ความคิดเห็นที่ 1 เป็นการถ่ายเทการลงทุนที่คิดว่า จะสูญให้กลับมามากที่สุด  แล้วรอเวลากี่ปีก็ตาม ระบบเศรษฐกิจล่ม ก็เข้าไปซื้อกิจการเหมือนเมื่อหลายปีก่อน  ทำให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมได้ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 08:40:34

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ยกเว้นอย่างเดียวคือสเกลวิกฤติในระดับของปี 1930 หากเกิดขึ้นในระดับนั้น รับรองว่าสายป่านหมดก่อนฟื้นแน่นอนครับ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 08:43:22

ความคิดเห็นที่ 3 พี่ไทยเลือกแบบ เป้าหมายมีไว้พุ่งชน แต่พี่จีนเลือกแบบ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ส่วนตัวผมชอบแบบพี่จีนมากกว่า แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 08:48:59 จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 08:48:33

ความคิดเห็นที่ 4 ที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตอนนี้ก็คือปัจจัยด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ผมว่าโลกเราตอนนี้เรียกได้ว่าอาจจะมีความสามัคคีมากที่สุดนับตั้งแต่มีสังคมมนุษย์มาเลยก็เป็นได้ เรียกว่าทุกประเทศล้วนแล้วแต่มีการประชุมเรื่องเศรษฐกิจโลกร่วมกันเกือบทุกเดือน มีการเปิดตลาดเสรีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผลจะเป็นดั่งหวังหรือไม่ก็ต้องติดตามต่อไป....แม้ว่าสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับกลุ่มทุนไม่กี่ทุนในโลกก็ตามว่าเขาอยากให้ล้มหรือไม่ล้ม จีนดำเนินประเทศด้วยพรรคๆเดียวเดินหมากพลาดตาเดียวอาจอวสานทั้งระบบการปกครองกันเลยทีเดียวในขณะที่ชาวไทยเราขี้ลืมพวกนักการเมืองที่มีส่วนสร้างปัญหาต้มยำกุ้งก็ยังได้เป็นรัฐมนตรีกันอยู่เลย ประเด็นเหล่านี้น่าคิดมากครับ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 08:49:16

ความคิดเห็นที่ 5 ในบ้านเมืองเราตอนนี้มีการเติบโตมากๆเช่นพวก Shopping Malls และ อสังหา ต่างๆ คำถามที่ต้องคิดก็คือว่า " เขาสร้างเพื่อตอบรับตลาดที่มีอยุ่แล้วหรือตลาดที่ยังไม่เกิดขึ้นกันแน่ ? " แต่ที่แน่ๆสร้างแล้วหุ้นขึ้นก็สร้างดีกว่าไม่สร้าง จริงไหมครับ ? ^ ^" จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 08:57:14

ความคิดเห็นที่ 6 และที่สำคัญ 'ตลาดที่มีอยู่แล้ว' เนี่ย มันตลาดที่ซื้อแล้วใช้งานจริงๆหรือเก็งกำไร ไม่ว่าเก็งกำไรทางตรงหรือทางอ้อม (ทางอ้อมคือหุ้น) ผมเดินๆตามห้างใหม่ๆสิ่งทีผมสังเกตุคือถุงสินค้าในมือคนเดินหรือคอนโดที่บอกว่าจองเต็มแต่ดูผ่านไปเป็นเดือนๆก็ยังเอากระดาษปิดกระจกอยุ่แลย ส่วนตัวมันทำให้ผมชักไม่แน่ใจเรื่องความต้องการทางตรงซักเท่าไหร่ครับ บอกตรงๆ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 09:02:23 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:02:02

ความคิดเห็นที่ 7 ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาด้วยตัวเลข Unemployment rate 2-3% ประกอบกับวิกฤติต้มยำกุ้งที่ผ่านไปไม่นานทำให้คนไทยเราเก็บออมเก่งขึ้น คนไทยเรามีเงินสดอยู่เต็มมือกันเยอะหรือกระแสอสังหาและหุ้นที่ขึ้นมาแรงๆ 5-6 ปีมานี้บวกกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ไม่จูงใจในปัจจุบัน ทำให้หลายคนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรและกล้าเสี่ยงมากขึ้น ผมแอบกังวลบางครั้งว่าระบบตลาดหุ้นและอสังหาของเราตอนนี้เป็นระบบ RESET ตลาดโดยเป็นการพยายามเอาเงินสดจากคนไทยเรากลับเข้าบ่อนอีกครั้งใช่หรือเปล่า ? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:07:05

