนี่ยากครับ เตรียมไว้ +- 2หมื่นน่าจะดี ผมกับแฟนใช้งบประมาณ 1 แสนครับ แต่งที่บ้านนอก ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากค่าโต๊ะ ค่าหาร น้ำเมา + ค่าเหมารถให้ญาติๆอีก จริงๆได้ค่าซองกลับมาถือว่าไม่เข้าเนื้อนะครับ ค่าซองได้มา 1.1 แสน แต่ก็แบ่งครึ่ง ให้พ่อตาแม่ยาย + แม่ผม เพราะถ้าไม่มีพวกท่านก็ไม่มีเราทั้งคู่ ปล.รักพ่อตามาก สินสอด+ทองหมั้นให้ลูกคืนหมดเลย :) จากคุณ : Minismall เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:54:13

ความคิดเห็นที่ 5 จากประสบการณ์ที่ผ่านมา 5 - 6 ครั้ง (อิอิ หมายถึงให้คำปรึกษา) 1. ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง 2. เช้าทำพิธีทางศาสนาที่ ร.พ. สงฆ์ รดน้ำสังข์ที่นั่นเลย 2. เลือกเชิญแขกที่คิดว่าจะไปไม่ได้ไว้บ้าง (อิอิ งกไง) 3. List พวกที่จะใส่ซองหนัก ๆ ไว้ พวกที่จะมากันทั้งครอบครัว ช่วย 50 บาท พึงหลีกเลี่ยง 4. อาหารต่อรองคนจัดไว้ เช่นคาดว่าจะมา 200 คน บอกจัดอาหาร 150 คน แล้วให้สำรองไว้ 50 ก่อน 5. เหล้า ชงแจก ไม่มีวางที่โต๊ะ 6. มีคนจัดการเรื่องโต๊ะนั่ง ไม่แตกโตํะโดยไม่จำเป็น 7. (ถ้าไม่กลัวงานจะแตกก็ทำ) เปิดซองก่อนเลย ช่วย 100 ไล่ไปนั่งฝั่งนึง ช่วย 500 ไปอีกฝั่ง แบบดูคอนเสิร์ต คิดได้เท่านี้แหละ มีโอกาสแต่งอีก จะมาเล่าประสบการณ์ต่อ ปล. หุ้นยังไม่ถึงเวลารับกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 15:57:36 จากคุณ : zombie99 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:56:11

ความคิดเห็นที่ 6 คนในสินธร น่ารักกันจริงๆ จากคุณ : glorinat เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:56:23

ความคิดเห็นที่ 7 / แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 16:39:40 จากคุณ : หนุ่มกันย์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:59:05

ความคิดเห็นที่ 8 ความคิดแจ่ม ๆ จากคุณ : airo2 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:01:51

ความคิดเห็นที่ 9 ใช่ค่ะ คิดไม่ผิดเลยมาตั้งในห้องนี้  ไม่ผิดหวังเลย เคยตั้งมาแล้วไม่นานนี้เรื่อง  ค่าสินสอดให้กันเท่าไหร่ดี ก้อมีคนเข้ามาให้คำแนะนำดีมากกเลยค่ะ.. วันนี้ก้อซึ้งใจเหมือนกันค่ะ ^______^ จากคุณ : จขกท (yorkienoi) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:01:54

ความคิดเห็นที่ 10 ตอนผมแต่ง 3 ปีที่แล้ว ผมอาศัยจัดตามกรมทหารครับ พอดีพ่อรู้จักกับนายทหารก็เลยจองได้ พร้อมวงดนตรีรวมค่าสถานที่ประมาณ หมื่น หน่อยๆ จำไม่ได้แล้วครับ ขาดทุนไม่เกินหมื่น ที่ขาดทุนเพราะ มี Black Label ที่โต๊ะ VIP นอกนั้นเป็น Red Label มีเบียร์ Leo อีกเท่าไหร่จำไม่ได้ครับ ก็เลยขาดทุนนิดหน่อย จริงๆ ไม่ต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอก็ได้นะครับ เพราะงานเลี้ยงแปปเดียวเองครับ ลืมบอกของผมเป็นโต๊ะจีนครับ จากคุณ : cybergug (CyberGuG) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:02:28

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าขาดทุนแสดงว่าเรามีคนสนิทเยอะ ถ้ากำไรแสดงว่ามีคนสนิทน้อย จากคุณ : wirun.thailand เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:02:55

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าคิดจะจัดงาน จัดให้ดีที่สุดครับ อย่าให้เขาเอาไปเล่าได้ว่า งานของเรามัน.... จากคุณ : วันนี้เป็นวันดี เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:04:22

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ได้จัดเหมือนกัน    เสียผีให้แม่ยายไปนิดหน่อย บอกแกไปว่าจะดูแลลูกสาวแกอย่างดี เงินแต่งขอ เก็บไว้ทำทุน อนาคตข้างหน้า ลูกสาวแก กะหลานแก ที่จะเกิดมาจะได้สบาย..... จากคุณ : แมงปอล้อลม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:10:28

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าคิดกำไร ขาดทุนอย่าไปจัดเลยครับ การแต่งงานไม่ใช่ธุรกิจ ถ้าเงินไม่พร้อม ก็ทำแค่พิธีที่บ้านก็พอ จากคุณ : journallife เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:10:28

ความคิดเห็นที่ 15 จขกท.  จัดได้แน่นอนครับ จากคุณ : ประลองยุทธ์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:11:21

