ความคิดเห็นที่ 1 ไม่มีลูก ตังไม่ลด ตังเพิ่มตามความแก่ ชนะเงินเฟ้อ สูญเสียความสุขของชีวิตไปครึ่งหนึ่ง มีลูก ตังลด แพ้เงินเฟ้อ ความสุขเพิ่มตามความแก่ รู้จักรสชาติของชีวิตอีกครึ่งหนึ่ง จากคุณ : น้ำองุ่น เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 05:57:37

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วแต่ค่ะ บางคนอยากมี บางคนไม่อยากมี เราอ่ะอยากมี แต่ไม่มีโอกาส (ไม่ใช่ปัญหาทางร่างกายค่ะ) เงินคงเพิ่มไปเรื่อยๆละมั้ง ไฟท์บังคับ สรุป ถ้าเกี่ยวกับเด็ก งานนี้คงบอกได้แค่ว่าชีวิตใคร ชีวิตมัน อีกอย่าง มีลูกใช่ว่าจะรวยไม่ได้ ของแบบนี้แล้วแต่คนมากกว่า จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 06:42:40

ความคิดเห็นที่ 3 ในสมัยยุคสัวคมการเกษตรการมีลูกกลายเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายเพราะจะได้แรงงานฟรีๆมาช่วยออกแรงทำการเกษตรอย่างรวดเร็ว แต่สังคมปัจจุบันกว่าลูกจะกลายเป็นแรงงานที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายก็นู่นแน่ะปาไป 20-25 ปี พ่อแม่ในสังคมยุคใหม่เลยอยากปั้นลูกให้เป็นดารา,นักร้องหรือนักกีฬาจะได้หาเงินได้เร็วๆก็ว่ากันไป แต่ส่วนตัวผมว่าหากเอาเรื่องเงินมาเป็นบัญทัดฐานในชีวิตมากไป ชีวิตมันคงเสื่อมซะมากกว่า อย่างพ่อแม่รวยๆหลายคนชอบส่งลุกไปเรียนที่แพงๆจะได้เจอเพื่อนรวยๆด้วยกันโตขึ้นจะได้มีพรรคมีพวกหาเงินได้เก่งๆกลับกลายเป็นว่าลูกกลับมาบ้านช่วยผลาญเงินพ่อแม่ให้จนเข้าไปอีก จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:00:20

ความคิดเห็นที่ 4 รู้ได้ไงครับ มีลูกจะมีความสุขเพิ่มครึ่งนึง จากคุณ : ลำบากชีวิต เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:07:19

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้ารักก็มีตวามสุขแล้ว ถ้าพ่อแม่วางแผนชีวิตดี ลูกก็สบาย สุดท้ายคนเราเกิดมาเพ่ือท่ีจะดูแลคนอ่ืน ดูแลคนท่ีเรารัก แหละนี้คือความสุขครับ จากคุณ : superman2007 เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:13:28

ความคิดเห็นที่ 6 การมีลูกคือการลงทุนครับ ชีวิตคุณที่มีอยู่ได้เกิดจากลงทุนของ บุพการีครับ ซึ่งการทดแทนบุญคุณที่คุณทำอยู่คือกำไรของ พ่อแม่ครับ จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:16:12

ความคิดเห็นที่ 7 ที่แน่ๆ ตอนที่ลูกยังเด็กๆ พ่อแม่ทุกคนมีความสุขเพิ่มขึ้นเยอะแน่ (ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องการเงินเพราะเลี้ยงลูกนะ) แต่พอ ลูกเป็นวัยรุ่น จะมีบางคนที่ยังสุขเท่ากับตอนที่ลูกยังเด็กๆ แต่ก็มีบางคนที่เครียดมากๆๆๆๆ กับลูกไม่ได้ดั่งใจ สรุป ชีวิตใคร ก็ชีวิตใคร อย่างที่ นส คานทองว่า จ้า.... จากคุณ : วันนี้เป็นวันดี เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:16:50

ความคิดเห็นที่ 8 เออ...จริง มีลูกเเล้วเงินลด จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:21:47

ความคิดเห็นที่ 9 ระยะสั้นดูเหมือนไม่มีลูกจะได้เปรียบ ค่าใช้จ่ายไม่เพิ่ม แต่ในระยะยาวดีแน่ ไม่สามารถตีเป็นมูลค่าได้ จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:39:04

