ความคิดเห็นที่ 1 มันต่างกันนะแต่ละคนผมว่า บางคนขอให้มีเงินเข้ามาเดือนละ 30,000 ก็พอใช้แล้ว แต่บางคนใช้เดือนละ 60,000 ยังบ่นแถบไม่พอใช้เลย จากคุณ : JAMES_KOB เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 17:33:04

ความคิดเห็นที่ 2 นักลงทุนชาวอเมริกัน..กำลังยืนอยู่ที่ท่าเรือ ณ ชายฝั่งหมู่บ้านเม็กซิกัน..แห่งหนึ่ง ขณะที่มีเรือประมงลำหนึ่ง..เข้ามาจอด แล้วเขาก็ได้เห็น..ปลาโอครีบเหลืองกองโตๆ.. วางอยู่บนเรือลำนั้น ชาวอเมริกัน..เอ่ยชมชาวประมงท้องถิ่นว่า..จับปลาได้เก่ง ก่อนจะถามว่า.. “คุณใช้เวลาในการจับปลาพวกนี้นานไหม?” ชาวประมงตอบว่า.. “ครู่เดียวเท่านั้นล่ะครับ” “อ้าว ถ้าอย่างนั้น.. ทำไมไม่อยู่นานอีกหน่อย.. เพื่อจะได้ปลามามากกว่านี้ล่ะ?” คนถูกถามตอบเรียบๆ “นี่ก็พอเลี้ยงครอบครัวในวันนี้แล้วครับ” “แล้วคุณเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไรล่ะ” นักลงทุนถาม “ผมก็ยุ่งทั้งวันแหละครับ ..นอนตื่นสายๆ.. จับปลาวันละนิดละหน่อย ..เล่นกับลูกๆ ..นอนพักกลางวันกับมาเรีย ..ภรรยาของผม ..เดินเล่นในหมู่บ้าน ..จิบไวน์และเล่นกีตาร์กับเพื่อนฝูงในตอนเย็น” คนอเมริกันจึงพูดอย่างกระหยิ่มว่า.. “ผมจบเอ็มบีเอจากฮาร์วาร์ดมา ..ผมให้คำแนะนำคุณได้นะ.. อันดับแรกก็คือ .. คุณน่าจะจับปลาให้เยอะกว่านี้ ..เพื่อจะได้ซื้อเรือลำโตๆ ...ผลจากการที่มีเรือลำโตๆ ... ก็จะทำให้คุณมีเงินมากพอ...ที่จะซื้อเรือเพิ่มขึ้น จากนั้น..คุณก็นำปลาที่หาได้ ..ไปขายให้โรงงานเสียเอง .. ซึ่งคุณก็จะควบคุมได้ทั้งหมด ..นับตั้งแต่กระบวนการผลิต .. ผลผลิต ..ตลอดจน..การจัดจำหน่าย.. ถึงตอนนั้น.. คุณก็สามารถย้ายจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้ ..ไปอยู่ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้..จากนั้นก็ขยับขยาย ..ย้ายไปแอลเอ .. แล้วไปยังนิวยอร์ก ..ที่ซึ่งคุณสามารถขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองได้ยิ่งขึ้น” เมื่อฟังมาถึงตอนนี้.. ชาวประมงก็ถามว่า.. “แล้วทั้งหมดนี้..ต้องใช้เวลาสักกี่ปี” “15-20 ปี” “จากนั้นล่ะ?” คนอเมริกันหัวเราะร่วน..และบอกว่า .. “ที่นี้..ก็จะถึงช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิตล่ะ ... เมื่อมีโอกาสเหมาะ คุณก็ทำหนังสือชี้ชวนขายหุ้น ... เพื่อขายหุ้นทั้งหมดแก่สาธารณะ...แล้วคุณก็จะกลายมาเป็นมหาเศรษฐี\ ... อาจทำเงินได้เป็นล้านๆ เหรียญเลยก็ได้นะ” “เป็นล้านๆ..แล้วยังไงล่ะ?” คนอเมริกัน..แจกแจงต่ออย่างเพลิดเพลิน “จากนั้น..คุณก็ค่อยเกษียณตัวเอง ..ย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ...นอนตื่นสายๆ ...ตกปลาวันละเล็กๆ น้อยๆ.. เล่นกับลูก ๆ ...นอนพักกลางวันกับภรรยาที่บ้าน... ตอนเย็นก็เดินเล่นในหมู่บ้าน ..จิบไวน์ ..และเล่นกีตาร์กับเพื่อนฝูง....” "ก็ผมกำลังทำอยู่แล้วไงตอนนี้" ชาวประมงตอบ จากคุณ : before_sunday เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 17:43:09

