ความคิดเห็นที่ 1 ทำประกันผมว่าไม่มีเยอะไม่มีน้อยนะครับ ถ้าคุณไม่เป็นอะไรเลยก็ถือว่าเป็นการฝากเงินรับดอกเบี้ย แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายได้พอสมควร แต่ผมว่าลงทุนในกองทุน LTF/RMF สักส่วนหนึ่งน่าจะดีกว่านะครับ (ลดภาษีได้ด้วยครับ) ส่วนจะเลือกกองทุนไหนก็ลองศึกษาข้อมูลก่อนนะครับ จากคุณ : jomethee เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 10:55:55

ความคิดเห็นที่ 2 เยอะเกินไปค่ะ เพราะประกันออมทรัพย์ผลตอบแทนต่ำมากๆค่ะ เมื่อเทียบกับการออมเงินทั้งหมด ต่ำกว่าการฝากประจำในระยะยาวเสียอีก เมื่อคิดรวมการหักภาษีแล้ว ก็สู้ LTF/RMF ไม่ได้เลย จากคุณ : xemmy เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 10:56:42

ความคิดเห็นที่ 3 ช่ายเยอะไปจ้ะน้อง แต่ถ้าทำไปแล้ว ก้อนะ ส่งไปจ้ะ เวนคืนขาดทุนอีก... จากคุณ : Steady finance เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 11:01:32

ความคิดเห็นที่ 4 ประกันมีไว้บ้างไม่เสียหลายแต่ถ้ามีมากเกินไปจะนำพาซึ่งภาระในระยะยาว จากคุณ : ธนบดี เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 11:03:06

ความคิดเห็นที่ 5 เยอะครับ แล้วยิ่งถ้าเป็นประเภทที่ส่งกันยาวๆ อาจมีปัญหาภายหลังได้ เพราะอนาคตไม่แน่นอน จากคุณ : gto14982 เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 11:03:11

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าวงเงินเอาประกันเกินค่าใช้จ่าย 3 ปี (เช่น ใช้จ่ายเดือนละ 2 หมื่น สามปีก็เป็นเงิน 7.2 แสนบาท) ผมก็คิดว่าเริ่มจะมากเกินไปแล้ว อีกตัววัดหนึ่งคือเบี้ยประกันไม่น่าเกิน 10% ของรายได้ ถ้าตัววัดทั้งสองต่างบ่งชี้ว่า "เยอะ" เกินไป ก็คงจะชัดเจนล่ะครับ อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้เวนคืนกรมธรรม์ โดยเฉพาะถ้าเพิ่งส่งแค่ปีแรกๆ เนื่องจากไม่คุ้มครับ แต่ถ้าต้องการปรับเงื่อนไข เช่น ลดวงเงิน ยืดเทอม ฯลฯ อันนี้ต้องลองคุยกับตัวแทนดู ที่จริงตัวแทนเขาน่าจะพิจารณาโปรไฟล์ของลูกค้าด้วยว่าจำเป็นต้องทำประกันมากหรือน้อยแค่ไหน และยึดถือประโยชน์ลูกค้าก่อนประโยชน์ตัวเอง เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าไม่ทราบหรอกว่าควรทำประกันอะไรบ้าง ด้วยวงเงินเท่าไหร่ จากคุณ : Antonio at MonkeyFreeTime เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 11:05:10

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าจ่ายประกัน แต่ไม่มีเงินเก็บ หรือเงินลงทุนอื่นๆ เลย ประกัน 20% น่าจะเยอะไป แต่ถ้ามีเงินเก็บ เงินเย็นหรือเงินอื่นๆ สำรองไว้ฉุกเฉินแล้ว สักก้อน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาถือว่าเป็นการเก็บเงิน (ไม่ใช่การลงทุน) ไว้ใช้ยามชรา จากคุณ : หมูหมุน เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 11:25:42

ความคิดเห็นที่ 8 ประกันมันเป็นเกมตัวเลขครับ เขาต้องการเพีบงแค่เงิน ชองลูกค้าประชาขน  ทำประกันปีละ 1 แสน เก็บตังไว้ดีกว่าครับเงินจำนวนนั้น หรือไม่ก็ต้องหาข้อมูลบริษัทประักันดีๆ เพราะบางบริษัท มักจะบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงิน แก่ผุ้เอาประกัน หาเหตุสารพัด จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 11:33:59