ความคิดเห็นที่ 10 บางประเทศห้ามการมีลูก บางประเทศบังคับ(ทางอ้อม)ให้คนมีลูก ความสุขของคนสองประเทศช่างตรงกันข้ามกัน ประชาธิปไตยในการมี(หรือไม่มี)ลูก น่าจะเป็นความสุขในเบื้องต้นมากกว่า ส่วนมีลูกแล้วจะสุขหรือทุกข์ขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบครับ ไม่มีคำตอบสำเร็จรูป โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าการมีลูกเป็นบาปมหันต์และน่าสยดสยอง จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:41:56

ความคิดเห็นที่ 11 คุณจะเลือกการมีเงินเยอะมากมายหรือเลือกการมีความสุขคือการมีลูกละคะ แต่ดิฉันยังโสดคะ 555+ จากคุณ : หนูอยากรวยด้วยคนคะ เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:56:07

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่าสังคมเรายึดติดกับการมีลูกนะ อิอิ จากคุณ : ลำบากชีวิต เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 08:00:44

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าดูจากสถิติของความผิดพลาดในกิจกรรมต่างๆที่มนุษย์ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการให้ทำได้ กิจกรรมการมีลูกมีความผิดพลาดสูงที่สุด ในการผลิตยาเพื่อรักษาโรค ต้องทดลองแล้วทดลองอีก จนแน่ใจว่าไม่มีผลกระทบข้างเคียงในทางลบ จึงอนุญาตให้ผลิตออกมาใช้ได้  เมื่ออนุญาตแล้วพบหรือพิสูจน์ได้ว่ามีผลร้ายแรงกับใครแม้เพียงเปอร์เซ็นน้อยนิด ก็จะถูกยุติการผลิต โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีปัญหา  มีแนวโน้มว่าจะเลิกใช้ทั้งโลกแม้จะยังไม่ใช่วันนี้ รถยนต์หรือเครื่องบินโดยสารรุ่นไหนมีอุบัติเหตุจากตัวเครื่องต้องโดนตรวจสอบหรือเรียกคืนทั้งหมดก่อน ก่อนมีการรับรองใหม่อีกครั้ง ดูการผลิตคนของมนุษย์ทุกวันนี้สิครับ เฉพาะเมืองไทย อยู่ในคุกกี่แสน คนที่เดือดร้อนจากการผลิตที่ผิดพลาดมีกี่ล้าน เด็กแว้นเต็มถนนไม่มีใบอนุญาตแว้น เมื่อวานเด็กยกพวกยิงกันบนรถเมล์ ถูกลูกหลงตายเกลื่อน และไม่ใช่ครั้งแรก ยาบ้า ยาเสพติด กิจกรรมผิดกฏหมายทั้งหลายไม่ว่าสถิติจะเป็นเช่นไร ต้องมีคนเข้าไปอยู่ในสถิตินั้น  มีเด็ก มีผู้หญิง มีผู้ชาย มีครูอาจาย์  มีข้าราชการระดับสูงหรือนักการเมืองร่วมด้วยก็ว่ากันไป อย่างงี้จะไม่สยดสยองอย่างไรครับ การมีลูกให้ผจญภัยในสังคมทุกวันนี้ ช่างไม่ต่างอะไรกับการปล่อยลูกเต่าลงทะเล หรือไม่ก็ปล่อยจระเข้ลงน้ำ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 08:25:29 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 08:24:13 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 08:24:01 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 08:13:34

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่าผู้หญิงเกิดมาพร้อมฮอร์โมนที่อยากจะมีลูกนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมลำบากและเจ็บตัวกันหรอก อีกย่างถ้าผู้หญิงไม่อยากมีลูกกันหมดมนุษย์คงสูญพันธิ์กันไปหมดแล้ว พวกพ่อค้าคนยิวเขาถึงว่า'จงหาของขายให้ผู้หญิง' เพราะผู้หญิงมีความต้องการต่อยอดไปสู่รุ่นต่อไปที่สูงกว่าผู้ชายและผุ้ชายก็เกิดมาเพื่อที่แค่อยากจะจิ้มผู้หญิงแค่นั้น แค่เพียงสร้างสังคมให้ดูอันตรายและยุ่งยากแค่ความกลัวของผู้หญิงก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดผลิตภัณท์ต่างๆขายมากมายทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางอ้อมก็เช่นรถหรุๆที่ผู้ชายมีไว้หลอกล่อหญิ่งให้มาทำเป็นพ่อพันธิ์เพราะผู้หญิง'กลัว'ที่จะผสมพันธิ์มีลูกกับคนจน นั่นเอง แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 08:25:23 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 08:17:40 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 08:16:43

