Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พื้นฐาน กับ เทคนิคอล คนละสไตล์ แต่ก็ไปด้วยกันได้ ติดต่อทีมงาน

สมัยก่อนจะมีประเด็นขัดแย้ง เกี่ยวกับเรื่อง การดูพื้นฐาน กับการดูเทคนิคอล

วันนี้ผมเลยมาขอเกริ่นเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐาน กับเทคนิคอล (หวังว่าคงไม่ใช่กระทู้เกาเหลาระหว่างคน 2 กลุ่มนี้นะครับ) หวังว่า คนที่เล่นในแบบใดแบบหนึ่ง หรือทั้งสองแบบ จะเข้าใจกันบ้าง

มุมมองการวิเคราะห์ในแง่ของพื้นฐาน - ดูงบการเงิน ผลประกอบการ
มุมมองการวิเคราะห์ทางด้านเทคนิคอล - ดูกราฟ ชาร์ตแพทเทิร์น

จุดที่ผมมองว่า ทั้ง 2 สาย มีลักษณะคล้ายกัน

จุดซื้อ
- ในสายของพื้นฐาน ก็จะมองเรื่อง ผลประกอบการ งบการเงิน ปันผล และตัวธุรกิจที่ดีขึ้นเรื่อยๆ หรือมีแนวโน้มว่าดีขึ้น แต่ราคายังไม่ตอบสนอง หรือต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น
- ในสายของเทคนิคอล ก็จะมองในเรื่องของกราฟ ที่มีการส่งสัญญาณออกมา

จุดขาย
- ในสายของพื้นฐาน ก็จะมองเรื่อง ราคาที่เกินพื้นฐาน ผลกำไรเริ่มลดลง ความต้องการของสินค้าในตลาดที่เปลี่ยนไป หรือการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป
- ในสายของเทคนิคอล ก็ยังมองเช่นเดิม ก็คือการใช้กราฟดูว่า มันไปต่อไม่ได้ ก็ขายออกมาเพื่อทำกำไร

จุดผิดพลาด
- ในสายของพื้นฐาน ก็ยังมีมุมมองในเรื่อง MOS หรือ Margin of Safety หรือจุดเผื่อความปลอดภัยไว้ มีไว้ในการมองว่า หากมีการวิเคราะห์ผิดพลาดเกิดขึ้น จะไม่เสียหายมากจนเกินไป เช่น มองว่ากิจการมีผลประกอบการที่ดีขึ้น และในระยะยาวจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่หากไม่เป็นไปอย่างที่วิเคราะห์ไว้ ก็จะไม่เสียหายมาก
- ในสายของเทคนิคอล จะมองในเรื่องจุด Stop Loss หรือจุดตัดขาดทุน เพื่อป้องกันความเสียหาย หรือจำกัดความเสียหายไว้นั่นเอง

ในแง่ของการถือหุ้น
- ในด้านของพื้นฐาน ก็จะมองในเรื่องผลประกอบการที่โตขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง และยังอยู่ในสภาวะที่สดใสต่อไปอีกนาน ก็จะถือหุ้นต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งถ้าประเมินว่าธุรกิจยังทำกำไรได้ดี หรือการขยายงานที่ก้าวหน้า จะทำให้ราคาพื้นฐานสามารถขยับสูงกว่าตอนแรกที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้
- ในด้านของเทคนิคอล ก็จะดูกราฟ และถือหุ้นต่อไปเรื่อยๆ หรือที่เราเรียกว่า Let Profit Run นั่นเอง


ลักษณะที่แตกต่าง
- พื้นฐาน จะเน้น ซื้อถูก และขายแพง
- เทคนิคอล จะเน้น ซื้อแพง และขายแพงกว่า

นี่คือมุมมองที่ถกเถียงกันค่อนข้างมาก แต่สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซื้อถูกขายแพง หรือซื้อแพงขายแพงกว่า นั้น ถ้าหากเราสามารถทำกำไรได้ ก็ถือว่าวิธีการเหล่านั้นถูกทั้งคู่ ไม่มีวิธีการไหนผิด

ถ้ามองในมุมมองของแนวทางหรือกลยุทธ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแนวพื้นฐาน หรือเทคนิคอลแล้ว จะมีลักษณะที่คล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว

ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนก็คือ
- ในด้านของพื้นฐาน จะซื้อเฉพาะกิจการที่ดี หรือคาดว่าจะดีในอนาคตในการวิเคราะห์เท่านั้น
- แต่ในด้านของเทคนิคอลนั้นจะไม่สนกับกิจการเลย ถึงแม้จะเป็นหุ้นปั่น ก็สามารถทำกำไรได้

นี่คือข้อแตกต่างอย่างชัดเจน โดย คหสต. ผมมองว่าทุกวันนี้ ถึงแม้จะมีการปั่นหุ้นในหุ้นที่พื้นฐานที่ไม่ดีอยู่ (และคาดว่าจะมีอยู่ตลอดไป) ก็ตาม จะสู้การปั่นหุ้นที่มีพื้นฐานรองรับคงยาก และผมมองว่า การโดดเข้าไปในหุ้นที่มีพื้นฐาน ย่อมมีโอกาสที่ดีกว่า หุ้นปั่นแน่นอน สำหรับนักเทคนิคอล

