ความคิดเห็นที่ 1 รายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด จากคุณ : gold999 เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 15:03:46

ความคิดเห็นที่ 2 กำไร ก่อนหัก อื่นๆ เช่น คือ ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา จากคุณ : gold999 เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 15:05:45

ความคิดเห็นที่ 3 ใช้กำไรขั้นต้น หรือเปล่าครับ จากคุณ : สิงโตทะเลทราย เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 15:08:26

ความคิดเห็นที่ 4 earnings before interest, tax, depreciation, and amortization จากคุณ : *Tan* เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 15:08:36

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นผลกำไรที่สะท้อนการดำเนินงานของบริษัทเป็นหลัก เพราะไม่นำดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมต่างๆ มาคิดครับ จากคุณ : TaTuMm เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 15:10:53

ความคิดเห็นที่ 6 คห.5 ครับ เพราะค่าเสื่อม มันเป็นตัวเลขทางบัญชีเฉยๆ จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 15:30:37

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วมันต่าง ยังไง กับ กำไรขั้นต้นครับ (รายได้ - ต้นทุนสินค้า) จากคุณ : สิงโตทะเลทราย เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 15:35:51

ความคิดเห็นที่ 8 ebitda คือการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของธุรกิจครับ เพราะบ้างครั้งการใช้กำไรสุทธิมาเปรียบเทียบจะไม่ได้ภาพที่ชัดเจนนัก เพราะบริษัทบางครั้งมีการตัดค่าเสื่อมของสินทรัพย์ไม่เท่ากัน แต่ebitdaมีการบวกกลับค่าเสื่อม และค่าใช้จ่ายต่างๆที่เป็นทางบัญชี จะให้ภาพที่ดีกว่า จะใช้วัดมูลค่าของหุ้นที่มีค่าเสื่อมๆเยอะๆและหุ้นที่ขาดทุนอยู่ เพราะถ้าใช้pe กับหุ้นพวกนี้บ้างทีpe30 แต่อาจไม่แพงก็ได้ ebitda ไม่ใช่กำไรขั้นต้นครับ จากคุณ : arbuscula เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 15:57:22

ความคิดเห็นที่ 9 แบบคร่าวๆ เลย กำไรขั้นต้น คำนวณจาก ราคาขาย-ต้นทุน เอากำไรขั้นต้น ไปจ่ายเงินเดือน ค่าเช่า คำน้ำ ค่าไฟฟ้า สำรองหนี้เสีย สำรองสินค้าเสื่อมสภาพ เหลือเป็น EBITDA เอา EBITDA หักด้วยค่าเสื่อม ดอกเบี้ยเงินกู้ เป็น PBT (Profit Before Tax) เอา PBT ไปจ่ายภาษี เหลือ PAT หรือ Net Profit จากคุณ : Proxity เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 16:07:19

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับ จากคุณ : สิงโตทะเลทราย เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 16:13:25