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่มีลูก ไม่เป็นไร แต่เตรียมตังค์ำไว้เยอะๆ นะ ป้าแก่ นอน รพ. ไม่มีใครดูแล เพราะไม่มีลูก แต่ดีที่มีตังค์...เลยรอดตัว  ค่าจ้างคนเฝ้า แพงโครตตตตตตตตตตต จากคุณ : พิม (pimpayu) เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 08:29:06

ความคิดเห็นที่ 16 สงสัยพระเจ้าคงออกแบบมาให้คนท้องสิบเดือนเพราะตอนแรกๆหมอตำแยไม่เก่ง อัตตาการรอดมีน้อย  กว่าจะโตก็โดนเสือเขี้ยวดาบงาบไปบ้าง เป็นบิดตายไปบ้าง ถ้าพระเจ้ามาเห็นการแพทย์และสาธารณสุขเจริญก้าวหน้าขนาดนี้  คงออกแบบใหม่ให้คนท้องสักสามสี่ปีจึงตกลูกสักคนก็ได้ หรือว่าไม่ช้าคนจะขาดแคลนทรัพยากรจนแย่งชิงกันตายไปเองก็ไม่รู้ ไปๆมาๆผมชักจะอยู่ฝ่ายเผด็จการห้ามมีลูกไปแล้ว เป็นมุมมองส่วนตัวนะครับ เพราะว่าผมไม่มีปัญญาเหมือนใครเขาเลยคิดแบบนี้ ชีวิตคนแสนสั้น คิดอะไรไกลไปก็ป่วยการ วันนี้ทำอะไรได้ มีความสุขได้ ก็ทำกันไปเถอะ ใครที่ทำไม่ได้ก็อย่าไปฝืน เห็นช้าง.... ....ตามช้าง ไม่สนุกหรอกครับ ประชาธิปไตยจงเจริญ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 09:25:16 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 08:44:56

ความคิดเห็นที่ 17 แต่มีลูกก็ใช่ว่า ลูกจะดูแลเรายามแก่หรือป่วยนะ 50 50 เหมือนกัน จากคุณ : Chicsecret เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 08:47:33

ความคิดเห็นที่ 18 สิ่งมีชีวิตมีสัญชาตญาณในการสืบพันธุ์อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากคุณ : ลำบากชีวิต เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 09:07:22

ความคิดเห็นที่ 19 มีลูกนั้นดีแน่ๆ แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ จากคุณ : Mushroom Man เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 09:09:47

ความคิดเห็นที่ 20 55...ต้องมีลูกซี่....แพร่พันธ์ ให้ได้มากที่สุดต่างหาก ....ถ้ามีเงินพันล้าน จะมีลุกสัก 2โหล แล้วมีเมีย อีก 2โหล ...อัตราส่วนแม่ต่อลูก 1ต่อ1...ดีที่สุด....ส่วนตัวผู้ 1ตัวคือเราก็พอ...อิอิ พวกรายใหญ่ตลาดหุ้น เนี่ย  อย่าง ดร.นิเวศ  เสี่ยปู่ นพ.ยรรยงค์ เนี่ย ต้องมีลูกมากๆๆ3โหลเลยยิ่งดี...ประเทศจะได้มีสายพันธ์หุ้นเก่งๆๆ เยอะๆๆ มี 1-2 คน...55 กลายเป็นแต๋วไปหมด..คนเก่งจะสูญพันธ์...แล้วกุ๊ยเต็มเมืองแบบตอนนี้ จากคุณ : Juj เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 09:12:45