ถึงแม้ข้อมูลหลักๆ จะอยู่ด้านบน แต่ประเด็นสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นสายพื้นฐาน หรือเทคนิคอลก็ตาม ที่จะต้องมีก็คือ

- ความรู้จริง
ในด้านพื้นฐาน ก็ต้องมีความที่แท้จริงในการวิเคราะห์งบการเงิน และกิจการ ในสายของเทคนิคก็ต้องมีความรู้ในด้านการใช้กราฟอย่างถูกต้อง

หากไม่รู้อย่างแท้จริง ก็ถือได้ว่าโอกาสในการผิดพลาด ย่อมมีสูงกว่าคนที่วิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านใด หากมีความรู้แค่งูๆ ปลาๆ ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว

คนที่ยังมีความรู้ไม่แน่นพอ ก็ยังคงต้องศึกษากันต่อไป เพราะหากเรารู้จริงความสำเร็จคงไม่ไกลเกินเอื้อม

- ความขยัน
ในด้านของพื้นฐาน การวิเคราะห์งบการเงิน หรือการหากิจการที่ดี ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คุณจะต้องอ่านผลประกอบการ งบการเงิน ความเสี่ยงของกิจการอย่างถี่ถ้วน และต้องค้นหาบริษัทหลายๆ บริษัท ไม่ใช่แค่เพียงวิเคราะห์แค่บริษัทใดบริษัทหนึ่งเท่านั้น
ในด้านของเทคนิค ก็ต้องมีการดูกราฟ ของหุ้นในตลาดหลายๆ ตัวว่ามีตัวไหนที่น่าสนใจ

ไม่ว่าจะเป็นสายไหน ก็ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องค้นหาหุ้นที่น่าสนใจอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นความขยัน จึงเป็นอีกข้อที่ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็จำเป็นที่จะต้องมี

- ความอดทน
ไม่ว่าจะเป็นสายไหน ถ้าหากซื้อหุ้นถูกตัวแล้ว แต่ราคายังไม่ตอบสนอง ย่อมต้องมีความอดทนในการถือ ถ้าหากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ตามการวิเคราะห์ในแนวนั้นๆ ถ้าหากถูกไม่สามารถ Let Profit Run ได้ และหากผิดไม่สามารถจำกัดความเสียหายได้แล้ว โอกาสในการประสบความสำเร็จในระยะยาวย่อมมีน้อย

ผมคิดว่าหลักๆ ก็จะมี 3 หัวข้อที่ได้กล่าวไว้ หากมีใครมีความเห็นเพิ่มเติมก็แสดงความเห็นมาได้นะครับ เพราะผมอาจจะลืม

แต่มีประเด็นหนึ่งที่ผมยังคงสงสัยว่า ทำไมในสายของพื้นฐาน จึงมีความที่ประสบความสำเร็จมากมายออกมาเขียนถึงหลักการในการใช้ แต่ในสายของเทคนิคอล ถึงแม้จะมีแต่กลับหลบตัวเงียบ ไม่ค่อยออกมาเปิดเผยถึงวิธีการในการใช้มากนัก (มีแต่น้อย) ผมมองว่าในด้านของเทคนิคอลนั้นมีคนใช้เยอะ โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำกำไรในระยะสั้น เช่น Prop Trade เพราะกลุ่มนี้คงไม่สามารถใช้การวิเคราะห์ทางด้านพื้นฐาน ทำกำไรภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้ (ระยะเวลาสั้นในที่นี้คือ Day Trade ไปจนถึงมากกว่า 1 เดือน)

ผมขอสรุปว่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีการไหนก็ดี ควรขึ้นอยู่กับความถนัดของตัวบุคคลนั้นๆ เอง ว่าเราเหมาะกับวิธีการแบบไหน คนไม่มีเวลา อาจจะมองในเรื่องของการวิเคราะห์พื้นฐานเป็นหลัก แต่สำหรับคนมีเวลา อาจจะใช้วิธีการด้านเทคนิคอลได้ เช่นกันระยะเวลาในการเล่นสั้นหรือยาว ก็มีผลต่อการเลือกวิธีการในการใช้ เพราะฉะนั้นเลือกให้เหมาะกับตัวเอง เหมาะกับอุปนิสัยใจคอ หากมีข้อผิดพลาดก็ปรับปรุงแก้ไขอย่าได้ละเลย

วิธีการไหนก็ไม่สำคัญ เท่ากับ สามารถใช้แล้วได้กำไรอย่างสม่ำเสมอ

ปล. หวังว่าทุกๆ ความเห็นคงแสดงออกต่อกันอย่างเป็นมิตร เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกันนะครับ เพราะกระทู้นี้ไม่ได้ตั้งขึ้นเพื่ออยากให้มีปัญหากันระหว่างคนทั้ง 2 สาย

จากคุณ : bigzaa
เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 55 09:33:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com