ความคิดเห็นที่ 1 รูปที่เห็น ผู้หญิงเอเชียในรูปคือ อองซาน ซูจี นักเคลื่อนไหวและปฏิรูปการเมืองชาวพม่า ที่เรียกร้องประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นมาตลอดเกินครึ่งชีวิตของเธอ มาวันนี้เธอกลายเป็น Logo ของประเทศพม่า ไปเรียบร้อยแล้ว ประชาธิปไตยกำลังจะเกิดขึ้นในพม่าจริงๆแล้ว ต้องดีใจกับเขาด้วยครับ แต่การพลิกโฉมการเมืองในพม่า ก็เป็นแค่ก้าวหนึ่ง และเป็นแค่หมากหนึ่งในการเข้าสู่เวทีโลกของพม่าเท่านั้น จริงๆแล้ว ตอนนี้ดูจากโครงการ ดูจากท่าทีนโยบายของต่างประเทศที่ติดต่อกับพม่าแล้ว ต้องยอมรับว่า “น่ากลัว” ดีไม่ดี จะแซงพี่ไทยเอา >.< จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 19:25:38

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนนี้ พม่า ปฏิรูปหลายอย่างมากครับ ไม่ใช่แค่การเมือง มีอะไรบ้าง ขุดออกมาดูให้หมดสิ 1. ออก พ.ร.บ. การลงทุนฉบับใหม่ ซึ่งให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนแก่นักลงทุนต่างชาติมากขึ้น โดยเน้นให้ความสำคัญในการจ้างแรงงานชาวพม่า (พ.ร.บ. ฉบับนี้ ผ่านสภาสูงและสภาล่างของพม่าแล้ว) อาทิ - การขยายระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 3 ปีเป็น 5 ปี - การอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเป็นเจ้าของกิจการทั้งหมด หรือเป็นกิจการร่วมทุน (Joint Venture) กับนักลงทุนท้องถิ่นหรือหน่วยงานของรัฐบาล - อนุญาตให้นักลงทุนเช่าที่ดินได้ถึง 50 ปี (จากเดิม 30 ปี) และต่ออายุการเช่าที่ดินได้ 2 ครั้งๆ ละ 15 ปี - คุ้มครองโครงการลงทุนจากการถูกยึดกิจการเป็นของรัฐ 2. การปรับระบบค่าเงินจ๊าด (ให้ IMF เข้ามาช่วย) -- ธนาคารกลางพม่าเริ่มลอยตัวค่าเงินจ๊าดแบบ Managed Float ตั้งแต่ 1 เม.ย.55 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะปรับตัวตามกลไกตลาดอย่างเหมาะสมต่อไป 3. มีการพัฒนาภาคธนาคารโดยมีสิงคโปร์เป็นพี่เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง เช่น - อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์พม่า 11 แห่งจาก 19 แห่ง ซื้อขายเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโร และเงินดอลลาร์สิงคโปร์ ในอัตราเดียวกับตลาดสากลตั้งแต่ พ.ย. 54 - มีการคุ้มครองเงินฝากให้แก่ลูกค้าเงินฝากในพม่า 100,000-500,000 จ๊าด เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้ระบบธนาคาร - ธนาคารพาณิชย์พม่า 4 แห่ง ออกไปจัดตั้งสำนักงานตัวแทนที่ต่างประเทศแล้ว (อันนี้ผมก็เพิ่งรู้ - -“) มีประเทศ ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย วัตถุประสงค์ก็เพื่ออำนายความสะดวกในการส่งเงินกลับของแรงงานพม่าที่ทำงานในต่างประเทศ (พวกแม่บ้านเหล่านี้ เป็นแรงงานชั้นสูง และช่วยให้ GDP ของประเทศเติบโตนะจะบอกให้ 555) 4. การเตรียมยกร่างพัฒนาตลาดทุน โดยบรรลุข้อตกลงกับตลาดหุ้นโตเกียวและกลุ่มหลักทรัพย์ไดวาในการช่วยเหลือพม่าจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ ลงนามใน MOU ไปล้ว คาดว่า จะมีตลาดหลักทรัพย์พม่าให้เทรดในปี 58 5. จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อส่งเสริมการลงทุน อาทิ - มีการออกกฎหมายจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone : SEZ) โดยเริ่มจากการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (Dawei Special Economic Zone : DSEZ) เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการทวาย และเตรียมจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษอีก / แห่ง คือ Thilawa Special Economic Zone (TSEZ) และเขตเศรษฐกิจพิเศษ Kyaukphyu Special Economic Zone (KSEZ) - มีแผนจะจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ อีก 19 แห่งภายในปี 58 เพื่อเตรียมรับ AEC (8 แห่งในปี 55) ซึ่งมีพรมแดนติดกับเพื่อนบ้าน คือ จีน อินเดีย บังคลาเทศ และไทยรวม 13 จุด ซึ่งติดกับไทยมากสุด คือ 5 จุด 6. โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย (ภาพด้านล่าง คือ ภาพจำลองโครงการทวายนะครับ) จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 19:27:26