ความคิดเห็นที่ 8 supply เพิ่มขึ้น แต่ demand โตทันหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าวัดที่ห้างแฟชั่น คนเดินเยอะจริง ร้านอาหารขายดีจริง รองลงมา ซุ่มที่จัดลดราคา ส่วนฝั่งโรบินสันแทบคนน้อยกว่าเยอะ ส่วน promenadeที่เปิดใหม่ ข้างแฟชั่น ทำจับตลาดระดับบนกว่าแฟชั่น คนน้อยเช่นกัน จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:08:31

ความคิดเห็นที่ 9 ขนาดประเทศไม่เท่ากัน ปัจจัยแวดล้อมไม่เหมือนกัน การดำเนินนโยบาย การขยับตัวก็อาจต่างกัน เหมือนนักลงทุนรายย่อย กับนักลงทุนสถาบัน ในวิกฤตยุโรปเหมือนกัน ฝ่ายนึงดาหน้าซื้อเห็นหุ้นลงมา มองเป็นโอกาส!!!! ตัวคนเดียวเงินตัวเองพอร์ตเล็กๆ ไม่ต้องคิดเยอะ กับอีกฝ่ายเน้นเทขายเพื่อลดความเสี่ยง ประคองตัวให้ผ่านวิกฤตไปให้ได้ ขนาดเงินลงทุนใหญ่ ขยับตัวช้า ทำอะไรที มีผลกระทบไปทั่วกับภาพรวม จึงต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ!!!!^^ จากคุณ : เขียนบน iPhone (satan@เต้ย) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:12:04

ความคิดเห็นที่ 10 ประสบการณ์ ควรสอนให้เรารู้ว่า จะบริหารความเสี่ยงอย่างไร ตำราบอกไว้ว่า การบริหารความเสี่ยงที่ดี ต้องคิดในแง่ลบสุดขีด แล้วหาวิธีการตั้งรับและจัดการกับมัน ถ้าเราไม่คิดลบสุดขีด เราจะไม่มีปัญญา เครื่องมือ ไปจัดการ ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา แต่ถ้ามันไม่ถึงขีดสุด ก็เท่ากับว่า เรามีแต้มต่อเพิ่มขึ้น จากคุณ : กุ้ยเหลียง เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:12:29

ความคิดเห็นที่ 11 คนเดินเยอะต้องดูด้วยครับว่ามาตากแอร์มาถ่ายรูป หรือบางคนแค่มากินข้าว แต่ที่สำคัญหลังจากที่คนเดินเยอะแล้วมีการขยายหรือเปิดห้างใหม่ในย่านนั้นขึ้นทันที ใช่หรือไม่ ? ถ้าใช่ก็แสดงว่าเรากำลังอยู่สภาวะสุ่มเสี่ยงของฟองสบู่ ปล. ห้างแฟชั่นมีร้าน Wine Bar ที่ทำอาหารอร่อยมากครับ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:13:01

ความคิดเห็นที่ 12 นั้นแหละครับ ที่จะให้สังเกตุ โรบินสัน ถ้าคุณไม่คิดซื้ออะไร คุณจะไม่เดินเข้าไป เพราะมันไม่มีที่นั่ง ไม่มีของกินเลย (ยกเว้นใต้ดิน อันนั้นคนเยอะ) จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:19:42

ความคิดเห็นที่ 13 คห 9 ตามนั้นครับ จีนปกครองโดยพรรคเดียวมาตลาดไม่รู้กี่สิบปี เดินหมากพลาดไม่ได้เลย แต่ที่ผมบอกไปนะครับว่าการเลือกเดินเกมส์รับผิดจังหวะบางครั้งก็กลายเป็นหายนะได้เหมือนกัน ซึ่งจีนเองเลือกทางนี้ย่อมสุ่มเสี่ยงอยู่ไม่น้อยหากเศรษฐกิจโลกไม่ได้แย่ขึ้นจริงในอนาคต อย่าลืมว่าระดับนโยบายมันไม่ได้ตอบรับอะไรได้รวดเร็ว ไม่ใช่ปีนี้ชั้นนึกจะรุกปีหน้าชั้นนึกจะรับสลับกันอย่างนี้ คห 10 เห็นด้วยครับ หมากที่ดีต้องเดินแล้วเป็นทั้งรุกและรับในตาเดียว แต่คิดแง่รับก่อนรุกจะได้เปรียบ ตลาดการเก็งกำไรความกลัวและกล้า มันทำให้ผมนึกถึงการลงทุนเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาของผม 7 ปีก่อนเกือบจะต้องตบตีกันแย่งกันจองคอนโดหมั่นใส้เลยไปซื้อหุ้นมันแทนซะเลยแค่ 3-4 บาทชวนใครทำก้ไม่กล้าบอกว่า "หุ้นไม่มั่นคงแบบอสังหา " ไอ้เราก็พยายามอธิบายว่าเหมือนกัน มาตอนนี้มีหลายบริษัทมาจัดงานเซลล์ถึงหลังบ้านแต่คนเลือกกดซื้อหุ้นมันราคาเกือบ 20 บาทแทน งงกับมนุษย์จริงๆครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 09:23:12 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:20:49

