ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าคงไม่ใช่ซื้อหุ้นถูกอย่างเดียวหรอกนะครับ แต่เป็นซื้อที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง อาจจะต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงในอีกกี่ปี หรือ กี่ไตรมาส ก็แล้วแต่จะประเมิณศักยภาพของธุรกิจกันเอง ผมก็ศึกษาแนวทางนี้ แล้วก็มีซื้อไปตัวสองตัวช่วงเดือนที่แล้ว  ถึงวันนี้ก็ได้กำไรดีนะครับ จากคุณ : solstice เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 22:25:53

ความคิดเห็นที่ 2 หุ้นถูก!!! ถูกแต่ละคนตีความไม่เหมือนกัน... บางคนบอก PE ต่ำๆ PB ต่ำๆ คือถูก แต่ถูกสำหรับผม คือ ถ้าผมมั่นใจว่ามีโอกาสที่ในอนาคตราคาหุ้นตัวนั้นๆจะแพงกว่าปัจจุบัน ผมก็กล้าซื้อแล้ว!!^^ จากคุณ : เขียนบน iPhone (satan@เต้ย) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 22:28:59

ความคิดเห็นที่ 3 ดร.นิเวศน์ตอนนี้เค้าไม่ได้มองแค่ตลาดไทยแล้วครับ ก็คิดเอานะครับว่า หุ้นไทยปัจจุบัน ถูกอยู่หรือเปล่า http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1339924661&grpid=03&catid=09&subcatid=0900 ดร.นิเวศน์กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้ตำราการลงทุนแบบ "VI" ของเขาอาจมีการปรับปรุงอีกเล็กน้อย โดยจะเริ่มหันไปหาตลาดหุ้นในแถบอาเซียน และเน้นไปยังบริษัทที่เป็น "Super stock-Super company" หรือที่เรียกได้ว่าเป็นหุ้นขนาดใหญ่โดดเด่นเป็นลำดับแรกของแต่ละประเทศ เพราะพบว่าราคาหุ้นหลายบริษัทในต่างประเทศยังมีราคาไม่แพงนัก ดังนั้นจึงน่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดี แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 55 22:32:47 จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 22:32:17

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเข้าใจว่า ดร.นิเวศน์ จะเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่เป็น หรือมีโอกาสสูงที่จะเป็น Super Stock เท่านั้นนะครับ   หุ้นพวกนี้เมืองไทยมีค่อนข้างน้อย แล้วก็ดังๆ นักลงทุน นักวิเคราะห์ก็ตามกันเยอะแล้ว  ก็ไม่ค่อยแปลกที่ราคาตอนนี้ไม่ถูกแล้ว จากคุณ : solstice เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 22:47:01

ความคิดเห็นที่ 5 = ถ้าสมมุติเราจะลงทุนโดยดูปัจจัยพื้นฐานโดยดูหุ้นที่พื้นฐานดี ราคาถูก = ราคาถูก เมื่อเทียบกับ Fair Value ครับ ไม่ได้แทียบกับราคาในอดีด ... จากคุณ : Unsign เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 22:59:17

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นคำถามที่ดีครับ -------------------- ท่านเจ้าของกระทู้คงเข้าใจว่า หุ้นที่ดีน่ะมีแน่ ๆ แต่หาหุ้นดี และราคาถูกด้วย คงจะไม่มี ต้องรอให้เกิดวิกฤติก่อน และถ้าไม่มีวิกฤติก็คงจะไม่มีหุ้นที่ดี และราคาถูก -------------- ผมขอตอบว่า หุ้นดีมีตลอดเวลา และหุ้นที่ดีและราคาถูก ก็มีตลอดเวลาเช่นเดียวกันครับ หากท่านกรองไปเรื่อย ๆ แล้วจะพบเองครับ ผมกรองตั้งแต่ A-Z แล้วพบบางตัว (ไม่กี่ตัวเอง) ที่เข้าเงื่อนไขทั้ง 2 ประการครับ -------- ท่านทดลองกรองหุ้นทั้งตลาด หรือลองสุ่มกรองวันละนิดวันละหน่อย ถ้าท่านลงมือค้นหา มีหุ้นดีและราคาถูกทุกสถานการณ์แน่นอนครับ ไม่ต้องรอให้วิกฤติมาถล่ม จากคุณ : เฮียเลือด เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 23:09:56

ความคิดเห็นที่ 7 คห.6 เครื่องมือกรอง อยู่ในไฟล์ของท่านใช่ป่ะครับ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 23:13:26