ความคิดเห็นที่ 3 พูดมาถึงทวายแล้ว ก็ต้องลงไปให้ลึกกว่านี้หน่อย นิคมอุตสาหกรรมทวาย  ครอบคลุมพื้นที่ 250 ตร.กม. ประกอบด้วย - ท่าเรือน้ำลึกจำนวน 2 ท่า เพื่อรองรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มากกว่า 100,000 เดทเวทตัน - อู่ต่อเรือ ไว้รองรับรถบรรทุกน้ำมันขนาด VLCC (Very Large Crude Carriers) และ ULCC (Ultra Large Crude Carriers) ซึ่งสามารถรับเรือได้รวม 22 ลำในคราวเดียวกัน - พื้นที่อุตสาหกรรมหนัก เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 4,000 MW อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมปุ๋ย โรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซธรรมชาติ  อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นและขั้นปลาย - พื้นที่อุตสาหกรรมขนาดกลาง เช่น อุตสาหกรรมประกอบ รถยนต์  ยางรถยนต์ โรงงานกระดาษ โรงงานผลิตยิปซั่มบอร์ด - พื้นที่อุตสาหกรรมขนาดย่อม เช่น อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ แปรรูปอาหาร เป็นต้น - พื้นที่อื่นๆ เช่น เขตชุมชน ที่อยู่อาศัย ส่วนราชการ และพื้นที่สาธารณะอื่นๆ จิปาถะ เยอะไหมครับ หุหุ ใหญ่ขนาดไหน ลองเทียบกับแหลมฉบังบ้านเราดู ตารางด้านล่าง จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 19:29:07

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วนิคมทวาย สำคัญต่อไทยยังไง? (อ๊ะ ไม่สิ สำคัญต่อ Logistic ของโลกยังไง ถามงี้ดีกว่า) ดูจากแผนที่ด้านล่างนี้นะครับ ความสำคัญต่อไทยก็คือ เป็นกุญแจเปิดประตูระหว่างอาเซียนฝั่งตะวันออกและตะวันตกที่ถูกปิด ล็อกมานาน เพราะพม่าปิดประเทศไปก่อนหน้านี้ ความสำคัญต่อโลกก็คือ ช่วยลดระยะทางการขนส่ง ไปยังอินเดีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และแอฟริกา สินค้าจากจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เวียดนาม และอีกหลายประเทศฟากตะวันออก ปัจจุบันหากขนส่งทางเรือเอาสินค้าไปขายแอฟริกา อินเดีย หรือยุโรป ต้องผ่านช่องแคบมะละกาตรงสิงค์โปร์ ซึ่งอ้อมพอสมควร ยิ่งเรือใหญ่ที่ผ่านสิงค์โปร์ไม่ได้ ต้องไปอ้อมโน้นเลย ตรงอินโดฯ ช่องแคบมะละกาเห็นแล้วก็เหนื่อยแทน พอเห็นอย่างนี้ สิงค์โปร์อาจหนาวๆร้อนๆนะครับ นั้นเป็นสาเหตุที่สิงค์โปร์ก็ให้ความสนใจ และต้องการร่วมทุนกับโครงการนี้ รวมถึงให้ความช่วยเหลือกับพม่าในหลายๆด้าน ประมาณว่า หากเป็นศัตรูกับพม่า ในเชิงยุทธศาสตร์ มีแต่แพ้กับแพ้ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เป็นมิตรมันไปซะเลย ง่ายดี ^^ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 19:31:30

