ในสายตาของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (value investor หรือ VI) ตราสารอนุพันธ์เป็นสิ่งที่อันตรายและไม่พึงเข้าไปยุ่งเกี่ยว แม้กระทั่งมหาเศรษฐีนักลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังกล่าวว่า "ตราสารอนุพันธ์เป็นอาวุธทำลายล้างทางการเงิน" ("Derivatives are financial weapons of mass destruction") ทั้งยังเห็นว่าควรออกกฎหมายห้ามซื้อขายเสียด้วยซ้ำ ซึ่งไอเดียนี้สอดคล้องกับความเห็นของสุดยอดผู้จัดการกองทุนอย่าง ปีเตอร์ ลินช์ ด้วยเช่นกัน
เมื่อมีคนชังก็มักจะมีคนชอบ ในอีกมุมหนึ่งนักเก็งกำไรกลับชื่นชอบตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX อย่างออกนอกหน้า เพราะว่าใช้เงินลงทุนน้อยและสามารถทำให้ "รวยเร็ว" ได้ถ้าเก่งจริง ซึ่งก็แน่นอนว่ามีทั้งคนที่ทำได้และคนที่ทำไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ทุกคนเข้ามาก็เพราะเชื่อว่าตัวเองจะทำได้
ผมเองมองเห็นทั้งสองมุมมอง จึงอยากแบ่งปันแง่คิดเกี่ยวกับอนุพันธ์ผ่านนิทานธรรมะ ซึ่งอาจจะช่วยให้เหล่า VI เปิดใจให้กว้างขึ้น ขณะเดียวกันก็อาจทำให้นักเก็งกำไรตระหนักถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น
ทิ้งไร่เข้าป่า
อนุกรมานพ ทำไร่ทำสวนเลี้ยงชีพมาเป็นเวลาช้านาน วันหนึ่งมีสหายมาชักชวนให้เลิกทำไร่ "แกจะจับจอบเสียมทำไร่ไปอีกนานเท่าไรวะ ข้าเห็นผู้คนเข้าไปหาของป่า มีแต่มีดพร้าก็หาเงินได้โขอยู่"
แรกๆ อนุกรมานพก็ลังเล ด้วยไม่เคยเข้าไปหาของป่ามาก่อน อีกทั้งทำสวนทำไร่ก็หาเงินได้ไม่ขัดสน แต่ครั้นเห็นผู้คนที่เข้าป่ามาอวดร่ำอวดรวยบ่อยเข้าก็เกิดโลภขึ้นมาบ้าง จึงตัดสินใจทิ้งไร่สวนแล้วเข้าป่าไปกับเพื่อน
"แกแน่ใจรึว่าพวกเราจะทำตามอย่างอ้ายพวกนั้นได้" เขาถามเพื่อนขึ้นมาระหว่างทาง
"ได้สิ" เพื่อนตอบ "แต่พวกเราจักต้องเรียนรู้วิธีอยู่ป่า เมื่อทำถูกวิธีแล้วออกป่าไปได้ก็ร่ำรวยเอง"
"อ้อ นี่แกชวนข้ามา ตัวเองก็ไม่รู้จักวิธีเดินป่าหรอกรึ เวรกรรมแท้ๆ" อนุกรมานพบ่นยังไม่ทันขาดคำ ทั้งสองก็หล่นโครมลงไปในหลุมดักแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ในเงื้อมมือโจร
ทั้งสองคนติดอยู่ในหลุมทั้งคืน จนเช้าก็มีโจรป่าพวกหนึ่งผ่านมาพบเข้า พวกมันจึงจับอนุกรมานพและสหายไปทุบตีและขังไว้กลางป่าหมายจะให้นำทางกลับไปปล้นถึงบ้านเลยทีเดียว ครั้นนายโจรและพวกไม่อยู่แล้วทั้งสองคนก็ปรึกษากัน
"ทำไร่ทำสวนได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง แต่ก็ไม่ต้องพบภยันตรายเช่นนี้ เรานี้ช่างโง่นัก" อนุกรมานพโอดครวญ
แต่เพื่อนตอบว่า "คร่ำครวญไปแล้วจะได้อะไร ยามนี้โจรไม่อยู่เป็นโอกาสดีแล้ว ควรที่เราจะสบโอกาสหนีเอาชีวิตรอดเถิด ขืนอยู่ต่อจนพวกมันกลับไปปล้นบ้านจะได้เดือดร้อนไปจนถึงครอบครัวลูกเมียเชียว"
แล้วทั้งสองก็ช่วยกันหาเศษไม้ที่มีคมถากเชือกกันทีละน้อยจนขาดได้ ก่อนจะย่องออกมาอนุกรมานพก็คว้ามีดพร้าของตนเองออกมาด้วย เพื่อที่จะได้ใช้ประโยชน์ในยามเดินป่าต่อไป
ธรรมะเตือนใจ
เมื่อหนีออกมาได้ไกลแล้วทั้งสองคนก็หยุดพักที่ริมลำธาร อนุกรมานพแลเห็นสมณะรูปหนึ่งกำลังสนทนาธรรมกับมานพอีกผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า ธนปติมานพ จึงพากันเข้าไปนมัสการ ทั้งสองต้องประหลาดใจที่สมณะรูปนั้นทราบความเป็นไปของพวกเขาราวกับตาเห็น