ความคิดเห็นที่ 14 อืม อีกอย่างนึงนอกจากมาตรการ'กองทุนช้อนหุ้น'แล้ว เรามีมาตรการอะไรอีกที่เตรียมรองรับวิกฤติเศรษฐกิจโลกอีกบ้าง ??? สงสัยรัฐบาลจะคิดว่าวิกฤติยุโรปจะทำให้แค่หุ้นลงแบบปี 2008 จริงเหรอเนี่ย ??? 0_0 ! จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:46:13

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาอ่าน จากคุณ : ย่าอ้วนแพน เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 10:14:22

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ  ever ขยันจิงหาแต่ข่าวมาให้ช่วยสรุปให้ด้วยสิ จะซื้อต่อหรือจะล้าง.......แอ แฮ จากคุณ : nhomchan เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 10:40:44

ความคิดเห็นที่ 17 ข่าวมันถูกอ่านรวบรวมมาตลอด 1 ปีแล้วครับไม่ได้เก็บบันทึกไว้ ส่วนตัวผมตอนนี้ว่าน่าจะซื้อเล่นรอบได้ต่อนะครับ แต่จะเป็นวีไอกึ่งๆเล่นรอบที่ดีต้องดูกลุ่มที่ยังไม่มา ผมมองเรื่องราววีไอเป็นแบบนี้ครับ ระลอกแรกคือพลังงานสมัย Banpu 120 Ptt 150 ตอนนั้นเพราะเป็นหุ้นที่อิงปัจจัยภายนอกเยอะตอนนั้นนักลงทุนเราเพิ่งจะแขยงมากจากต้มยำกุ้งไม่นานและเพิ่งจะเริ่มลอยตัวน้ำมัน ( มองก่อนกว่านั้นก็เว่อร์ไปนิด ) ระลอกสองไปเข้าอสังหา จากที่ส่วนใหญ่อยู่เลขหลักเดียวเพราะคนกลัวฟองสบู่จนเป็นแบบปัจจุบัน ระลอกสามมาเข้าแบงก์จากที่อยู่กันนิ่งๆหลายๆปีเพราะต้มยำกุ้ง พอคนลืมว่าเรายังใช้หนี้ไม่หมดก็กลายมาเป็นเล่นกันที่สามหลักเป็น New Normal และล่าสุดคือกลุ่มค้าปลีก,สื่อสารและโรงพยาบาล จากเดิมที่เคยเป็นหุ้น Defensive ปันผลมีแต่คนบอกว่า 'รอทั้งชาติก็ไม่ไปไหนหรอก' จนปัจจุบันหากลองไปซื้อดูจะรู้ว่าอาจจะต้องรอทั้งชาตินึงจริงๆกว่าหุ้นตัวท๊อปๆในกลุ่มพวกนี้บางตัวจะปันผลเกิน 5% ของราคาปัจจุบัน อ่านตามเกมส์แบบนี้ตอนนี้ผมเลยไปมองสิ่งพิมพิ์กับไฟแนนซ์ครับ มาครบทุกกลุ่มเมือ่ไหร่ก้เมื่อนั้นแหละแล้วค่อยเผ่นยาวๆกัน แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 10:56:55 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 10:55:24

ความคิดเห็นที่ 18 ระบอบประชาธิปไตย = ระบบประชานิยม ไทย ก็คงยังต้องหว่านเงินต่อไป พวกฝรั่งยุโรป ก็เช่นกัน แข่งกันหว่านเงิน พรรคไหน ไม่ใช้ระบบประชานิยม ก็คงยากที่จะได้เป็นรัฐบาล อีก 10 ปี ค่อยตามล้างตามเช็ด เข้ากับวัฐจักรของ ศก.ตามตำราเป๊ะ จากคุณ : คุณชายเฉิน เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 12:03:34