ความคิดเห็นที่ 8 ความคิดเห็นที่ 7 คห.6 เครื่องมือกรอง อยู่ในไฟล์ของท่านใช่ป่ะครับ จากคุณ : หมอก้อนหิน -------------- ผมก็ใช้วิธีที่ผมเผยแพร่ไว้ใน Blog นั่นแหละครับผม วิธีที่มาจากหนังสือ วอร์เรนตีความงบการเงินน่ะครับ จากคุณ : เฮียเลือด เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 23:16:51

ความคิดเห็นที่ 9 หุ้นถูกบางตัว ก็เป็นโรคถูกเรื้อรัง จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 23:37:13

ความคิดเห็นที่ 10 "หุ้นถูก" สำหรับผมแปลว่า หุ้นนั้นมีราคาขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมัน (ซึ่งคำนวณรวมอนาคตไว้ด้วยแล้ว) โดยที่ต้องมีปันผลค้ำประกันอยู่ตามประวัติที่ผ่านมา และถูกต้องตามโหงวเฮ้งหุ้นทั้งปวง หุ้นถูก หุ้นแพง ไม่ได้ดูที่ราคาเมื่อเทียบกับเวลาที่ผ่านมาแต่อย่างใด จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 23:43:42

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเห็นด้วยกับคุณซาตานเต้ยครับ ผมดูหุ้นที่มัโอกาสเติบโตได้อีกในอนาคต และพื้นฐานดี และรอราคาที่ใม่แพงที่จะซื้อรอให้ราคาหุ้นค่อยๆเพิ่มขึ้น ตามการเติาโตของกิจการครับ แต่หากโชคดีได้ซ์้อช่วงหุ่้นตกๆก็ดีครับ สรุปผมณื้อหุ้นดีมีอนาคต ในราคาที่ใม่แพงครับ และรอให้กิจการเติาโตครับ จากคุณ : Wild Rabbit เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 23:46:20

ความคิดเห็นที่ 12 หุ้นไม่มีถูกหรือแพง มีแต่ขึ้นหรือลง จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 00:04:21

ความคิดเห็นที่ 13 กำไรในอนาคตของกิจการใน 1, 3 หรือ 5 ปีข้างหน้า ต้องหาตัวนี้ให้ได้ก่อนครับ. แล้วถึงจะหาราคา fair value. ในอนาคตได้ อย่าไปดูแค่ pe ที่โชว์ในเว็ป แล้วมาตัดสินว่าหุ้นถูกหรือแพง เพราะนั่นมันคำนวณจากกำไรในอดีต ง่ายเกินไป ใครๆ ก็ดูได้ วิชาคณิตศาสตร์เด็กมัธยมยังคำนวณซับซ้อนกว่าเยอะ ตัวอย่าง หุ้นxxxxปัจจุบัน eps 1 บาท ราคา 15 บาท pe 15 เท่า เห็นอย่างนี้เซียนหลายท่านส่ายหัว ไม่เอา แพง ไปหา pe ที่โชว์ต่ำ 10 ดีกว่า แต่เดี๋ยวก่อน หากเจาะลึกลงไป กิจการเติบโตขึ้นเรื่อยจากบราๆๆ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า eps น่าจะได้ราว 3 บาท ต่อหุ้น ลองให้ pe 8 เท่า ราคาเหมาะสม 24 บาท ถ้า pe 10 ก็ 30 บาท upside 60-100% ใน 2-3 ปี คุณคิดว่าราคา 15 บาทในวันนี้แพงไปมั้ยครับ ต้องรอเหตุการณ์อย่างปี 40 มั้ยครับ ถือๆไปเกิดราคาย่อตามเซ็ทเหลือ 12 บาท 10 บาท ควรจะดีใจที่ได้ซื้อเพิ่มมั้ยครับ (เป้า 24-30) ทิ้งท้ายด้วยคำคมของเซียนวีไอ ระยะสั้นราคาตามข่าว ระยะยาวตามผลประกอบการ แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 55 00:45:30 จากคุณ : Add Value เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 00:06:46

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับหลายๆความเห็นครับ จาก คห. 13 = กำไรในอนาคตของกิจการใน 1, 3 หรือ 5 ปีข้างหน้า ต้องหาตัวนี้ให้ได้ก่อนครับ. แล้วถึงจะหาราคา fair value. ในอนาคตได้ = นี่แหละครับ เป็นโจทย์ที่ยากทีเดียว ... ใครตอบโจทย์นี้ได้ ความสำเร็จน่าจะอยู่ใกล้ๆครับ ... จากคุณ : Unsign เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 00:30:04

ความคิดเห็นที่ 15 ตอนนี้หุ้นถูกก็ยังพอมีนะ แต่ก็ต้องยอมแลกกับสภาพคล่องที่ต่ำมากๆ จากคุณ : Sawakato เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 01:03:04

