ความคิดเห็นที่ 1 พอร์ตเล็ก เล่นถือยาว เพิ่มทุนเข้าไปในพอร์ตเรื่อยๆ สม่ำเสมอ ได้ความถือยาว หุ้นตัวที่ถือไม่ควรเสี่ยง ไม่ควรซื้อขายบ่อยๆ หุ้นที่มีควรเป็นหุ้นในพอร์ต ต้องประกอบไปด้วย 1.“หุ้นเติบโต” (Growth Stock) เมื่อโตหมายถึงมูลค่าในพอร์ตก็จะโตขึ้นด้วย    หุ้นเติบโต ควรเป็น  Value Stock หรือ หุ้นที่มีราคาหรือมูลค่าต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม    ตามทฤษฎี (ของดี ราคาถูก) หรืออีกความหมายถึงอาจจะเป็น mos ^_^ 2. "หุ้นห่านทองคำ"(Dividend Stock) หุ้นที่ปันผลอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อได้เงิน    ปันผลมาก็ทำการ reinvestment เข้าไปในพอร์ตลงทุน วิธีนี้ก็ช่วยให้พอร์ตโตขึ้น    ได้เช่นกัน @ท้ายสุดแล้วเม่ือพอร์ตใหญ่แล้ว คุณต้องการความม่ันคงมากกว่าอัตราการเติบของพอร์ต พอเพียงเป็นคุณก็จะมีความสุข ใช้ชีวิตแบบสบายๆไม่เคลียด ผมว่าโอเค นะ ถ้าใครมีหุ้น 2 ชนิดนี้ผมว่า 10 ล้านไม่ไกลเกินจริงแน่นอนครับ ส่วนตัวยังทำไม่ได้ (ได้ครึ่งทางเองครับ) ลองพิสูจน์กันต่อไปครับ เพราะแนวคิด ต่างคนต่างมุมมอง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และการเรียนรู้ และความถนัด ลองค้น หาตัวเองดูครับ ว่าคุณเป็นนักลงทุนแบบไหน ^__^ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 08:45:36 จากคุณ : superman2007 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 08:30:30

ความคิดเห็นที่ 2 ต่างครับ อย่างแรก พอร์ตใหญ่มากระดับ ร้อยล้าน คุณก็เล่นหุ้นเล้กมากไม่ได้ เพราะถ้าปกติ ไม่มีการซื้อขาย เวลาคุณเข้าที ราคาก็โดด หลายช่อง เวลาขาย ราคาก็ต้องลงหลายช่องเหมือนกัน แล้วถ้าไปตั้งซื้อขายแบบปกติ คนเห็น bid/offer เขาก็ต้องคิดแล้วล่ะครับ บางคนเขาเลยทำการซื้อขายกันนอกกระดาน อีกอย่างถ้าหุ้นมี free float /market cap ต่ำ เข้าไปทีนึง ก็แทบเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว จากคุณ : เขียนบนดาวอังคาร (sace22) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 08:30:42

ความคิดเห็นที่ 3 ต่างครับ แต่ไม่ได้กันที่ขนาดพอร์ท แต่ต่างกันที่ๆมาของพอร์ท พอร์ทเล็กส่วนใหญ่เริ่มจากทุนน้อย ประสบการณ์น้อย ทุนมาก ประสบการณ์ด้านใดด้านหนึ่งต้องมาก (ยกเว้นสามล้อถูกหวย) ดังนั้นความนิ่ง มุมมอง และความอดทนจึงต่างกันครับ และด้วยการมองของคนส่วนใหญ่ มักไม่มองที่ % แต่มองที่ตัวเงิน อยากรวยเร็วกันทั้งนั้น ดังนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่จึงจบด้วยการแทงหุ้น มากกว่าลงทุนหุ้นในระยะยาว วงจรชีวิตจึงสั้นไม่ทันอยู่รอเชยชมความสำเร็จในระยะยาวเมื่อพอร์ทโตครับ  จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 08:50:11

ความคิดเห็นที่ 4 เล็กนี่กี่ บาท ใหญ่นี่กี่ บาท     ฮับบบบ จากคุณ : แล้วแต่ดวง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 09:02:06

ความคิดเห็นที่ 5 พอร์ตเล็ก  คงต้องยึดโมเดล ๓ ร.   รวยเร็วๆ  รวยง่ายๆ  รวยมากๆ คนที่ทำได้ตามนั้นแล้ว พอร์ตโตขึ้นหรือยังเท่าเดิม ผ่านไปซักหนึ่งวัฏจักรหุ้นขึ้นลงครั้งใหญ่   ก็ควรจะเปลี่ยนโมเดลมาเป็น ๓ พ  พอเพียง  พอใจ  พอสบายๆ   เพื่อสุขภาพจิต สุขภาพกายของตัวเราเองครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 09:08:09 จากคุณ : คลาย เครียด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 09:07:08

ความคิดเห็นที่ 6 ต่างครับ พอร์ทเล็ก เล่นแบบคนพอร์ทเล็ก พอร์ืทก็จะเล็กต่อไป แหะๆ แต่ตอบแบบจริงจัง พอร์ทเล็กหรือใหญ่ ก็ต้องเลือกหุ้นให้ถูกตัวอยู่ดี เช่นเจอหุ้น 10 เด้ง(ในการถือหลายๆปี) ก็ต้องถือนิ่งๆเหมือนกัน จนกว่าอะไรมันจะไม่ใช่ ข้อได้เปรียบก็มีว่า พอร์ทเล็ก เจอหุ้นไม่กี่ตัวก็ซื้อได้เต็มพอร์ทแล้ว จะซื้อๆขายๆ ก็ทำได้ง่าย ส่วนพอร์ทใหญ่ เจอหุ้นเล็กซื้อมากก็ไม่ได้ ข้อจำกัดเยอะกว่า หรือบางทีพอร์ทโตขึ้นมาก จะไปเสี่ยงตัวเดียวหนักๆก็ไม่เหมาะ ลงทุนเน้นปลอดภัยขึ้น ก็มีกินใช้แล้ว จากคุณ : Pigou เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 09:31:17