ความคิดเห็นที่ 19 พี่คิดว่าคนไทยที่ไปไล่เทคฯกิจการเขาน่ะเป็นไทยแท้ๆหรือเป็นนอมินีลุง เงินลึกลับจำนวนมากอยู่ในบ้านเรานี่ละครับ เขาอัดเงินยูโรจนเดี้ยงได้ เงินหยวนนี่เด็กๆ แต่ที่ไม่ทำเพราะลุงเข้าไปเปิดบริษัทไว้เยอะ ขืนไม่กดค่าเงินไว้ให้ถูกๆ ค่าแรงถูกๆ ผู้ลงทุนหายหมด อีกอย่างระบบคอมมิวนิสต์ไม่ต่างอะไรจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช ที่ต้องการกดขี่ประชาชนไว้ ถ้าประชาชนรวยมีการศึกษามันจะปกครองยาก จากคุณ : เคาะแล้วเด้ง (เคาะแล้วร่วง) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 12:13:07

ความคิดเห็นที่ 20 มีลามไปอำมาตย์กะไพร่ (ปลอม) ด้วย จากคุณ : Grasshopper เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 12:24:16

ความคิดเห็นที่ 21 ขอแสดงความเห็นเรื่องอสังหาฯนิดนึงครับ ในมุมมองของผม ดีมานด์ไม่เคยหมด และซัพพลายมันก็ไม่เคยพอครับ ถ้าจะแปลกันตรงๆตัว ซึ่งเป็นสาเหตุให้นักลงทุนไม่ลังเลที่จะลงทุนโครงการขนาดใหญ่ๆพวกนี้ แต่สาเหตุที่ฟองสบู่แตกเพราะการคาดการณ์กำลังซื้อผิด เราก็ใช้คำว่าอสังฯล้นตลาด ซึ่งจริงๆมันไม่ล้นแต่เพราะคนไม่มีกำลังซื้อต่างหาก เนื่องจากเศรษฐกิจในภาคอื่นๆมันหดตัวไม่เป็นไปตามที่คาด ต้นตอหลักๆผมว่ามาจากราคาพลังงานและวัตถุดิบในการผลิตภาคอื่นๆมากกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นแค่ชั่วคราวหรือระยะสั้น ส่วนอสังหาฯเป็นเหมือนดาบสองที่หนักหน่วงกว่าดาบแรก ดาบแรกอาจจะแค่ทรุด แต่มีโอกาสรอด แต่ถ้ามีดาบสองนี่เดี้ยงสนิทแน่ๆ นักลงทุนอสังหาฯไม่ควรดูความต้องการ แต่ควรจะดูแนวโน้มด้านอื่นๆให้มากกว่าที่เคย ทั้งการเมืองระดับโลกและแนวโน้มราคาพลังงาน ทองคำ ค่าเงินและดอกเบี้ย แล้วอสังหาฯจะไม่ทำให้ฟองแตกอีก ส่วนเรื่องที่เกจิบอกว่าสมควรให้อสังฯเป็นหัวขบวนฉุดภาคอื่นๆ ผมไม่มีความเห็นครับ เพราะเห็นมาหลายครั้งแล้ว ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ถ้าเป็นตัวหนุนเสริมผมเห็นด้วยเต็มที่ เพราะไม่ว่าคุณยายจะใส่วัตถุดดิบกี่ชนิดในขนมก็แล้วแต่  มันต้องขายให้มีกำไร ถ้าสุดท้ายมันคืออัฐยายซื้อขนมยาย จะเอากำไรมาจากไหนครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 14:18:37 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 14:10:53 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 14:04:07 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 14:04:03 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 13:45:00