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องคิดประเด็นรายจ่ายก่อนครับ ว่าใช้จ่ายแบบใหน...ส่วนตัววางแผนแบบนี้ครับ แบบ ปลอดภัยสุดๆ ใน excel ในกรณีลงทุนในหุ้น หรือกองทุนหุ้น แบบอนุรักษ์นิยม อันดับแรก .....หารายจ่ายท้ังหมด ต่อเดือน แล้วคิดเป็น ต่อปีออกมาให้ได้                    แล้วสำรองรายจ่ายไว้ ประมาณ 3 ปี โดยไม่เดือดร้อน ถ้าไม่มีรายรับเข้ามาเลย ต่อมา......  สำรองจ่ายฉุกเฉิน อีก 1 ก้อน  กรณีมีเหตุทางสุขภาพ  อาจกันไว้น้อยหน่อย ถ้ามี                ประกันสุขภาพอยู่แล้ว  (อันนี้ ดูยอดเงินตามสมควรครับ) หาระบบลงทุน.... ที่ให้ผลตอบแทน+ปันผล ประมาณ 10% ต่อปี ขึ้นไป                 (หมายถึง เฉลี่ยระยะยาวทุกภาวะตลาด ครับ) สุดท้าย... ก็จับข้อมูลทุกอย่าง ใส่ลงใน excel คำนวนหาเงินต้น ก่อนออกจากงานประจำ              มาลงทุนเต็มรูปแบบ อย่างสบายใจได้แล้วครับ..... .............................................. เน้นเลยว่า ระบบหลักที่นำมาลงทุนนั้น...  สำคัญสุดเลย คือต้องปกป้องเงินทุนให้ได้ก่อน ที่จะเน้นกำไรที่ได้ครับ..... สำคัญสุด  ทำแล้วสบายใจ ครับ เพียงแต่ว่า.... การวางแผนรูปแบบนี้ เน้นกำไรแบบพอเพียงยั่งยืน  ไม่เน้นความสามารถ พิเศษ ที่ทำกำไรแบบก้าวกระโดดได้นะครับ..... ลองศีกษาดูนะครับ......  KZM , DSM , FATS , PnT , และ อีกหลายๆระบบ ที่เข้ากับ ตัวเราเอง  ให้ผลตอบแทนที่พอเพียง สม่ำเสมอ ครับ....... จากคุณ : maxtao เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 18:10:14

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ เก็บตังค์แข่งกับเพื่อนครับ ตอนนั้น START 15K เพื่อนผมกินข้าวเช้ากับข้าวเย็นที่บ้าน ตอนกลางวันเอาม่าม่าที่บริษัทกิน เดือนนึงใช้ 0 บาทครับเพราะติดรถพี่ที่ทำงานมา 12 เดือนมันเก็บได้ 180000 ครับ ใช้ 0 บาท ตอนนี้เงินเดือนมัน 25 K ยังใช้ 0 บาทอยู่เลยครับ เคยถามมันว่าเก็บอย่างเดียวทำไมไม่ใช้ มันบอกว่าใช้ไม่เป็นครับ แบบนี้ถือว่าเป็นอิสรภาพทางเงินเปล่าครับ จากคุณ : noteperfect เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 18:40:33

ความคิดเห็นที่ 5 อยู่ที่คุณครับ พอเท่าไรก็เท่านั้น คำว่า พอแต่ละคนไม่เท่ากันนะ แต่ถ้าให้ดี เอาที่พอบวกอีกซัก 10-20% เอามาลงทุนต่อไปเรื่อยๆ เพื่อกันเงินเฟ้อมันตามทันในอนาคตนะครับ จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 18:42:10

ความคิดเห็นที่ 6 มีเงิน 300-500 เท่าของรายจ่ายประจำต่อเดือน...น่าจะเป็นอิสระภาพทางการเงินแล้วแหละ!!^^ จากคุณ : เขียนบน iPhone (satan@เต้ย) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 18:48:13

