ความคิดเห็นที่ 1 อ่านไปจิบแฟไป จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 06:52:16

ความคิดเห็นที่ 2 การเริ่มต้นของชีวิต มันไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายหรือขาดโอกาส เหมือนกับมีบางคนคิด เพียงแต่คุณไม่รู้จักสร้าง รู้จักรอ และการไขว่คว้าพร้อมเรียนรู้ตังหาก อย่าไปโทษอะไรเลย หากชีวิตจะยังคงล้มเหลว และยากจนขัดสนอยู่แบบนั้น แต่ขอให้โทษตัวเองให้หนัก แล้วอย่าท้อแต่ให้เอาชนะและผ่านมันไปให้ได้ครับ จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:19:58

ความคิดเห็นที่ 3 ...คำว่า "ปั่น" มันแปลว่า "หมุน" จึงไม่ใช่ของจริง ต้องเข้า-ออกเร็ว เมื่อไรที่หุ้น "หมุนช้า" หรือ "หยุดหมุน" ใครออกไม่ทันก็ "เจ๊ง" นี่คือ สัจธรรมของหุ้นปั่น ประสบการณ์ยังสอนวิชัยว่า ใครที่เล่นหุ้นปั่นแล้วไม่ยอมเลิก ได้มาเท่าไรก็ต้องคืนกลับไปหมด เพราะธรรมชาติของหุ้นปั่น เหมือนการ "ตีฟอง" หมดรอบเมื่อไหร่ ราคาก็หมด คือไม่เหลือค่าอะไร เขาย้ำว่า..คนที่เล่นหุ้นปั่นแล้วรอดมาได้ ไม่ใช่ว่าเราเก่ง(ถ้าไม่ใช่พวกเขา)เพราะพวกนั้นเขาตั้งใจเอา "ปืนแก๊ป" มาดวลกับเรา เขาหลอกล่อให้เราได้กำไรก่อน..แต่ถ้าวันไหนมันเอา "แห" มาครอบเรา หมายถึง ทุบหุ้นออกมาทุกราคา วันนั้น..คุณโดน(เจ๊ง)แน่ จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 08:01:52

ความคิดเห็นที่ 4 "...ถึง พ.ศ.นี้ ผมมองว่า ถ้าคุณไม่มี "อินไซด์" ต้องเล่นหุ้นพื้นฐานอย่างเดียวเลย ถึงจะมีโอกาสรวย" วิชัยบอกว่า นักลงทุนรายใหญ่เท่าที่สังเกต เขาจะลงทุนแบบ "โฟกัส" ในหุ้นหนักๆอยู่ไม่กี่ตัว เพราะการกระจายพอร์ตมากตัวเกินไป ถ้าไม่ใช่นักลงทุนระยะยาวจริงๆ การตัดสินใจ "ซื้อ-ขาย" จะผิดพลาดได้ง่าย "อย่างพอร์ตของผม จะถือหุ้นอยู่แค่ 1-2 ตัว" วิชัยอธิบายว่า จริงๆแล้วการเล่นหุ้น เรารู้..เราเก่งของเราแค่ตัวเดียวพอ ขออย่างเดียว หุ้นที่เราซื้อต้องตอบคำถามได้ว่า เราเล่นหุ้นตัวนี้เพราะอะไร? มันทำธุรกิจอะไร? มันจะขึ้นเพราะอะไร? เหตุผลมันคืออะไร? มันเปลี่ยนชื่อเพราะอะไร? ต้องการสร้างภาพพจน์ให้ดีขึ้นรึเปล่า "ผมขอให้คุณเก่งหุ้นแค่ทีละตัว หรืออย่างมากแค่ 3 ตัวพอ รู้ให้ลึก..รู้ให้แตกฉาน แล้วทนรอกับมันได้ คุณจะรวยมหาศาล" "...แต่ต้องเก่งจริงๆนะ ต้องรอกับมันได้ อย่าเป็นคนใจเร็วด่วนได้ เพราะคุณจะไม่ได้..นี่เรื่องจริง" จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 08:05:32

ความคิดเห็นที่ 5 ขอยืนยันอีกเสียงครับว่ามีประโยชน์มากๆ แล้วจะกลับมาอ่านทบทวนอีกครั้ง ขอบคุณคุณทองครับ จากคุณ : เพียงผ่านมา เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 08:09:17

ความคิดเห็นที่ 6 เซียนหุ้นรายนี้ ยังย้ำความคิดเดิมว่า ถ้าจะเล่นหุ้นให้รวยจริงๆแล้ว ต้องเล่น "รอบใหญ่" อย่างเดียว ถ้าเล่นเอาค่ากับข้าว ก็ซื้อๆ ขายๆ เชื่อผมเถอะ! "ไม่รวยหรอก" จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 08:50:46

ความคิดเห็นที่ 7 จริงแฮะ ซื้อ ๆ ขาย ๆ ได้แค่ค่ากับข้าว แถมต้องลุ้นตาแฉะ ช่วงนี้ซื้อได้ขายไม่ออกซะด้วย.... จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 09:26:30