ความคิดเห็นที่ 16 ได้ ผม 2 แสน อย่างหรู จากคุณ : คิดถึงเธอ ตลอด ตลอด เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:16:07

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้ามีคนรู้จักถ่ายรูปเก่งให้เค้าถ่าย prewedding ให้ก็ได้ แล้วเอาไปทำ photobook ก็ประมาณ 3000 กว่าบาท ประหยัดไปได้หลายหมื่น ส่วนชุดเจ้าสาวก็เช่าเอา ถามราคาหลาย ๆ ร้าน บางทีซื้อขาดถูกกว่าเช่าด้วย เพราะต้องเช่าหลายวัน  ส่วนสูทผู้ชายก็ตัดที่ร้านเป็นสีชาวครีมหรือเทา ญาติเราตัดได้ 2000กว่าบาทอย่างดีมีซับในด้วย เป็นร้านเช่าเล็ก ๆ ในห้าง ถ้ามีพ่อหรือแม่เป็นทหารไปเช่าหอประชุมตรงสี่เสาเทเวศน์ จุดคนได้ 300++ แต่ค่าเช่าไม่กี่พันเอง โต๊ะจีนตอนเราจัดโต๊ะละ 1800 เอง อาหารไม่ขี้เหร่ด้วย ส่วนเหล้าเอาไปเองให้เค้าชงให้ จากคุณ : uyadas เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:20:02

ความคิดเห็นที่ 18 หลัก ๆ คิดว่า มันอยู่ที่ "หน้า" อ่ะนะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ในวงสังคม ต่างมีเงินเยอะ แขกผู้มีเกียรติ ไฮโซเยอะ...ก็แปรผันตรง กับ การเลือกสถานที่ ต้องหรู เริ่ด อลังการ ของชำร่วยต้องกิ๊บเก๋เป็นที่กล่าวขวัญ งานก็ต้องเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ...กรณีนี้ งบเท่าไหร่ ก็ไม่อั้น ผู้มีอันจะกิน มีหน้ามีตา แขกเหรื่อใส่ซองหนัก ไม่น่าขาดทุน หรืออีกที ก็คงไม่แคร์เรื่องขาดทุน เอาแบบบ้าน ๆ พอเพียง พอดี พองาม เลี้ยงพระ ทำบุญ ผูกข้อมือ ไหว้ผู้ใหญ่ ของชำร่วยทำเองง่าย ๆ เลี้ยงอาหารแบบบุฟเฟท์ เชิญแขกที่สนิทสนม ญาติมิตร เพื่อนฝูงสมัยเรียน เพื่อนร่วมงาน งานเรียบ ๆ แต่อบอุ่น ไม่อู้ฟู่จนเกินกำลัง ถ้ามีบ้านริมทะเล ก็ยิ่งได้บรรยากาศ จัดบาร์บีคิวริมชายหาด โรแมนติคสุด ๆ..ช่างภาพก็ขอเพื่อนซี้ถ่ายให้ฟรี *ส่วนที่ใช้เงินก้อนใหญ่คือค่าสถานที่จัดเลี้ยง ถ้าตัดตรงนี้ไปได้ ก็ประหยัดไปเยอะ ^ ^ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 16:25:21 จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:24:17

ความคิดเห็นที่ 19 1.จัดที่โรงแรม ที่มีโปรฯ 2. อย่าเลี้ยงเป็นโต๊ะ จัดแบบ บุฟเฟ่ แขก 200 คน .ให้เขาคิดหัวละ 200 บาท 3.อย่าเลี้ยงเหล้า เบียร์ ไวน์ ไม่มี เพราะเลี้ยงเหล้า ให้เหล้า เท่ากับแช่ง เป็นอัปมงคลต่องานวิวาห์ 4. ให้พิธีกร ดำเนินงานพิธีแบบรวบรัด ไม่เกิน สองชั่วโมง ครบสี่อย่างนี้กำไรแน่นอน เทวดาฟ้าดิน สรรเสริญ แต่อาจจะถูกพวกคนขี้เมา นินทา ก็อย่าไปสนใจ จากคุณ : unit profile เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:30:40