ความคิดเห็นที่ 22 ปีทองอสังหา กำลังมา กราฟมันฟ้อง อิอิ ++ ส่วนหมากเดินทางเอเชีย ข้าเจ้าว่า เขาเตรียมรับมือ จากการรวมตัว AEC (ถ้าเกิดเป็นรูปธาามชัเจนนะ) ผลกระทบจาก ยุโรป อเมริกา มีแน่ๆ ส่วนจีน น่าจะมีแววอ้างอิง ดอลล่าร์ชัดเจน เป็นหยวนแทน ทรัพยากรในแต่ละประเทศ กำลังเป็นประเด็น ให้นำมาใช้สูงสุด การพึ่งพาภายนอกจะลดลง การบริโภคในประเทศกำลังต่อสู้อย่างหนัก เพื่อความเข้มแข็งในการอยู่รอด ความกดดันภายนอก ที่เป็นวิกฤต จะทำให้แรงขับเคลื่อน ให้ภายในเริ่มให้ความสนใจ จากภายรัฐ ต้องดูฝีมือ ผู้นำ ในประเทศสาระขันต่อไป รวมถึงรอบๆใน เอเชีย จะตามจีน ที่ปลดแอกตนเองสำเร็จหรือไม่ ครึ่งปีหลังนี้ จีนน่าจะมีคำตอบให้ประเทศอื่นๆ เห็นชัดเจน ว่าจะทำสำเร็จ หรือที่ตั้งความหวังไว้หรือป่าว เมื่อนั้น น้องๆ อาตี๋ น่าจะเอาเป็นแบบอย่าง ไม่มากก็น้อย ปล เรื่อง AEC ยังมีอีกเยอะ ต้องติดตาม ต่อไป  จ้า แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 14:24:27 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 14:06:43 จากคุณ : Star Mktg เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:05:32

ความคิดเห็นที่ 23 หรือว่า ฟองสบู่จะแตกก่อน ต้องลุ้น อีกไม่นานทราบคำตอบ น้ำท่วมจะท่วมอีกไหมนะ ปล แก้ไขรูป อิอิ จากคุณ : Star Mktg เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:14:26

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเดินห้างแฟชั่นตั้งแต่เปิดดำเนินการใหม่ๆ เมื่อก่อน คนเดินแทบไม่มี มองสุดสายตาไปโล่งมาก มีคนเดินไม่เกิน 20 คน นอกนั้นเป็นเจ้าของร้านค้าทั่วไป แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (เท่าที่พอจำได้ลางๆ) คนมาเดินโซนนี้กันเยอะมาก แทบเบียดกัน ฟู๊ดเซ็นเตอร์วันหยุดแทบไม่มีที่นั่ง บิ๊กซีคนจับจ่ายเยอะพอควร คาดว่าโซนรามอินทรา มีนบุรี ลาดกระบัง หนองจอก คนน่าจะย้ายเข้ามาอยู่กันเยอะ (เมืองเริ่มขยาย) ราคาบ้านเริ่มปรับตัวสูงขึ้น และสูงขึ้นมาก (ในสายตา) ถึงแม้นจะอยู่ถึงหนองจอกก็ตาม ทั้งนี้ที่คาดว่าราคาอสังหาฯ สูงขึ้นเกิดจาก คาดว่าขนส่งมวลชนจะเชื่อมต่อไปยังเส้นรังสิต-องครักษ์ หนองจอก สุวินทวงศ์ เพราะมีการสร้างสนามฟุตซอล (หนองจอก) สนามบินสุวรรณภูมิ โรงเรียนนานาชาติ และการขนส่งต่างๆ ที่ใช้ถนนวงแหวน -----> ก็มาเล่าๆ ให้ฟังกันครับ ไม่มีอะไร (แต่ผู้คนแถวนี้เยอะจริงๆ) -----> ส่วนสเกลใหญ่ ไม่ได้ตามเลยครับ ยิ่งนโยบายของรัฐก็ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ตาม และรัฐเองก็ไม่ได้ประโคมข่าวเรื่องทำนองนี้ ที่สำคัญอ่านข่าวทีไร ก็มีแต่การเมืองกันซะเยอะ... อะไรทำนองนั้น จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:15:11

ความคิดเห็นที่ 25 The market is alway right!!! เดียวคำตอบค่อยๆเฉลยมาเองว่าจะเป็นยังไง จากคุณ : ขายหมู เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:51:49