ความคิดเห็นที่ 21 เอ่อ มาถกกันสูสีดีจัง คิดเบื้องต้นว่า ต้องท้องนี่ หุ่นเหิ่น เสียหมด ในชีวิตน้ำหนักขึ้น 15 โลตอนทำงานกับตอนเอ็นก็แย่แล้ว แล้วการลดความอ้วนหลังอายุ 30s นี่ไม่ง่ายเหมือนตอน 19, 23ล่ะ อันที่สอง ค่าใช้จ่าย ความอยากได้ อยากมีของเด็กตั้งแต่เกิดจนเข้าโรงเรียน มัธยม จบมหาลัย ค่าเรียนพิเศษต่างๆ ที่ต้องอัดฉีด โอย ถ้าเมืองไทย เราไม่คิดมี ถ้าแต่งงานกับยุโรป แล้วผู้ชาย มีพร้อม ค่อยมี เพราะการศึกษาที่นั่นไม่เสียสักยูโร เสียแค่ค่าอาหารเด็ก ส่วนอันทีสาม ไม่อยากดิ้นรนหาเงินไม่หยุด ทุกวันนี้ มีชีวิตอยู่เหนือบ่วงการเงิน คือมีพอใช้ มีเก็บเป็น back up ชนิดที่ไม่เอาออกมาใช้ ให้งอกสูสีเงินเฟ้อ เออ ถ้ามีลูก จะคุมรอยรั่วทางการเงินไม่ได้อ่ะ อันที่สี่สุดท้าย ต้องหาสามีที่ไม่ต้องการมีลูกเหมือนกัน ชีวิต easy ขึ้น ถ้าวันหนึ่งกลับประเทศ หนีไป อาจเสียใจพักหนึ่ง เต็มที่1เดือน แต่ไม่มีลูกไม่มีภาระ เศรษฐกิจรัดคอ เหมือนอารมณ์ไปกู้เงินแบงก์แล้วดอกเบี้ยวิ่งตามมาจ่อทุกเดือน ทุกวันนี้ เป็นเจ้าหนี้แบงก์ ไม่เคยเป็นลูกหนี้และไม่คิดจะเป็นตลอดกาล... ไม่งั้นต้องมาดิ้นรน เลี้ยงลูกอีก โอยสมบัติที่พ่อแม่หามา คงโดนผลาญ หรือ ต้องหมดไป ลำพังตัวเรา เราคุมกระแสรายจ่ายได้ ถ้ามีอีกชีวิตนี่ รอยรั่วคงอุดไม่อยู่ อุดภาคกิจการ ธุรกิจยังง่ายกว่า บังคับคนอ่ะ...เฮ้อ ป ล มีข้อยกเว้นว่า พ่อเด็กเป็นยุโรป แล้วรัฐบาลจ่ายค่าเลี้ยงดูทุกสิ่ง เหมือน scandinavian กลุ่ม Benelux หรือ มีเงินให้อีกเหมือน รัฐบาลสิงคโปร์ ส่วนจำกัดนี่ รัฐบาลจีนประชากรล้น ลูกมาก ยากจน สงสัย เราจะกลายเป็นแนวคิดนิยมแบบเยอรมัน คือ อัตราการเกิด 0.02 ในโลก อีกอย่าง ตั้งแต่แม่ตาย การเกิดเป็นทุกข์ การอยู่ก็ใช้เงิน ก่อนตายยังต้องอยู่ในภาวะที่ จ่ายเงินออกไปถึง 440,000 บาท เรากับน้องกลัวว่า ถังแตก เมื่อไรคงได้โยนออกไปสถานสงเคราะห์ เพราะ ไม่มีเงิน ก็ไม่มีคนดู จากคุณ : kuddle เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 09:15:13

ความคิดเห็นที่ 22 มาแชร์ครับ การมีลูก...กับการลงทุนและการวางแผนการเงิน ทำให้เรารอบคอบขึ้น วางแผนดีขึ้น อยากเรียนรู้มากขึ้น(ให้เงินงอกเงย) ฉลาดขึ้น ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถ้าผมไม่มีลูก ผมคงมีหรืออยากเรียรู้น้อยลงมากครับ จากคุณ : Dr.โอ เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 09:19:13

ความคิดเห็นที่ 23 มีลูกมากจะยากจน  อันนี้ยังใช้ได้ในโลกปัจจุบัน.................. ไม่มีลูกเลย....เหมือนถือหุ้น ลีสโฮล  มีเงินเข้าตลอด  พอหมดสัญญา มูลค่ากลายเป็นศูนย์ ก็จบกัน................ มีลูกหนึ่งคน ( ลูกที่ดี )...........เหมือนถือหุ้น ฟรีโฮล มีเงินเข้าน้อย แต่เพิ่มมูลค่าไปตามกาลเวลา   ความสุขที่ได้เหมือนปันผลพิเศษที่เจ้าของตักตวงได้เสมอเสมอ....................... คหสต. นะจ๊ะ....................................................................... จากคุณ : มาอีกแล้ว เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 09:23:06