ความคิดเห็นที่ 20 งานแต่งผมไม่ค่อยหรูเท่าไหร แขก 400++ งบจ่ายไม่ถึง 2 แสนเลย นับแค่เฉพาะงานเลี้ยงนะ จัดบุพเฟ่ อาหาร 15 อย่าง จากประสบการณ์หลายๆงานและงานผมเอง แต่งเมื่อ ม.ค.55 ขอเล่าละเอียดหลายๆแบบให้ฟังละกัน 1.จัดอาหาร (คำนวณจากระดับที่เท่าๆกันนะครับ เรื่องราคา) -ค๊อกเทล เหมาะสำหรับงานที่ไม่อยากดูแลแขกมาก ให้แขกหากินกันเองในงาน เหมาะมากที่จะประหยัดงบ และเน้นความสวยงามในงานและการจัดวางอาหาร มีค่าใช้จ่ายถูกที่สุด แต่มีบางแห่งที่ค่าจัดค๊อกเทลแพงมาก แต่ไม่ค่อยมีไร -โต๊ะจีน เหมาะสำหรับงานที่มีผู้ใหญ่มากๆ เช่น ปู่ย่าตายาย ง่ายๆคือ ญาติสูงอายุเยอะ เหมาะมากสำหรับงานแบบหว่านซองแจก มีค่าใช้จ่ายกลางๆ แต่บางแห่งเช่นในโรงแรมจะคิดโต๊ะจีนแพงมาก ต้องระวังโดยให้มีคนคุมการเปิดโต๊ะตลอดเวลา (แบ่งหน้าที่ให้ญาติซักคนเป็นคนจัดโต๊ะไปเลยคนนึง) -บุพเฟ่ เหมาะสำหรับงานที่มีวัยรุ่นมาก แบบเพื่อนวัยรุ่นเยอะ มีค่าใช้จ่ายสูงสุดในกลุ่ม แต่บางแห่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะถูกสุดโดยเฉพาะจ้างร้านข้างนอกมาจัด (ถ้าเป็นโรงแรมจะแพงมาก) สามารถคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย เพระากำหนดจำนวนแขกตั้งแต่ก่อนเริ่มงานได้เลย แขกจะมาเกินก็ไม่เป็นไร แขกผม 400+ ผมแจ้งแค่ 300+ ยังพอเลย(เพราะเค้าต้องสำรองไว้อยู่แล้ว) -อาหารซุ้ม เหมาะสำหรับงานค๊อกเทลและบุพเฟ่ แต่มีข้อเสียคือจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ แนะนำว่าไม่เอาดีกว่า บางแห่งคิดค่าซุ้มแพงมาก เช่น ซุ้มบะหมี่หมูแดง ซุ้มซูชิ ซุ้มซีซ่าสลัด ผมโดนไปซุ้มละ 6000 บาท (แพงมากในความคิดผมนะ) แนะนำให้ไปเพิ่มอาหารหลักในบุพเฟ่หรือค๊อกเทลดีกว่า 2.เครื่องดื่ม -ขวด งานโต๊ะจีนแบบสั่งร้านข้างนอก มักจะให้ขวดน้ำเป็นโต๊ะๆไป เหมาะกับงานโต๊ะจีน เพราะสามารถคุมจำนวนได้ง่าย -น้ำอัดลมรีฟิล เหมาะสำหรับงานค๊อกเทลและบุพเฟ่ เพราะจะคุมค่าใช้จ่ายง่าย เพราะค่าใช้จ่ายจะกำหนดตั้งแต่ก่อนเข้างานเลย 3.น้ำเมา -เหล้าขวด ตั้งเป็นขวดตามโต๊ะ ต้องเซฟโดยกำหนดว่าโต๊ะไหนต้องการให้มาขอเจ้าภาพ ไม่งั้นเด็กเสริฟเอาไปแดรกหมด -เหล้าชงรีฟิล เหมาะสำหรับงานค๊อกเทลและบุพเฟ่ เพราะจะคุมค่าใช้จ่ายง่าย เพราะค่าใช้จ่ายจะกำหนดตั้งแต่ก่อนเข้างานเลย แต่บางแห่งจะกำหนดให้เจ้าภาพเอาเหล้ามาให้ชง ก็ถือว่าโอเคดี คุ้มค่าใช้จ่ายง่าย หากคิดว่างานเป็นงานที่คนรากหญ้าเยอะ (พูดกันตรงๆอย่าว่ากันนะ) ก็ 400 คน เตรียมไป 1 โหล(จริงๆไม่ถึงหรอก เผื่อไว้) ถ้างานเป็นแขกผู้ใหญ่เยอะ ครึ่งโหลก็พอ -เบียร์สด เหมาะสำหรับทุกงาน เพียงแต่ต้องสั่งข้างนอก ข้อดีคือ คุมค่าใช้จ่ายง่าย หมดแล้วหมดเลย แขก 400 คน ขนาดแดรกกระจายสั่ง 3 ถังใหญ่ ก็พอแล้ว 4.ออแกไนซ์ -อันนี้ถือว่าแพงสุดๆในทุกอย่างของการจัดงาน เนื่องจากมีประโยชน์แค่ถ่ายรูปเท่านั้น แนะนำให้ตั้งงบไว้ แล้วเลือกให้ตามงบ อย่าเกินงบเพราะมันจะบานปลายมากๆ ถ้าเลือกดอกไม้สดจะแพงมากตามฤดู (บางฤดูดอกไม้พลาสติกจะแพงกว่านะ) เดี๋ยวนี้มีจัดซุ้มถ่ายรูปแบบโปสเตอร์ ไม่ใช้ดอกไม้ก็มีถูกด้วย ถ้าจัดแนวหลังนี้แนะนำให้ตั้งงบไม่เกิน 10000-15000 ก็พอ ถ้าดอกไม้สดคิดไว้เลย 20000-30000 บาท สิ่งที่สำคัญสุด ทำอะไรคิดถึงหน้าตัวเองด้วย แต่งครั้งเดียว(แต่บางคนหลายครั้ง - -") บางคนแต่งงานบอกว่าไม่สนใจเอาหน้า ผมว่าสนไว้ดีกว่า เพราะคนเค้าเอาไปพูดต่อตลอดชีวิต หรืออย่างน้อยอย่าจัดให้แย่ก็พอ โดยคำนึงที่ 1.โต๊ะเพียงพอ 2.อาหารเพียงพอ 3.น้ำดื่ม(เหล้าเบียร์)เพียงพอ 4.มีซุ้มถ่ายรูป(สำหรับวัยรุ่น) บางงานผมไปมา โต๊ะจีนอาหาร 5 อย่าง คือ อย่าประหยัดนักเลย เพื่อนมันเอาไปพูดต่อเป็นสิบๆปีนะครับว่างานนี้เจ้าภาพโคตรงกไรงี้ หรือบางงานออแกไนซ์ดีมาก ซุ้มเพียบ คิดคร่าวๆ 20000++ แต่เป็นงานบุพเฟ่ อาหารมีแค่ 4 อย่างแล้วมีแกงอีกอย่างนึง ขนมไทยถ้วยเล็กถาดเดียวงี้ คือควรจะประหยัดให้ถูกหลัก ตั้งงบให้ดีแล้วทำให้พอครับ หลายคนชอบพูดว่างานแต่งนะโว้ย ไม่ใช่งานกิน ใช่ครับ แต่ในการ์ดคุณเชิญเค้ามากินไม่ใช่หรือ??? ทำให้เหมาะสมกับเรา ไม่ต้องหรูมากก็ได้ แต่อย่าให้เค้ามาว่าทีหลัง มันอายยาวนะบอกให้ จากคุณ : Am_hilo เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:04:10

