แบ้งค์ไทยพานิชย์ ทำกับลูกค้าเหมือนหมู เหมือนหมา ขอระบายหน่อยครับ
|
|
ก่อนอื่นผมไม่มีอคติกับแบ้งค์นะ แต่ก่อนค่อนข้างชอบซะมากกว่า แต่ตอนนี้เสียความรู้สึกมากๆ ผมเป็นเจ้าของบริษัท ทำธุรกิจมา สิบกว่าปีแล้ว อายุปัจจุบัน 37 ปี ไม่เคยมีหนี้เสีย ผมขอพูดประวัติทางการเงินของผมก้บแบ้งค์นี้ก่อน
1. ปี 43 เปิดบัญชีบริษัทผมกับแบ้งค์ สีม่วง ในต่างจังหวัด ยอดขายผ่านแบ้งค์นี้ก็ไม่มากไม่มายเพราะเป็นบัญชีต่างจังหวัด ลูกค้าผมส่วนมากอยู่ใน กทม เวลาโอนตังส์จะไม่ค่อยโอนผ่านแบ้งค์นี้ แต่เฉลี่ย ก็เดือนละ 1 แสน (มีบัญชี บริษัทอีกหลายแบ้งค์ แต่ละแบ้งค์ มากกว่าแบ้งค์นี้หลายเท่า)
2. ปี 47 ขอกู้บ้านซื้อบ้าน ประมาณ 1.2 ล้านบาท ก็ไม่มีอะไรปกติดี ดอกปกติ ไม่เคยขอละดอก ผ่อนตรงตลอด ไม่เคยขาดส่ง ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 7.8 แสน
3.ปี 47 -48 ไม่แน่ใจช่วงไหน ธนาคารขอให้ช่วยเปิดบัญชีโอดี และ บัตรเครดิต ก็โอเค ไม่มีปัญหา ได้บัตรโอดี วงเงิน 170,000 บาท บัตรเครดิต ได้เพิ่มวงเงินเรื่อยๆ จนอยู่ที่ 100,000 บาท ชำระเต็มวงเงินตลอด ยกเว้นช่วงติดปัญหา ก็จ่าย 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่เคยขาดส่งเลย
4.ประมาณปี 50 แบ้งค์ขอให้ทำ บัตร speedy cash โอเคทำก็ทำ วงเงินเริ่มต้น 8 หมื่น ต่อมาแบ้งค์ปรับให้เรื่อยๆจนวงเงินสุดท้าย ประมาณ 450,000 บาท ชำระเต็มวงเงินตลอด แต่ถ้าไม่ไหวก็จ่ายขั้นต่ำตลอด แต่ไม่เคยขาดส่ง
จริงๆมันก็เหมือนไม่มีอะไรใช่ไหม แต่ประมาณปี 51-52 เศรษฐกิจเริ่มมีปัญหา แต่ผมก็จ่ายอะไรได้เหมือนเดิมนะ แต่บัตรต่างๆก็เริ่มจ่ายขั้นต่ำ แต่ก็จ่ายทุกเดือนไม่เคยขาด ผมก็ว่าธนาคารเขาก็มองผมเครดิตดีเหมือนเดิมนะ
มาดูบ้างหลังจากนั้นธนาคารเริ่มทำอะไรกับผมบ้าง ผมเริ่มเหมือนหมูเหมือนหมาละ
1.ประมาณต้นปี 54 เจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาบอกว่า พี่ครับ ปรับโครงสร้างหนี้ไหมพวกบัตรเครดิตน่ะ เพราะปกติ ดอกมันจะ 26-27 เปอร์เซ้นต์ พี่เป็นลูกค้าชั้นดี เราจะปรับให้เหลือ 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี (แหมทำเหมือนตรูโง่เลย เหมือนตรูเป็นตาสี ตาสาไม่ติดตามข่าวสารอะไรเลย รัฐบาลเขากำลังจะโอนหนี้บัตรเครดิตให้เหลือ 10 เปอร์เซ็นต์ กับออมสินและกรุงไทย คงจะชิงดักให้ตรูทำสัญกับเอ็งก่อนน่ะ ซิ แต่ผมก็โอเคนะ เพราะไม่ต้องทำอะไร เลย แค่ไปเซ็นต์เอกสารแค่นี้ ถ้าผมโอนหนี้ไปแบ้งค์อื่นผมต้องเตรียมเอกสารอีกมาก ก็เลยทำ โดยบัตรเครดิต จ่าย 36 เดือน ประมาณเดือนละ 2200 บาท และบัตร speedy cash ก็ผ่อน 72 เดือน ประมาณเดือนละ 8500 บาท ก็ส่งแบบสบายๆนะ ส่งตลอดไม่เคยขาดส่งมา ปีกว่าๆละ ไม่มีปัญหาอะไร)
2.มีคนมาขอซื้อบ้าน ผม ที่ผ่อนกับ ไทยพานิชย์ บ้านหลังนี้ผมไม่เคยอยู่เลย ผมซื้อบ้านหลังไหม่ ที่ใหญ่กว่านี้มากและกับแบ้งค์อื่น ผมตกลงขายบ้านหลังนี้ เพราะได้ราคาที่ดีมากๆ กำไร ล้านกว่าบาท ผมให้เจ้าหน้าที่นิติกรรมดำเนินเรื่องให้ผม (ดูๆก็ไม่น่ามีอะไร)