ความคิดเห็นที่ 8 ความรู้ใหม่แหะ เขาจะคิดตรงกันข้ามว่า "ลงให้ขาย" (Cut Loss) "ขึ้นให้ซื้อ" (Follow the Trend) ซึ่งเป็นวิธีที่ "ลดความเสี่ยง" ได้ดีที่สุด จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 09:50:01

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องมา ขอบคูณงามๆ ดีมากๆ จากคุณ : bam007 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 10:56:03

ความคิดเห็นที่ 10 โอ้ ขอบคุณนัครับ จากคุณ : BlueButter เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 11:05:06

ความคิดเห็นที่ 11 ผมอ่านรอบแรกก็มึนแล้วครับ พยายามคิดตาม ผมคิดว่าบทความนี้มีค่ามากมายกว่าเงินหลายล้านบาท เราโชคดีครับที่ได้มีโอกาสศึกษา ต้องขอขอบคุณเซียนยักษ์ครับ จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 11:55:07

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : Page setup (Page setup) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 12:55:26

ความคิดเห็นที่ 13 ทั้งนี้ สำหรับช่วง "พักตัว" ในหุ้นพื้นฐานดีๆจะใช้เวลาค่อนข้างนาน ไม่ค่อยรีบร้อนขึ้น (จะตรงกันข้ามกับหุ้นปั่น ที่รีบร้อนขึ้น) ยกตัวอย่าง หุ้น ปตท. เวลาเขาจะทำหุ้นตัวนี้ เขาจะต้องค่อยๆเก็บ บีบให้เหลือแต่คนที่ "ใจถึง" จริงๆ พอทุกคนหมดแรง มันก็จะ "วิ่ง"  สงสัยกำลังบีบ IVL ให้เหลือ 10 บาท แล้วมันจะวิ่ง จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:33:56

ความคิดเห็นที่ 14 "ยิ่งหุ้นตัวใหญ่ ถ้าเขารู้ว่าตอนไอพีโอ มีคนไปแย่งกันจอง(หุ้นไม่พอขาย) พอเข้าตลาดมาปั๊บ! เขาจะพยายามกดราคา เพื่อกดลงมารับต่ำๆ ถ้าวันแรกเปิดมาสูง เขาก็จะเทรดให้หุ้นต่ำลงมาก่อน ...แต่คุณดู พอมันเก็บของ(สะสมหุ้น)ได้พอแล้ว สังเกตว่า "วอลุ่มพีค" (เก็บของได้แล้ว) ราคาปรับตัวลงมาเสร็จ คราวนี้ปริมาณซื้อขายจะไม่ได้เยอะ สภาพคล่องจะเริ่มตึงขึ้น ราคาจะค่อยๆขยับขึ้นช้าๆ บางทีก็เล่นไซด์เวย์อยู่นาน จนคนซื้ออึดอัด ใครทนไม่ไหวก็ "คืนของ" ให้เขา แต่พอเขารวบรวมหุ้นได้เต็มที่แล้ว พอ MACD (ระยะเดือน) ตัดขึ้น ทีนี้มันวิ่งขึ้นเร็วมาก    หรือ มันกำลังจะเกิดกับ AAV อิอิ  แต่ผมไม่เอาด้วยล่ะ ไม่ชอบตัวธุรกิจ ยิ่งในช่วงนี้ด้วย บายครับ จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:37:07

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณคุณทองเนื้อเก้า และเสี่ยยักษ์ ด้วยใจจริงค่ะ สำหรับความรู้ที่ไม่มีในตำราเรียนแบบนี้ จากคุณ : พรมาตา เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:40:09

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าเราเทรดหุ้นทุกวัน สมองมันไม่มีจุดคิด การตัดสินใจบ่อยมันพลาดได้ง่าย คุณต้องรอจังหวะ รอให้เครื่องมือทางเทคนิคยืนยัน แล้วทุกคนเริ่มกลัวกันหมด ตรงนั้นคือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด ซื้อเสร็จก็ใส่ปี๊บเอาไว้ ความสำเร็จที่ยากที่สุดอาจไม่ใช่การเดินทางเพื่อค้นหา "กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ" เพราะพื้นฐานแห่งความสำเร็จ แท้ที่จริงแล้วคือ การเอาชนะจิตใจของตัวเอง " ผมเชื่อว่าตรงนี้ คือประโยคเงินล้านครับ " จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:53:24

