เลือกลงทุนหุ้นที่มีAutopilot
|
|
updated: 01 ส.ค. 2555 เวลา 18:41:23 น.
ธันวา เลาหศิริวงศ์
Autopilot เคยสงสัยหรือไม่ว่า เวลาเดินทางไกลด้วยเครื่องบินพาณิชย์และต้องบินอยู่บนอากาศเป็นเวลานานนั้น นักบินต้องคอยบังคับเครื่องตลอดเวลาเลยหรือ หากเป็นเช่นนั้น นักบินและผู้ช่วยนักบินคงต้องเมื่อยและเหน็ดเหนื่อยอย่างมากเพราะต้องใช้สมาธิควบคุมและคอยจับคันบังคับเครื่องตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงก็คือ นอกเหนือจากการเปลี่ยนหรือสลับหน้าที่ของนักบินเมื่อครบเวลาตามกำหนดแล้ว เครื่องบินพิสัยไกลยังมีระบบ "Autopilot" หรือระบบควบคุมการบินอัตโนมัติที่ทำหน้าที่เสมือนหุ่นยนต์คอยควบคุมเครื่องบิน โดยนักบินทำหน้าที่ควบคุมหุ่นยนต์อัตโนมัตินี้อีกต่อหนึ่ง Autopilot นี้ช่วยลดภาระการทำงานของนักบินอย่างมาก ทั้งการรักษาระดับการบิน ความเร็วและทิศทางการบิน การเพิ่มหรือลดเพดานบิน แจ้งเตือนสภาพอากาศหรือสภาวะต่างๆ เพื่อให้นักบินทราบและจัดการกับสิ่งเหล่านั้นเพื่อถึงที่หมายตามกำหนดด้วยความปลอดภัย เครื่องบินที่มีระบบ Autopilot เกิดขึ้นครั้งแรกในโลกเมื่อปี 1912 ซึ่งครบหนึ่งร้อยปีพอดีนั่นเอง
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นการลงทุนโดยพิจารณามูลค่าทางเศรษฐกิจของกิจการในระยะยาว เปรียบเสมือนการเดินทางไกลโดยเครื่องบินพาณิชย์ ผู้บริหารที่นำพาองค์กรเพื่อความสำเร็จตามเป้าหมายก็เปรียบเสมือนกัปตันหรือนักบิน นักลงทุนต้องการความปลอดภัยและผลตอบแทนในการลงทุนเช่นเดียวกับผู้โดยสารที่ต้องการถึงจุดหมายด้วยความปลอดภัยในเวลาที่กำหนด ดังนั้น นักลงทุนต้องพิจารณาเลือกกิจการที่มีคุณสมบัติเสมือนมี Autopilot เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและบรรลุเป้าหมายขององค์กร มีผู้บริหารที่มีศักยภาพเพื่อคิดและจัดการกับความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับนักบินเมื่อพบกับความผิดปกติหรือสภาพอากาศแปรปรวนในการเดินทาง คุณสมบัติของกิจการที่อยู่ในข่าย Autopilot มีดังนี้
ข้อหนึ่ง บริษัทมียอดขายหรือรายได้ดี และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกนานในอนาคต นั่นคือกิจการต้องมีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เป็นที่ต้องการและจำเป็นโดยไม่ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจมากนัก พูดง่ายๆ ก็คือขาดไม่ได้และต้องซื้อซ้ำ ในกรณีที่มีรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดจากการควบรวมกิจการนั้น บริษัทควรจะต้องได้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและถาวร
ข้อสอง บริษัทยังมีโอกาสทางธุรกิจสำหรับการเติบโต สินค้าและบริการปัจจุบันยังสามารถขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ เช่นต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ มีการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจเพิ่มเติมจากปัจจุบัน บริษัทต้องมีกลยุทธ์และแผนงานที่ดี มีความพร้อมในทุกด้าน รวมถึงการแข่งขันและคู่แข่งที่หลากหลายมากขึ้น นี่คือบทพิสูจน์ว่า บริษัทและผู้บริหารมีศักยภาพพร้อมที่จะเติบโตพร้อมกับโอกาสทางการตลาดที่ใหญ่ขึ้นเพียงใด