ความคิดเห็นที่ 9 ความคิดเดิม ไม่ชอบและเกลียดประกันมาก รู้สึกเสียเปล่า  แต่เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นในครอบครัว ก็เปลี่ยนความคิด ถ้าไม่คิดมาก ถึงว่าเป็นเงินออม และ เผื่อกรณีฉุกเฉินยามเจ็บป่วย จะได้ไม่เป็นภาระใคร ทำไว้สักหน่อยน่าจะดี ถ้าเลือกบริษัทประกันที่เป็นมืออาชีพ ดีๆแล้วกัน อย่ามองเพียงผลประโยชน์ เพราะเกิดปัญหา พวกประกันจะไม่ใส่ใจเราเลย จากคุณ : kritw เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 11:38:25

ความคิดเห็นที่ 10 กำลังสนใจทำประกันอยู่เหมือนกันครับ แต่ผมตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า ผมจะทำประกันไปเพื่ออะไรครับ บางคน ทำเพื่อลดความเสี่ยง เพราะว่าเรามีภาระหนี้สิน เช่น บ้าน รถ กิจการร้านค้าต่างๆ  ถ้าเกิดเราเป็นอะไรไป คนข้างหลังก็จะไม่ลำบาก   บางคน ทำเพื่อลดหย่อนภาษี ซึ่งจะเป็นการลงทุนเพื่อประกันความเสี่ยงแบบหนึ่ง และยังเป็นการขอคืนภาษีได้เพิ่มมากขึ้นตามฐานภาษี บางคนเป็นคนโสด ไม่มีภาระหนี้สินใดๆ ทำประกัน ก็เพียงประกันสุขภาพก็พอ เพราะว่า เราจะได้ใช้ประกันเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ และอีกมากมายตามปัจจัยแวดล้อมของแต่ละท่าน อย่างไรก็ตาม เราก็ควรพิจารณาทรัพย์สินส่วนตัวประกอบด้วยอีกทางหนึ่งก็ดีนะครับ  เช่น ถ้ายังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองแต่ก็อยากจะซื้อบ้านในอนาคตเหมือนกัน  ถ้าเป็นแบบนี้ การทำประกัน ก็จะทำให้มีเงินสดในมือน้อยลง เมื่อกู้ซื้อบ้านก็จะทำให้เงินค่อนข้างตึงมือได้ในช่วง 3-5 ปีแรก ถ้าเป็นประกันระยะสั้น เราก็จะลำบากในการผ่อนบ้าน     แต่ถ้ามีทรัพย์สินมาก หรือมีรายได้ทางอื่นเสริมได้มาก  หรือไม่มีแนวโน้มที่จะเป็นหนี้ในอนาคตเลย ก็อาจจะเป็นการทำประกันเพื่อขอคืนภาษี แต่ก็จะถูกจำกัดไว้ไม่เกิน 100 000 บาท อยู่ดี   เข้าใจว่า จขกท จะทำเต็มวงเงิน 1 แสน เพราะว่า มันจำกัดที่ตรงนี้พอดี ซึ่งผมก็เลือกเต็มวงเงินเช่นกัน ตามวัตถุประสงค์ส่วนตัวของผมเอง เนื่องจากแต่ละคนมีวัตถุประสงค์ไม่เหมือนกันในการทำประกัน ดังนั้น เลือกตามความเหมาะสมของตัวเองก็ดีครับ  ไม่มีใครบอกได้ว่าเท่าไหร่ถึงจะดี  อยู่ที่แผนการที่จะใช้เงินทั้งในระยะสั้นและในระยะยาวๆ   ซึ่งถ้าไม่มีการวางแผนทางการเงินแล้ว การเงินเราก็จะสะดุดได้ง่ายๆเลยครับ ยังไงก็ลองดูจากคลิปนี้ประกอบนะครับ ผมว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีทีเดียวครับ   http://www.youtube.com/watch?v=LYqqih7bFj4&feature=BFa&list=PLB21BF7F9616790DC ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : iroiro เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 11:42:21

