ความคิดเห็นที่ 1 เก็บเดือนละ 8000 ได้ปีละ 96,000 บาท รวมดอกเบี้ยนิดหน่อยก็เกือบแสน จากคุณ : atomic168 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 00:36:05

ความคิดเห็นที่ 2 เปิดบัญชีกับ ME by TMB ดอกเบื้ย 3% โดยมีเงื่อนไขว่า ไม่ต้องผูกบัญชีโอนออก ฝากเดือนละ 5,000 บาท ปีหนึ่งก็ได้แล้ว 60,000 บาท ดอกเบื้ยต่างหากคิดรายวัน คำนวณให้ทุกๆหกเดือน ถ้าอยากได้มากกว่าหกหมื่น เดือนไหนมีมากก็ฝากเกิน ห้าพันเข้าไปครับ วิธีนี้ล็อกเงินดี ^__^ จากคุณ : superman2007 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 00:42:22

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนปีแรก ผมก็เงินเดือน 20,000 เหมือนกันเนี่ยแหละครับ ยอมรับว่าลำบากมาก ใช้เงินได้นิดเดียว ที่เหลือเก็บหมด ทำงานเป็นราชการเอาเงินฝากเข้าสหกรณ์ ดอกเบี้ยดีหน่อย เก็บมาครบปีก็ได้เงินแสนครับ จากคุณ : เดะอ้วนพันล้าน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 00:42:23

ความคิดเห็นที่ 4 คำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อน ค่ากิน ค่าเดินทาง แล้วดูว่าจะเก็บเงินเดือนละเท่าไหร่ไม่ให้ลำบาก เอาแบบหลวมๆ แต่อย่าหลวมมาก เผื่อทำบุญด้วยซักเดือนละร้อย ^^ พอเงินเดือนออกแล้วให้ถอนเงินส่วนที่จะเก็บไปใส่บัญชีเงินเก็บเลย แยกออกมาต่างหากอีกบัญชี ห้ามถอน ถ้าแต่ละเดือนมีเงินเหลือ ก่อนเงินเดือนออกให้เอาไปรวมในบัญชีเงินเก็บนั้นด้วยค่ะ จากคุณ : แกะน้อยนักเดินทาง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 00:51:53

ความคิดเห็นที่ 5 ก็ 20,000 - 7,000 = 13,000 13,000 x 12 = 150,000 กว่าแล้วครับ ยังไม่รวมดอกเบี้ย ปันผล ตั้งเป้าเป็น 150,000 ดีกว่าครับ ^^ จากคุณ : mrwang1 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 00:53:18

ความคิดเห็นที่ 6 หมื่น2ค่ะ ไม่ใช่ 2หมื่น   12000 จากคุณ : ดากี้ ผู้หญิงขี้วีน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 01:47:38

ความคิดเห็นที่ 7 เก็บวันละ 273.98 บาทถ้าเป็นปีปกติสุรทิน หรือ 273.23 บาทถ้าเป็นปีอธิกสุรทิน //เผ่น จากคุณ : ธีรภัทร์2 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 02:09:01

ความคิดเห็นที่ 8 สู้ๆ ผมเงินเดือน 11,030บาท เก็บได้ 2 แสนแล้ว ใช้เวลา ปีกว่า สู้ๆๆนะครับ ต้องหาจ๊อบอื่นทำด้วยนะครับ จากคุณ : kron_ja เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 02:36:46

ความคิดเห็นที่ 9 รายได้ 12,000 บาท มีค่าใช้จ่ายในบ้าน 7,000 บาท แล้วค่าใช้จ่ายอื่นๆหละคะมีอะไรบ้าง ถ้าขั้นต่ำปีละ 50,000 ต้องมีเงินเหลือเก็บเดือนละ 4,167 บาท ดูแล้วน่าจะตึงเกินไป ต้องหาวิธีเพิ่มรายได้แล้วหละค่ะถึงจะได้ตามเป้าหมาย จากคุณ : Amperage เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 03:29:43