ข้อสาม บริษัทมีผลการดำเนินงานและผลกำไรดีต่อเนื่องโดยได้รับประโยชน์จาก economy of scale นั่นคือ กิจการที่ดีต้องมี "ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยลดลง" ตามลำดับ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของกำไรสูงกว่าอัตราการเติบโตของรายได้ กิจการที่มีรายได้แน่นอนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จะมีผลกำไรที่เติบโตมากกว่า ส่งผลให้ราคาหุ้นและมูลค่าตลาดของกิจการเพิ่มขึ้น
ข้อสี่ บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง กระแสเงินสดดี ไม่มีหนี้เลยหรือหนี้สินต่อทุนต่ำ จ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ กิจการมีความมั่งคง มีความเสี่ยงต่ำในยามภาวะเศรษฐกิจเลวร้าย การจ่ายเงินปันผลในเกณฑ์สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ จะเป็นการช่วยลดผลกระทบด้านราคาหุ้นในยามที่สภาวะตลาดตกต่ำอีกด้วย
ข้อห้า บริษัทมีโครงสร้างธุรกิจแบบกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพาหรือการกระจุกตัวจากสิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ขึ้นอยู่กับผู้ซื้อจำนวนน้อยรายที่มีนัยสำคัญของยอดขาย มีทางเลือกและไม่ขึ้นอยู่กับซัพพลายเออร์จำนวนน้อยราย มีสินค้าและผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าต่างๆ ไม่พึ่งพาความสามารถของทีมงานหรือผู้บริหารกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในทางตรงข้าม หากบริษัทมีอำนาจในการต่อรองสูงในแต่ละด้าน จะส่งผลดีต่อกิจการและผลประกอบการในที่สุด
การทำหน้าที่นักบินเครื่องบินพาณิชย์นั้น นักบินทุกคนต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานของหน่วยงานอย่างเข้มงวด สำหรับผู้โดยสารนั้น แม้ต้องฝากชีวิตและทรัพย์สินในการเดินทางแต่จะไม่มีโอกาสและไม่สามารถเลือกนักบินแต่ละครั้งได้เลยซึ่งแตกต่างจากการลงทุน ดังนั้น นอกจากต้องเลือกกิจการที่มี Autopilot แล้ว นักลงทุนยังต้องใช้โอกาสเลือกนักบินหรือผู้บริหารที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เหมาะกับธุรกิจปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาและอุปสรรคให้ลุล่วง มีแผนสำรองและพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เปิดรับแนวคิดใหม่หรือทีมงานใหม่เพื่อความหลากหลายและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน เปรียบเสมือนการเตรียม "ผู้ช่วยนักบิน" ให้พร้อมทำหน้าที่เมื่อเวลานั้นมาถึง หากเป็นเช่นนี้แล้ว นักลงทุนย่อมสามารถวางใจและสบายใจในการลงทุนในระยะยาวยิ่งขึ้น
ที่กล่าวมา เป็นเพียงคุณสมบัติบางส่วนที่ Value Investor ควรใช้ในการพิจารณาลงทุน การลงทุนระยะยาวนั้นจะมีปัจจัยทั้งบวกและลบต่อกิจการในระยะสั้น หากเลือกกิจการแข็งแกร่งและยอดเยี่ยมแล้ว เราไม่จำเป็นต้อง "หวั่นไหว" กับความผันผวนของราคาในระยะสั้น โดยคิดว่า "แล้วมันก็จะผ่านไป" ดังเช่นยามนักบินประกาศให้คาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อเผชิญสภาพอากาศแปรปรวน สำหรับนักลงทุนที่ชอบความผาดโผน ก็เปรียบเสมือนการเป็นผู้โดยสารเครื่องบินรบที่มีสรรถนะสูง สามารถหกคะเมนตีลังกา หลบวิถีอาวุธได้อย่างน่าทึ่ง แม้มี "Autopilot" ชั้นเลิศช่วยทำงาน แต่หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็ต้องแน่ใจว่า มี "สติ" พอที่จะ "ดีดตัว" พร้อมกับนักบิน ก่อนที่เครื่องจะตกถึงพื้นด้วยนะครับ
จากคุณ |
:
Wild Rabbit
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ส.ค. 55 20:44:07
|
|
|
|