ความคิดเห็นที่ 21 ต้องประเมินว่าแขกของเราเป็นอย่างไร ถ้าส่วนใหญ่เป็นเพื่อนๆกันวัยไม่เกิน 30 จัดที่บ้านดีกว่า เอาแขกมาช่วยตำน้ำพริกได้เฮด้วย นี่ประหยัดสุด ถ้าบ่าวสาวมีอายุหน่อยแล้ว การงานดี เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างมีฐานะ ให้จัดที่โรงแรมที่พอมีชื่อเสียง แจกการ์ดเฉพาะผู้ใหญ่ เด็กๆเชิญให้น้อยจะไม่ขาดทุน เผลอๆมีกำไร แต่จะกำไรอย่างไรก็ต้องไปใช้หนี้เขาอยู่ดีแหละ เวลาโดนซองก็ต้องใส่กลับไปเท่ากันหรือมากกว่า (ผลกระทบจากเงินเฟ้อ) ปล.เพิ่งนึกออก เจ้านายผมใส่ซองให้งานแต่งลูกสาวคนเก็บภาษีไปแสนนึง แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 17:14:16 จากคุณ : โซว เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:05:12

ความคิดเห็นที่ 22 จัดงานไม่ให้ขาดทุน ต้องตั้งเป้าไว้เลยว่าจัดเอาซองครับ ถ้ามีคนรู้จักเยอะ เชิญแขกยิ่งเยอะยิ่งกำไรครับ (เป็นเรื่องของ contribution margin) ต่างจังหวัดหรือชานเมืองเขาจะเน้นเปิดโต๊ะจีนถูกๆเลย เคยเห็นโต๊ะจีนโต๊ะนึงไม่ถึงพันไหมครับ อย่างนั้นแหล่ะ เชิญแขกหลักพัน แล้วมีดนตรีแสงสี กังหันไฟ และวงดนตรี ส่วนใหญ่ก็เน้นแบบที่รับเล่นขาประจำเขารู้กันดี มีตลก มีหางเครื่อง เรียกว่าไปเน้นบันเทิงเป็นหลักแขกจะได้ไม่ต้องคิดถึงรสอาหาร ผมเห็นคนแถวบ้านเขาทำแบบนี้น๊ะ ไม่ว่าลูกแต่งงาน ลูกบวช สาระพัดงาน จัดกันในสนามโรงเรียนก็ได้เช่าเขาเอา จบงานหักหมดแล้วเหลือบางทีสองแสนก็มีครับ ขนาดบางบ้านใส่ซองแค่สองร้อยน๊ะครับ ของจขกท แขกน้อยไปหน่อย เงินใส่ซองถ้าเขาใส่กันมาไม่เยอะอาจได้ไม่พอจ่ายค่า overhead ผมว่าถ้าต้องการตั้งเป้าว่าไม่ขาดทุน เราก็ควรจะจัดงบให้เหมาะสม พวกโรงแรมนี่ถ้าแพงไป หาพวกสโมสร หรือสถานที่ราชการที่ให้เช่าจัดงานน่าจะถูกกว่า บางคนผมเห็นไปกู้เงินจัดงานแต่งงานด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลว่าอยากให้ดูดีประทับใจไม่เสียหน้า  เพราะคำว่าครั้งเดียวในชีวิตนี่แหล่ะ คืนแต่งงานเลยอย่างสุข แต่หลังจบงานกลับสู่โลกแห่งความจริง ก็มานั่งอย่างเศร้าหาเงินไปใช้หนี้ มันเป็นความสุขจริงๆแน่หรือครับเนี่ยถ้าต้องเริ่มชีวิตใหม่ด้วยหนี้ จากคุณ : ปอป้อง เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:10:03

ความคิดเห็นที่ 23 โห ได้ราคากันถูกจัง ของผมแต่ง พย. นี้ แต่จัดที่ โรงแรม poolman รางน้ำ ค๊อกเทล แขก 300+ ประเมิณค่าจัดเลี้ยงไป 400k ครับ นี่ยังไม่รวมสินสอด ทองหมั้น ค่าชุด ค่าถ่ายรูปอีกเพียบ รวมๆแต่งงาน ใช้ตังไปล้านกว่าบาท เกือบสองล้าน ได้เมียมาคนเดียว คุ้มไหมเนี่ย จากคุณ : Agent Molder เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:39:27