ความคิดเห็นที่ 10 จดบัญชีรายรับ-รายจ่ายค่ะ จะได้รู้ว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของตัวเองเป็นอย่างไร ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น หรือว่าซื้อของฟุ่มเฟือยมาก-น้อยแค่ไหน? จากนั้นก็แจกแจงรายการ  ค่าใช้จ่ายประจำวันในแต่ละวัน ครบหนึ่งเดือน จ่ายเงินไปเท่าไหร่? แบ่งเงินออกเป็นกองๆ เช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำประปา ค่ากินอยู่ ค่าเดินทาง เราใช้วิธีแลกเป็นธนบัตรย่อย แล้วกำหนดเงินเป็นรายวัน (คล้ายๆตอนเด็กเคยได้เงินไปโรงเรียน ๒๐ บาท ตอนนี้ก็ถือเงินวันละ ๓๐๐ บาท) เมื่อคำนวณดูแล้ว รู้ว่ารายจ่ายเท่าไหร่? ทีนี้ก็สบายแล้วค่ะ พอเงินเดือนออก หักเงินส่วนที่ต้องการจะเก็บ ฝากธนาคารไว้เลย (เรามีสองบัญชี บัญชีแรกฝากแล้วฝากเลย ไม่ถอน  บัญชีที่สองฝากบ้างถอนบ้างตามความจำเป็น) เงินที่เหลือหักจากค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ  แล้ว เราไปขอแลกธนบัตรย่อยที่ธนาคาร แล้วก็ใช้ธนบัตรย่อย กำหนดเลยว่าจะใช้วันละเท่าไหร่ เราชอบถือธนบัตรย่อยค่ะ เพราะกำหนดค่าใช้จ่ายง่ายดี รู้สึกว่าตัวเองจนๆอ่ะ เป็นการฝึกตัวเองให้ซื้อแต่ของจำเป็น ของที่ไม่จำเป็น ของฟุ่มเฟือยซื้อไม่ได้ก็เลยไม่ซื้อ แต่ถ้าถือธนบัตรใหญ่ ก็จะยิ่งใช้จ่ายมาก รู้สึกว่าตัวเองรวยไง ก็เลยใช้ๆๆ ซื้อโน่นซื้อนี่ตลอด จนเงินหมด จากคุณ : OKANEMOCHI เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 04:27:55

ความคิดเห็นที่ 11 เก็บเงินให้ได้ตามเป้ามันก็ดี แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นควรเก็บเงินอย่างมีความสุข นั่นก็หมายความว่าไม่ตึงจนเกินไปถึงกับต้องเบียดเบียนตัวเองให้ลำบาก ประหยัดกินจนขาดสารอาหาร หรือหย่อนเกินไปจนทำให้เงินเหลือเก็บน้อยกว่าที่ควรจะได้ค่ะ จากคุณ : OKANEMOCHI เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 04:45:39

ความคิดเห็นที่ 12 ดูจากเงินเดือน12000 เจอค่าใช้จ่ายไป7000 ก็ยากที่จะเก็บเงินให้ครบ1เเสนใน1ปี คุณต้องหารายได้เพิ่ม หรือไม่ก็เอาเงินที่เหลือเเต่ละเดือนไปลงทุน เก็บ1เเสนคิดว่าตั้งเป้าสูงไปหรือเปล่า เอาเเค่เก็บให้ได้60000บาท/ปีก่อน จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 05:55:39