3.ผมแจ้งธนาคาร ว่าจะไถ่ถอน ยื่นเรื่องไปตั้งแต่ ปลาย มีนาคม ผ่านไป 2 เดือน เรื่องไถ่ถอนของไทยพานิชย์ยังทำไม่เสร็จ แต่ก่อนหน้านั้นมีเจ้าหน้าที่ไทยพานิชย์โทรมาหาผม คงคิดว่าผมจะรีไฟแนนท์กับแบ้งค์อื่น เลยโทรมาเสนอดอกเบื้ยผมแบบถูกมากๆ (แหมถ้าตรูไม่ทำอะไรเลย คงไม่ลดดอกเบื่ยให้ตรูแน่นอน ) ผมเลยบอกเขาว่าผมจะขาย ธนาคารฝ่ายคู่กรณีที่จะซื้อ เขาทำเรื่องเสร็จตั้งแต่ 2 อาทิตย์แล้ว ผมก็ถามเจ้าหน้าที่นิติกรรมผม ทำไมมันช้า เจ้าหน้าที่นิติกรรมผมบอกว่า ลูกค้าไทยพานิชย์ มักจะถูกธนาคาร ดึงกินดอกเบื้ยนานๆแบบนี้ ทุกราย หลังจากนั้น ผมเลยโทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ว่าทำไมเรื่องช้า ถ้าไม่ทำให้เสร็จผมจะไปโพสต์ที่ พันทิพ นะ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรบอกนัดโอน 31/5 (555 ถ้าตรูไม่ขู พวกม... ก็คงไม่รีบทำ ดึงกินดอกเบี้ยตรูต่อไปแน่ )
โอเคผมรับได้อีกนะ เดี๋ยวไปโอนกัน แต่ครับแต่ มันยังไม่จบ มันมาถึงตอนที่ผมเหมือนหมูเหมือนหมาแล้ว เมื่อวานนี้ 25/5 มีเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมา บอกเรื่องนัดโอน และจะให้ผมเอาเงินที่ขายได้มาชำระหนี้ บัตรต่างๆและ บัญชีโอดีด้วย ตอนนั้นยอมรับว่าผมปรี้ดเลย ผมถามเขาว่า มันหนี้คนละส่วนกันทำไมต้องเอามารวมกันเห็นผมเป็นหมูเป็นหมาหรือเป็นตาสีตาสาเหรอ ถึงคิดว่าผมไม่สามารถจ่ายหนี้บัตรได้ คุณไปดูประวัติการชำระผมก็ได้ว่าการชำระผมเป็นยังไง ขาดจ่ายไหม คุณทำกับลูกค้าคุณได้แย่มากๆ ตอนอยากให้ผมทำบัตรหรืออะไร แทบกราบเท้าผม แต่เวลาจะถีบหัวส่งเล่นกันอย่างนี้เลยเหรอ ผมไม่ได้มีบ้านแค่หลังเดียวและไม่ได้ทำธุรกรรมกับคุณแค่แบ้งค์เดียว สมมุติ ถ้าผมไม่มีหนี้ในบัตรทั้งสอง ตอนขายบ้านไป คุุณจะให้ผมปิดบัตรด้วยเหรอ ผู้บริหารคุณจบ ป 6 เหรอ (จริงๆด่ามากกว่านี้ ประมาณเกือบชั้วโมง หลังจากนั้น เจ้าหน้าบอกจะติดต่อมาแจ้งวันจันทร์ 28/5 )
ทีนี้ขอถามเพื่อนๆหน่อยครับ
1.มันมีด้วยเหรอ เวลาขายบ้านแล้ว ต้องเอาเงินมาปิดบัตรเครดิตด้วย มันไม่ได้ทำพวงกันนะ และบัตร speedy cash ก็ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เมื่อ ปีกว่าๆนี่เอง ผมว่ามันคนละส่วนกันนะ สมมุติว่า บัตรทั้งสองผมไม่มียอดค้างขำระเต็มตลอด จะบังคับให้ผมปิดด้วย คุณว่ามันแปลกๆไหม ใช้หลักการตลาดระดับอะไรคิด
2.ในส่วนของบัญชี โอดี ผมเข้าใจนะว่ามันพ่วงกับหลักทรัพย์ ตรงนี้จะหักผมไม่ว่าอะไรนะ แต่แค่สงสัยว่ามันทำคนละช่วงเวลา และสมมุติว่าผมไม่มียอดค้าง ขำระเต็มตลอด จะบังคับให้ผมปิดด้วย คุณว่ามันแปลกๆไหม ธนาคารไม่เก็บลูกค้าไว้เลยเหรอ หลักการตลาด ป 3 นะผมว่า
ฯลฯ
*ขอโทษด้วยนะครับ บางข้อความผมอาจจะไม่สุภาพ มีอะไรเสนอนะได้ครับ ถ้าผมไม่เข้าใจอะไรก็ต่อว่าผมได้ แต่ถ้าผมคิดถูก เรามารวมพลังกันให้ธนาคารไทยพานิชย์ได้รับรู้บ้าง ขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ
จากคุณ |
:
patanapon
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ค. 55 15:00:12
|
|
|
|