ความคิดเห็นที่ 26 คห 23 คุณ Star ครับ ผมว่ากราฟไม่ได้โกหกใครแน่นอน เพราะหากจะเกิดวิกฤติขึ้นจริงสัญญานนึงนั่นก็คือการทำ New high ของหุ้นนั่นเอง หากย้อนกลับไปดูช่วงก่อนต้มยำกุ้ง,แฮมเบอเกอร์ ทุกครั้งก็จะเป็นเช่นนั้น เพราะตัวผบห.ย่อมต้องการล้มบนฟุกและไม้สุดท้ายจ้าวมือมันจะต้องลากไปให้ไกลที่สุดเสมอ สมมุติว่ากลุ่มอสังหากำลังเดินทางไปสู่ New high จริงๆก็....นั่นแหละครับคือสัญญานของหายนะของตลาดอสังหาซึ่งผมหวังว่าทั้ง 2 อย่างคงจะยังไม่เกิดขึ้นปีนี้จริงๆนะ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:55:04

ความคิดเห็นที่ 27 คห 24 คุณเพนกวิน ผมว่าการลงทุนมันเหมือนกางเกงขาเดฟนั่นแหละ เมื่อใดที่ยังมีคนทำอยู่น้อยๆเมื่อนั้นการลงทุนมันก็ยังเซ๊กซี่และปลอดภัยอยู่ แต่หากเมื่อไหร่คุณเห็นขาเดฟอยู่ทั่วหมอชิตนั่นหมายถึงว่ามันกำลังจะเริ่มเข้าสู่ขาลงนั่นเอง กว่าที่มันจะไปกองกับพื้นตลาดนัดมันก็สายเสียแล้ว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาผมไม่เถียงว่ามันคือช่วงเวลาทองของอสังหาเพราะผมเองก็ทำงานบริษัทอสังเมื่อ 7 ปีก่อนจึงเข้าใจดีเพราะสิ่งนี้เราคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ผมแค่กำลังนึกถึงปัจจุบันและอนาคตซึ่งมันน่าสนใจดีว่า... ตอนนี้เข็มกำลังอยู่ที่เลขอะไร ?  เมื่อไหร่เขาจะหยุดสร้าง ??? พวกเขา(บริษัทอสังหา)จะกล้าชะลอการลงทุนหรือเปล่า..ถ้าบริษัทเขาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และยังไม่ทำ New High ? ผุ้ถือหุ้นที่เป็นต่างชาติ,นักลงทุนขาใหญ่และ Fund Flow เขาจะยอมเฉือนกำไรหรือเปล่า ??? เพราะหากพวกเขาไม่ยอม..สุดท้ายปลายทางของอุโมงก์นี้ก็คงเป็นเหตุการณ์เลวร้ายซ้ำๆเดิมๆอยุ่ร่ำไป แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 15:07:22 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 15:06:27

ความคิดเห็นที่ 28 ตามความเข้าใจของผม โลกมันน่าจะหมุนไปด้วยพลังงานหลักๆ คือ น้ำมัน ถ้านหิน นิวเคลึยร์   ถ้า3ตัวหลักนี้ราคามันมีเสถียรภาพ โลกก็คงหมุนไปอย่างเสถียรเหมือนกัน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าบางตัวเริ่มมีปัญหา มีแรงต้าน  บางตัวก็ยังเสี่ยงและอาจเป็นชนวนความเสี่ยงเหมือนเดิม สรุปทุกตัวไม่ง่าย โลกจะกระตุกวันไหนต้องรอลุ้น ปัญหาทั้งยุโรปหรืออเมริกาอาจเป็นเรื่องเล็ก ถ้ามีวิกฤติพลังงาน(ราคา) ถ้าใครมีมาตราการป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ อาจเป็นตัวที่ตัดสินผู้ชนะในเกมส์ จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 15:36:24

ความคิดเห็นที่ 29 ^ ฟองสบู่อสังหาในสหรัฐที่แตกส่วนนึงก็มาจากน้ำมันที่แพงนี่แหละ พอคนหันไปเช่าบ้านในตัวเมืองแทนการลงทุนซื้อบ้านที่สร้างใหม่แต่ห่างไกลที่ทำงาน ฟองมันเลยแตก ( ก่อนหน้านั้นคนอเมริกันจะเชื่อว่าอสังหาของเขาจะเติบดตไปได้เรื่อยๆตาม Freeway แต่สุดท้ายพอปัจจัยบางอย่างเปลี่ยนไปทุกอย่างก็ล้มครืน ) จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 17:18:26

ความคิดเห็นที่ 30 เดี้ยงหรือไม่ดูที่อสังหาฯ ที่จะตายต่อจากอสังหาฯก็ภาคการเงิน+หุ้น ฟองสบู่อสังหาฯเริ่มเมื่อไหร่ก็เตรียมตัวกันได้ :( จากคุณ : สิ่งที่อยู่ในใจ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 17:25:20