ความคิดเห็นที่ 13 ก็อย่างข้างบนบอก แยกเงินเก็บออกมาเลย แล้วก็ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น หรือตัดออกไปเลยได้ยิ่งดี แต่อย่าประหยัดจนเกินควร  เช่น ใช้แต่ของถูกที่สุด เพราะบางทีของถูก พิษภัยมีเยอะ คุณภาพแย่ เสียง่ายอาจจะต้องซื้อใหม่ พยายามหาของดีราคาถูก  ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นก็พอค่ะ ไม่ต้องสร้างความเครียดให้ตัวเองนะ  หากเราประหยัดเป็นนิสัยตลอดชีวิต  ยังไงเราก็มีเงินเหลือ แต่ถ้าเราประหยัดแค่ช่วงนี้  พอเริ่มรู้สึกว่าเงินเยอะก็เริ่มฟุ่มเฟือย อาจจะกลับมาเงินหมดอีกรอบ ไม่ต้องประหยัดเยอะๆ แต่ควรประหยัดนานๆ ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น  สู้ๆ จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 06:13:33

ความคิดเห็นที่ 14 ก่อนอื่นต้องรู้สีกมีความสุขที่มีเงินก่อน แล้วพวกช้อปปิ้ง ก็อย่าไปเดิน เพราะมันจะเกิดกิเลส ทำให้เราเกิดทุกข์ได้ จะเริ่มไม่สนุกที่จะเก็บเงิน ก็จะรู้สึกยากมาก ๆ ที่จะเก็บเงิน หากิจกรรมที่สร้างความสุขราคาถูก และดี เช่น อ่านหนังสือ วิ่งจ้อกกิ้ง  หรือ หารายได้เสริมที่เรารัก ลดความอ้วนก็เหมือนกัน ต้องมีความสุขก่อนที่เราจะหุ่นดี สวย เรื่องกินก็จะลดไปได้โดยง่าย ถ้ายังสนุกกับการกินอยู่ ยากมากกกกกก จากคุณ : จบสูงยังโดน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 07:11:32

ความคิดเห็นที่ 15 ใช้จ่าย 7 พัน จ่ายประกันสังคมอีก 500-600 (ช่วงนี้นะ) เหลือประมาณ 4400-4500 ก็หักตอนเงินเดือนออกเข้าบัญชีเงินฝากหมด เดือนละ 4,200 ครับ 12 เดือนผ่านไป น่าจะมี ครึ่งหมื่น จริงๆ ก็ตึงมือไปนะใช้ 7 พันนี่ผมว่าค่อนข้างประหยัดแล้วล่ะ สำหรับ 1 คน รวมทุกอย่าง จากคุณ : กุ้งเต้นชามะนาว เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 07:50:20

ความคิดเห็นที่ 16 มันอิมพอสซิเบิลนะคุณ ทำให้ตายยังไงมันก็ไม่ถึงหรอก แค่ซิมมูเลตในหัวมันก็ไม่ถึงแล้ว ผมแนะนำว่าคุณเลิกอยากเถอะแล้วคุณจะมีความสุข เก็บเดือนละ 2,000 ก็ได้ถ้าไม่มีหนี้อะไรต้องส่ง นอกเสียจากว่าคุณกำลังคิดอยากจะก่อหนี้ก้อนโต...ดาวน์ๆๆๆๆๆ การไม่มีหนี้และไม่อยากสร้างหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ คนเงินน้อยทุกคนมีความสุขได้หากไร้หนี้ จากคุณ : จงซื้อหมูแล้วขายควาย (Kengloveyou) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 08:00:25

ความคิดเห็นที่ 17 คห 6 โทดครับ อ่านผิด :P จากคุณ : mrwang1 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 08:24:26

ความคิดเห็นที่ 18 เอาเงินบางส่วนที่เหลือมาลงทุนค้าขายครับ ใช้วิธีการไปเดินตลาดนัด สังเกตดูว่าสินค้าประเภทไหน ที่ขายดี ใช้วิธีเริ่มต้นแบบนี้ครับ ปีแรกอาจไม่ถึงแสน หรืออาจขาดทุน แต่ปีต่อๆไป ถ้าขยันและมาถูกทาง อาจมีเงินฝากเป็นล้าน ใช้วิธีเก็บเฉยๆ ลำบากครับ เพราะบางช่วงชีวิตอาจมีเรื่องฉุกเฉิน ที่ต้องใช้เงินได้ จากคุณ : DOG TUTA เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 08:37:54