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อก่อนตอนโสด มีความสุขมากๆๆๆๆๆ เมื่อมีลูก มีความเครียดมากขึ้น รู้สึกชีวิตวุ่นวายขึ้น ชีวิตมันมีเป้าหมายใหม่ จากเดิมเป้าหมายมีแค่เรียนจบ ทำงานมั่นคงมีเงินพอใช้ เมื่อได้ตามเป้าแล้วมันเหมือนหมดไฟครับ มีลูกแล้วเหมือนเริ่มต้นโปรเจคใหม่ มีลูกแล้วคุณจะรู้ว่า คุณยิ้ม หรือ หัวเราะ ง่ายขึ้น เพียงแค่ลูกคุณยิ้มหรือพูดอะไรพื้นๆธรรมดาแต่แทงใจคุณ คุณเคยดีใจจนน้ำตาไหลบ้างไหม ถ้าไม่เคยแนะนำให้มีลูก คุณจะคิดถึงพ่อและแม่มากขึ้น เมื่อคุณรู้สึกว่าโอ๊ย ทำไมมันวุ่นวายอย่างนี้กับการเลี้ยงลูก (ผมมีลูกสองคนห่างกัน 2ปีครึ่ง เวลาโมโหลูกเพราะมันดื้อ คิดถึงแม่ที่เลี้ยงลูก 3 คนห่างกันหัวปีท้ายปีทุกครั้ง) มีลูกแล้วคุณจะ งกมากขึ้น เงินคุณเหลือน้อยลงเพราะรายจ่ายมากขึ้น คุณจะลดจากกินกาแฟสดมาเป็นกาแฟซองและกาแฟชงดื่มเองฟรีที่ทำงานตามลำดับ คุณจะเอารถคันโปรดของคุณไปติดแก๊สเพื่อประหยัดค่าน้ำมันขับไปทำงาน แต่เอาลูกไปนั่งรถอีกคนที่ใช้น้ำมันเพราะกลัวปัญหาแก๊สรั่ว คุณจะจ่ายเงินซื้อของเล่นไร้สาระ(ในสายตาคุณ)มากขึ้น, ซื้อขนมที่ไม่มีประโยชน์ที่คุณไม่ได้กินตอนเด็กๆมากขึ้น คุณจะดูการ์ตูนเรื่องเดิม ตอนเดิมๆ จนจำได้ทุกคำพูด ว่าต่อไปมันจะพูดว่าอะไร เพราะลูกคุณจะดูแบบนั้น คุณจะเลิกบุหรี่ เลิกเหล้า เลิกเล่นบอล เพราะไม่มีเวลา แค่ดูลูกก็หมดเวลาแล้ว คุณจะเข้านอนหัวค่ำเพราะหมดแรงและต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนส่งลูกไปโรงเรียน มีลูกแล้ว มีความหวัง หวังว่าตอนแก่ๆ ผมจะมีความภูมิใจเหมือนพ่อและแม่ ที่เลี้ยงให้ผมเป็นคนดี ทำงานอาชีพสุจริต มีรายได้มั่นคง มีครอบครัวอบอุ่น มีลูกเป็นการลงทุน มีความเสี่ยงต่ำ ถ้าคุณเข้าใจในกิจการที่ลงทุน ต่ำกว่าลงหุ้นเยอะ กับคนที่กลัวว่าลูกจะไม่เลี้ยง  อย่าถามว่าทำยังไงให้ลูกไม่ทิ้งตอนแก่ ให้ถามตัวเองว่าทำไมถึงคิดจะพึ่งลูกตอนแก่   และถ้าลูกไม่เลี้ยงเราจริง คำถามคือ"คุณเลี้ยงเค้ายังไง" คุณทาสีอะไรลงไปบนผ้าขาว จากคุณ : กฤษณะ เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 09:28:52

ความคิดเห็นที่ 26 ประเด็นน่าสนใจ ขอโหวต เผื่อถกกันนะครับ จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 09:46:45

ความคิดเห็นที่ 27 กลับ เข้ามาอ่านอีกครั้ง ต่างคน ต่างก็ protect ในสิ่งที่ตนเป็นอยู่ คนมีลูก กับ คนไม่มีลูก  555+ จากคุณ : วันนี้เป็นวันดี เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 09:51:34

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นด้วยกับความเห็น14 อ่านจากห้องชานเรือนบ่อย รู้สึกว่าผู้หญิงชอบการมีลูก บางคนมีถึง3-4คน(เเต่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เเต่ก็ยังมีตั้ง1คน) จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 10:01:33