ความคิดเห็นที่ 24 เชิญผู้ใหญ่สัดส่วนมากกว่าเด็กครับ เพื่อนพ่อแม่ พ่อแม่เพื่อน เข้าให้ถึง ช่วยได้ครับ จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:53:19

ความคิดเห็นที่ 25 ถามนิดนึงได้ไหมครับ คือฝ่ายชายที่พ่อแม่เจ้าสาวคืนเงินสินสอดเนี่ย เจรจากันยังไงครับ คือผมแต่งก็ต้องเลี้ยงดูเค้าค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเค้าไม่ได้ทำงานมั่นคง เงินเก็บก็มีพอควร แต่อยากลงทุนเอาเงินต่อ ไม่ได้เพื่อใครก็เพื่ออนาคตเราเนี่ยแหละ ผมเหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบ ไม่เที่ยวกลางคืนครับ แค่เสียดายเงินถ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะยึดเงิน เพระาเราทำมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ขนาดแม่แท้ๆของเราเรายังไม่เคยให้เงินก้อนเป็นหมื่นๆเลย แล้วจะเอาเงินเราไปให้ผู้หญิงคนอื่นเป็นแสนเนี่ย มันชักยังไงๆอยู่ ฝ่ายพ่อแม่เจ้าสาวใจดีมากครับ ผมแค่กังวลเฉยๆ ว่าจะพูดยังไงดี เพราะถ้าเค้าจะเอาเงินผมคงไม่อยากแต่งอะครับ ขอโทษนะครับที่นอกเรื่อง ตอบคำถามเจ้าของกระทู้ ลองวางแพลนดีๆครับ คิดเลยว่าแขกที่เชิญมาจะใส่เท่าไร แล้วเซทงบตามนั้นพอ มีเทคนิคมีสไตล์ที่จะทำให้งานเราดูมีอะไร แต่ไม่ต้องใช้เงินมาก มันทำได้นะครับ อย่าติดหรูพอ ส่วนเสียงนกเสียงกามันมีอยู่แล้วครับ แต่มันเงินเราครับ คิดซะว่า เก็บเงินไว้ให้ลูกเราดีกว่า อย่าไปแคร์อะไรมากเลยครับ จากคุณ : ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 18:08:26

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ จขกท. มาถามเรื่องสินสอดไปแล้ว ไม่แน่ใจว่างบ 2 แสนนี่สำหรับส่วนที่เหลือทั้งหมดเลยรึเปล่าคะ  หรือเฉพาะส่วนการจัดเลี้ยง?  เพราะค่าใช้จ่ายอื่นๆ มีหลายอย่างเหมือนกัน ได้แก่ 1. การ์ดแต่งงาน > ไปเลือกเอาแบบที่ร้านมีให้เลือกอยู่แล้ว อาจจะไม่เริศมาก แต่ก็มีสวยๆ และราคาไม่แพงค่ะ   2. ของรับไหว้ผู้ใหญ่, ของชำร่วยตอนรดน้ำ (บางคู่อาจไม่มี), ของชำรวยงานเลี้ยง > มีเยอะมาก เลือกเอาราคาตามถูกใจเลย 3. ค่าตกแต่งสถานที่ > ถ้าให้โรงแรมเหมาจัดให้หมดก็น่าจะถูกกว่า รวม back-drop ดอกไม้ ซุ้มถ่ายรูป โต๊ะทำพิธีรดน้ำ 4. ค่าเช่าชุดแต่งงาน เครื่องประดับ, ช่างแต่งหน้า-ทำผม > ถ้าเป็นแพ็จเก็จรวมจากร้านเลยก็จะถูกกว่า 5. ค่าช่างถ่ายรูป, ช่างวิดีโอ, ค่าพิธีกร, ค่าวงดนตรี+นักแสดง, ถ้ามีตักบาตรตอนเช้า ก็มีซองสำหรับพระสงฆ์, ซองสำหรับค่าผ่านประตู 6. ค่าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ตามต้องการ เช่น ถ่ายรูปพรีเว็ดดิ้ง, presentation, organizer แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:13:23 จากคุณ : ผู้หญิงคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 18:21:55