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วพี่ไทยเราล่ะ มีโอกาสจะทำอะไรได้บ้าง หากทวายมาแน่ๆ และพม่าเปิดประเทศแน่? - ในเชิงหลักการแล้ว ทวายมีศักยภาพเชื่อมโยงโครงข่ายขนส่งระดับภูมิภาค ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งไปเอเชียใต้  ตะวันออกกลาง  ยุโรป โดยไม่ผ่านช่องแคบมะละกา อันนี้ มองแล้วความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทยจะสูงขึ้นทันที (เพราะต้นทุนการขนส่งต่ำลงทันที) - ถ้าเราอยากให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Logistic ของภูมิภาค เราเองก็จำเป็นต้องพัฒนาเส้นทางการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงท่าเรือทวาย-ท่าเรือแหลมฉบัง-ประเทศอื่นในภูมิภาค (ทวายห่างจากกรุงเทพฯแค่ 320 กม.เองนะ) - หากเห็นโอกาสที่ไกลขึ้น เราอาจต้องพัฒนาพื้นที่หลังท่า ตามชายแดนไทยไกลๆพม่าให้สามารถรองรับการขยายฐานอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะ ปิโตรเคมี เหล็ก ยานยนต์ - อย่างสุดท้ายคือ เป็นโอกาสของภาคเอกชนไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งภูมิภาค รองรับ AEC ที่จะตามมา เช่น นำวัตถุดิบจากพม่ามาแปรรูป หรือส่งออก จริงๆแล้ว อย่ามองพม่าเป็นแค่เมืองท่าในการส่งสินค้าออกไปต่างทวีปนะครับ ในประเทศพม่าเองก็มีโอกาสอีกเยอะ ในแง่ของการบริโภคภายในประเทศพม่าเอง สาเหตุเพราะ ประชากรพม่า ปัจจุบัน ก็มีถึง 60 ล้านคน (ลาวกับกัมพูชารวมกัน ก็แค่ 22 ล้านคนเอง) แถมประชาชรในช่วงอายุที่เป็นแรงงาน มีสูงถึง 30 ล้านคน หากบ้านเราค่าแรงมันแพงนัก ก็ย้ายไปพม่ากันซะ ถูกกว่าแน่นอน (ประเทศนี้ ต่างชาติก็เห็นเหมือนเรา) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 19:33:33 จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 19:32:50