ความคิดเห็นที่ 29 คห 25 คือความเห็นของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่อย่างแท้จริง เพิ่มเติมว่า ตอนยังไม่มีลูก ก็มีความสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ไปตามประสา แต่พอมีลูกแล้ว เวลามีความสุข มันช่างมากมาย จนถ้ามีใครถามว่า "อะไรที่เป็นสุดยอดแห่งควาสุขในชีวิตเรา" คำตอบก็คือการที่มีลูกไง แค่ได้เห็นหน้าลูก ก็มีความสุข แค่เขาเรียก พ่อ เรียกแม่ได้ ก็มีความสุข แค่เขาหัวเราะ เราก็มีความสุข ฯลฯ แต่พอมีใครถามว่า "อะไรที่เป็นสุดยอดแห่งความทุกข์เรา" คำตอบก็อยู่ที่การมีลูกอีกเช่นเดียวกัน ทุกข์ไปหมด กลัวไม่มีคนเลี้ยง กลัวเลี้ยงได้ไม่ดี กลัวว่าเราตายไปแล้ว เขาจะอยู่ไม่ได้ ทำไมมันไม่ขยันเรียนหนังสือ ทำไมลูกคนอื่นได้ดีๆกัน ลูกเราดูเหมือนบื้อๆ ฯลฯ เงินทองที่หามาได้ ไม่เคยคิดจะหาความสุขให้กับตัวเอง เก็บไว้ให้ลูก งกมากขึ้นเยอะ ตกลงว่ามีลูกแล้วดีไหม ลองพิจารณาดูเอง ถ้าอยากตื่นเต้น ดีใจสุดขีด กับเสียใจสุดขีด ก็มีลูกดู แล้วจะรู้ จากคุณ : Rosssea เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 10:41:42

ความคิดเห็นที่ 30 ชนะเงินเฟ้อ กับ อย่ามีลูก มันคนล่ะเรื่องคนล่ะประเด็นครับ จากคุณ : PAKCANANE เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 13:27:31

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าผมจะมีลูกหรือไม่มี ขอเรียนว่าไม่มีจุดมุ่งหมายเพื่อตัวเองเลย ไม่ทราบว่าใครจะเชื่อไหม  ผมไม่ได้กลัวจะสิ้นเปลืองหรือเลี้ยงไม่ไหว หรือมีลูกแล้วกลัวไม่มีใครเลี้ยงตอนแก่เท่ากับขาดทุน กลัวตัวเองลำบากช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย ถ้าจะมีลูกแล้วเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ผมว่าไม่ยุติธรรมเท่าไหร่กับชีวิตใหม่ที่ต้องเกิดมาเวียนว่ายในวัฏสงสาร ถ้าจะมีลูกผมคิดอย่างเดียวว่าลูกผมจะมีความสุขไหม  จะมีชะตากรรมเช่นไร สมมุติว่าเราเป็นอะไรไปก่อนที่เขาจะช่วยตัวเองได้อย่างดี  บาปกรรมจะตกอยู่กับใคร  หรือทั้งพ่อแม่และลูก สมมุติว่าผมเลี้ยงลูกจนได้ดีมีความสุข ส่วนตัวผมก็คงเฉยๆ  ถือเป็นเรื่องปกติ คงคล้ายๆความรู้สึกตอนหลุดดอย  คือโล่งอก  มากกว่าจะคิดว่าเป็นความสุขหรือไม่ก็เข็ดไปนาน อย่างดีก็เสมอตัว แต่ถ้าผมไม่สามารถดูแลเขาอย่างดีได้ อย่างที่เราอยากให้เป็นมันคงกลายเป็นความทุกข์ใจ  สรุปเฉพาะความคิดของตัวเองคือ ผมว่าถ้าคิดจะมีลูก ควรจะนึกถึงลูก ห่วงลูกก่อนที่จะนึกถึงตัวเอง  ไม่เห็นด้วยกับผมก็ได้ครับ เพราะว่าศักยภาพคนเราต่างกัน แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 14:13:04 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 13:30:20

ความคิดเห็นที่ 32 คนอื่นมีลูกแล้วจนลงผมไม่รู้แต่ผมมีแล้วรวยขึ้น เพราะตั้งแต่ผมรู้ว่าจะเป็นพ่อคนก็ไม่ได้ไปตีหม้ออีกเลย ตอนนี้เงินสดจะทับตายอยู่แล้วว เพราะไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร ^ ^" จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 14:25:17

ความคิดเห็นที่ 33 การมีลูกคือการลงทุนครับ ชีวิตคุณที่มีอยู่ได้เกิดจากลงทุนของ บุพการีครับ ซึ่งการทดแทนบุญคุณที่คุณทำอยู่คือกำไรของ พ่อแม่ครับ จากคุณ : Laganus   เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:16:12   ถูกใจ : pong3355, กฤษณะ, Nat_YFS2011, สุภาพสตรี, เฮียเลือด, mulcomp, ดาราวิปลาส, nang_sida ----------------------------------------------------------------- ผมมองกลับกันแฮะ การทดแทนคุณพ่อแม่ที่ผมทำอยู่ เป็นแค่การคืนทุนของพ่อแม่เท่านั้น(สงสารพ่อแม่ที่กำพร้าด้วยซ้ำ ท่านไม่มีโอกาสแทนคุณกับอรหันต์แม่แต่น้อย) แต่ตัวลูกอย่างผมโคตรกำไรสุดๆ เพราะอะไรนะหรือ ให้พ่อแม่ไปเท่าไรเงินก็ไม่หมดมีแต่เพิ่มขึ้นครับ (มีพระอรหันต์ในบ้านอยู่แล้ว เนื้อนาบุญสุดๆ ปลูกอะไรก็งอกงาม ไม่ทำก็บ้าแล้ว) ส่วนเรื่องลูกไร้ความเห็น ต่างจิตต่างใจ จากคุณ : click2 เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 16:10:08