ความคิดเห็นที่ 31 ^ คืออสังหาบ้านเราฟองจะแตกไม่ง่ายเหมือนกันนะ มีแค่ 2 ปัจจัยหลักๆ 1. การจ้างงาน หากยังคงได้อยุ่ที่ 2-3% ก็ไม่มีปัญหา 2. ดอกเบี้ย หากยังกดดอกต่อไปแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน ด้าน Demand ผมว่ายังไม่น่าห่วงเพราะเห็นห้องว่างๆพวกนั้นเจ้าของก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรตราบใดที่ยังมีปัญญาผ่อน สุดท้ายตราบใดที่ยังมีคนโพสเข้ามาถามว่า'มีเงินแต่ไม่รู้จะเอาไปลงทุนทำอะไร'อยุ่ ก็แสดงว่าไม้สุดท้ายยังไม่ได้โดนรับ'ของ'ไปล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 18:16:31 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 18:15:57

ความคิดเห็นที่ 32 ทีตลกดีก็คือว่า ช่วงที่ทองคำวิ่งกันแรงๆปีก่อนผมนึกว่าตลาดอสังหาเราจะพังไปแล้ว เพราะว่าเห็นมีแต่คนไปต่อคิวซื้อทองคำเพราะว่าได้กำไรมากกว่าต่อคิวซื้อคอนโดแถมซื้อง่ายขายก็ง่ายกว่าอีกด้วย จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 18:18:46

ความคิดเห็นที่ 33 ^ ^ เรื่องทองคิดว่าเพราะราคามีขึ้นมีลง+มีราคากลางประกาศให้รู้ทั้งทางทีวี หนังสือพิมม์+มีสภาพคล่อง ทำให้เปลี่ยนไปลงทุนอย่างอื่นได้ไม่ยาก แรงซื้อคอนโดเลยยังมีอยู่ ตอนนี้โพสที่ถามเรื่องทองน้อยลงไป ถามว่าลงทุนอสังหาดีไหมเริ่มหายไป มีแต่หุ้นที่ยังมีหน้าใหม่ๆเข้ามาถามว่าเล่นหุ้นดีไหม ? อันนี้น่าคิด :P จากคุณ : สิ่งที่อยู่ในใจ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 18:45:35

ความคิดเห็นที่ 34 อีกอย่างที่น่าคิดคือตอนนี้หนังสือสอนเล่นหุ้นขึ้นยอดขายอันดับ 1 เกือบทุกชาร์ดด้วยครับ ^ ^" จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 20:01:26

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่าวิกฤติกลางเทอมของรอบนี้จะมาจากค่าเงิน ส่วนปลายเทอมวิกฤติใหญ่ ซึ่งจะเกิดทุกๆ10+- จะมาจากอะไรต้องคอยดูอีกที จากคุณ : via iPhone (MaMaSeVenBahT) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 20:09:10

ความคิดเห็นที่ 36 ^ หมายถึงค่าเงินสหรัฐแข็งเกินจริงเหรอครับ ? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 20:20:50

ความคิดเห็นที่ 37 ประมาณนั้นมั้งคับ ถ้าเอาเเบบคร่าวๆก็ประมาณกลุ่มทุนที่ปั่นให้กรีชเจ๊ง เเล้วทําให้ยูโรเเตกคงต้องหาทางอื่น ซึ่งน่าจะไปโจมตีทางค่าเงินเเทนเพราะถือเป็นเงินสดกันไว้เยอะหนะคับ นี่ผมสรุปรวดรับมากเลยนะหลายๆคนคงมึนเเน่เลย จากคุณ : via iPhone (MaMaSeVenBahT) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 20:35:00

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่มึนหรอกครับ ล่าสุดอินเดียก็งานเข้าแล้ว เป้าหมายของกลุ่มนี้เขาชัดเจนอยู่แล้วครับ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 21:08:21

ความคิดเห็นที่ 39 โชคดีมากที่เข้ามาอ่าน ได้ความรู้เพียบเลย แต่ะคน ทำการบ้าน ติดตามข่าวสารกันได้ยอดเยี่ยม... แบบนี้ครับ สังคม สินธร และสมาชิกที่ได้อ่าน ถึงจะได้รับประโยชน์กันจริงๆๆ และจะทำให้ สินธร อยู่ยั่งยืนยง จากคุณ : gooddy good เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 23:01:16