ความคิดเห็นที่ 7 อิสรภาพทางการเงิน มันเป็นเรื่องของคนรวย ผมหมายถึง รายได้จากหุ้นเพียงอย่างเดียวไม่ต้องพึ่งงานประจำแล้ว คนพอร์ตแค่ 5 พัน จะยึดแนวทางที่เทิดอวยกันว่าดีนัก เช่น VI ในปัจจุบันแล้วจะกลายเป็นพอร์ตพันล้านได้หรือ เปล่า ? คนที่เป็นเซียนหุ้นในปัจจุบัน ตอนเริ่มต้นก็พอร์ตมโหฬารด้วยกันทั้งนั้น มีใครเริ่มจากหมื่นเดียว หรือครึ่ง หมื่นบ้างไหม ก็ไม่มีใช่ไหมล่ะ ? ที่ผมพูดแบบนี้ ผมไม่ได้โจมตีว่า วิถีแห่ง VI ไม่ดี ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง แต่ผมต้องการจะชี้ให้เห็นว่ามันใช้ไม่ได้ กับทุกกรณี วิถีแห่ง VI นั้นดี และใช้ได้จริง มีหลักฐานเชิงประจักษ์มากมาย แต่มันมีข้อจำกัด ไม่ใช่ว่าใช้ได้กับ ทุกกรณี หลานคนพอร์ตเล็กนิดเดียว ไม่ถึงหมื่นก็มี หรือหมื่นกว่าบาทก็ดี ต่อให้ค้นเจอหุ้นที่ถูกต้องตามหลักการ แล้วแต่ก็ซื้อไม่ได้ เพราะว่าเงินไม่พอ วิถีนี้ VI ตอบโจทย์ไม่ได้ ผมเห็นว่าควรใช้ผสมกัน หากพอร์ตเล็ก ก็เล่นรอบไปก่อน (ต้องมีความรู้นะ) แล้วพอพอร์ตขยายก็ค่อยไปเป็น VI ก็ได้ จากคุณ : Shinosuke08 เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 19:03:44

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบคห.4 แบบนี้เรียกว่าแบมือขอพ่อแม่กินค่ะ ไม่เรียกว่าอิสรภาพทางการเงิน อิสรภาพทางการเงินในความหมายของเราคือ เรามีเงินของเราเองจัดการกับปัจจัยสี่ และค่าใช้จ่ายอื่นๆของเราได้ โดยที่ไม่ต้องทำงาน จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 19:06:19

ความคิดเห็นที่ 9 ชอบเรื่องคห2มากครับ แต่ผมว่ามุมมองมันยังไม่ครบ ชาวเม็กซิกันนึกถึง ความสุขของตัวเขาในวันนี้  ส่วนชาวอเมริกันนึกถึง ความร่ำรวยและความสุขในอนาคตของตัวเองเหมือนกัน เลยถามชาวเม็กซิกันด้วยคำถามดังกล่าว ถ้าปลาพูดได้ มันคงจะตอบว่า นายสองคนจะใช้เวลาจับฉันกี่ชั่วโมงมันไม่สำคัญหรอก  เคยถามฉันไหมว่าฉันใช้เวลาเติบโตกี่ปี  นายว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับความสุขในชีวิตของพวกนายเลยหรือ จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 19:08:42

ความคิดเห็นที่ 10 คำถามคลาสสิค  พอๆกับคำถามมีเงินล้านเมื่ออายุเท่าไร   และมีเงินล้านเอาไปทำอะไรดี ^^     เเต่เค้าก้อเข้ามาอ่าน อิอิ จากคุณ : Worthog เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 19:12:01

ความคิดเห็นที่ 11 อยู่ที่คุณใช้เดือนละเท่าไร แล้วรู้สึกว่าไม่ลำบาก ไม่มีสูตรสำเร็จในการคำนวณหรอก ขึ้นอยู่กับ life style ของแต่ละคน คนที่ชอบกินข้าวนอกบ้านประจำ กินเหล้ากับเพื่อนตอนกลางคืน สูบบุหรี่ ชอบดูหนัง ดูคอนเสิร์ต ย่อมต้องการเงินมากกว่าคนที่ชอบอยู่บ้าน ทำอาหารกินเอง ดูหนังฟังเพลงที่บ้าน ถ้ามีชีวิตที่เรียบง่ายไม่หวือหวา ก็ไม่ต้องการเงินมากในการใช้ชีวิต จากคุณ : ฉลาดหน้าตาดีมีเงินใช้ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 19:24:45

ความคิดเห็นที่ 12 โพสผิด แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 55 19:31:13 จากคุณ : counsellor เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 19:30:45

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วแต่คนครับ คำว่าอิสระภาพทางการเงินสำหรับบางคนรายได้เดือนละ 2 หมื่นอาจจะพอ บางคนอาจจะต้อง 2 ล้านครับ ลองถามตัวเองดูว่าต้องการใช้ชีวิตแบบไหนครับ จากคุณ : กระทงหลงทาง เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 19:31:49