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าจะมองเฉพาะตัวเองซึ่งจน ผมก็เชื่อว่าการมีครอบครัวอาจจะทำให้ด้านเศรษฐกิจส่วนตัวของผมดีขึ้นได้บ้าง เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าจะมีความสุขรึเปล่าเท่านั้น ผมก็อาจจะคิดเหมือนหลายๆคนในบางแง่มุม โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจมันอยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ถ้าเชื่อมโยงเรื่องศาสนาเข้ามาด้วยคงคุยกันยาว เป็นเรื่องแปลกที่คนเราเกิดมาทุกข์ยากแสนสาหัส บางคนแทบจะผูกหรือผูกคอตายไปก็เยอะ แต่ก่อนจะตายหรือเวลาไปไหว้พระส่วนใหญ่จะอธิษฐานแนวว่า เจ้าประคุณ ชาติหน้าลูกช้างขอแก้มืออีกสักรอบเถอะ ขอให้เกิดมารวยๆสุขสบาย หล่อๆสวยๆ อย่าได้ตกต่ำลำบากเหมือนชาตินี้เลย     แน่ะ ยังจะอธิฐานอีก ในขณะที่จุดมุ่งหมายหลักของศาสนาที่เราได้ชื่อว่านับถือนั้นมุ่งไปสู่การหลุดพ้น จากการเวียนว่ายตายเกิดไปสู่นิพพาน แม้แต่พระพุทธเจ้าสุขสบายทุกอย่างก็ยังมุ่งไปทางนั้น  แต่คนส่วนใหญ่กลับทำตรงกันข้าม  เพราะความยึดติดในตัวตน และสิ่งที่รัก ยิ่งทุกข์เรื่องเศษฐกิจก็คิดว่าหาคนมาช่วยกันทุกข์ดีกว่า ด้วยการมีลูก สืบทอดความทุกข์กันรุ่นต่อรุ่น  ทั้งที่ตัวเองก็กลุ้มใจจะเป็นจะตายกับการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า บางทีรุ่นลูกเราอาจจะดีขึ้น  สถิติเป็นเช่นไรผมก็ไม่รู้ แต่เท่าที่เห็นด้วยตาตัวเอง มีไม่มากเท่าไหร่  เห็นส่วนใหญ่แย่กว่าเดิม ไม่รู้ว่าห้องนี้รำคาญรึเปล่าที่ผมโพสต์แบบนี้ เพราะมีแต่คนมีกะตังค์ทั้งนั้น  ไม่ใช่คนส่วนมากที่ต้องลำบากตรากตรำ บางคนอดมื้อกินมื้อ เพื่อตัวเองบ้างเพื่อครอบครัวบ้าง  สำหรับคนจนๆแล้วการมีชีวิตมันไม่ง่ายจริงๆ   แต่มันก็มีบางอย่างหรือหลายอย่างมาชดเชย คือ ความหวัง   จากหวยบ้าง  ลูกเมียบ้าง รัฐบาลบ้าง ทำบุญหวังชาติหน้าบ้าง(ยังจะหวังอีก) ทำให้ลืมความทุกข์ไปได้เหมือนกัน อย่างตอนนี้ผมก็หวังกับอีแววเหลือเกิน เมื่อไหร่จะจัดหนักสักที รอนานแล้วครับเจ้า แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 17:42:49 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 16:43:39

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ผมค่อนข้างจะมีพร้อมเรื่องเงินๆทองๆนะระดับนึง แต่ก็ยังหวังกับลูกอยู่มาเกิดมาเพื่อทำอะไรบางอย่างที่เราเคยทำไม่สำเร็จ อยากเห็นลูกเติบโตแล้วเหนือกว่าเราเอาชนะเราแล้วมาสอนอะไรใหม่ๆให้เรา เหมือนกับหนัง Star Wars อะไรแบบนั้น แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 17:01:06 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 17:00:43

ความคิดเห็นที่ 36 สัณชาติญาณย่อมทำให้อยากมีลูกอยู่แล้ว จะมาคิดแตต่เรื่องเงินๆก็ไม่ได้ บางคนคิดมากก็ทุกข์ไปซะเปล่าๆ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 18:16:10