ความคิดเห็นที่ 6 ไปดู Action ของต่างชาติต่อพม่ากันครับ เขาทำอะไรกันไปแล้วบ้าง (เอาเท่าที่หามาได้นะ) US ผ่อนคลายกฎระเบียบเรื่องการเงินและการเดินทาง อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพม่าเดินทางไปสหรัฐได้ เปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID) ในพม่า และส่งทูตสหรัฐไปประจำในพม่า แต่ยังคงมาตรการเข้มงวดในการนำเข้าสินค้าจากพม่าไว้บ้าง จำพวก อัญมณี ไม้สัก EU ระงับมาตรการคว่ำบาตรพม่าเป็นเวลา 1 ปีไปแล้ว รวมถึงกำลังพิจารณาคืนสิทธิ GSP แก่พม่า โดยคำนึงถึงปัญหาการใช้แรงงานในพม่าตามหลักขององค์กรแรงงานโลก รวมทั้งเปิดสำนักงานตัวแทนของ EU ที่ย่างกุ้ง เมื่อ 28 เม.ย. 55 ที่ผ่านมา (แต่ยังคงคว่ำบาตรด้านอาวุธเหมือนเดิม) JAPAN ประกาศจะยกหนี้มูลค่า 300,000 ล้านเยน (114,700 ล้านบาท) รวมทั้งมีแผนรื้อฟื้นความช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่พม่า ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือครั้งแรกในรอบ 25 ปี World Bank เตรียมเปิดสานักงานในย่างกุ้ง เดือน มิ.ย. 55 โดยเป้าหมายแรก คือ การช่วยเหลือประชาชนชาวพม่า และการฟื้นคืนโครงการช่วยเหลือต่างๆ Australia ผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการเดินทางและการเงินแก่ชาวพม่า 260 คน ซึ่งก็รวมถึงประธานาธิบดี เต็งเส่ง Canada ยกเลิกการคว่ำบาตรส่วนใหญ่ต่อพม่า ทั้งข้อห้ามนำเข้า ส่งออก การลงทุน (แต่ยังคงคว่ำด้านอาวุธ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลชุดก่อนของพม่าที่เป็นทหาร) ประเทศใหญ่ๆเริ่มผ่อนปรนเงื่อนไขกันแบบนี้ ชัดเจนครับ ว่าเขาเห็นพม่ามีประโยชน์ มีศักยภาพ ไม่งั้นจะทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร จริงไหม ถามว่า ณ วันนี้ พม่าเผชิญความท้าทาย และความเสี่ยงอะไรไหม? คำตอบคือ มีแน่นอนครับ การเมือง ถึงแม้จะดูมีการพัฒนา แต่ก็อยู่ในช่วงพัฒนา ดูบ้านเราสิประชาธิปไตยล้มลุกคลุกคลานมาตั้งกี่ปีแล้ว นอกจากการเมือง ก็มีเรื่องอื่นเหมือนกัน 1. ทรัพยากรธรรมชาติที่แทบจะยังไม่เคยถูกใช้ ต้องจัดสรรให้เกิดประโยชน์สุงสุด ไม่งั้น ก็โดยต่างชาติถลุง 2. ต้องยกระดับสถาบันกรเงิน เพราะเป้นแหล่งเงินทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว ปัจจุบันยังคลานอยู่ เดินไม่เป็น 3. รักษาวินัยการใช้จ่ายภาครัฐ หลายประเทศในช่วงต้นของการเปิดประเทศต้องอยากวางโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคต่างๆที่จำเป็น แต่ลืมไปว่า หนี้จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่เป็นภาระต่อธนาคารกลางต่อไป 4. ดูแลเงินเฟ้อให้ดี หากคิดแต่จะโตอย่างเดียว อาจเป็นเหมือนเวียดนาม เงินเฟ้อพุ่งสูง ต้องการลดค่าเงิน กระทบกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว สุดท้าย ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพื่อปูความรู้และความเข้าใจของโลกเราใน 5-10 ปีข้างหน้าที่จะเปลี่ยนไปจากวันนี้พอสมควร ทุกสิ่งในโลกมีแต่จะเปลี่ยนแปลงไป มีแต่ใจเราที่อยากจะให้มันเหมือนเดิม (ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอก) วิธีรับมือก็คือ อย่ามองการเปลี่ยนแปลงเป็นวิกฤต ขอให้มองมันเป็นโอกาส แล้วเราก็ต้องพร้อมจะเรียนรู้ไปกับมัน เอาใจช่วยพม่ากันนะครับ เขาโตเราโต ถ้าเขาไม่โต เราก็ต้องโตได้ด้วยตัวเอง คราวหน้าพาไปทัวร์ AEC นะครับ ครั้งนี้ขอตัว ^^ --------------------------- โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 19:36:53

ความคิดเห็นที่ 7 Many thanks guy. จากคุณ : คุณดี. ซี. เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 19:38:51

ความคิดเห็นที่ 8 ดีแล้ว ที่เราได้รัฐบาลนี่เป็นผู้บริหาร ไม่ไหวๆ อย่างรัฐบาลก่อน ก่อสงครามไปทั่ว .. เขาอยู่สงบมาหลายสิบปี นับตั้งแต่ยุคน้าชาติ "เปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า" แต่พวกโง่ๆ เข้ามา โดยการเอางูเห่าไปพันคอ กลับทำโง่ๆ "เปลี่ยนสนามการค้า ให้เป็นสนามรบ" ยิงกัน ปิดด่าน ทั้งสองประเทศเสียหายทั้งชีวิตและธุรกิจ การค้าการขาย สุดท้าย  .. ที่เคยยิงกันมา เสียชีวิตกันไป กลายเป็นสูญเปล่า พอรัฐบาลนี้เข้ามา ความสัมพันธ์ราบรื่น การค้าขายคึกคัก เปิดแดน .. อย่างนี้ดีหน่อย อยากกลับไปแข่งกับสิงค์โปรได้แล้ว ตื่นเต้นดี .. จากคุณ : if you know เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 20:04:40