ความคิดเห็นที่ 14 รายได้10%ของเงินที่มี ว่าไปแล้วมันก็ยากอยู่นะ ถ้าจะทำให้ได้สม่ำเสมอโดยไม่เสี่ยงอ่ะ จากคุณ : โดน เต็มเต็ม เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 20:07:39

ความคิดเห็นที่ 15 เอาเป็นว่า มีเงินพอแบ่งใช้ไปเรื่อยๆจนถึงอายุเก้าสิบเก้าปี ไม่ต้องไปห่วงดอกเบี้ย ไม่ต้องไปห่วงอัตราเงินเฟ้อ มีสิบล้านใช้ปีละห้าแสน ก็อยู่ไปได้ยี่สิบกว่าปีแล้วครับ ตายแล้วเหลือเท่าไหร่ ช่างมันเหอะ :-) จากคุณ : Kman เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 20:18:23

ความคิดเห็นที่ 16 5 หมื่น ทุน 5 ล้าน จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 20:23:10

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่มีหนี้สิน มีบ้านอยู่ มีรถใช้ สุขภาพแข็งแรง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเวลาให้กับคนที่เรารัก และมีตังค์ใช้เดือนละแสน....น่าจะพอ อันหลังนี่ถือว่าเป็นโบนัสครับ จากคุณ : mr.taty เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 20:26:25

ความคิดเห็นที่ 18 คิดเหมือนหลาย ๆ คห. ที่ไม่เห็นว่า รายรับสำคัญไปกว่ารายจ่าย หากรับแสนนึง แต่ต้องจ่ายสองแสน ก็ไม่เรียกว่ามีอิสระภาพทางการเงิน ตรงกันข้าม รับเดือนละสองหมื่น รายจ่ายจำเป็นแค่หมื่นเดียว เหลืออีก 1 หมื่น เอาไว้ใช้จ่ายเมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเก็บออมได้ ก็น่าจะเรียกว่ามีอิสระภาพทางการเงินมากกว่า คนเราเดี๋ยวนี้มุ่งเน้นไปในทางไขว่าคว้าหาให้ได้มาก ๆ เพื่อที่จะได้ใช้มาก ๆ ไม่หยุดคิดสักนิดว่า หาได้มาเท่าไหร่ จะใช้จ่ายอย่างไรให้พอดีสมตัว คำว่าอิสระภาพทางการเงิน ของแต่ละคน จึงไม่อาจถูกบ่งชี้เป็นตัวเลขกลม ๆ ที่เท่ากับของคนอื่น ๆ ได้ เพราะมาตรฐานการจำกัดคำว่า "อิสระภาพ"  มันขึ้นอยู่กับภาระหนี้สินและรายจ่ายที่มีอยู่จริง เป็นพันธนาการเหนี่ยวรั้งให้ มนุษย์เงินเดือนจำนวนมาก ไม่เคยพบอิสระภาพทางการเงินอย่างแท้จริงได้แม้ทั้งชั่วชีวิต กู้หนี้ยืมสินมาจับจ่ายใช้สอยตลอด ยืมตรงนั้นมาโปะตรงนี้ ไปยืมตรงนี้มาโปะที่นั่น เหนื่อยยากเหลือเกิน หาได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอใช้หนี้ โดยเฉพาะดอกเบี้ยจากหนี้บัตรเครดิต ที่มันสูงได้ใจ พอกพูนได้รวดเร็ว กลายเป็นกำแพงคุกขังลูกหนี้ให้ดิ้นรนไปไหนไม่ได้  คนที่ปลดหนี้ได้ ถึงจะเรียกว่าได้รับอิสระภาพ แต่จะรักษาสภาพนั้นได้นานแค่ไหน ก็ขึ้นกับว่าจะหาเงินได้พอใช้ไปวัน ๆ โดยไม่ต้องก่อหนี้ซ้ำหรือไม่ เหมือนการเล่นหุ้น ที่หลาย ๆ คนพบว่า เล่นทุกวันทั้งเดือนทั้งปี บางทีขาดทุนมากกว่ารู้เวลาเข้าออก เป็นรายเดือน หรือ สัปดาห์ซะอีก กำไรมากับที่คัทลอสไป ทำไปทำมา มันก็ได้เท่าเก่า เสียค่าคอมให้โบรกไปทุกวัน วุ่นวายกับการเล็งเข้าออกทุกวัน เหนื่อยไปเปล่า ๆ ทั้งที่ตอนเริ่มต้นก็พอใจกับรายได้ที่เกิดจากการลงทุนในหุ้นแบบระยะยาว หรือรอปันผล ทำไปทำมาได้มาทั้งพอร์ทสุดท้ายกำไรก้หายไปกับการถัว....เตือนตัวเองอยู่ทุกวัน แบบนี้เลย ว่าอย่าประมาท จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 21:41:36