ความคิดเห็นที่ 27 ตอบคำถามที่ 25 เงินสินสอดในฐานะที่เป็นผู้ชาย  น่าจะคิดว่าเป็นเงินที่มอบตอบแทนให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงที่เลี้ยงดูคนที่เรารักมามากกว่านะครับ  ท่านจะคืนให้หรือไม่เป็นสิทธิ์ของท่าน  และถ้าท่านคืนให้ก็น่าจะให้ฝ่ายหญิงไว้มากกว่า   ถ้าคิดว่าเค้าจะเอาเงินก็ไม่แต่งนี่...  ผมเป็นพ่อแม่ฝ่ายหญิงก็คงคิดหนักว่าจะพาลูกเขาไปลำบากไหมนี่   ตอบเจ้าของกระทู้   สองแสนนี่ค่อนข้างน้อยนะถ้าเป็นโรงแรมในกรุงเทพ  แต่ก็ขึ้นกับว่าเจ้าของอยู่ที่ไหนจะจัดแต่งแบบไหน (โต๊ะจีน บุฟเฟต์ ฯลฯ) และจัดที่ไหน (โรงแรม สโมสร ฯลฯ) นอกจากเรื่องของตัวงานและอาหารแล้ว  อย่าลืมเผื่อค่าพิมพ์การ์ด  ค่านักดนตรี  ค่าถ่ายรูป+วีดีโอ   ค่าตกแต่งงาน (ถ้าทำเพิ่ม)  ค่าชุด  ค่าของชำร่วย ฯลฯ แต่โดยปกติแล้ว  ซองที่เขาให้จะ cover ค่าใช้จ่ายทั้งหมด  และเหลือเป็นทุนให้อยู่บ้าง   ถ้าไม่เจอคนมากินฟรี (พาญาติมาเยอะ) หรือให้น้อยกว่าปกติเยอะ ๆ นะ :P ปกติคนที่ไปงานส่วนใหญ่เขาก็จะให้พอค่าใช้จ่าย  เช่นโต๊ะจีนสิบคนก็คนละไม่ต่ำกว่า 500  แต่บางคนก็พาลูกเมียมาและให้น้อย  ก็ถือเสียว่าเขามาแสดงความยินดีอย่าคิดมาก ที่ได้เยอะจริง ๆ คือญาติผู้ใหญ่  บางคนอาจให้เป็นหมื่นหรือมากกว่า (ถ้ารวย) สรุปแล้วโดยปกติก็น่าจะไม่ขาดทุน   แต่ก็อย่าคิดมาก  เงินส่วนนี้ไม่ใช่ส่วนสำคัญที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตหรอก   ชีวิตคู่จะไปได้ดีแค่ไหนมันขึ้นกับคุณและเจ้าบ่าว/สาว ว่าเป็นคนยังไง  รู้จักประหยัด  รู้จักใช้จ่าย  ขยันทำมาหากินหรือเปล่า ถ้าทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันและร่วมกันฝ่าฟัน  อีกไม่นานชีวิตก็ดีขึ้นแน่ ๆ   ไม่งั้นถึงมีเงินเป็นล้านไม่นานก็หมด แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 18:29:15 จากคุณ : kgkg เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 18:28:05

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบ คห. 25 ให้ก่อน คือเท่าที่เราทราบ (และของที่บ้านเราเอง) ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจะเป็นคนเอ่ยปากบอกเองตอนที่ฝ่ายชายถามเรื่องสินสอดว่าต้องการเท่าไหร่ ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงก็บอกว่าตามสมควร ให้สมเกียรติฝ่ายหญิง แต่ไม่ว่าจัดมาเท่าไหร่ ก็จะคืนให้ลูกไปตั้งตัวทั้งหมด จะไม่ขอเก็บไว้เองเลยค่ะ   แนะนำให้แฟนคุณไปเลียบๆเคียงๆ ถามผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงก่อนอ่ะค่ะว่าเค้าต้องการสินสอดเท่าไหร่ แล้วจะเก็บไว้เองทั้งหมด หรือคืนบางส่วน หรือทั้งหมด เพราะถ้าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว ก็ต้องเปิดใจคุยกันทุกเรื่องค่ะ จากคุณ : ผู้หญิงคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 18:37:54

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบ จขกท. ต่อนะคะ เรื่องค่าใช้จ่ายบอกค่อนข้างยากมากเลยอ่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณ yorkienoi 1. จัดงานที่ กทม. หรือ ตจว. 2. มีตักบาตรพระสงฆ์รึเปล่้า ถ้ามี จะนิมนต์พระกี่รูป และแบบมีพิธีสงฆ์ด้วย หรือตักบาตรเฉยๆ 3. มีงานเช้าด้วยรึเปล่า ถ้ามีจัดแบบไทย หรือแบบจีน หรือทั้ง 2 แบบ 4. ญาติผู้ใหญ่ซีเรียสเรื่องพิธีการขนาดไหน และซีเรียสเรื่องการรับรองแขกมาก-น้อยแค่ไหน 5. แขกมีใครบ้าง (ประมาณไหน และเค้าเฉลี่ยใส่ซองคนละเท่าไหร่) ของเราค่อนข้างจัดเต็ม เพราะผู้ใหญ่ซีเรียสเรื่องพิธีการ จัดงานทั้ง ตจว. และ กทม. แขกผู้ใหญ่เยอะ ก็ต้องจัดเลี้ยงอย่างดี ส่วนตัวเองก็อยากจัดให้ดีที่สุด ส่วนตัวเรานะคะ คิดว่างานแต่งงานนี่จัดให้พ่อแม่อ่ะค่ะ เพราะเรากับแฟนไม่ซีเรียสเรื่องงานแต่งอยู่แล้ว ไม่แต่งก็ได้ แต่ก็ต้องนึกถึงหน้าตาพ่อแม่ จัดให้สมฐานะ สมศักดิ์ศรี ให้เค้าภูมิใจ ไม่อายใครอ่ะค่ะ ทางที่ดีนะคะ เราแนะนำให้คุณ yorkienoi เข้าไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ ว่าเค้าอยากได้ยังไงบ้าง พิธีต้องมีอะไรบ้าง เราถึงจะเริ่มแพลนได้อ่ะค่ะ ว่าค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างเท่าไหร่ เอาที่สำคัญๆ ก่อน แล้วถ้างบเหลือ ก็ค่อยๆ เพิ่มรายละเอียดที่เราต้องการเข้าไป ถ้ามีงบ 2 แสน ก็จัดเท่าที่มี ส่วนว่าจะได้คืนมาเท่าไหร่ ก็เท่านั้นอ่ะค่ะ เพราะงานแต่งส่วนใหญ่ถ้าจะได้คืนมา ก็ cover เฉพาะส่วนจัดเลี้ยง แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมด ยังไงก็ต้องมีเพิ่มเติมอยู่แล้ว เราไม่มองเรื่องของกำไร-ขาดทุน แต่อย่างที่บอกค่ะว่าทำให้พ่อแม่อ่ะค่ะ ก็ทำให้ดีที่สุด และเราก็อยากให้คนมางานเราเค้ามีความสุข เวลาเค้าบอกว่างานเราจัดดี น่ารัก ดอกไม้สวยฯลฯ เราก็มีความสุข เวลาเราเอารูปถ่าย เอาวิดีโอ มานั่งดู เราก็ยังมีความสุขเสมอเมื่อย้อนนึกถึงวันแต่งงาน ^__^ จากคุณ : ผู้หญิงคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:12:35