ความคิดเห็นที่ 16 มองในระยะยาว 5 ปีอัพ  ไม่เคลียด ปล่อยเงินทำงานไปเรื่อยๆ จากคุณ : stp-aun เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 01:19:24

ความคิดเห็นที่ 17 อย่างผมพึ่งเก็บหุ้น จะเอาต้นทุนที่ถูกๆคงไม่มี มีแบบที่สมเหตุสมผลผมก็เอาแล้ว ดอกเบี้้ยสัก 5 % อนาคตโตขึ้นเลื่่อยๆ มีปันผลมาตลอดอย่างต่ำสัก 2-3 ปี เอาแบบ 2 โตนะ  ปั่นผล+ส่วนต่าง โตสองอย่างต่ำๆอย่างละ 5 % พอ จากคุณ : bam007 เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 07:27:25

ความคิดเห็นที่ 18 คุณสงสัยถูก  ทุกวันนี้กว่า90%ของนักเล่นหุ้นก็เป็นนักเก็งกำไร คือซื้ออนาคตใกล้ๆ ถ้าเป็น VI จริงไม่ควรเข้าตอนนี้ครับ หาของดีราคาถูกไม่ค่อยเจอ ยกตัวอย่างหุ้นพาร์1บาทราคาเป็น100 อย่างนี้ไม่ไหว เงินอยู่กับตัวสบายกว่าอยู่กับหุ้นแล้วร้อนๆหนาวๆ จากคุณ : แสนตุ้ง เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 13:05:46

ความคิดเห็นที่ 19 kamart จาก 40 ตังเป็น 7บาทเมื่อปีที่แล้วนี่คืออะไร  ราคาถูกหรือราคาปั่น 4 เดือนที่แล้ว  ผมซื้อ scblif ที่ 500 เพราะคิดว่าถูกมาก  และมันก็ถูกมากจริงๆ  ตอนนี้ 730(เสียดายตอนนั้นตังน้อย) ถ้า จขกท หมายถึง economic crisis ล่ะต้องรอกันหลายปีไม่รู้เมื่อไหร่  แต่เจอแน่ๆ  ตอนนั้นหุ้นถูกเกือบทุกตัว  กล้าเข้าซื้อกำไรหมด  มากน้อยเท่านั้นเอง แต่ถ้าหมายถึงหุ้นที่เจอวิกฤตของกิจการเอง  มีอยู่พอสมควร  มีเกือบทุกช่วงเวลา  หาได้เรื่อยๆ(แต่จะหายากกว่าตอนเกิด economic crisis เท่านั้นเอง) ถึงตอนนี้ก็ยังมี  เช่น  กลุ่มเหล็ก  กลุ่มระวางเรือ  กลุ่มโรงงาน(ที่โดนน้ำท่วม)  กลุ่มประกันภัย ฯลฯ  และยังไม่ฟื้นดีด้วย  ถ้า จขกท มั่นใจว่าถึง bottom แล้วกำไรอ๊วกแตกแน่ๆ(แต่ถ้าไม่ bottom ก็ร่วงได้อีกนะ) ประเด็นคือเราไม่รู้หรอกว่า crisis จะเกิดเมื่อไหร่  มองย้อนหลังมันมองง่ายครับ  มีคนบอกเหมือนการเดินเรือ  เรารู้ว่าพายุมาเราก็ไม่ออกเรือครับ  แต่ประเด็นคือเราไม่รู้  บางทีไอ้ครึ้มๆอาจจะเป็นแค่ฝนปรอยๆ  ไอ้ฟ้าใสๆอาจจะเป็นพายุก็ได้ ทางที่ดีที่สุดคือเลือกลำที่ดี่ี่สุดที่เราจะล่องฝ่าพายุไปได้ครับ   ถ้า จขกท ขึ้นๆลงๆเรือระวังจะไม่ถึงฝั่งนะครับ  สู้เลือกเรือลำดีๆ  ไปช้าบ้างเร็วบ้าง  แต่ถึงฝั่งดีกว่า p.s. จริงๆคนชอบคิดว่า vi จะต้องซื้อตอนวิกฤต  เพราะจะได้ wonderful price แต่บัฟเฟตบอกว่าอย่าซื้อ good company ในราคา wonderful price แต่ให้ซื้อ wonderful company ในราคา fair price จากคุณ : เขียนบน iPad (nasunap) เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 14:17:43