ความคิดเห็นที่ 37 เผื่อใคร ย้อนมาอ่านกระทู้นี้อีก นี่ไง...กุ๊ยเต็มเมือง อย่างที่เราพูดไว้ ...สายพันธ์รวยๆๆ เก่งๆๆ ถูกยิงตายไปอีกแล้ว วัยรุ่นขี่จยย.ไล่ยิงกันกระสุนถูกเศรษฐี ตาย 1 เจ็บ 3    ราชบุรี - วัยรุ่นไล่กวดยิงกันไปโดนเศรษฐีนีที่กำลังนั่งกินอาหารกับเพื่อนตาย 1 เจ็บ 3    เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. 55 พ.ต.ท.ประดับ เชื้อโพหัก สารวัตรเวร สภ.โพธาราม พร้อมชุดสืบสวน สภ.โพธาราม จังหวัดราชบุรี เข้าตรวจสอบภายในร้านอาหาร เชดกุ้งย่าง เลขที่ 113 ริมถนนสายโพธาราม - บ้านเลือก เขตเทศบาลโพธาราม หลังได้รับแจ้งเหตุกลุ่มวัยรุ่นวิ่งไล่กวดยิงกันบนถนน และสาดกระสุนเข้าไปในร้านอาหารเป็น เหตุให้ลูกค้าที่มานั่งกินอาหารเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีก 3 คน ซึ่งจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรอยเลือดกระเซ็นไปทั่วและพบลูกกระสุนปืนขนาด .22 จํานวน 2 นัด และที่บริเวณป้ายร้านอาหาร และพื้นปูนริมฟุตบาทมีรอยถูกกระสุนปืนหลายจุด และที่บริเวณท้ายรถยนต์เบนซ์สีขาวของผู้ที่มานั่งรับประทานอาหารด้วยกันก็ถูกกระสุนปืนไม่ ทราบขนาดเป็นรูจํานวน 6 นัด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดพลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลโพธารามไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบชื่อต่อมาคือนางสาวรัตนาภรณ์ สันติภราภพ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 255 หมู่ที่ 4 ตําบลเจดีย์หัก อําเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เป็นเจ้าของกิจการธุรกิจขายเกาลัด ถูกกระสุนปืนขนาด . 22 เข้าที่ด้านหลังกระสุนทะลุหน้า อกตัดขั้วหัวใจเสียชีวิตขณะนําส่งโรงพยาบาล    ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 3 คน ประกอบด้วย นายพงษ์เทพ มุทาหันภากร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 / 16 ซอยกรุงเทพธานี ตลิ่งชั้น กรุงเทพฯ ถูกกระสุนปืนเข้าที่หน้าท้องและ โคนขาขวาบาดเจ็บสาหัส นายกฤษฎี ธารธนา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 217 / 1 ถนนรถไฟ เขตเทศบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ถูกกระสุนปืนถากบริเวณคิ้วซ้าย และนาย ธนวุฒิ มุนินทร์สาคร อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ถนนสามัคคี เขตเทศบาลโพธาราม ถูกกระสุนปืนที่แขนซ้าย    จากการสอบถามผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่าก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ตายประมาณ 5 - 6คน เป็นคนมีฐานะดีในระดับเศรษฐี ขับรถเบนซ์สีขาว และรถลัมโบกินี่สีเหลืองออกส้ม ทะเบียน สส.66 กรุงเทพมหานคร ราคาหลายสิบล้านบาท กลับจากร่วมงานศพในอําเภอโพธาราม แล้วมานั่งกินอาหารร้านที่เกิดเหตุ โดยนั่งอยู่ที่โต๊ะเสริมหน้าร้าน และขณะ นั่งรับประทานอาหารก็มีกลุ่มวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์มาเป็นแก๊งกว่า 10 คัน ขับไล่กวดรถจักรยานยนต์ อีก 3 คัน ที่ขับมาข้างหน้า จากถนนฝั่งตรงข้าม และไปเลี้ยวกลับมา ผ่านหน้าร้านอาหาร แต่มีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิป ทะเบียน ขมต - 433 ราชบุรี ได้ขับหลบหนีเข้ามาจอดภายในร้านอาหาร ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งหลบหนีไปทางด้านหลัง ร้าน จากนั้นกลุ่มแก๊งรถจักรยานยนต์ที่ขับไล่กวดมา จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงปืนกราดเข้าไป โดยกระสุนถูกคนที่นั่งกินอาหารอยู่จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว จากคุณ : Juj เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 55 09:53:27