ความคิดเห็นที่ 19 อาจารย์ผมเคยถามในห้องเรียนว่า “ถ้าเลือกได้เพียงอย่างเดียวระหว่าง 1. เงิน 2. สุขภาพแข็งแรง 3. ความสุข พวกคุณจะเลือกอะไร?” มันเป็นคำถามที่ตอบได้ค่อนข้างยาก เพราะใครๆ ก็อยากได้ทั้ง 3 อย่าง แต่ถ้าเลือกได้เพียงอย่างเดียว หลายคนเลือกที่จะมีความสุข ผมเคยมีความคิดว่าพยายามทำงานที่สร้างรายได้หรือสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้อย่างหนัก ถึงแม้ว่าเราจะไม่ชอบงานนั้นก็ตาม แต่ควรอดทนทำไปเพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงินเร็วๆ ตอนหลังเริ่มเปลี่ยนความคิดว่าเราควรทำงานที่เราชอบ สนุกที่จะทำ และหาทางทำให้งานนั้นสร้างเงินให้เราได้เยอะหน่อยดีกว่า แต่ถ้าเงินมันไม่เยอะก็ไม่ซีเรียส เพราะเรามีความสุขที่จะทำอยู่ล้ว เคยเขียนบล็อกเรื่องเป้าหมายชีวิตทางการเงินไว้ครับ ลองเข้าไปอ่านดู http://financial.issexy.net/2012/07/do-not-let-money-be-main-target-of-your-life/ มีอีกบล็อกที่เขียนว่าถ้าเราจะเกษียณแล้วมีรายได้จากเงินปันผลพอใช้ชีวิตได้ เราควรมีมูลค่าพอร์ตตอนเกษียณเท่าไหร่ครับ http://financial.issexy.net/2012/07/5-stock-investment-technics-for-salaryman/ จากคุณ : MacroArt เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 55 00:26:04

ความคิดเห็นที่ 20 ทำงานประจำเถอะครับ จะได้ไม่เหงา เห็นญาติผมนะแกนอนตื่น 10 โมง มานั่งคุยโทรศัพท์กับเพื่อน เรียกคนใช้เอาอาหารขึ้นโต๊ะ บ่ายไปห้าง ทำมา10ปี ตอนนี้เบื่อ อยากจะทำงานแต่ ทำไม่ได้หรอกครับ คนไม่เคยทำ ดังนั้นการทำงานประจำก็ทำให้เราได้มีเพื่อน ได้กินข้าวแกง ได้พูดคุย ได้ความรู้ ได้ประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้จากเงิน จากคุณ : yuth2521 เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 55 08:37:36

ความคิดเห็นที่ 21 #20 "ได้มีเพื่อน ได้กินข้าวแกง ได้พูดคุย ได้ความรู้ ได้ประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้จากเงิน" ที่บอกมา ไม่ต้องทำการประจำก็หาได้นะครับ จากคุณ : กระทงหลงทาง เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 55 12:17:08

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าไม่คิดมาก ก็เท่ากับค่าใช้จ่ายต่อเดือนไงครับ แต่ ถ้าคิดมาก มันไม่จบอะ เท่าไหร่ก็ไม่พอ   ย้ำคำเดิม(ของพี่โนสเขา)... พอเมื่อไหร่ รวยทันที นะตัวเทอ จากคุณ : มะลิ บาน บาน เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 55 17:33:33

ความคิดเห็นที่ 23 ไปบวชดิ ข้าวไม่ต้องซื้อ เปลี่ยนวัดไปเรื่อยๆ ก็ไม่เซ็งแล้ว จากคุณ : romerun (romerun) เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 55 18:44:14

ความคิดเห็นที่ 24 #22 ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เข้าไปด้วยครับ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ถ้ามีแต่ค่าใช้จ่ายรายเดือน ถ้าต้องเข้าโรงพยาบาลก็อาจจะตายได้ครับ ไม่มีเงินรักษา จากคุณ : กระทงหลงทาง เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 55 22:25:46