ความคิดเห็นที่ 30 ขึ้นอยู่กับแขกของคู่บ่าวสาวค่ะ ว่าเป็นกลุ่มมีรายได้ระดับไหน ถ้าแจกพวกเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง คงได้ซองละประมาณ 500-1,000 บาท แต่ถ้าระดับผู้ใหญ่ คู่ค้าทำธุรกิจ ก็จะประมาณซองละ 2,000-8,000 บาท ถ้าญาติเยอะแล้วมีฐานะก็น่าจะได้ซองละ 10,000 บาทขึ้นไป แต่เรื่องสถานที่ก็ต้องจัดให้เกียรติของแขกด้วยนะคะ ไม่ใช่เชิญคู่ค้า นักธุรกิจแต่ดันไปจัดในสโมสร ก็ไม่ควรค่ะ จากคุณ : paripan เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:46:46

ความคิดเห็นที่ 31 จัดไม่ให้ขาดทุน   แจกซองให้มากกว่าที่นั่ง จากคุณ : ethanority เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:55:13

ความคิดเห็นที่ 32 ผมขอนอกเรื่องการเงิน หุ ๆ แม่ผมไม่นานนี้เพิ่งไปงานแต่งงานมา 2 งาน แกบ่นอุบเลย อาหารกินแทบไม่ได้เลย ส่วนตัวผมเองที่ไปแล้ว โรงแรมชื่อดังเลย แต่อาหารไม่ได้เรื่องเนี่ย ยังบ่นจนถึงปัจจุบันเลยครับ จัดแบบอาหารไม่อร่อยเนี่ย เหมือนจัดส่งเดชให้จบ ๆ ไปเลยหล่ะครับ หุ ๆ ความเห็นส่วนตัวผมนะ จากคุณ : เต่าน้อย/taonoi_@hotmail.com (เต่าน้อย) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:58:38