ความคิดเห็นที่ 11 มากน้อยพูดยากครับ เพราะชึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม บริบท ของแต่ละบุคคลครับ ใน 1 แสนบาท แยกเป็น ประกันออมทรัพย์ และ ประกันชีวิต+สุขภาพ เท่าไหร่ ครับ สิ่งที่อาจจะดูสิ้นเปลืองและไม่คุ้มคือ ประกันออมทรัพย์ เพราะ ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าการลงทุนอย่างอื่น รายได้ต่อปี 500,000 เสียภาษีเท่าไหร่ ประหยัดภาษีได้เท่าไหร่ นำไปลงทุนอย่างอื่นคุ้มกว่าหรือไม่ การทำประกันสุขภาพ เข้าใจว่า น่าจะเป็นประกันเสริมที่ต้องมีประกันชีวิต ก่อน ทำให้ต้องทำทั้ง 2 อย่าง จะอย่างไรเสีย หากไม่มีเลย ก็เป็นความเสี่ยงของชีวิตอย่างหนึ่งในภาวะที่ค่ารักษาในปัจจุบัน มหาโหด.... สุดท้ายแล้ว ก็ต้องจัดสรรปันส่วน สัดส่วนการเก็บเงินให้ดีครับ เพราะ บางเรื่อง...จะกลายเป็นเสียน้อยเสียยาก.. จากคุณ : kitz เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 11:52:16

ความคิดเห็นที่ 12 รายได้ 500,000 ต่อปี ทำ 20% ก็เท่ากับ 100,000 ใช่ไหม เดาว่าตั้งใจจะใช้สิทธิ์ลดหย่อนให้เต็มที่ใช่ไหม ถ้าคิดอย่างนี้ก็ได้ครับถ้าส่งไหว แต่แนะนำว่าอย่าทำระยะยาว ให้ทำประกันระยะสั้น ๆ เช่น 10/2, 10/3 เพื่อให้เงินไม่จมนานและผ่านไป 2-3 ปีก็สามารถนำเงินนั้นออกมาใช้ได้โดยไม่ขาดทุน จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 12:43:19

ความคิดเห็นที่ 13 ประกันชีวิต มีไว้เพื่อการประกันชีวิต ไม่ใช่การสะสมทรัพย์ค่ะ เลยไม่ค่อยเห็นด้วยกับประกันชีวิตสะสมทรัพย์ แต่ถ้าประกันชีวิต แบบที่เป็นการประกันชีวิตจริงๆ ก็ยอมรับได้ค่ะ กรณีเสียชีวิตแล้วคนในครอบครัวได้รับประโยชน์ ประกันสุขภาพ เวลาเราป่วยขึ้นมาจริงๆ ปีต่อไปบริษัทอาจจะไม่ต่อสัญญาได้นะคะ ญาติเราเจอมาแล้ว  ถ้าบริษัทเขาขาดทุน เขาจะบอกเลิก จากคุณ : จำฉันได้ไหม เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:04:33

ความคิดเห็นที่ 14 ประกันทำไว้เพื่อมอบให้คนที่เรารัก หากวันหนึ่งเราต้องจากไป แบบไม่ทันได้ตั้งตัว เราจ่ายเบี้ยปีละแสนกว่า ให้ได้ความคุ้มครอง 10 ล้าน ทำไว้ให้ลูก ถ้าโชคดี อยู่จนลูกโต เงินต้นที่ส่งไปก็ได้คืนกลับมา พร้อมดอกเบี้ย ถึงจะไม่สูงเท่าการลงทุนทางอื่น แต่ถือว่าซื้อความสบายใจ อย่างน้อย วันนี้ เราก็มี 10 ล้าน ไว้ให้ลูกแล้ว ไม่ต้องรอเ็ก็บปีละแสนอีก 100 ปี จากคุณ : นู๋อัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 21:37:16

ความคิดเห็นที่ 15 หากทำประกันเพราะต้องการคุ้มครองเผื่อกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่าทำแบบสะสมทรัพย์ ทำแบบเบี้ยจ่ายทิ้งไปเลย คุณจะได้ความคุ้มครองสูงกว่ามากภายใต้เบี้ยประกันที่เท่ากัน หรือหากทำเพื่อลดหย่อนภาษี ทำแบบระยะสั้น 10/2,10/3 สภาพคล่องจะไม่เสียมาก อย่าทำแบบส่งเบี้ยยาว ๆ เด็ดขาด พวกเกิน 5 ปี ไม่คุ้มอย่างยิ่ง จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 11:24:22

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้ามองเรื่องความคุ้มครองหรือการการันตีเงินเป็นหลักถือว่าน่าจะโอเคแต่ไม่ควรเยอะมากกว่านี้นะครับ มันอาจจะทำให้ขาดสภาพคล่องได้ แนะนำกระจายการลงทุนถ้ามองเรื่องภาษีด้วยก็ LTF+RMF ก็จะดีกว่าครับ จากคุณ : NJfad เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 18:44:25