ความคิดเห็นที่ 19 ดากี้ มาเป็นแฟนกับผมสิ แล้วจะได้เก็บเงินสบายๆ อิอิ ป.ล. ถ้าอยากรู้ว่าผมเป็นใคร หลังไมค์มาจ้ะ จากคุณ : A.C.T. ALUMNi เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 08:45:26

ความคิดเห็นที่ 20 การจะเก็บเงินได้มาก หรือว่า มีเงินมาก มีอยู่หลายวิธี 1) ลดรายจ่าย ข้อเสียคือ มันจะลดลงไปได้ไม่มากหรอก เพราะคนเราก็ต้องมีรายจ่ายค่าหนึ่งอยู่ดี และเมื่อลดค่าใช้จ่ายไปมากๆ การกินอยู่ การเหลือเงินจะพัฒนาตัวเองก็จะน้อยลงๆ สุดท้ายเหี่ยวเฉาตาย ถ้าเป็นในบริษัทห้างร้าน การลดค่าใช้จ่าย มากๆๆๆ จะทำให้คุณภาพด้อยลง ทั้งด้านสินค้า การบริการ และคุณภาพของพนักงานเอง อย่างไรก็ตาม การลด ค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น คือจ่ายไปแล้วไม่ได้อะไรตอบแทนมานั้น เป็นสิ่งที่ควรจะพิจารณาทำ ข้อดีคือ ทำได้ง่ายที่สุด ไม่ต้องใช้สมองมากนัก สามารถทำได้เลย ในบริษัทห้างร้านต่างๆ จึงนิยมใช้วิธีนี้กันมาก เพราะว่าลูกจ้างหรือพนักงานเอง ส่วนมากไม่ใช่นักธุรกิจที่จะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับ accountability (ซึ่งถูกมองว่าเสี่ยง เพราะว่าลูกจ้างถูกสอนมาว่า "ห้ามทำผิด")​ เวลาอยากจะเพิ่มกำไร (ชั่วคราว) คิดอะไรไม่ได้ก็ ลดค่าใช้จ่ายนี่ล่ะครับ หมายเหตุ อย่าสับสนกับคำว่า "ควบคุมค่าใช้จ่าย" นะ เพราะสำหรับธุรกิจแล้ว ผมมองของสองอย่างนี้แตกต่างกัน 2) เพิ่มรายได้ ข้อดี การเพิ่มรายได้นี้ตรงกันข้ามกับการลดรายจ่าย เพราะว่ามีข้อดีคือมันไม่มี upper limit ว่าจะเพิ่มไปได้เท่าไร ถ้ามีฝีมือมากจริงๆ ก็สามารถ leverage, synergize, ได้อีก ถ้ามีฝีมือ ทำได้ทั้งนั้นล่ะครับ ข้อเสีย อันนี้ยากหน่อย ต้องขยันกว่า ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์กว่า และมีโอกาสไม่สำเร็จ จึงมีคนเลือกที่จะทำน้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์กร จะมีความพยายามป้องกันการทำผิดมากมาย กว่าจะตัดสินใจทำอะไรที่มีความ เสี่ยงที่จะไม่วำเร็จหน่อย ก็จะต้องมีการตั้งคณะทำงาน คณะกรรมการ อนุกรรมการ และอื่นๆ อีกมากมายเพื่อหา พวก ไม่ว่าจะเฉลี่ยความผิดหรือว่าเป็นการยืนยันว่าได้ช่วยกันคิดแล้ว ผิดพลาดขึ้นมานั้นถือเป็นเรื่องสุดวิสัยก็แล้วกัน ถึงจะออกนอกเรื่องของการพยายามจะออมของ จขกท. ไปมากหน่อย แต่แนวคิดเรื่องนี้ ก็เหมือนกับแนวคิดเรื่อง กำไรสะสมของบริษัทนั่นเอง เมื่อบริษัทมีเงินออมก็จะสามารถนำไปลงทุนอย่างอื่นที่มีความเส่ี่ยงต่อได้อีก จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 09:34:44