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่องการ์ด 1. การ์ดแต่งงาน ผมทำเอง เอารูปถ่ายมาแต่งให้ดูแปลกๆแหวกแนว แล้วไป print ที่ร้านอัดรูป อัดเป็น 200-300 รูป เหลือราคา 2.5 บาท 2. ซองใส่การ์ด ไปซื้อเอาตามแหล่งขายของชำร่วยได้ครับ ถูกโคตรๆ 3. มีทำการ์ดแบบปกติ ใบละ 10กว่าบาท แจกแค่แขกผู้ใหญ่ แต่แขกผู้ใหญ่เห็นการ์ดรูปถ่ายของผมแล้วบอกอยากได้แบบนั้นมากกว่า โรงแรม    เนื่องจากคุณแต่งช่วงยอดนิยม พ.ย. ธ.ค. โรงแรมไม่ง้อคุณแน่ คุณไม่เอาเค้าก้มีคนอื่นแต่ง อันนี้คงต้องยอม ของผมเปลี่ยนจากแต่งกลางคืนเป็นตอนกลางวัน เลี้ยงเที่ยง ไม่ได้ลดราคา แต่ได้แถมต่างๆมาเพิ่มมากกว่าปกติ อันนี้ต้องคุยเอง จำนวนแขก  อันนี้สำคัญที่สุด เพราะที่งานเลี้ยงแต่งขาดทุนเพราะจองโต๊ะเผื่อมากไป แล้วแขกไม่มา(ซองก็ไม่มาด้วย) ตอนแจกการ์ดผมถามคนรับว่า จะมาได้หรือไม่ถ้าไม่มาผมไม่แจกซองให้ แปลว่าคุณไม่ต้องช่วยงานผมถ้าคุณไม่มา ผมแค่มาแจ้งให้ทราบว่าผมจะแต่งงาน ดูแปลกๆ ไหมครับ แต่ผมถามจริงๆ แล้ววันงานแขกมาเกินแค่ 3 โต๊ะ  ค่าชาร์จของโรงแรมที่เปิดโต๊ะเพิ่มคิดจริงๆแล้วจะถูกกว่าถ้าเราจองโต๊ะไว้เกินมากครับ แล้วสุดท้าย 3 โต๊ะนี้ทางโรงแรมหยวนๆครับ เพราะว่าจัดตอนกลางวันไม่ชาร์จเพิ่มครับ ช่างภาพ  สำหรับผมเป็นการสิ้นเปลืองที่ดูแล้วไร้สาระที่สุด เหมือนถ่ายรูปรับปริญญาที่ไม่เคยมาเปิดดูอีก  งานนี้โทรหาเพื่อนที่เล่นกล้อง มันอยากซ้อมถ่ายรูป บอกมันเลย เมิงมาถ่ายให้ กรูเลี้ยงข้าวในงาน เมิงไม่ต้องใส่ซอง  มันมาพร้อมกับเพื่อนมันอีกคนพร้อมกล้องตัวท๊อป อุปกรณ์หรูๆเพียบ เซฟไฟล์ให้ผมใน harddisk ตอนงานเลิกเลยวันนั้น ไม่ต้องแต่งรูป ไม่สียเวลา อยากได้ print รูปไหนค่อยแต่งรูปนั้น   ผมจำได้ว่าไฟล์ใหญ่มาก น่าจะเป็น 10 GB file RAW เปิดดูอยู่ 3 ครั้งมั้งหลังแต่ง และยังไม่เคยเอารูปไหนไปอัดเลย ยังอยู่ในคอมทั้งหมด   เสียค่าช่างภาพเป็นกระเพราไก่ไข่ดาว จานละร้อย ไป 2จาน (ราคาโรงแรม แพงจริงๆ) presentation  ไม่อยากบอกว่าผมทำเองกับมือทั้งหมด หาความรู้เอาในเวป ไปซื้อแผ่นโปรแกรม presentation จากพันติ๊ป จำชื่อโปรแกรมไม่ได้แล้ว รูปถ่ายก็เอารูปเก่าๆมาแสกน รูปไม่เข้าท่าก็เอากล้อง + ขาตั้งไปตระเวณถ่ายกับแฟน 2 คน มันส์มาก เพราะถ่ายเสร็จต้องมาดูว่าเอียงหรือเปล่า ถ่ายซ่อมอยู่พักใหญ่   ผมใช้เวลาเกือบเดือนนึง ทำ present ในงานแค่ 10 นาที  เพลงประกอบงานแต่งก็โหลดเอาในเนตไปไรท์ใส่แผ่นเปิดในงานครับ ของชำร่วย  ซื้อตามแหล่งขายราคาถูกกว่ามาก อย่าไปซื้อตามร้านเว็ดดิ้ง แพงเว่อร์ ฝากเรื่องของชำร่วย ลงทุนตรงนี้ประทับใจคนรับครับ อย่าไปแจกของที่ไม่ได้ใช้ เพียงแต่แจกๆครับ (ผมไม่ชอบเลยเวลาไปงานแต่งแล้วได้ของจุ๊กจิ๊กที่มันใช้ไม่ได้แค่รอทิ้ง รกบ้าน)  ผมแจกถ้วยเซรามิกใส่อาหารครับ ขนาดไม่เล็ก มีแต่คนบอกว่าทำไมของชำร่วยมันใหญ่ยังงี้ แต่ของหมดครับ ไม่พอ ต้องไปสั่งเพิ่มมาตามแจกหลังแต่งเพราะคนขอเพิ่ม ผมไม่พิมสกรีนชื่อบนของแจกครับ เพราะจะมีค่าพิมพ์เพิ่มอีก พิมพ์ชื่อใส่กระดาษตัดใส่ลงไปในห่อก็พอครับ คนรับเค้าไม่ถือหรอก อื่นๆ ประหยัดไม่ได้มาก พวกชุดเจ้าสาวครับ ประหยัดมีเคือง อันนี้ก็พอเข้าใจครับ รวมๆ แต่งโรงแรมใน กทม. แขก 3 ร้อย บุฟเฟห์ หมดประมาณ 3 แสนครับ(ไม่รวมสินสอดครับ) จากคุณ : กฤษณะ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:27:38

ความคิดเห็นที่ 34 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 15:35:30 จากคุณ : ช้างทมิฬ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:44:33

ความคิดเห็นที่ 35 อุ..อุ..กระผมเพิ่งรู้ว่าเวลาจะแต่งงาน มีเรื่อง กำไร-ขาดทุนด้วย เรียนเสนอว่าในการ์ดเชิญ แจงค่าใช้จ่ายแนบให้แขกทราบไปด้วยเลยก็ดีนะขอรับ แขกจะได้รู้ว่าควรใส่ซองเท่าไรถึงจะพอดี ไม่ถือว่าเป็นการเอาเปรียบ บ่าว-สาว และตัวแขกเอง ก็ไม่ "ขาดทุน" ด้วย เช่น บอกไปเลย เช่น ค่าชุดบ่าวสาว,ค่ารูปถ่ายหน้างาน, ค่าพวงดอกไม้ หน้างาน,ค่าอาหารต่อหัว, ค่าการ์ดเชิญ, ค่าของชำร่วย, ค่าเดินทางค่ารถ ค่าน้ำมันในการไปแจกการ์ด ฯลฯ เฉลี่ยตามจำนวนแขกกี่คน คิดเป็นต่อหัวเท่าไร แล้วหมายเหตุไปว่า "เผื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเงินใส่ซอง หรือ ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจใส่เงิน ป้องกันการกำไร-ขาดทุนนะจ๊" จากคุณ : จอนนี่น้อย เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 08:28:03

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาให้กำลังใจ ครับผมเองก็กำลังระดมทุนจัดงานเช่นกัน โต๊ะจีนที่โรงแรม ก็ 400000 อื่นๆอีก... ป.ล.ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนอะนะไม่ได้รวยอะไรแต่ที่ต้องจัดที่โรงแรมเพราะหน้าตาพ่อแม่เจ้าสาว จากคุณ : จินเฮ (จินเฮ) เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 17:10:08