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าหุ้นนั้นดี เพราะพื้นฐานบริษัทดี มีการดำเนินงานในทิศทางที่วางเป้าหมายไว้ มีผลกำไรสม่ำเสมอ และกิจการไม่ได้รับผลจากวิกฤติเศรษฐกิจมากนัก ต่อให้ร่วงติดฟลอร์ก็มีคนไล่เก็บ คิดซะว่า เก็บตอนนี้ ไม่มีวิกฤติ เราก็รอแค่บริษัทเติบโตไปข้างหน้า รอรับปันผล และผลกำไรส่วนต่างในระยะยาว หุ้นถูกและดีมีความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ไม่จำเป็นต้องรอรับของในเวลาย่ำแย่ก็ได้ฮะ เพราะแน่อยู่แล้วเก็บของที่floor ยังไงก็ต้องขึ้น ไม่ต้องเลือกอะไรมาก แค่ต้องรู้ว่าตัวไหนจะกลับตัวขึ้นเร็วที่สุดแรงที่สุด แต่เราจะเห็นได้ชัดว่า หุ้นดีจริง คนเชื่อมั่นในผลประกอบการ ราคามักไม่ลงฮวบฮาบในขณะset ร่วง...สามารถรักษาระดับราคาคงที่ได้ยาวนาน และขยับสูงสะท้อนกับการรับรู้กำไรจากผลประกอบการจริง อยู่เสมอ..แบบนี้น่าจะเป็น vi กว่า...ถ้าหุ้นราคาขึ้นลงวูบวาบ แบบนั้นเรียกว่าหุ้นเก็งกำไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หุ้นทุกตัวเล่นแบบเก็งกำไรได้ทั้งสิ้น สุดแล้วแต่ใครจะเล่น หรือมีเจ้ามือดูแลราคาให้ขยับขึ้นลงหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 55 18:32:32 จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 18:31:09

ความคิดเห็นที่ 21 ผมไม่ค่อยเชื่อนะ ถ้าบอกว่าไม่เหลือหุ้นดีที่ราคายังเหมาะสมในตลาด และก็ได้ยินมาตลอด 2-3 ปีนี้ว่าต้องรอให้เกิดวิกฤติอีกครั้งก่อนถึงจะหาหุ้นดีราคาถูกได้ เพราะทุกวันนี้ถ้าคุณดูในตลาด จะเห็นว่าทุกๆปีจะมีหุ้นที่ราคากระโดดเพราะผลประกอบการเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกหลายเท่าในปีเดียว ยกตัวอย่างในรอบ 2 ปีนี้นะครับ AJ(4.10-11.30) KAMART(0.3-7) JAS(0.2-3.26) PTL(7.5-14.6) CPALL(11.9-34.75(หลังจากปันผลเป็นหุ้นด้วย)) OISHI(65-155) TVI(2.3-7.25) SPALI(7.3-18.3) BGH(26-100) SORKON(25-78) CENTEL(3.24-15.8) RML(0.27-1.56) ดังนั้นทุกเวลามีโอกาส อยู่ที่เราจะหาเจอไหมครับ แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 55 21:51:11 แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 55 21:50:22 จากคุณ : taradol_m2521 เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 21:48:45

ความคิดเห็นที่ 22 ยังมีหุ้นที่ดีและถูกมองข้ามอยู่เสมอในทุกสภาวะของตลาด แต่ถ้าใครประเมินมูลค่าหุ้นไม่เป็น จะรอซื้อหุ้นในช่วงวิกฤติก็ได้ครับ จากคุณ : Antonio at MonkeyFreeTime เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 21:51:42

ความคิดเห็นที่ 23 แนวคิดแบบ VI คือ แนวคิดในการหาหุ้นที่ตลาดทำสิ่งโง่ๆ ออกมา คือ หุ้นตัวนึง ควรมีราคา 5 บาท แต่ตลาดขายออกมา 2 บาท ตลาดโง่แท้ๆ  VI ก็เข้าไปซื้อ แล้วก็สามารถทำกำไรได้ หุ้นตัวนึง ควรมีราคา 10 บาท แต่ตลาดซื้อเข้าไป 20 บาท  ตลาดโง่แท้ๆ  ถ้า VI มีหุ้นนี้ อยู่ ก็จะขายออกมา ดังนั้น คนจะเล่นหุ้นแนว VI จะต้องเสาะแสวงหาให้เจอหุ้นที่ตลาดทำอะไร "โง่ๆ" ออกมา  ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่ อาจจะอยู่ในสภาพที่ ฉลาด หมดแล้ว คือ คนอื่นๆในตลาดก็รู้พอๆกับคุณ เขาก็ไล่ซื้อไล่ขายจะหุ้นอยู่ในระดับที่ ไม่ถูกไม่แพงในสายตาของ VI แบบคุณไปแล้วเหมือนกัน สิ่งที่ต้องทำคือ แสวงหา และรอคอยครับ ถ้าจะเล่นแบบ VI เพราะ VI เชื่อว่าตลาดไม่ได้มีประสิทธิภาพ ราคาหุ้นบางตัว ยังอยู่ในจุดที่ไม่ควรจะอยู่ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 23:49:39