ความคิดเห็นที่ 21 (ต่อ) ขออภัยครับ ยังเขียนไม่เสร็จดี 3) ออมไป ทำให้งอกเงยไป เป็นวิธีหนึ่งที่คนที่มีรายได้ประจำควรจะทำกัน แต่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างความยากและความง่่าย ข้อดี หากทำให้ดีจะมีความเสี่ยงต่ำ เพราะเราสามารถเลือกลงทุนในสิ่งที่มีความมั่นคงสูงกว่า (อาจจะสูงกว่าสิ่งที่เราทำเองกับมือ ก็ได้) ได้โดยไม่ยากนัก รวมทั้งอาจจะไม่ต้องไปเสียเวลาไปดูแลอะไรมากด้วยซ้ำไป ทำให้มีเวลาไปทำอย่างอื่นได้ วิธีนีก็เช่น ซื้อกองทุน ซื้อหุ้นกู้ ซื้อหุ้นสามัญ (ถูกตัว,​ ถูกจังหวะ) ข้อเสีย ความยากก็คือไม่ใช่จะมีความรู้ในการทำให้งอกเงยได้ทันทีปานว่าฝันเอา แต่ต้องศึกาษาและฝึกหัดจนชำนาญ ในระหว่างนั้น ก็อาจจะต้องล้มลุกคลุกคลานบ้าง ซึ่งหากหมดใจสู้ ยอมแพ้ ก็จะเสียหายไปโดยไม่มีโอกาสได้กลับคืนมา ทั้งสามข้อนี้เป็นวิธีสร้างความมั่งคั่ง หรือทำให้กลายเป็นคนมีเงินแบบยั่งยืนนะครับ ไม่รวมการมีเงินด้วยวิธีอื่นเช่น แต่งงาน กับคนรวย, แทงหวย, เข้าบ่อน, ฉ้อโกง ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนไม่ยั่งยืน เบียดเบียนผู้อื่น รวมทั้งอาจจะผิดกฏหมายด้วย จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 10:00:19

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้ารายได้ 12000  ค่าใช้จ่าย 7000 อยากเก็บให้ได้ 50000 ยังพอมีหวัง แต่ก็คงประหยัดจนเครียดเลย แต่ถ้าอยากได้ 100000 ทางเดียวที่คุณต้องทำคือ หารายได้อื่นเพิ่มแล้วก็ลดรายจ่ายเท่านั้นหล่ะ การลดรายจ่ายก็เท่ากับมีรายได้เพิ่มด้วยเหมือนกันนะ จากคุณ : RiverNoReturn เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 10:33:26

ความคิดเห็นที่ 23 1 ส่วนรายจ่ายลองจดดูว่ามีส่วนไหนที่ใข้ไปแล้งวอันไหนไม่จำเป็น 2 รายได้หารายได้พิเศษค่ะ เพิ่มเงิน 3 เอาเงินไปฝากแบบปลอดภาษีที่ล็อคไว้ในแต่ละปี แม้ไม่ถึงเป้าแต่ได้เยอะใกล้เป้าหมายมากขึ้นนะคะ จากคุณ : isobuty เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 10:39:02

ความคิดเห็นที่ 24 รายการค่าใช้จ่ายนะค่ะ ค่าบ้าน 3000 ค่าน้ำ+ไฟ 1000 ค่าเนต 600 ค่าแชร์ 3000 นี้คือแบบที่ต้องจ่ายจิงๆ ไม่รวมค่ากินค่าของใช้ในบ้านนะ ส่วนรายได้12000 เนี้ย แค่ประมานคราวๆ เพราะรายได้ไม่คงที่ เลยเอารายได้ต่ำสุดมาคำนวนแทน แต่ยังไงก้อขอบคุนทุกคนนะค่ะที่ช่วยแนะนำ จากคุณ : ดากี้ ผู้หญิงขี้วีน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 12:00:13