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนลงบัญชีปกติ ในระบบบัญชีมาตรฐานที่เรียกว่า GAAP ไม่มี EBITDA แต่แสดงกำไรก่อน TAX: EBT หรือ ก่อน TAX และ INTEREST: EBIT แล้วก็ไป NOPAT (Net Operating profit after tax)/NI (Net Income) แต่มันมีที่มาว่าในเมื่อวงการบริหาร มีบริษัทดังๆ อยากรู้สิ่งที่สะท้อนฝีมือของ management ล้วนๆ ที่เกิดจากการทำหน้าที่ของช่วงแต่ละรอบบัญชีและการเอามาคำนวณว่ารายได้ cover การจ่ายหนี้หรือไม่ เลยต้องบวกกลับเข้าไป เลยทำตามกันใหญ่ เพราะ D+A มันไม่ใช่เงินสด มันเป็นค่าเสื่อม+ค่าตัดจำหน่า่ย ที่ค่อยๆ เป็นค่าใช้จ่ายหักออกจากสินทรัพย์ที่มีตัวตนและไม่มีตัวตนทุกปี ทีละนิดๆ เช่น อาคารมีอายุการใช้งาน 30 คอมพิวเตอร์ อายุการใช้งาน 10 ปี ก็ต้องทำตลอดจนกว่าจะหมดอายุ เหมือนสับคอมพิวเตอร์ออกเป็น 10 ท่อน แล้วค่้อยๆ คิดค่าใช้จ่ายทุกปี นั่นหาใช่ฝีมือการบริหารไม่ ที่มันหักทุกปีเพราะเราไม่สามารถเอาไปลงบัญชี ทั้งก้อนเฉพาะปีแรกที่ซื้อสินทรัพย์นี้ได้ หรือจะเอาไปลงปีสุดท้ายที่มันพังหรือหมดค่าก็ไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะถือว่าไม่สะท้อนความเป็นจริงของธุรกิจ ที่ "เอาบางส่วนของชีวิตมัน ไปทำธุรกิจ ให้เกิดกำไร (หรือขาดทุนก็ตาม) แต่ละปี" จึงเอามันมาเฉลี่ยตลอดระยะเวลาใช้งาน มันถูกต้องสะท้อนความเป็นจริงมากกว่าตามหลักบัญชีที่่ใช้กันอยู่ ดังนั้น D+A ไม่ได้มาจากฝีมือการบริหารและไม่ใช่เงินสดๆ แต่เมื่อตอน "คิดบัญชี" :-) ตามมาตรฐานมันถูกหักไปแล้ว ก็เลยพางงกับตัวเลขสดๆ ที่ทำงานได้ ตอนหลังอยากรู้ก่อนถูกหัก เลยเอามารวมใหม่ ถ้าเป็นงบอย่างที่บมจ. ประกาศทุกไตรมาส ไฟล์ excel ในงบกระแสเงินสดให้เห็นชัดใน "กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน" ลองไป download มาดู จะมีแยกอยู่ 2 รายการ แต่จะเห็นว่า "กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน" นั่นก็ใช้หลักการเดียวกัน ในการอยากจะหาค่าเงินสด ก็ด้วยการเอากำไร แล้วจับตัวเลขค่าใช้จ่ายสองตัวนี้บวกกลับพร้อมไปบวกกลับค่าใช้จ่ายคงค้างอื่นๆ (แต่ถ้ารายได้พิเศษกลับต้องทำตรงข้ามคือลบออก) วิธีนี้ ทางบัญชีเขาเรียกการทำทา่งอ้อม หรือ indirect method แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 18:23:14 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 18:22:41 จากคุณ : Ii'8N เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:16:58

ความคิดเห็นที่ 12 นอกจากนี้ การแต่งบัญชี ด้วยการปรับค่าเสื่อม(D)/ค่าตัดจ่าย (A) ก็มีให้เห็นด้วยเช่นกัน เช่น ไปซื้อ server เครื่องละ 5 แสน ถ้าใช้ค่้าเสื่อม 5 ปี ตอนหัก ก็ปีละแสน ถ้าวันหนึ่งมาแอบปรับตัวเลขเป็น 10 ปี ก็ปีละแค่ 5 หมื่น และนี่แค่รายการเดียวคงไม่ได้ปรับรายการนี้ รายการเดียวแน่นอน เมื่อตัวเลขน้อย กำไรสุทธิก็จะมาก โดยที่ฝีมือการทำงาน การขาย การควบคุมต้นทุน การควบคุมค่าใช้จ่ายการบริหารและการขาย ยังเหมียนเดิม ไม่ได้พัฒนา ตัวเลขสรุปบรรทัดสุดท้าย สวยหรู หลอกนักลงทุน ที่ว่าเจ๋งๆ อ่านงบการเงินเก่ง ก็ยังตกหลุมได้ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 18:39:57 จากคุณ : Ii'8N เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 18:36:59

ความคิดเห็นที่ 13 ซื้อเสื้อมา 100 บาท (ต้นทุน Cost) ขายไป 300  บาท (รายรับincome) **กำไรขั้นต้น 200 บาท(gross margin)** จ่ายค่าเช่าที่รายวัน  50 บาท(ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน Operation cost) **กำไรก่อนหักภาษีและต้นทุนการเงิน และค่าเสื่อมราคาคือ 150 บาท (EBITDA)** ค่าเสื่อมจาก ราวไม้แขวนซื้อพลาสติกซื้อมา 10 บาท ประเมินใช้ได้ขั้นต่ำ 2 ปี หักออกแบบคงที่  10/2 เท่ากับปีละ 5 บาท คิดเป็นไตรมาส ละ 1.25 บาท **กำไรก่อนหัก ภาษี และต้นทุน การเงิน  คือ  148.75 บาท (EBIT)** ต้นทุนการเงิน   ไม่มี  เพราะ เก็บเงินค้าขาย เอง ภาษี  มี  เปิดเป็นรูปบริษัท  นิติบุคคล  ปี 2555 เสียภาษี 23% คือ 34.21 **กำไรสุทธิ คือ    114.54 บาท** จากคุณ : ลิงฮาวาย เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 22:39:43