ความคิดเห็นที่ 1 SCBCE ไม่ได้อ้างอิงดัชนีฮั่งเส็งครับ แต่เป็น H-Share หรือหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ถ้าจะซื้อตัวนี้แนะนำของ AYF ดีกว่า KF-CHINA เหมือนกันเป๊ะแต่ค่า Fee ถูกกว่า ส่วน K-CHINA ต่างออกไปคือไม่ได้ track index แต่มีผู้บริหารกองทุนคอยเลือกหุ้นในจีนและฮ่องกงให้ (กองหลักบริหารโดย Fidelity ซึ่งเป็นบริษัทจัดการเมืองนอก) สำหรับกองที่อ้างอิงกับดัชนีฮั่งเส็ง ตอนนี้มีอยู่กองเดียว เป็นกอง ETF ที่อยู่ในตาดหลักทรัำพย์ใช้รหัส HK ครับ จากคุณ : Sith Lord เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 11:25:38

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วของทหารไทยละครับเป็นไง ดูแล้ว NAV มันต่ำมาก ควรซื้อหรือไม่ครับ จากคุณ : มณีรัตนะ เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 12:00:32

ความคิดเห็นที่ 3 ผลตอบแทนเทียบกับกองทุนหุ้นในไทย อันไหนดีกว่าครับ จากคุณ : แงซายจอมจักรา เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 13:57:34

ความคิดเห็นที่ 4 กองทุน K-CHINA ลงทุนในกองทุน Fidelity Funds – China Focus Fund  กองทุนหลักจะเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในประเทศจีนและฮ่องกง รวมถึงหลักทรัพย์ของบริษัทต่างประเทศที่มีธุรกิจในประเทศจีนอย่างมีนัยสำคัญ ดัชนี้ชี้วัด คือ MSCI China Capped 10% Index ซึ่งผู้จัดการกองทุนหลักคำนวณขึ้นโดยเน้นลงทุนใน H-SHARE ซึ่งสามารถใช้ Hong Kong Stock Exchange Hang Seng China Enterprises Index หรือ  HSCEI:IND ดูแนวโน้มได้ค่ะ จากคุณ : K8888 เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 13:59:29

ความคิดเห็นที่ 5 ของทหารไทยเป็น A-Share ครับ ต่างกับ H-Share ตรงที่ A-share คือหุ้นจีนที่จดทะเบียนในจีนแผ่นดินใหญ่เลย เพราะฉะนั้นถ้าเศรษฐกิจจีนกลับมา boom อีกครั้ง ตัวนี้น่าจะกลับมาแรงอีกครั้งครับ (แต่ไม่รู้เมื่อไหร่) แต่ถ้าให้เทียบกับหุ้นไทยแล้ว หุ้นจีนหรือหุ้นฮ่องกง PE ต่ำกว่ามาก ที่ผ่านมาหุ้นไทยอาจดู outperform แต่ที่จริงแล้วพี่ไทยแกเล่นวิ่งแทบไม่หยุด ในขณะที่จีนกับฮ่องกงขึ้นไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนตัวคิดว่าเข้าหุ้นจีน/ฮ่องกง ตอนนี้น่าจะถูกเกือบที่สุดแล้วครับ แต่อาจต้องใช้ความอดทนนิดนึงเพราะเราคงต้องรอให้ยุโรปมีอาการดีกว่านี้หน่อยครับ จากคุณ : Sith Lord เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 14:24:58