ความคิดเห็นที่ 25 1. ตัดค่าแชร์ออกค่ะ ถ้าเลิกเล่นได้ก็อยากให้เลิกเล่นแชร์ค่ะ เพราะเจอมาหลายรายแล้วที่มีคนหนีแชร์ เอาค่าแชร์มาเก็บในบัญชีเราเองดีกว่า หรือเอาไปซื้อสลากออมสินยังน่าไว้ใจกว่าอีกค่ะ เราเองเคยทำงานประจำได้ 12000 เหมือนกัน แต่เราอยู่กับแฟน ก็มีให้พ่อแม่เดือนละ 3000 นอกนั้นเก็บเป็นเงินออมเหมด ค่ากินอยู่แฟนเราออกให้เอง (แฟนเขายินดีช่วยเราตรงนี้นะคะ เพราะเขามีรายได้เยอะกว่าเรามาก) ต้องขอบคุณแฟนเหมือนกันที่ทำให้เราออมเงินได้มากขึ้น 2. พยายามหารายได้เสริมอีกทางหนึ่งค่ะ 3. ลดรายจ่ายจุกจิกที่คุณ จขกท. คิดว่าไม่จำเป็นและสบายใจที่จะทำ หากคุณ จขกท. ต้องการมีเงินออมมาก คุณ จขกท. ก็ต้องจัดระเบียบชีวิตตัวเอง ว่าจะใช้จ่าย+เก็บมากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้เรารู้สึกลำบาก หรืออึดอัดกับการอดออมมากจนเกินไป สุดท้าย ขอให้เก็บออมอย่างสม่ำเสมอค่ะ จะมากน้อยแค่ไหนไม่สำคัญ ขอแค่มีเงินออมทุกเดือน จากคุณ : nannan47 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 16:04:38

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุนคุณ nannan47 มากเลยนะค่ะ จากคุณ : ดากี้ ผู้หญิงขี้วีน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 18:07:43

ความคิดเห็นที่ 27 ลดค่าแชร์ และค่าเน็ตลงครับ ถ้าค่าเน็ตไม่ได้ทำรายได้ให้เพิ่มขึ้นมา ให้ลดลง จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 20:54:03

ความคิดเห็นที่ 28 เราว่าถ้าจะเก็บเงินได้ตามที่ต้องการแบบนี้ ช่วงแรกคงต้องลงทุนกับตัวเองก่อนค่ะ อาจหาหนังสือเกี่ยวกับการออมและการลงทุนมาอ่าน หรือลองทำงานอื่นๆเพิ่มเพื่อหาประสบการณ์ สักพัก เราจะมองเห็นลู่ทางเองค่ะว่าจะทำได้อย่างไรตามความถนัดและสนใจของเรา คำแนะนำเราอาจจะทำให้คุณมีรายจ่ายเพิ่มในช่วงแรก แต่ในระยะยาวแล้วเราว่าคุ้มค่ะ จากคุณ : โมริชิตะอากาเนะ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 21:21:09

ความคิดเห็นที่ 29 3000 -เอาส่วนนี้มาออมแบบปลอดภาษี 24 เดือนได้เลย จากคุณ : isobuty เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 55 13:50:54

ความคิดเห็นที่ 30 เห็นด้วยกับความเห็นเรื่อง การเล่นแชร์ โอกาสที่จะโดนโกงกันสูง (ความเสี่ยงสูงมาก ) เอาเงินตรงนี้มาฝากแบบประจำหรือสลากออมสิน,ธกส. จะดีกว่า เงินต้นครบ + ลุ้นรางวัล พอหมดอายุสลากก็ได้ดอกเบี้ย ปล. สลากออมสิน สามารถใช้ค้ำประกันเงินกู้ได้ด้วยนะ จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 55 11:01:10