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ มีประโยชน์ทีเดียวค่ะ แต่ขอแย้งเรื่องถนนนิดนึงค่ะ ถนนเมืองไทยดีกว่าเยอะค่ะ   พม่าต้องพัฒนาถนนอีกเยอะค่ะ รวมถึงระบบจราจร แม้ในตัวย่างกุ้งเอง เมื่อเลยไปชานเมืองหน่อย เช่น เข้าเขตFMI ถนนก็ค่อนข้างแย่ค่ะ ฝุ่นก็เยอะ การจัดปัญหาจราจรไม่มีระบบ ระบบสุขาภิบาล ถ้าไม่นับตัวโรงแรมห้าดาว เอาแต่ตามออฟฟิศ ห้าง ก็ไม่มีมาตรฐาน   ห้างเยอะจริงค่ะ แต่ส่วนใหญ่ จะทำแค่สองชั้น ชั้นบนทำที่พักอาศัย จะมีแค่ห้างเปิดใหม่อย่างจังชั่นแสควร์ ที่พอจะเทียบกับห้างบ้านเราได้ค่ะ   ส่วนการทำธุรกิจ จะหนักเรื่องค่าที่ กับ ค่ารถค่ะ เพราะรถที่โน้นแพงมากกว่าไทยมากค่ะ ค่าเช่าที่ก็แพงค่ะ บางที่ต้องจ่ายรายปี คือ เอาแต่ละเดือนรวมกัน จ่ายล่วงหน้าไปปีนึงค่ะ บางที่ก็หกเดือน แล้วแต่สัญญาค่ะ   ที่นี่ยังจ่ายเงินสดกันอยุ่ เน้นจ่ายล่วงหน้าด้วย เช่น ถ้่าจะสร้่างโรงแรมนึง จ่ายล่วงหน้าเป็นเงินสดครึ่งนึงให้ผู้รับเหมา คือ จะเป็นแนวนี้ค่ะ ไฟดับบ่อยด้วยค่ะ ทุกบ้านต้องมีเครื่องเจน ดับทีก็ไม่เหมือนบ้านเราที่แป๊บๆก็ติด อันนี้พูดในแง่เมืองย่างกุ้งค่ะ   ถ้าจะเข้าAEC พม่าต้องปรับด้านสาธารณูปโภคอีกมากทีเดียว  ด้วยความเคารพ จากคุณ : เขียนบน iPhone (PaNDoRa-ParsellE) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 20:14:58

ความคิดเห็นที่ 10 ซ้าาาาธุ ขอให้พม่า ที่เพิ่งเริ่มเป็นประชาธิปไตย จงอย่าล้มลุกคลุกคลานแบบพี่ไทยเล้ยยย ขอให้ประชาธิปไตยในพม่าแข็งแรงๆ อยู่บนหลักอันถูกต้องและดีงาม เผื่อนะ เผื่อจะเป็นตัวอย่างให้พี่ไทย(ที่มีประชาธิปไตยมาก่อนตั้งนานนนเน) เห็นว่า เออ..ประชาธิปไตยแบบ work work นี่มันพาชาติเจริญเนอะ  ไม่ใช่เอะอะประท้วง เอะอะประท้วง -*- ไม่พอใจไรประท้วง ไม่พอใจไรปิดสนามบิน ไม่พอใจไรเผาเมืองแม่มเลย ~"~     ฯลฯ จากคุณ : น้องหมามินมิน เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 20:17:01

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมาก ๆ ครับ เป็นกระทู้ที่ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาก ๆ ครับ อนึ่ง ผมคอการเมืองครับ แต่สำหรับกระทู้ในห้องนี้ ผมขอละเว้นความเห็นทางการเมืองแบบใส่อารมณ์ครับ จากคุณ : @power เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 20:52:20

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าใครเคยทำธุรกิจกะพม่า ขอบอกว่า อีกนานค่ะ กว่าจะตามเราทัน ขออย่างเดียวแค่ไทยเราสามัคคีกัน  ไม่มีกีฬาสีบ่อยๆ ข่าวกะความเป็นจริงมันต่างกัน จากคุณ : chittha เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 21:34:56

ความคิดเห็นที่ 13 พม่าดี   เราจะยิ่งดีขึ้น    ยังไงก็ต้องไปด้วยกัน จากคุณ : ผ่านนานแล้ว เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 22:05:52

ความคิดเห็นที่ 14 ......ผลกระทบแรกเลยก็คือ คนงานพม่าในไทยจะแห่กันกลับ พร้อมด้วยวิชาความรู้ที่มาจากเมืองไทย ทั้งการทำอาหาร ก่อสร้าง ค้าขาย อนาคต เราคงต้องเรียนภาษาพม่าบ้างแล้วล่ะ จากคุณ : พ่อเฉาก๊วยกะแม่เปียกปูน เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 07:03:39

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : น้องน้ำหวาน เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 08:41:50

ความคิดเห็นที่ 16 ข้อมูลดี มีประโยชน์ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : nothing is impossible เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 10:42:36

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ จากคุณ : Natural magic เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 09:39:05

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากค่ะ ได้ความรู้มากมาย จากคุณ : ojoosan เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 21:33:30