"ที่มานพทั้งสองถูกจับตัวไปนั้นเป็นเพราะได้ย่างเข้าเขตแดนของโจร โจรพวกนี้มีเขตหากินของพวกมันอยู่ ผู้ใดอยู่นอกเขตก็หาได้มีอันตราย แต่ผู้ใดก้าวล่วงเข้าไป นายโจรก็ถือว่ากระโจนเข้ามาเล่นกับพวกมันเอง จึงได้ทุบตีให้ได้รับความเจ็บปวด และหากพวกมันตามไปปล้นได้ถึงบ้านแล้วไซร้ แม้กระทั่งหม้อข้าวหรือจอบเสียมก็ไม่มีเหลือ" สมณะรูปนั้นกล่าว
"เป็นเพราะสหายของกระผมชักชวนจึงต้องมาพบเคราะห์กรรมเช่นนี้ อ้ายมีดพร้าเล่มนี้ก็เหมือนกัน ถ้ากระผมไม่หลงคิดว่ามันจะนำพาความร่ำรวยมาให้ง่ายๆ ก็คงไม่ต้องทุกข์ยากถึงเพียงนี้" อนุกรมานพกล่าวขึ้น แต่ธนปติมานพไม่เห็นด้วย
"กระผมค้าอนุพันธ์เพื่อเลี้ยงชีพ แม้เคยหลงเชื่อเพื่อนจนผิดพลาดเสียทรัพย์ไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยกล่าวโทษผู้ใด แล้วมีดพร้าของท่านก็เช่นกัน ท่านไม่ควรจะกล่าวโทษมันเลย" ธนปติมานพอธิบายต่อ "มีดพร้าเป็นแต่เครื่องมือ ท่านเป็นผู้ใช้มัน หากผิดพลาดประการใดก็ควรเป็นเรื่องของผู้ใช้ มิใช่โทษเครื่องมือ หากท่านถนัดทำสวนทำไร่ก็ชอบที่จะใช้มันตัดฟันต้นไม้ในเรือกสวน หาใช่มาบุกป่าฝ่าดงหวังรวยทางลัด"
สมณะกล่าวต่อว่า "ดูก่อนอนุกรมานพ หากมีดพร้านี้อยู่ในมือโจรมันย่อมจะเป็นอาวุธทำร้ายผู้คน แต่เมื่อมีดพร้าอยู่ในมือท่านกลับเป็นเครื่องมือไว้หักร้างถางพง ท่านพึงจะเห็นข้อดีชั่วและใช้มันให้ถูกทาง หรือแม้ไม่คิดจะเดินป่าแล้วจะกลับไปทำสวนทำไร่ตามเดิมก็แล้วแต่เถิด"
อนุพันธ์ก็คือผิวน้ำ
อนุกรมานพสงสัยนักว่าธนปติมานพผู้มีสติปัญญาและมีวิสัยรอบคอบเป็นปกติ เหตุใดจึงค้าอนุพันธ์ ทั้งที่มันสุ่มเสี่ยงไม่ต่างอะไรจากการที่ตัวเขาเดินป่าผจญอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
"อนุกรมานพ ท่านเห็นลำธารนั่นหรือไม่ โดยปกติน้ำในลำธารย่อมไหลและเกิดคลื่นกระเพื่อมอยู่เนืองๆ ปลาที่อยู่ก้นลำธารจะรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมนั้นมากหรือน้อย" ธนปติมานพถามขึ้น
"ย่อมจะน้อย เพราะผิวน้ำที่กระเพื่อมถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับก้นลำธารที่น้ำลึกถึง 3-4 ศอก" อนุกรมานพตอบ
"แล้วปลาที่ผิวน้ำจะรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมนั้นมากหรือน้อย" ธนปติมานพถามอีก
"พวกมันย่อมรู้สึกมากและตัวโยนไปมาตามแรงคลื่นเสียด้วยซ้ำ" อนุกรมานพว่า
"ค้าอนุพันธ์ก็เช่นกัน คนบางพวกวางเงินประกันน้อยและมองหาแต่กำไรที่จะได้ เมื่อตลาดผันผวนเหมือนระลอกคลื่น พวกเขาก็ถูกโยนไปมา คนพวกนี้จึงว่าอนุพันธ์นี้อันตรายนัก" ธนปติมานพหยุดนิดหนึ่งก่อนที่จะกล่าวต่อว่า "ขณะเดียวกันคนบางพวกคำนวณไว้ก่อนว่ามีโอกาสขาดทุนมากเพียงใด จึงวางเงินประกันไว้มากเพียงพอ พวกเขาเหมือนปลาที่อยู่ก้นลำธารและไม่สั่นไหวไปตามแรงกระเพื่อม"
เขากล่าวต่อไปว่า "ด้วยเหตุนี้ข้าจึงเลือกวิธีที่จะไม่สั่นไหวไปตามแรงกระเพื่อมของตลาด ข้าไม่เดินเข้าไปในเกมของเจ้ามือเหมือนดังที่ท่านเดินเข้าไปในเขตโจร และแม้พลาดท่าเสียทีประการใด ข้าก็จะ cut loss และรีบหนีออกมาเหมือนอย่างที่ท่านและสหายหลบหนีออกมาจากรังโจร"
"ท่านคงไม่คิดดักรอตีหัวนายโจรเพื่อแก้แค้นก่อนที่จะออกมาใช่ไหม ข้าเองก็ไม่คิดจะ "เอาคืน" ก่อนแล้วค่อย cut loss เหมือนกัน เมื่อใดที่ต้องหนีข้าก็จะหนีอย่างไม่ลังเล" ธนปติมานพอธิบาย
"ข้าเห็นแล้วว่าการค้าอนุพันธ์ของท่านนั้นไม่ได้สุ่มเสี่ยงเท่ากับที่ข้าคิดมาก่อนเลย" อนุกรมานพกล่าวในที่สุด
------------------------------------------------------------
เครดิต http://www.monkeyfreetime.com/2012/06/tfex.html