ความคิดเห็นที่ 18 ชอบตอนนี้ มันเป็นสัจธรรม มาก ตอนที่ 11 ปตท.หุ้น The Winner2 วิชัย วชิรพงศ์ กล่าวว่า บทเรียนที่ผ่านมามันทำให้ตนเองมีคติประจำใจว่า ถ้าจะกำไรเยอะๆ ต้องถือหุ้นยาวๆให้ได้ เมื่อรู้ว่า "เดินทางผิด" ไปทุ่มลงทุน "หุ้นปั่น" แทนที่จะเป็นหุ้น ปตท.ที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก กำไรที่ได้มาจากหุ้นปั่น 100% เท่าๆ กับการขึ้นของหุ้น ปตท.จาก 35 บาทขึ้นมา 70 บาท แต่ตลอดทางที่ทำกำไรจาก "หุ้นปั่น" วิชัยกลับรู้สึกกระวนกระวายใจ ชีวิตไม่มีความสุข เพราะรู้สึกว่าตัวเองเสี่ยงทุกวัน จิตใต้สำนึกบอกว่าถ้าขืนเล่นหุ้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะต้องมีวันพลาดท่า "เจ๊ง" ไม่วันใดก็วันหนึ่งแน่ๆ "จำได้ว่า ก่อนที่จะกลับมาเข้าหุ้น ปตท.(ครั้งที่ 2) ผมไปเข้าหุ้น HEMRAJ เกือบ 30 ล้านหุ้น วันนั้นราคาขึ้นไปทำนิวไฮที่ 2.70-2.80 บาท ลงทุนไปประมาณ 70 ล้านบาท ซื้อหุ้นตัวเดียวเต็มพอร์ต ...พอซื้อเสร็จ มันก็ขึ้นไปทำนิวไฮ พอกลับไปบ้าน ทั้งคืนนอนไม่หลับ เพราะหุ้นตัวนี้ (ตอนนั้น) พี/อี มันสูงมาก ได้แต่รำพึงกับตัวเองว่า..กูหาเรื่องแท้ๆ ไม่น่าซื้อเลย" ย้อนถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น เสี่ยยักษ์มานั่งคิดว่า โอ้โห! ทำไมเราถึงกล้ามาก รู้เลยว่าที่ผ่านมาเราตัดสินใจผิดพลาดแล้วนะ เพราะพอร์ตเราใหญ่ ลูกเรายังเล็กอยู่ ถ้าพลาดท่าเราตายแน่ เขาอธิบายคำศัพท์ของนักเล่นหุ้นที่บอกว่า "ลูกยังเล็กอยู่" ความหมายคือ ลูกเรายังเล็ก..จะพลาดไม่ได้ หมายความว่าหุ้นตัวนี้ "อันตราย" เราต้อง Cut Loss ทิ้ง เมื่อรู้ตัวว่า "ซื้อแพง" ถลำลึกกับหุ้นเก็งกำไรจนหมดตัว เช้าวันรุ่งขึ้น วิชัยจึงตัดสินใจขายหุ้น HEMRAJ ทิ้งทั้งหมด จากเดิมที่มีกำไรหลายล้านบาท กลับเป็นว่าไม่เหลือกำไรเลย แต่เขาไม่เสียใจ ...เพราะการซื้อหุ้นแล้วเราไม่สบายใจ การขายหุ้นออกไปให้หมด จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด จากนั้นวิชัยก็เอาเงินทั้งหมดประมาณ 70 ล้านบาทมาซื้อหุ้น ปตท. "ตัวเดียว" โดยเข้าลงทุนประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน ปี 2546 ซึ่งขณะนั้นราคาหุ้นได้แอบขึ้นจาก 35 บาท ไป 70 บาทแล้ว สาเหตุอะไรที่ทำให้วิชัยฉุกคิดได้ว่าต้องทิ้งหุ้น HEMRAJ แล้วมาซื้อหุ้น ปตท.? ..........ขอบคุณ พี่ ทองเนื้อเก้า อีกสักสิบครั้ง.... จากคุณ : bam007 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 18:52:35

ความคิดเห็นที่ 19 ร่วมกันแบ่งปันครับ ครั้งแรกที่ผมพบบทความนี้ ผมดีใจมาก ในมุมของผม เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ได้อย่างไม่อัคติและทรงคุณค่าที่สุด แต่ละวรรคตอนสะท้อนเรื่องราวได้เป็นอย่างดี เหมือนเกิดกับตัว ผมเองก็ได้ข้อคิดให้ไปตรองกับตัวเองอย่างมากมาย และหวังว่าวันหนึ่งเราจะพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุดเช่นกันครับ จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:04:24

ความคิดเห็นที่ 20 เคยอ่านแล้วมาแล้ว ขอบคุณที่นำมาโพสให้อ่านอีกครั้ง บางตอนด็ลืมๆแล้วเหมือนกัน ผมว่าเป็นเนื้อหาและแทกติกการลงทุนของเซียนจริงๆที่บอดเล่าให้เราฟังอย่างไม่ปิดบัง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำได้ง่ายเหมือนกันนะครับ ต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่เราจะเพาะบ่มด้วย และที่สำคัญเราต้องผ่านสมรภูมิหุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าให้ได้  วิกฤติหุ้นที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจะสอนให้เราเก่งขึ้น และจะประสบความสำเร็จในที่สุด หากนำประสบการณืที่ได้มาประยุกต์ในการลงทุน วิกฤติแฮมเบอรฺเกอร์ และยูโรครั้งนี้เป็นเสมือนบทเรียนสำคัญที่จะสอนเราให้เป็นนักลงทุนที่เก่งๆได้อีกหลายคนแน่ๆ หากสามารถผ่านวิกฤติครั้งนี้ได้สำเร็จ จากคุณ : Wild Rabbit เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:27:16