ความคิดเห็นที่ 1 ผมคิดว่า ปริมาณหุ้นต้องคุยกันว่า ใครต้องการตัดสินใจในฐานะผู้ถือหุ้นไหญ่ ใครพอใจเท่าไหร่ก็ตกลงกัน ผลตอบแทนเป็นปันผล ตามกำไร ส่วนปริมาณงานก็ให้เป็นลักษณะค่าจ้าง ทำมาก รวมถือหารายได้มาก ก็จ่ายเยอะ จากคุณ : satanone เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 12:57:10

ความคิดเห็นที่ 2 หุ้น แบ่งตามเงินที่เอามาลงครับ คนทำงานมากน้อย ให้เป็นเงินเดือน โอที เบี้ยเลี้ยง คอมมิสชั่น (โดยเปรียบเทียบกับการจ้างคนนอกมาทำ) ถ้าจะให้เพื่อเป็นแรงจูงใจ แจกเป็นโบนัส คนละนิดหน่อยก็พอ หลักๆคือคนลงเงินได้ปันผล(เจ๊งก็ซวย) คนลงแรงได้เงินเดือน จากคุณ : Pigou เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 14:18:08

ความคิดเห็นที่ 3 แบ่งจำนวนหุ้น ตามจำนวนเงินที่นำมาลงทุน ส่วนเรื่องเวลา ให้คิดให้เป็นเงินเดือนไม่เกียวกัน ส่วนกำไร ก็แบ่งกันตามสัดส่วนจำนวนหุ้น เช่น ธุรกิจ ลงทุน คนละ 2 แสนเท่ากันหมด แบบนี้ก็แบ่งหุ้นเท่ากันหมด กำไรก็แบ่งเท่ากัน สำหรับ เวลาในการทำงาน ให้ใช้วิธีจ้างเป็นเงินเดือนแทน ทำงานเต็มเวลา ให้ 2 หมื่น ทำงาน ไม่เต็มเวลาให้ 15000 แบบนี้เป็นต้น แล้วสินเดือนแบ่งกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายกันอีกที เช่นเหลือกำไร 8 หมื่น ก็ได้กำไรกันคนละ 2 หมื่น + เงินเดือนของแต่ละคน คนทำงานเต็มเวลาก็ได้ไป 4 หมื่น ไม่เต็มเวลาก็ได้ 35000 แบบนี้เป็นต้น .......................... ทำแบบนี้จะดีกว่า แทนที่จะเอาเรื่องเวลาในการทำงานมาเป็นตัวแบ่ง ว่าใครจะได้เท่าไร ไม่แฟร์ ให้ใช้จำนวนเงินที่แต่ละคนนำมาลงทุน จะดีกว่า งายต่อการจัดการ และแฟร์ต่อทุกฝ่าย ทั้งคนลงเงิน และคนลงแรง คนลงเงินเยอะก็ได้ % หุ้นเยอะ คนลงเงินน้อย ก็ได้น้อย คนลงแรงเยอะ ก็ได้เงินเดือนเยอะ คนลงแรงน้อยก็ได้เงินเดือนน้อย จากคุณ : Miracle Boy เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 14:51:12

ความคิดเห็นที่ 4 ประเด็นคือว่า คนที่ลงเงินจริงๆ มีคนเดียว คือพี่ผมไงครับ แต่อีกสามคนที่เหลือจะลงแรงกับความคิด (และอุปกรณ์นิดหน่อยเช่น เครื่องคอม/โต๊ะ) แต่ว่า ลองประชุมกันแล้วครับ พี่ผมค่อนข้างปฎิเสธที่จะรับหุ้นมากสุด เพราะแกบอกว่า เหมือนลงทุนกับจัดเรื่องสถานที่ให้มากกว่าที่จะเป็นตัวยืนหรือมาคลุกคลีกับบริษัทใหม่นี้จริงๆ (ตัวยืนจริงๆ จะเป็นผมกับเพื่อนอีกคน) ก็เลยเด่วจะลองมาคิดๆ ดูกันอีกทีครับ ขอบคุณทุกท่านมากๆ ^^ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 12:45:11 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 12:19:11 จากคุณ : บั๊กคุง เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 12:16:56