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยกับคุณ superman2007 ครับ ผมก็ใช้หลักการลงทุนเหมือนที่คุณsuperman2007คอมเม้นต์ และเป็นแนวทางที่ได้ผลจริงๆครับ ปัจจุบันผมก็ใช้หลักการลงทุนแนวนี้ครับ คือแนวหุ้นห่านทองคำที่จ่ายปันผลทุกปี หุ้นขึ้นหุ้นลงไม่สนใจหากมีปันผลสม่ำเสมอก็ไม่สนใจว่านายตลาดจะขึ้นจะลง แต่ถ้าลงมากๆ ผมซื้อเพิ่มครับ อีกอย่างก็เลือกหุ้นเติบโตดีที่เติบโตต่อเนื่องมาย้อนหลัง3-5ปี ได้ด้วยยิ่งดี (Growth Stock) โดยจะดู ROA ROE ที่สูงๆ 30% up และหากมีอัตรากำไรเกิน10%ยิ่งดี ดังนั้นหุ้นที่มีในในพอร์ต เกือบทั้งหมดเป็น 1.“หุ้นเติบโต” (Growth Stock) 2. หุ้นห่านทองคำ(Dividend Stock)เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อได้เงิน   ปันผลมาก็ลงทุนเพิ่มเ วิธีนี้ก็ช่วยให้พอร์ตโตขึ้น 3. เมื่อหุ้นในพอร์ตมีกำไรสูงมากๆ ดูจากประวัติราคาที่ผ่านมาประกอบ ก็จะแบ่งขายทำกำไร เพื่อเก็บเงินไว้ซื้อหุ้นราคาถูกกลับคืนเข้าพอร์ตใหม่ เป็นการลดต้นทุนหุ้นในพอร์ตให้ถูกลง เปรียบเหมือนขายห่านโตเต็มที่แล้วออกไปและซื้อลูกห่านมาเลี้ยงใหม่  สุดท้ายก็มีห่านฝูงใหญ่แต่ไม่มีต้นทุน รับปันผลฟรีทุกปี 4. จะใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เพื่อให้มีเงินออมมาเพิ่มให้มากที่สุด เพื่อให้พอร์ตโตขึ้น ยิ่งโตมากพอร์ตก็จะยิ่งโตได้เร็ว 5. ลงทุนได้ตอนอายุน้อยๆ พอร์ตจะโตได้เร็วอย่างคาดไม่ถึง ด้วยอิทธิพลจากงดอกเบี้นทบต้น ยิ่งมีระยะเวลาให้เงินทำงานได้นาน ดอกเบี้ยจะยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณครับ ปัจจุบันผมมีความสุขไม่ว่าหุ้นจะขึ้น หุ้นจะลงเพราะแนวทางการลงทุนผสมผสานกันแบบนี้ได้ผลดีพอสมควร แต่ต้องถือลงทุนยาวๆครับ จะไม่ตกรถ ไม่ติดดอย(นาน)  เพราะหุ้นพื้นฐานดีก็มีเงินปันผลจ่ายทุกปี ไม่ต้องซื้อๆขายๆบ่อยก็มีกำไรไม่ต่ำกว่า 15% ทุกปีได้ครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 13:40:30 จากคุณ : Wild Rabbit เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 09:54:46

ความคิดเห็นที่ 8 "ท้ายสุดแล้วเมื่อพอร์ตใหญ่แล้ว คุณต้องการความม่ันคงมากกว่าอัตราการเติบของ พอร์ต พอเพียงเป็นคุณก็จะมีความสุข ใช้ชีวิตแบบสบายๆไม่เครียด" เห็นด้วยครับ และขอเพิ่มสักนิดหนึ่งว่า ถ้าพอร์ดใหญ่แล้ว ยังคงฉาบฉวยเป็นนิสัย พอร์ตจะใหญ่ไม่ยั่งยืน เมื่อถึงเวลาหนึ่ง ก็จะต้องเปลี่ยนวิธีการลงทุน แต่จะคิดอีกที ถ้าฉาบฉวยไปเรื่อยๆ โอกาสที่พอร์ตจะ ใหญ่ได้นั้น ค่อนข้างยากมากนะครับ จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 10:03:02

ความคิดเห็นที่ 9 ซื้อของดี ราคาถูก เก็บเอาไว้ หลักการมีแค่นี้ พอร์ตใหญ่-เล็ก ก็ต้องเล่นอย่างนี้... จากคุณ : icute123 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 10:12:36

ความคิดเห็นที่ 10 พอร์ตเล็กก็ต้องยิ่งสะสมเงินต้นให้มากขึ้นในพอร์ต จากนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของเวลาและความสามารถของเราในการที่จะให้พอร์ตเล็กของเราทำงานจนโตขึ้นเอง จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 11:38:59

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ว่าจะพอร์ตเล็ก พอร์ตใหญ่ ความรู้ความเข้าใจในการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การจะไปสู่จุดหมายได้มีหลายแนวทาง ไม่มีสูตรตายตัวหรอกค่ะ ไม่ว่าใช้วิธีไหนก็ต้องมีวินัยและหมั่นศึกษาหาข้อมูลอยู่เสมอค่ะ จากคุณ : bobaround เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:58:40